ความคิดเห็นที่ 1 บทลงโทษของการลักขโมย การลักขโมย  หมายถึง   การเอาทรัพย์สินมีค่าของผู้อื่นโดยที่ไม่มีข้อคลุมเครืออันใด   จากสถานที่เฉพาะ  ด้วยกับปริมาณที่เฉพาะ  และโดยวิธีการแบบลับ บทบัญญัติว่าด้วยการลักขโมย 1.   การลักขโมยเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) และเป็นหนึ่งในการกระทำที่เป็นบาปใหญ่ 2.   ศาสนาอิสลาม สั่งใช้ให้ดูแลและรักษาทรัพย์สิน และห้ามมิให้เป็นปฏิปักษ์กัน   ดังนั้นอิสลามจึงได้ห้ามการลักขโมย  บังคับข่มขู่  ปล้นสดมภ์  แย่งชิง   เพราะว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการเอาทรัพย์สินของผู้อื่นโดยมิชอบ จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:36:48

ความคิดเห็นที่ 2 วิทยปัญญาในการบัญญัติโทษของการลักขโมย อัลลอฮฺทรงคุ้มครอง และรักษาทรัพย์สมบัติของปวงมนุษย์ โดยการบัญญัติให้ ตัดมือ ผู้ที่ลักขโมย   เพราะแท้จริง มือที่ทรยศ เปรียบเสมือนอวัยวะที่เป็นโรค   ซึ่งจำเป็น จะต้องตัดทิ้ง เพื่อให้อวัยวะส่วนอื่นที่เหลือในร่างกายปลอดภัย   และ ในการตัดมือ เป็นข้อเตือนใจ แก่ผู้ที่คิดจะลักขโมยทรัพย์สินของบุคคลอื่น   และ เป็นการซักฟอกผู้ที่ลักขโมยจากบาป และ ยังเป็นรากฐานอันสำคัญยิ่ง ที่นำไปสู่ความปลอดภัย และ ความสันติสุขขึ้นในสังคม และเป็นการปกปักษ์รักษา ทรัพย์สมบัติของมวลประชาชาติ . จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า : ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:37:40

ความคิดเห็นที่ 3 โทษของการลักขโมย 1.  อัลลอฮฺตะอะลากล่าวว่า จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:39:10

ความคิดเห็นที่ 4 เงื่อนไขในการตัดมือของผู้ลักขโมย บทลงโทษของการลักขโมยจำเป็นต้องตัดมือเมื่อมีเงื่อนไขครบดังต่อไปนี้ 1.   ผู้ลักขโมยจะต้องบรรลุศาสนภาวะ  สมัครใจ  เป็นมุสลิม  หรือเป็นชาวซิมมียฺ     2.   จะต้องเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของผู้ที่ถูกลักขโมย   ดังนั้น จึงไม่มีการตัดมือในกรณีสิ่งที่ถูกขโมยเป็นของละเล่นหรือสุราอย่างนี้เป็นต้น 3.   ทรัพย์สินของที่ถูกผู้ลักขโมยจะต้องครบพิกัดตามที่ศาสนากำหนด   หากเป็นทองคำต้องมีน้ำหนัก ¼ ดีนารขึ้นไป  หรือทรัพย์สินก็ต้องมีมูลค่าของมัน ¼ ดีนารขึ้นไป     4.   การเอาทรัพย์สินนั้นไปโดยวิธีการแบบลับ  หากไม่ใช่กรณีเช่นนั้นก็ไม่ต้องตัดมือ   เช่น  การกรรโชกทรัพย์  การข่มขู่บังคับ  และการปล้นสะดม  ฯลฯ  ในกรณีนี้ให้ใช้วิธีตักเตือนลงโทษ 5.   ขโมยทรัพย์สินจากที่ๆ เจ้าของเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิด การเก็บรักษา (อัล-หัรซฺ)  หมายถึง   การเก็บรักษาทรัพย์สินเอาไว้ ด้วยกับวิธีการที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติ   การเก็บรักษาเงินทองโดยการจัดเก็บไว้ในบ้าน  ธนาคาร  ร้านค้าสหกรณ์   และสำหรับแพะจัดให้อยู่ในคอกหรือฟาร์ม  ลักษณะนี้เป็นต้น 6.   ปราศจากข้อคลุมเครือจากผู้ขโมย   ดังนั้น จึงไม่ตัดมือของผู้ขโมย ในกรณีที่เขาขโมยทรัพย์ของพ่อ หรือบรรพบุรุษที่สูงขึ้นไป   ผู้ที่ขโมยทรัพย์ของลูกหรือผู้สืบสันดานลงมา  และไม่ตัดมือกรณีขโมยทรัพย์กันนระหว่างสามีกับภรรยา   และทำนองเดียวกัน การขโมยเนื่องจากความอดอยากหิวโหย 7.   ผู้ที่ถูกขโมย เรียกร้องทรัพย์สินของเขาคืน 8.   มีหลักฐานยืนยันถึงการลักขโมย  ด้วยกับประการหนึ่งประการใดจากสองประการต่อไปนี้ 8.1  การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขโมยด้วยตัวเขาเองสองครั้ง 8.2  มีพยานผู้ชายที่มีความเที่ยงธรรมสองคนมายืนยันว่าเขาเป็นผู้ขโมย จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:42:15

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งที่จะตามมา หลังจากมีหลักฐานยืนยันถึงการลักขโมย ดังต่อไปนี้ 1.   สำหรับผู้ขโมย มีสองภาระที่ค้างอยู่กับเขา   สิทธิเฉพาะ (หักกุน คอศ)  คือ   ต้องคืนสิ่งของที่ขโมยให้แก่เจ้าของหากสิ่งนั้นยังคงอยู่  หรือให้ทดแทนเหมือนสิ่งเดิม   หรือไม่ ก็ให้จ่ายตามราคาของที่ขโมย หากสิ่งนั้นเสียหายชำรุด   และสิทธิทั่วไป (หักกุน อาม)  คือ   สิทธิของอัลลอฮฺ จำเป็นต้องตัดมือ หากมีเงื่อนไขครบสมบูรณ์   หรือไม่ ก็ให้ตักเตือนในกรณีที่ไม่ครบเงื่อนไข 2.   เมื่อจำเป็นต้องตัดมือ ให้ตัดข้างขวา จากข้อต่อของฝ่ามือแล้วให้ห้ามเลือด   เช่น  การจุ่มมือลงในน้ำมันที่กำลังเดือด หรือด้วยวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถห้ามเลือดได้   และจำเป็นแก่เขา ต้องคืนทรัพย์สินที่เอาไป หรือให้จ่ายทดแทนแก่เจ้าของทรัพย์   และเป็นที่ต้องห้าม ในการจะขอผ่อนปรนบทลงโทษของการลักขโมย หลังจากเรื่องไปถึงผู้ปกครอง (หากิม) 3.   หากผู้ขโมยกลับไปขโมยอีก ให้ตัดเท้าข้างซ้าย จากตรงกลางของหลังเท้า   และหากกลับไปขโมยอีก ให้กักขังและตักเตือน จนกว่าเขาจะเตาบะฮฺ (กลับเนื้อกลับตัว) และไม่ต้องตัดอีก ให้ตัดมือ อัฏ-ฏ็อรรอรฺ (นักล้วงกระเป๋า)   นั่นคือ  ผู้ที่ล้วงสิ่งของจากกระเป๋าหรือที่อื่นแล้วเอาทรัพย์สินไปอย่างลับๆ หากว่า ทรัพย์สินที่เอาไปถึงพิกัดตามที่ศาสนากำหนด  เพราะแท้จริง เขาเป็นผู้ขโมยเอาทรัพย์สินที่เจ้าของเก็บรักษาไว้ จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:43:07

ความคิดเห็นที่ 6 ปริมาณพิกัดในการลักขโมย ที่ศาสนากำหนด หากเป็นทองคำ ต้องมีน้ำหนัก ¼ ดีนารขึ้นไป  หรือ ทรัพย์สิน ก็ต้องมีมูลค่าเท่ากับทองคำน้ำหนัก ¼ ดีนารขึ้นไป   จากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ กล่าวว่า   ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม  กล่าวว่า จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:44:01

ความคิดเห็นที่ 7 บทบัญญัติ ว่าด้วยการลงโทษถือเป็นโมฆะ ด้วยกับสิ่งคลุมเครือ เมื่อผู้ขโมย รับสารภาพว่าเป็นคนขโมย แต่ไม่มีหลักฐาน ดังนั้น เป็นที่บัญญัติแก่ผู้พิพากษา ให้ผู้นั้นกลับคำสารภาพ   แต่หากเขายังยืนกราน ว่าเป็นคนขโมยและไม่กลับคำ ก็ให้ตัดมือ   และในกรณีที่ ผู้ขโมยยอมรับว่าขโมย และหลังจากนั้นได้ปฏิเสธ เช่นนี้มิให้ตัดมือ   เพราะว่า บทการลงโทษจะเป็นโมฆะ ด้วยกับสิ่งที่คลุมเครือ . บทบัญญัติ ว่าด้วยการขโมยทรัพย์สิน จากบัยตุลมาล (กองคลังมุสลิม) ผู้ที่ขโมยทรัพย์สินจากบัยตุลมาล   ให้ตักเตือน และปรับเป็นเงินตามที่เขาเอาไป โดยไม่ต้องตัดมือ เพราะว่าเขา ก็มีส่วนแบ่งจากตรงนั้นอยู่เช่นกัน   ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ขโมยทรัพย์สินที่ได้จากเชลยศึก (อัล-เฆอะนีมะฮฺ)   และหนึ่งในห้าส่วนของทรัพย์เชลย (อัล-คุมุส) จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:46:31

ความคิดเห็นที่ 8 บทบัญญัติ ว่าด้วยทรัพย์สินที่ถูกขโมย ส่วนหนึ่งจากการเตาบะฮฺที่สมบูรณ์ ของผู้ขโมย คือ การที่เขาต้องรับประกันของที่สูญเสียไป แก่เจ้าของทรัพย์สินที่ถูกขโมย   หากเขามีความสะดวก ก็ให้จ่ายคืนแก่เจ้าของ  หากมีความยากลำบาก ให้พิจารณาดู ถึงแนวทางที่สะดวกง่ายดาย   และหากในกรณีที่สิ่งของถูกขโมยยังคงอยู่ ก็ให้คืนไปให้แก่เจ้าของ   ซึ่งถือว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่จะทำให้การเตาบะฮฺ (สารภาพผิด) ถูกต้องสมบูรณ์ . บทบัญญัติ ว่าด้วยการสารภาพผิด ก่อนที่เรื่องจะไปถึงผู้ปกครอง (หากิม) ผู้ที่จำเป็นต้องรับโทษ จากการลักขโมย  ผิดประเวณี  หรือดื่มสุรา   ที่ได้สารภาพผิด ก่อนที่จะมีการตรวจสอบอย่างแน่ชัด การลงโทษนั้น ถือว่าตกไป   และไม่เป็นที่บัญญัติ ให้เขาเปิดเผยความลับของตนเอง หลังจากที่อัลลอฮฺทรงปกปิดมัน   แต่ทว่า จำเป็นที่เขาต้องคืนทรัพย์สินที่ขโมยมา ให้แก่เจ้าของ จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:47:10

ความคิดเห็นที่ 9 มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์ แปลโดย : ยูซุฟ อบูบักรฺ ผู้ตรวจทาน : ฟัยซอล อับดุลฮาดี ที่มา : หนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์ ขอขอบคุณ จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:48:45

ความคิดเห็นที่ 10 บางครั้งสิ่งที่ถูกกำหนดโดยหลักการอิสลามก็ขัดกับความรู้สึกนะครับ ส่วนตัวก็ไม่อยากสนับสนุนเรื่องการลักขโมย แต่ก็นะมันก็โหดร้าย แต่ถ้ามองอีกมุมนึงก็คงไม่มีใครกล้าขโมยเพราะโทษมันหนัก จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:27:48

ความคิดเห็นที่ 11 สลาม ครับคุณLamelez ใช่ครับ โทษมันหนักมาก แต่มองให้ลึกซึ้ง การลักขโมย ก็ส่งผลเสียมากเช่นกันครับ ไม่ว่าจะโดนกับคนรวยหรือคนจน เมื่อถูกขโมยทรัพย์สิน ย่อมเกิดความทุกข์ใจทั้งนั้น กว่าจะได้มาซึ่งทรัพย์สินแต่ละอย่าง สติปัญญา ความอดทน หยาดเหงื่อ ...ฯลฯ เลยครับ แต่ศาสนาก็มีข้อยกเว้นให้ ดังข้อมูลข้างบน โดย เกิดจากความอดอยาก ศาสนาละเว้นไม่ตัดมือ โดย ไม่มีหลักฐานชัดเจน ศาสนาละเว้นไม่ตัดมือ โดย ไม่ดื้อรั้นโกหก สารภาพผิดก่อนเรื่องถึงผู้นำ ศาสนาละเว้นไม่ตัดมือ มันก็อยู่ที่เงื่อนไข และพิ้นฐานจิตใจของผู้ลักขโมยด้วยครับ คุณต้องร้ายกาจอย่างจริงจัง คุณถึงจะโดนตัดมือ จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:56:32

ความคิดเห็นที่ 12 "บางครั้งสิ่งที่ถูกกำหนดโดยหลักการอิสลามก็ขัดกับความรู้สึกนะครับ ส่วนตัวก็ไม่อยากสนับสนุนเรื่องการลักขโมย แต่ก็นะมันก็โหดร้าย แต่ถ้ามองอีกมุมนึงก็คงไม่มีใครกล้าขโมยเพราะโทษมันหนัก"    ไม่ขัดหรอกครับถ้ามุสลิมพยายามที่จะเข้าใจอัลกุรอานโดยไม่อาศัย ฮาดีษ มาอธิบาย  อ่านอัลกุรอานในเรื่องนี้ดีๆซิครับ  ไม่มีการตัดมือ ขโมยหรอกครับ As for the thief, both male and female, cut off their hands. It is the reward of their own deeds, an exemplary punishment from Allah. Allah is Mighty, Wise. (5:38),But whoso repenteth after his wrongdoing and amendeth, lo! Allah will relent toward him. Lo! Allah is Forgiving, Merciful.(5:39)  ปัญหาก็คือ มุสลิมหยุดอยู่แค่ 5:38 แล้วสอดใส่ "ฮาดีษ" เข้ามา  ตัดมือไปทีละข้าง โดยที่ไม่พิจารณา 5:39  ถ้าไปตัดมือแล้ว จะให้อภัยโทษ ใน บัญญัติที่ 5:39  ได้อย่างไร ในเมื่อมือด้วนไปแล้ว อิสลามสอนให้ลงโทษให้สมควรกับความผิด ถ้าตกลงกันได้ ชำระชดใช้ และสำนึกผิด พระเจ้า อภัยให้ได้   ถ้าพระเจ้าอภัยให้ได้  มนุษจะให้อภัยในเรื่องนี้ไม่ได้หรือ?  ต้องให้ขโมยทำงานชดเชยต่อผู้เสียหาย ถ้า ตัดมือด้วนไปแล้ว จะทำงานชดใช้ได้อย่างไร?  ใครจะคัดค้านก็เชิญครับ  ความเห็นของผมยืนยันเหมือนเดิม จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 17:41:48

ความคิดเห็นที่ 13 เรียน คุณแมทท์ครับ แล้วแต่ มุมมองของคุณแมทท์ ที่มีต่อศาสนานะครับ อายะฮ์อัลกุรอ่าน ตามคห.๓ ก็บอกไว้อย่างชัดเจนแล้วครับ ว่าอย่างไร... ลองทบทวนใหม่ ดีมั้ยครับ โทษตัดมือ คือโทษสูงสุด หลังจากที่ทุกอย่างบานปลายแล้ว ถ้ายอมความกันได้ สารภาพผิดก่อนเรื่องถึงผู้นำ ก็คืนของตามจำนวนให้เจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีของแล้ว ก็ให้ชดใช้ เท่ากันกับจำนวนทรัพย์ที่ขโมยมา ถ้าไม่มีความสามารถ ก็ให้ชดใช้ด้วยวิธีที่ง่ายดายกว่านั้น ศาสนาวางหลักการณ์เอาไว้ชัดเจนนะ กรุณาทำความเข้าใจด้วยครับ จากคุณ : Everyman. เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 19:14:39

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่เห็นด้วยครับ คุณกำลังเอา ศาสนามาปกป้องกฏหมายเถื่อน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10015271/Y10015271.html จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 00:20:01

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าไม่อยากโดนตัดมือก็อย่าขโมยสิ  เคยไปซาอุป่าว  คนซาอุไม่มีขโมยเลย  ตอนไปซื้อของ  พอได้เวลาละหมาด  เขาไปละหมาดเลย  ให้เราหยิบของเองจ่ายตังค์เองทอนตังค์เอง  ทำไมต้องสงสารคนทำผิด  แต่ศาสนาก็มีข้อยกเว้นให้ในบางเหตุตามความจำเป็น  แต่ถ้าพวกที่เป็นโดยสันดานจะไปสงสารทำไมล่ะครับ  ทำไมคุณแมทท์ไม่เอาภาษาอาหรับมากล่าวอ้างล่ะครับมีผู้รู้เยอะแยะไปที่เขาสามารถแปลได้ตรง  ไปเอาภาษาอังกฤษมาทำไมหรือคุณเป็นฝรั่ง  เรื่องบางเรื่องรู้ไม่จริงอย่าพูดขายขี้เขาป่าว ๆ   ผมชักสงสัยในตัวคุณซะแล้วล่ะสิ  ว่าคุณเป็นพวกไหนแน่  ซาฟาอีย์เหรอ จากคุณ : สีเผือก เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 22:35:09