ความคิดเห็นที่ 1 แท้จริง..พระจันทร์เสี้ยว.. หาใช่สัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามไม่   หากแต่ถูกนำมาใช้เพื่อสื่อถึงความเป็นมุสลิม ไม่เพียงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเท่านั้น หากแต่ดาวเดือน ก็ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นมุสลิมด้วย เครื่องหมายดาวเดือนเริ่มปรากฎขึ้นในสมัยราชวงศ์อุสมานียะฮ์ หรืออาณาจักรออตโตมานแห่งตุรกี นัยเดียวกับการสร้างพระพุทธรูป ที่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ออดโตมานสร้างดาวเดือนขึ้นเพื่อประดับธงทิว กองทัพมุสลิมในสงครามครูเสด การเลือกใช้ดาวเดือน ก็ด้วยเหตุสองประการ ประการหนึ่ง การเริ่มต้นถือศีลอดในเดือนรอมฎอน จะเริ่มต้นด้วยการดูเดือน ซึ่งเป็นหลักปฎิบัติเฉพาะในศาสนาอิสลาม อีกประการหนึ่ง เมื่อนำดาวมาติดที่เดือน จะมองเห็นเป็นรูป "ตัวนูน" อันเป็นพยัญชนะหนึ่งในภาษาอารบิค อันเป็นอักษรแรกของโองการหรือวรรคหนึ่ง จากคัมภีร์อัล-กุรอาน               "ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ (ซบ.) ชัยชนะก็เป็นสิ่งใกล้"                               (อัล-กุรอาน บทที่ ๖๑ วรรค ๑๓) คำว่าด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ พยัญชนะตัวแรกที่ใช้ถ้าเขียนเป็นภาษาอารบิค คือ "ตัวนูน" ฉะนั้น เครื่องหมายดาวเดือนจึงมีค่าเสมอเพียงการบอกความเป็นมุสลิม หาใช่สัญลักษณ์หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชาไม่ การสร้างพระพุทธรูปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จนกระทั่งพัฒนาการเป็นวัตถุมงคล รูปแบบต่างๆในวันนี้ ก็มีนัยสำคัญไม่แตกต่างกัน Jk@chakkrish ตามหามาให้ครับ  ผิดพลาดประการใด ขอรับผิดชอบเองครับ แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 53 22:06:17 จากคุณ : wasawatt เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 22:05:14

ความคิดเห็นที่ 2 จากที่เคยอ่านมา ชนเผ่าเคดาห์  ของสายอิชมาเอล ใช้เครื่องหมายจันทร์เสี้ยว เป็นเครื่องประดับครับ  มีอยู่ในไบเบิ้ลครับ  ลองหาดู จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 09:29:12

ความคิดเห็นที่ 3 จากคำอธิบายที่ว่า..  "คำว่าด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ พยัญชนะตัวแรกที่ใช้ถ้าเขียนเป็นภาษาอารบิค คือ "ตัวนูน" ฉะนั้น เครื่องหมายดาวเดือนจึงมีค่าเสมอเพียงการบอกความเป็นมุสลิม" ผมอาจจะมีความเห็นไม่ตรงกับมุสลิมส่วนมากนะครับ แต่จะออกความเห็น ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ และความศรัทธา  เครื้องหมาย ดาวและเดือนเสี้ยว นี้ใช้เป็นสัญญาลักษณ์ ของ สถาบันบางแห่ง ที่ไม่ใช่มุสลิมหรือมีอะไรเกี่ยวของ้กับอิสลามเลย เช่น  Kabalah Shrine ฯลฯ  เครื่องหมาย "ดาวและเดือนเสี้ยวมี ความใกล้ชิดกับ อิสลาม" เนื่องมาจาก ชาว มุชริก อาหรับ สมัยก่อนที่ จะรับอิสลามนั้น  นับถือพระเจ้าหลายองค์ รวมทั้ง การ กราบไหว้ เคารพ ดวงเดือน,   หลังจากที่ อาหรับรับอิสลามแล้ว เครื่องหมายนี้  จึงเหลือเศษคั้งค้างมาตามประเพณีอรับ   ชาวอรับใช้สัญญาลักษณ์นี้ เป็นเครื่องหมาย ต่างๆในสังคมของเขา โดยเฉพาะ ธง ประจำชาติ เนื่องจาก อาหรับ นับถืออิสลาม  ขนบธรรมเนียม ประเพณีในสมัย "มุชริกอาหรับ" หรือ "Pagan" ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในสังคมมุสลิมอรับ  ซึ่งยังคงใช้เครื่องหมายนั้นแสดง ถึงความเป็น "อาหรับ"  ซึ่งไม่เกี่ยวกับหลักการของศาสนาแม้แต่น้อย    มุสลิมอาหรับเมื่อถูกถามว่า ดาวเดือนนั้นเป็นเครื่องหมายของอิสลามหรือ?   ด้วยความอับอายเนื่องจาก "อิสลาม"  นับถือพระเจ้าองค์เดียวและห้ามการ ประดิษฐ์ หรือ สร้างสัญญาลักษณืใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสลาม. มุสลิมอาหรับ ก็จะอธิบายให้เข้ากับหลักศาสนาคือเลี่ยง จาก สิ่งประดิษฐ์ มาเป็น ตัวอักษร " ن‎ " ซึ่งเป็นพยัญชนะตัวแรก ของคำ ว่า "นัสรุน" แปลว่าการช่วยเหลือ, เขียนเป็นภาษาอาหรับ ดังนี้ "  ۖ نَصْرٌ "   ซึ่งตัวอักษร " ن‎ "   มีลักษณะ คล้ายดาวกับจันทร์เสี้ยว จากซูเราะฮฺ อัศศ็อฟ (61) บัญญัติที่ 13               وَأُخْرَىٰ تُحِبُّونَهَا ۖ   "  نَصْرٌ  "  مِنَ اللَّهِ وَفَتْحٌ قَرِيبٌ ۗ وَبَشِّرِ الْمُؤْمِنِينَ  ในทัศนของมุสลิมที่ศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว, การอธิบาย โดยนำสัญญาลักษณ์ ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น, มาแทนความหมายของ บัญญัติในอัลกุรอาน และใช้เป็นเครื่องหมาย "แทนความเป็น มุสลิม" นั้น อาจจะอยู่ในข่ายของการตั้งภาคี โดยไม่รู้ตัว  สัญญาลักษณ์ ของ อิสลาม "ไม่มีในด้านวัตถุ ปูชนียสถาน หรือ สิ่งประดิษฐ์ และเครื่องแต่งกาย ใดๆทั้งสิ้น  เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะพาไปสู่การสร้างภาคีต่อพระเจ้า   มุสลิมที่ดีและใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าให้ปรากฏต่อชุมชนคือ "สัญญาลักษณ์" ของ อิสลามและความเป็นมุสลิมโดยแท้จริง จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 12:02:13

ความคิดเห็นที่ 4 มั่วตามเคย ครับ อย่างแรกเลยนะครับ สัญลักษณ์ เริ่มจริงๆ สมัยออตโตมานเติร์กครับ ชื่อก็บอกว่าเป็นเติร์ก ไม่ใช่อาหรับ ดังนั้น ที่แมทท์บอกว่า  เครื่องหมาย "ดาวและเดือนเสี้ยวมี ความใกล้ชิดกับ อิสลาม" เนื่องมาจาก ชาว มุชริก อาหรับ สมัยก่อนที่ จะรับอิสลามนั้น  นับถือพระเจ้าหลายองค์ รวมทั้ง การ กราบไหว้ เคารพ ดวงเดือน,   หลังจากที่ อาหรับรับอิสลามแล้ว เครื่องหมายนี้  จึงเหลือเศษคั้งค้างมาตามประเพณีอรับ   ชาวอรับใช้สัญญาลักษณ์นี้ เป็นเครื่องหมาย ต่างๆในสังคมของเขา โดยเฉพาะ ธง ประจำชาติ เนื่องจาก อาหรับ นับถืออิสลาม  ขนบธรรมเนียม ประเพณีในสมัย "มุชริกอาหรับ" หรือ "Pagan" ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในสังคมมุสลิมอรับ  ซึ่งยังคงใช้เครื่องหมายนั้นแสดง ถึงความเป็น "อาหรับ"  ซึ่งไม่เกี่ยวกับหลักการของศาสนาแม้แต่น้อย    มุสลิมอาหรับเมื่อถูกถามว่า ดาวเดือนนั้นเป็นเครื่องหมายของอิสลามหรือ?   ด้วยความอับอายเนื่องจาก "อิสลาม"  นับถือพระเจ้าองค์เดียวและห้ามการ ประดิษฐ์ หรือ สร้างสัญญาลักษณืใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสลาม. มุสลิมอาหรับ ก็จะอธิบายให้เข้ากับหลักศาสนาคือเลี่ยง จาก สิ่งประดิษฐ์ มาเป็น ตัวอักษร " ن‎ " ซึ่งเป็นพยัญชนะตัวแรก ของคำ ว่า "นัสรุน" แปลว่าการช่วยเหลือ, เขียนเป็นภาษาอาหรับ ดังนี้ "  ۖ نَصْرٌ "   ซึ่งตัวอักษร " ن‎ "   มีลักษณะ คล้ายดาวกับจันทร์เสี้ยว จากซูเราะฮฺ อัศศ็อฟ (61) บัญญัติที่ 13               وَأُخْرَىٰ تُحِبُّونَهَا ۖ   "  نَصْرٌ  "  مِنَ اللَّهِ وَفَتْحٌ قَرِيبٌ ۗ وَبَشِّرِ الْمُؤْمِنِينَ มันจึงมั่วทั้งสิ้นครับ เพราะสัญลักษณ์นี้มันไม่เกี่ยวกับอาหรับคร้าบ จะว่าไปอาหรับก็ไม่ชอบพวกเติร์กซะด้วยซ้ำ อีกอย่าง เรื่องการนับถือกราบไหว้ดวงเดือนนี่ ค่อนข้างจะโมเมชั่น และมั่วเอาซะส่วนมาก เพราะเทพเจ้าของอาหรับยุคป่าเถื่อน หรือที่กราบไหว้กันมีเพียบครับ ตั้งแต่ ต้นไม้ไปจนก้อนดินเอามาปั้นๆ ก็ยังมี แล้วที่สำคัญๆ ดังๆ เลย มีสามตัวครับคือ “อัลลาต อัลอุซซาและมะนาต” แล้วพวกอาหรับจะไปเอาดวงจันทร์มาบูชาทำไมล่ะครับ ยิ่งผ่านจากยุคแห่งอิสลามด้วยแล้ว เหตุผลนี้ยิ่งมั่วเข้าไปใหญ่ นี่ถ้าธงเป็นรูปพระอาทิตย์หรือไฟล่ะก็ค่อยน่าเอามาตีความหน่อย เพราะพวกเปอร์เซีย นั้นบูชาไฟครับ แล้วแนวคิดนี้ก็เป้นที่รู้จัก เรียกว่า มะยูซีย์ ผมล่ะ เบื่อจริงๆ ไม่มีความรู้แต่ชอบจับนั่นจับนี่มาละเลงมั่วไปเรื่อย อ่อแล้วสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะตั้งภาคี หรือเอากราบไหว้อะไรแต่เป็น สิ่งที่แสดงให้เห็นว่า นี่พวกมุสลิมอยู่นี่นะ จะใช้ ธงสีเขียว สีขาว มาแสดงว่าเป็นมุสลิมก็ได้ แต่เผอิญ จันทร์เสี้ยวดังกว่าครับ แล้วเกี่ยวอะไรกับการตั้งภาคี?  จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 21:16:23

ความคิดเห็นที่ 5 ..จึงมีอุทาหรณ์บอกต่อกันมาว่า ในวงสนทนา อย่าคุยเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา   เพราะว่า มันจะจบไม่ลง  ยังไงก็จบไม่ลงจริง ๆ ...! จากคุณ : wasawatt เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 21:30:47

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ได้ว่าข้อมูลถูกหรือผิดน่ะครับ แต่สงสัยว่าข้อความของ คห. 1 "ฉะนั้น เครื่องหมายดาวเดือนจึงมีค่าเสมอเพียงการบอกความเป็นมุสลิม หาใช่สัญลักษณ์หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชาไม่ " คำถาม ทำไมจึงประดับเครื่องหมายนี้ไว้บนยอดของมัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่เคารพและปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมครับ จากคุณ : Sofus เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 21:53:37

ความคิดเห็นที่ 7 คำถาม ทำไมจึงประดับเครื่องหมายนี้ไว้บนยอดของมัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่เคารพและปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมครับ คำตอบ ความคลั่งในประเพณีอาหรับของ Non-Arab Muslim ตามทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง โดยขาดเหตุผล   Based on this history, many Muslims reject using the crescent moon as a symbol of Islam. The faith of Islam has historically had no symbol, and many refuse to accept what is essentially an ancient pagan icon. It is certainly not in uniform use among Muslims. .......... เรื่องนี้คนละเรื่องกับ "ดาวเดือนสมัยออตโตมานเติร์ก" แต่เป็นเรื่องความศรัทธาของ Pagan Arabs The Pagan Arabs in Mecca worshipped a moon god called Hubal at the Kabah. Hubal was the Lord of the Kabah, being the highest ranking god of the 360 gods worshipped in the Kabah.  เรื่อง ดาวเดือนนี้ ผมเขียนมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยละเอียด, ในกระทู้นี้ ผมสรุปลงให้เห็นใน ความใกล้เคียง ระหว่าง Pagan อาหรับ กับ "อิสลาม" ซึ่งนับถือ พระเจ้าในรูปแบบต่างๆ (มุชริก), Remnant ของ Pagan อาหรับ จึง หลงเหลือ มาอยู่ในสังคมอรับมุสลิม   ถ้า Caroth ต้องการทราบเรื่องราวย่อๆของ, "ดาวเดือนสมัยออตโตมานเติร์ก", ก็อ่านได้ จาก ลิ้งค์นี้ ซึ่งผม ไปหามาให้โดยไม่ยาก ไม่ต้องทำเป็นกระต่ายตื่นตูมจนเกินไป  อ่านหนังสือให้มากๆจะได้ฉลาดขึ้น และจะได้ไม่เที่ยวกล่าวหาว่า ผู้หนึ่งผู้ใด โกหก ทำเป็นคนขี้ตกใจ และปากไวไปได้ http://islam.about.com/od/history/a/crescent_moon.htm  มุสลิมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง มักจะกล่าวหาผู้อื่นว่าทำให้ เขาสับสนและ ตกอยู่ในฐานะลำบาก, เมื่อใดที่มุสลิมเริ่มพิจารณาความถูกต้องในการสอนศาสนาแล้ว จึงจะแก้ปัญหาของสังคมตนเองได้ โดยไม่ต้องกล่าวโทษผู้อื่นในความผิดพลาดของตนเอง  เรื่องดาวเดือนนี้ มุสลิมเอามาเป็นเครื่องหมายทางศาสนา  ในสมัยก่อน ในเมืองไทยเรา เอามาแขวนคอ กันเป็นแถว   ขอบอกให้ทุกๆท่านทราบก่อนครับ คุณแครอทกับผมในเรื่องศรัทธาแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้..  คุณ Caroth   นับถืออิสลามใน ลัทธิ ซุนนีย์  ซึ่งมีความเชื่อคล้ายๆกับ มุสลิมลัทธิชีอะต์  คือ เชื่อในเรื่องบอกเล่าที่เกี่ยวกับศาสดามูฮัมมัด  และทั้งสองลัทธิ นี้สังกัดนิกายซึ่งแยกออกจาก หลักการของ อิสลาม, และภายในนิกาย ซุนนีย์ก็มีนิกายย่อยๆ ที่เรียกว่า แนวความคิด อีก และมีการปฏิบัติศาสนกิจส่วนย่อยที่แตกต่างกัน เนื่องจากการแปลความหมาย ตามความเชื่อถือ ในเรื่องบอกเล่าต่างๆเหล่านั้น (ฮาดีษ) ที่แตกต่างกันออกไป  ท่านศาสดามูฮัมมัดไม่ใช่ซุนนีย์มุสลิม ท่านนับถือศาสนาอิสลาม ตามสายของท่านนบีอิบรอฮิม ท่าน ยึดถือในพระเจ้าองค์เดียว  และยึดอัลกุอานเป็นแนวทางในการปฎิบัติศาสนกิจ และ เป็นแนวทางดำเนินชีวิต  เป็นคัมภีร์เล่มเดียวที่ท่านยึดปฏิบัติ  ผมถืออิสลามตามแนวทางที่ ท่านรอซุล ถือ คือ ยึดอัลกุอานเป็นแนวทางในการปฎิบัติ ศาสนกิจ และ เป็นแนวทางดำเนินชีวิต  เป็นคัมภีร์เล่มเดียวกับที่ท่านศาสดามูฮัมมัดยึดปฏิบัติ  ผมกับคุณ Caroth จึงมีความคิดเห็นต่างกันในหลักการของอิสลาม ทั้งนี้ หลักการที่คุณ Caroth ยึดถือ มีทั้งอัลกุรอานและ เรื่องบอกเล่าต่างๆจากหลายปากเกี่ยวกับการปฏิบัติในชีวิตประจำวันของท่านศาสดามูฮัมมัด ซึ่งมีทั้งที่เป็น จริงและไม่มีความเป็นจริง,ซึ่งการปฏิบัติบางอย่างสุดวิสัยมนุษย์ที่จะปฏิบัติได้และเกินขอบเขตของอิสลาม แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 01:02:00 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 00:59:26 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 00:54:25 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 00:51:57

ความคิดเห็นที่ 8 คำถาม ทำไมจึงประดับเครื่องหมายนี้ไว้บนยอดของมัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่เคารพและปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมครับ เพราะมุสลิมคิดว่า  สัญลักษณ์แห่งจันทร์เสี้ยวนั้นแทนด้วยศาสนาอิสลาม  มันก็เหมือนกับคริสต์หรือไม่ก็พุทธ  ที่ต้องมีไม้กางเขนหรือไม่ก็เสมาจักรอยู่ใช่ไหมละครับ   เพื่อบอกถึงความเป็นตัวตนของสถานที่นั้นว่าเป็นของศาสนาไหนกันแน่   ความจริงเพราะศาสนาพุทธมีสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนกับคริสต์และอิสลาม  เลยไม่จำเป็นต้องมีเสมาจักรประดับยอดสิ่งก่อสร้างก็ได้ แต่ว่าสำหรับคริสต์และอิสลาม  เนื่องจากในยุคกลาง  ทั้งสองรบกันไปรบกันมา  พื้นที่ถูกสับเปลี่ยนมือครั้งแล้วครั้งเล่า  ถ้าคริสต์ยึดมัสยิดได้  ก็คงเปลี่ยนมัสยิดให้เป็นโบสถ์ใช่ไหมครับ   แต่คำถามคือต้องไปถล่มบางส่วนของมัสยิดเพื่อให้มัสยิดดูเป็นของคริสต์หรือเปล่า?  ไม่  ก็แค่ไปประดับบางส่วนว่าสิ่งนี้เป็นของคริสต์นะ  ส่วนอิสลามก็คงทำคล้ายกัน กรณีสัญลักษณ์ประดับยอดนี้ผมว่าคริสต์คงเริ่มก่อน  แล้วอิสลามก็ตามเขา  (เดาล้วนๆ ไม่ต้องเชื่อ)   สรุปคือเป็นสัญลักษณ์ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นมัสยิดครับ  เพราะบางที  ถึงแม้ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามก็ตาม(อะไรที่มีโดมๆอยู่) แต่ก็อาจเป็นโบสถ์ก็ได้  ผมเคยเห็นในเน็ตหลายครั้งแล้วครับ   สถาปัตยกรรมที่มีโดมอยู่  มองครั้งแรกนึกว่าเป็นมัสยึด  เห็นไม้กางเขนอยู่ที่ยอดก็รู้ละว่าเป็นโบสถ์ จากคุณ : mage_mann เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 07:00:00

ความคิดเห็นที่ 9 "เพราะมุสลิมคิดว่า  สัญลักษณ์แห่งจันทร์เสี้ยวนั้นแทนด้วยศาสนาอิสลาม  มันก็เหมือนกับคริสต์หรือไม่ก็พุทธ  ที่ต้องมีไม้กางเขนหรือไม่ก็เสมาจักรอยู่ใช่ไหมละครับ  เพื่อบอกถึงความเป็นตัวตนของสถานที่นั้นว่าเป็นของศาสนาไหนกันแน่ " Carroth:   ช่วยอธิบายให้ลูกศิษย์ คุณเข้าใจให้ถูกต้อง..ผมว่าถ้ามุสลิมคิดเช่น ข้อความข้างบนนี้ คิดผิดแน่ๆจริงไหม?   Carroth เห็นไหมว่า การสร้างสัญญาลักษณ์สำหรับศาสนาอิสลาม อาจจะทำให้มุสลิมผู้รู้เท่าไม่ถึงกาล สร้างภาคีไปโดยไม่รู้ตัว อย่างที่ผมว่าไว้ จริงไหม? แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 09:51:28 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 08:01:56

ความคิดเห็นที่ 10 มันไม่จริงอยู่แล้วล่ะครับ เรื่องความคิดมั่วๆ ของแมทท์หรอกนะครับ เพราะโดยสรุปไม่ว่าจากแหล่งไหนก็แล้วแต่ สัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวนั้นปรากฎในสมัย ออตโตมานครับ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อของอาหรับ หรือการขัดกับศรัทธาของอัลลอฮฺแต่อย่างใด คำอ้างนี้จึงมั่วและโกหกครับ เนื่องจาก อาหรับ นับถืออิสลาม  ขนบธรรมเนียม ประเพณีในสมัย "มุชริกอาหรับ" หรือ "Pagan" ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในสังคมมุสลิมอรับ  ซึ่งยังคงใช้เครื่องหมายนั้นแสดง ถึงความเป็น "อาหรับ"  ซึ่งไม่เกี่ยวกับหลักการของศาสนาแม้แต่น้อย    มุสลิมอาหรับเมื่อถูกถามว่า ดาวเดือนนั้นเป็นเครื่องหมายของอิสลามหรือ?   ด้วยความอับอายเนื่องจาก "อิสลาม"  นับถือพระเจ้าองค์เดียวและห้ามการ ประดิษฐ์ หรือ สร้างสัญญาลักษณืใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสลาม. มุสลิมอาหรับ ก็จะอธิบายให้เข้ากับหลักศาสนาคือเลี่ยง จาก สิ่งประดิษฐ์ มาเป็น ตัวอักษร " ن‎ " ก่อนคุณจะเอาลิงค์ หรือบทความอะไรมาลงเอาตัวรอดเนี่ย กรุณาอ่านข้อความของตัวเองก่อนว่ามันมั่วแค่ไหนฃ เติร์กกับอาหรับนี่ก็คนละพวก แต่ด้วยความที่ใส่ไคล้ฮะดีษโดยชอบอ้างประเพณีอาหรับจนเป็นสันดาน ก็เลยบอกว่าเป็นความเชื่ออาหรับ มั่วแท้ๆ ยิ่งอ้างฮุบัลนี่ยิ่งมั่วใหญ่ เพราะตัวดังๆ ในสมัยก่อนนั้น คือ 1. อัล - ลาต (al Lat) อยู่ที่ฎออีฟ (Taif) 2. อัล อุสสา (al Uzza) ที่นัคละฮ (Nakhlah) 3. อัล มะนาต (al Manat) อยู่ระหว่างมักกะฮและมะดีนะฮ ตัวที่ 4 ถึงจะเป็น ตัวที่ชื่อ ฮุบัล ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงมากมายนัก การอ้างว่านี่เป็นประเพณีอาหรับ จึงเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระโดยสิ้นเชิง เรื่องของเรื่อง มันก็เพราะสันดานปากไวของแมทท์นั่นแหละครับ ถึงเอาอาหรับมาเป็นแพะ ทั้งที่จริงๆ แล้ว พวกออตโตมันเติร์กเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้ต่างหาก   จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 09:53:52

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนความคิดเห็นของคุณ mage mann ก็ผมไม่พบว่ามีอะไรผิดนะครับ เพราะเขาก็บอกแล้วว่าเป็นสัญลักษณ์แทนกลุ่ม ซึ่งต่อให้เอา คำว่า อัลลอฮฺ หรือ เอาธงสีนั้นนี้ แมทท์ก็สามารถลากอาหรับมาเป็นแพะได้ทั้งนั้น มันจึงเป็นเพราะความปากพล่อยของแมทท์เองที่จะเอามาไว้โจมตี แต่จริงๆแล้วมุสลิมไม่ได้กราบไหว้ รูปสัญลักษณ์นี้เลย จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็แล้วแต่ เช่นธงซาอุ ก็เป็นอีกแบบ แล้วถามเขากราบไหว้ธงหรือเปล่า? ก็เปล่า สรุปเรื่องนี้ คือ แมทท์ปากพล่อยมั่วข้อมูล ส่วนอาหรับก็เป็นแพะของแมทท์ตามระเบียบ นั่นแหละ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 09:58:43

ความคิดเห็นที่ 12 หามาให้คุณ Ezra  จำผิด พระจันทร์ครึ่งซีก เป็นสัญลักษณ์ของคนมีเดียน ผู้วินิจฉัย [8:24] กิเดโอนก็บอกคนเหล่านั้นว่า "เราจะขอสิ่งหนึ่งจากท่านทั้งหลาย คือ ขอให้ทุกคนถวายตุ้มหูซึ่งริบมาได้นั้น" (ด้วยว่าคนเหล่านั้นมีตุ้มหูทองคำเพราะเป็นชนยิชมาเอล) ผู้วินิจฉัย [8:25] เขาก็เรียนตอบท่านว่า "เราทั้งหลายเต็มใจจะให้" เขาก็ปูผ้าลง วางตุ้มหูซึ่งริบมาได้นั้นไว้ที่นั่น ผู้วินิจฉัย [8:26] ตุ้มหูทองคำซึ่งท่านขอได้นั้นมีน้ำหนักประมาณหนึ่งพันเจ็ดร้อยเชเขลทองคำ นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายพระจันทร์ครึ่งซีก จี้และฉลององค์สีม่วง ซึ่งกษัตริย์พวกมีเดียนทรงทั้งเครื่องผูกคออูฐด้วย จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 10:01:35

ความคิดเห็นที่ 13 แต่คนเอามาใช้เป็นเติร์กครับ ไม่ได้เกี่ยวกับอาหรับเลย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 10:07:56

ความคิดเห็นที่ 14 Carroth  ก็แก้ตัวไปมั่วๆ เช่นเคย  ยิ่ง เห็น คห.ที่11..... แล้ว ผมเข้าใจได้ว่ามั่วแค่ไหน? เปลี่ยน ขาว ให้เป็นดำได้  อย่าง มั่วๆเช่นนั้น คุณไม่เกรงกลัวพระเจ้าเท่าเกรงกลัว สิ่งประดิษฐ์ของคุณ เท่าที่ผมอ่านคำอธิบายในกระทู้ต่างๆของ   เรื่องดาวและเดือนนี้ คุณต้องหาเรื่อง "ธรณีวิทยาของภาคตะวันออกกลาง" อ่านดู เพราะ เรื่องราว ของ Pagan Arab's GOD นี้มีมาก่อน "ดาวเดือนสมัยออตโตมานเติร์ก",ซึ่งเป็นเรื่องราวติดต่อกัน นักธรณีวิทยาได้ ขุดค้นเริ่มแต่ ประเทศตุรกี ถึง แม่น้ำไนล์ ได้พบ เจว็ด ที่ มีรูป ดาวเดือน อยู่บนทรวงอก ของ เจว็ดที่ขุดค้นพบ เจว็ด สามตัวข้างล่างนี้ มาทีหลัง เครื่องหมายดาวเดือน ที่นักธรณีวิทยาค้นพบ 1. อัล - ลาต (al Lat) อยู่ที่ฎออีฟ (Taif) 2. อัล อุสสา (al Uzza) ที่นัคละฮ (Nakhlah) 3. อัล มะนาต (al Manat) อยู่ระหว่างมักกะฮและมะดีนะฮ แต่ผมคิดว่าคุณคง ไม่เชื่อหลักฐานทางธรณีวิทยาหรอกเนื่องจากไม่มีกล่าวไว้ใน ฮาดีษ  ผมเขียนไว้ให้คุณเก็บไว้ในคลังกระทู้ของคุณสำหรับเก็บไว้ศึกษาในวันข้างหน้า มันอาจจะไม่มีประโยชน์ และไร้สาระในว้นนี้ แต่ในวันหน้า อาจจะทำให้คุณเข้าใจได้  บางที่เรารู้ไม่พอ เลยเข้าใจว่าคนอื่นเขาโกหก  แต่ก่อน เมื่อผม อายุเท่าคุณ พอใครเขาเรียก มุสลิมว่า  ถือลัทธิมูฮัมมัด หรือ Muhammadanism ผมโกรธมากทีเดียว   แต่พอหันกลับมาดู สิ่งที่มุสลิมปฏิบัติกัน ตามเรื่องบอกเล่า ฮาดีษ และยืด ฮาดีษ เป็น เจว็ด ที่สร้างขึ้นมา  อธิบายอัลกุรอาน และ บิดเบือนบัญญัติในอัลกุรอาน ไปทีละบัญญัติ ทำให้ มุสลิมไขว้เขว ไปจาก  ความหมายที่แท้จริง เช่น การตัด มือ, การสังหารด้วยหิน, การส่งเสริมโสเภณี  ฯลฯ   และการต่อเติมศาสนา เช่นการ ขอดุอา ผ่านท่านรอซูล, การเยี่ยมและอ่านดุอา ที่หลุมศพ, การพยากรณ์อนาคต เหล่านี้ ไม่มีใน อัลกุรอานที่เป็น บัญญัติของพระเจ้า     ชาวตะวันตกเข้าใจดี ว่า ฮาดีษคืออะไร และมีความเชื่อถือได้แค่ไหน   เขาเรียกอิสลาม ว่า "Muhammadanism" นั้น เป็นการประชดมุสลิม ผู้ที่หันหลังให้ "อัลลอฮ์" ทั้งนี้ เพราะว่ามุสลิมเช่นคุณ เชือว่า ท่านรอซุล จะปกป้องคุณได้ในวันตัดสิน  ด้วยความเข้าใจผิดในความหมายของอัลกุรอานที่บรรยายด้วย ฮาดีษ   ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตั้งใจที่จะขจัด ความเชื่อหรือที่เขาล้อลียนมุสลิมว่า ยึดถือ Muhammadanism  และ ทำให้ ผุ้ที่เข้าใจผิดเข้าใจให้ถูกต้อง ว่า ศาสนาที่มุสลิมถือ และศรัทธา  คือ อิสลาม และมุสลิม คือผู้ที่นับถืออิสลาม  ไม่ใช่ลัทธิมูฮัมมัด หรือ Muhammadanism  สิ่งที่มุสลิมจะต้องแก้ไขคือ  ปฏิบีติให้ถูกต้อง เป็นลำดับไป   ศึกษาให้เข้าใจว่า  อัลกุรอานบัญญัติไว้อย่างไรต่อ ท่านรอซูล และต่อ มวลชน  ท่านรอซูลเป็นผู้รับอัลกุรอาน มาสอน และอธิบาย ให้ปวงชนเข้าใจ และในขณะเดียวกัน อัลลอฮ์ก็อธิบายวิธีเข้าใจอัลกุรอานไว้, ในกรณีที่ ท่านรอซุลสิ้นชีวิตไปแล้ว    หลังจากท่านรอซุลสิ้นชีวิตไปแล้ว  ศาสนาอิสลาม ได้ถูก ทำให้เสียหาย ด้วย "ฮาดีษ"ซึ่งนำพิธีกรรมต่างๆ ใน Pre-Islam มาต่อเติมศาสนา ทำให้อิสลาม กระจัดกระจาย อย่างที่เห็นในปัจจุบัน   มุสลิมจะต้อง ตัดสินใจว่า จะถือ  Muhammadanism  หรือ Islam? แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 12:03:58 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 11:35:57

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ นบนอบ ช่วยอธิบาย เพิ่มเติม ได้ไหมว่า "สัญลักษณ์ จันเสี้ยว ของชาวมีเดียน"   มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านั้นหรือไม่? ก่อน หรือหลัง สมัย ออตโตมาน ? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 11:55:56

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้างั้นลองบอกมาหน่อยซิว่า ใครเป็นผู้เอาธงนี้มาใช้ เติร์กหรืออาหรับ ก่อนที่คุณจะปากพล่อยโดยสันดาน กล่าวหาพวกอาหรับอีกเช่นเคย และในความเป้นจริง ในสมัยก่อน ที่พวกอาหรับมุสลิมปกครอง เป็นคอลีฟะห์ หรือผู้ปกครองอาณาจักรมุสลิมนั้น ใช้ธงสีครับ สีขาวบ้าง ดำบ้าง แล้วแต่ แล้วมาจนถึงสมัยเติร์ก ปกครองขึ้นเป็นคอลีฟะห์จึงนำมาใช้ แล้วพวกอาหรับไม่ได้ถือเอาเฉพาะดวงจันทร์ครับ แต่ที่ดังกว่านั้น คือ รูปปั้น หิน ดิน ดวงอาทิตย์ หรือไฟ ซึ่งการนับถือไฟนั้น เป็นสิ่งที่ดังที่สุดเพราะเป็นลัทธิบูชาไฟเลย ถ้าคุณจะยึดเอาสิ่งที่ขุดพบมาเป็นหลัก การจะเอาทงอะไรมาก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เช่นธงซาอุมีดาบ คุณก็จะอ้างการขุดค้นพบดาบ มาหาว่าพวกอาหรับ เอาประเพณีก่อนอิสลามมาใช้ ซึ่งมันเป็นการกล่าวแบบมั่วซั่ว มั่วนิ่มสิ้นดี เพราะมันผิดตั้งแต่บอกว่า ธงดาวเดือนเป็นการนำประเพณีป่าเถื่อนมาใช้โดยพวกอาหรับแล้ว เพราะคนเอามาใช้น่ะไม่ใช่อาหรับ นี่คือสิ่งที่คุณโพล่งออกมาโดยสันดาน ทั้งๆที่ไม่ได้รู้มาก่อน เรียกง่ายๆ ว่าใครทำผิด ก็โทษอาหรับก่อนเสมอ ด้วยความเคยชิน โดยไม่ได้ดูที่มาที่ไปเลย ดูนะครับ นี่ธงซาอุ จะบอกว่า คนซาอุ บูชาดาบด้วยมั๊ย? ปัญญาอ่อน!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 11:57:48

ความคิดเห็นที่ 17 ผมอยากให้คุณมีความสุภาพสักหน่อยจะได้คุยกันได้ ไม่อย่างนั้นไม่คุยด้วย เดี๋ยวก็เหงาตายเท่านั้น   ฮาดีษไม่ได้สอนมรรยาทให้กับคุณหรือ? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 12:06:28

ความคิดเห็นที่ 18 ตั้งแต่แรกเริ่มที่คุย แมทท์พยายามอ้างว่า มุสลิมประดิษฐสิ่งต่างๆ ขึ้นมาเทียบเคียงกุรอ่าน การกล่าวหาพล่อยๆ นี้ ดำเนินต่อไป ทั้งๆที่ ก็เห็นกันอยู่ว่า มุสลิมไม่ได้เอาฮะดีษ มาเทียบเคียงกุรอ่าน หรือเทียบเท่ากุรอ่าน แต่ฮะดีษนั้น เป็นสิ่งที่ใช้อธิบาย กุรอ่านเรื่องต่างๆ ที่ไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ ซึ่งผู้ที่พยายามโจมตีฮะดีษนั้น ก็ไม่ได้มีหลักการและเหตุผลอะไรมากไปกว่า การเดา และการใช้ความเห็นตัวเองเป็นใหญ่ และส่วนมากจะไม่มีความรู้ด้านศาสนา เช่นการ ตัดมือ การลงโทษด้วยการขว้างด้วยหิน การละหมาด การทำฮัจญ์ เหล่านี้ พวกปฏิเสธฮะดีษเช่นแมทท์ ไม่สามารถหาข้ออ้างทางวิชาการมาปฏิเสธฮะดีษได้เลย จะมีแต่การอ้าง ความคิดเห็นมั่วๆ ของตัวเองใส่ไปเท่านั้น แม้แต่การอ้างอัลกุรอ่าน ก็ยังอ้างผิดเสมอๆ คนแบบนี้ จะมีความน่าเชื่อถืออะไรครับ เอาง่ายๆ แค่เรื่อการละหมาด ก็ยังคงสับสนกับความคิดตัวเองอยู่ ยังคงหนี และไม่ตอบมาจนทุกวันนี้ และจริงๆ แล้ว การทรมานสตรีโดยการตัดคลิตอริส ไปจนถึงการก่อการร้าย เหล่านี้ ล้วนมาจากการกระทำที่อ้างบรรพบุรุษ แบบที่แมทท์อ้างทั้งนั้น ไม่ได้มาจากฮะดีษ หรือหลักการอิสลามแต่อย่างใด การพูดเอาดีใส่ตัวน่ะมันง่าย แต่จริงๆแล้วแมทท์ ไม่ใช่ปฏิเสธฮะดีษ แต่เคยแม้กระทั่งปฏิเสธนบี และกุรอ่านมาแล้วด้วยซ้ำ คนแบบนี้ โกหก เพื่อเอาตัวรอดได้เสมอนั่นแหละครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 12:07:59

ความคิดเห็นที่ 19 ผมไม่นิยมสร้างภาพครับ ยิ่งกับคนแบบคุณ ถ้าอ่อนโยนด้วย คุณก็จะลามปาม เหมือนสุนัขที่เล่นด้วยแล้วเลียปาก คุณพร้อมจะหยาบ และถ่อย กับคนที่ยอมคุณน่ะครับแมทท์ ดังนั้นผมคงไม่ให้คุณมาเลียปากหรอกนะครับ มีปัญญาจะตอบก็ตอบครับ รับผิดชอบความปกพล่อยของคุณหน่อย ว่า ที่คุณโทษอาหรับน่ะในเรื่องสัญลักษณ์ดาวเดือน แล้วจริงๆ ใครเป็นคนนำมาใช้ อาหรับรึว่าเติร์ก? จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 12:10:54

ความคิดเห็นที่ 20 มุสลิมผู้ใดก็ได้ครับอธิบายให้ ผุ้ต่างศาสนาทราบ ว่า ทำไม ตามยอดมัสยิด หรือสุเหร่า ทั่วโลก จึง ใช้เครื่องหมายดาวเดือน อยู่บนยอดโดม? ผมอยาทราบตามหลักวิชาประวัติศาสตร์  และถ้าไม่เกี่ยวกับความศรัทธาแล้ว นำมาติดไว้ทำไม? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 12:14:08

ความคิดเห็นที่ 21 ผู้อ่านจะต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า เรื่องราวนี้ก่อนที่ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด จะ ได้รับประทานอัลกุรอานจากพระเจ้า เป็นเรื่องของ ความศรัทธาของ Arab pagans ก่อนอิสลาม เพื่อไม่ให้สับสนกับ อรับในปัจจุบัน ผมจะใช้ภาษาอังกฤษว่า Arab pagans (ซึ่งเป็นชาว อรับก่อนอิสลาม) .............  เราทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่า Arab pagans นับถือ "ดวงจันทร์" และพวก Arab pagans ไม่ได้ถือเอาเฉพาะดวงจันทร์ (จาก คห. 16) แต่ยังกราบไหว้ เจว็ด อีก สามตัวข้างล่างนี้   1. อัล - ลาต (al Lat) อยู่ที่ฎออีฟ (Taif) 2. อัล อุสสา (al Uzza) ที่นัคละฮ (Nakhlah) 3. อัล มะนาต (al Manat) อยู่ระหว่างมักกะฮและมะดีนะฮ (เราทราบอย่างแน่ชัด จาก คห. 10 และ 16)  ในการนับถือดวงจันทร์ นั้น Arab pagans  ไม่ได้นั่งกราบไหว้ดวงจันทร์  แต่ปั้นเป็นเจว็ด ขึ้นมา เป็น พระเจ้าแห่งดวงจันทร์ ที่นักธรณีวิทยาค้นพบใน ดินแดนอรับภาคตะวันออกกลาง ระหว่าง เตอรกี กับ อียิปต์ ในรูปข้างล่างนี้ ... ..................... โปรดสังเกต สัญญาลักษณ์ พระจันครี่งเสี้ยว ที่ หน้าอกของ เจว็ด จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 13:11:50

ความคิดเห็นที่ 22 มุสลิมผู้ใดก็ได้ครับอธิบายให้ ผุ้ต่างศาสนาทราบ ว่า ทำไม ตามยอดมัสยิด หรือสุเหร่า ทั่วโลก จึง ใช้เครื่องหมายดาวเดือน อยู่บนยอดโดม? ผมอยาทราบตามหลักวิชาประวัติศาสตร์  และถ้าไม่เกี่ยวกับความศรัทธาแล้ว นำมาติดไว้ทำไม? -------------------------------------------------------------------------------- ไม่เพียงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเท่านั้น หากแต่ดาวเดือน ก็ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นมุสลิมด้วย เครื่องหมายดาวเดือนเริ่มปรากฎขึ้นในสมัยราชวงศ์อุสมานียะฮ์ หรืออาณาจักรออตโตมานแห่งตุรกี นัยเดียวกับการสร้างพระพุทธรูป ที่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ออดโตมานสร้างดาวเดือนขึ้นเพื่อประดับธงทิว กองทัพมุสลิมในสงครามครูเสด การเลือกใช้ดาวเดือน ก็ด้วยเหตุสองประการ ประการหนึ่ง การเริ่มต้นถือศีลอดในเดือนรอมฎอน จะเริ่มต้นด้วยการดูเดือน ซึ่งเป็นหลักปฎิบัติเฉพาะในศาสนาอิสลาม อีกประการหนึ่ง เมื่อนำดาวมาติดที่เดือน จะมองเห็นเป็นรูป "ตัวนูน" อันเป็นพยัญชนะหนึ่งในภาษาอารบิค อันเป็นอักษรแรกของโองการหรือวรรคหนึ่ง จากคัมภีร์อัล-กุรอาน              "ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ (ซบ.) ชัยชนะก็เป็นสิ่งใกล้"                              (อัล-กุรอาน บทที่ ๖๑ วรรค ๑๓) คำว่าด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ พยัญชนะตัวแรกที่ใช้ถ้าเขียนเป็นภาษาอารบิค คือ "ตัวนูน" ฉะนั้น เครื่องหมายดาวเดือนจึงมีค่าเสมอเพียงการบอกความเป็นมุสลิม หาใช่สัญลักษณ์หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชาไม่ การสร้างพระพุทธรูปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จนกระทั่งพัฒนาการเป็นวัตถุมงคล รูปแบบต่างๆในวันนี้ ก็มีนัยสำคัญไม่แตกต่างกัน และไม่ใช่เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับอาหรับ หรือประเพณี การกราบไหว้ดวงจันทร์ของชาวอาหรับเลยครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 13:22:48

ความคิดเห็นที่ 23 และอย่างที่ผมบอก ว่านี่คือการจับแพะชนแกะของแมทท์ 1. อาหรับก่อนอิสลามไม่ได้นับถือเฉพาะดวงจันทร์ หรือเทพแห่งดวงจันทร์ แต่นับถือ ทุกอย่าง เพราะพวกนี้เป็นพวกที่บูชาเจว็ด และมีลัทธิใหญ่ๆ ดังๆ คือ ลัทธิบูชาไฟ 2. การบูชาเจว็ดสาปสูญไปเป็นเวลานานแล้วเป็นพันปี(หรือเกือบๆ) จากสมัยนบีถึงสมัยอาณาจักรออตโตมาน การที่คนตุรกี นำเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้มันจึงไม่เกี่ยวกับเทพอะไรที่แมทท์อ้างทั้งสิ้น 3. เราจะเห็นว่า สัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยว ก็จะมี ดาวตรงกลางด้วย ไม่ใช่ดวงจันทร์อย่างเดียว จะอ้างเทพแห่งดวงจันทร์ของอาหรับ ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้น ก็ทำใจเถอะครับ อย่าไปหวังสาระอะไรกับคนโกหกอย่างแมทท์ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 13:29:22

ความคิดเห็นที่ 24 ในระหว่างปี 1940 - 1950 นักธรณีวิทยา จี. คาลตัน ทอมพ์สัน, คารล์ตัน เอส. คูน, เวนเดล ฟิลลิปส์, ดับบริว.เอฟ. อัลไบรท์ และ ริชาร์ด บาวเว่อร์ ได้ ทำการขุดค้นในดินแดนแถบทางใต้ และ ทางเหนือ ของ อารเบีย  ได้พบเจว้ดต่างๆเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง เจว็ด ทั้งสามตัว คือ อัล - ลาต, อัล อุสสา, และ  อัล มะนาต ซึ่ง อยู่รวมกัน กับ พระเจ้าแห่งดวงจันทร์ ซึ่งมีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเป็นเครืองหมายที่หน้าอก,   หลักฐานทางธรณีวิทยานี้ นักธรณีเหล่านั้น สรุปว่าศาสนาของพวก Arab pagans  ที่ ใหญ่ และ เด่นในสมัยนั้น ได้แก่ศาสนาที่บูชาเจว็ด ทั้งสี่ตัวโดยเฉพาะ "พระเจ้าแห่งดวงจันทร์"     ถ้าจะเปรียบเทียบ อิทธิพลของศาสนาของ ชาว Arab pagans ที่มีอยู่เหนือ ดินแดน อรับใน ภาคตะวันออกกลาง  ก็เช่นเดียว กับ อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ ทาง เซ้าท์อีสท์เอเซีย ที่มีปะปนมาในศาสนาต่างๆทางแทบนี้,  แม้แต่ ในศาสนาอิสลามในเมืองไทยก็ตาม  เช่นการทำข้าวเหนียวเหลืองหน้าไก่ ในการแก้บน, การแห่แหนทำขวัญเด็กก่อนทำสุนัต ฯลฯ  ด้วยเหตุนี้ชาวอรับในภาคตะวันออกกลางจึงนิยมเอา เครื่องหมายดาวเดือนมาใช้  ตามสถานที่ต่างๆ Based on this history, many Muslims reject using the crescent moon as a symbol of Islam. The faith of Islam has historically had no symbol, and many refuse to accept what is essentially an ancient pagan icon. It is certainly not in uniform use among Muslims.    มุสลิมจำนวนมากที่คัดค้าน และ ต่อต้านการนำสัญญาลักษณ์ เดือนเสี้ยว มาเป็นสัญญาลักษณ์ ของศาสนาอิสลาม, แต่อิทธิพลของศาสนา Arab pagans ฝังอยู่ลึกใน ประเพณีอรับ ซึ่งไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยเหตุนี้มุสลิมส่วนมากจึงไม่อาจจะอธิบายได้ว่า ทำไมอิสลามจึงมีสัญญาลักษณ์ "เดือนเสียว"  ผู้ที่รู้ประวัติศาสตร์ก็ไม่กล้าเล่าความจริง      การเล่าความจริงจะมีประโยชน์ต่อมุสลิมรุ่นหลังๆจะได้เข้าใจว่า ตามยอด มัสยิดนั้น จำเป็นจะต้อง ติดดาวเดือนเสี้ยวเป็นเครื่องหมายหรือไม่ และ ติดไว้ทำไม? เป็นการเสี่ยงต่อการนับถือพระเจ้าองค์เดียว ตามหลักการอิสลามที่แท้จริง หรือไม?  สิ่งเหล่านี้มุสลิมโดยทั่วๆไป จะต้องนึกหาเหตุผล แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 14:16:47 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:12:42

ความคิดเห็นที่ 25 บอกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ว่า 1. อาหรับก่อนอิสลามไม่ได้นับถือเฉพาะดวงจันทร์ หรือเทพแห่งดวงจันทร์ แต่นับถือ ทุกอย่าง เพราะพวกนี้เป็นพวกที่บูชาเจว็ด และมีลัทธิใหญ่ๆ ดังๆ คือ ลัทธิบูชาไฟ 2. การบูชาเจว็ดสาปสูญไปเป็นเวลานานแล้วเป็นพันปี(หรือเกือบๆ) จากสมัยนบีถึงสมัยอาณาจักรออตโตมาน การที่คนตุรกี นำเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้มันจึงไม่เกี่ยวกับเทพอะไรที่แมทท์อ้างทั้งสิ้น 3. เราจะเห็นว่า สัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยว ก็จะมี ดาวตรงกลางด้วย ไม่ใช่ดวงจันทร์อย่างเดียว จะอ้างเทพแห่งดวงจันทร์ของอาหรับ ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ เพิ่มข้อ 4 ด้วยว่า 4. จากการบอกว่าขุดค้นพบแสดงว่า การบูชาเทพแห่งดวงจันทร์นั้น นอกจากจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายแล้ว ยังแสดงว่ามันสาบสูญจากดินแดนอาหรับเป็นเวลานานแล้วครับ การที่บอกว่าชาวบ้านอาหรับนำมาติดบ้านเรือนจึงเป็นเรื่องที่เดาเอาว่าทำในสมัยก่อนแต่ทำจริงไหมไม่รู้ แต่พอมีอิสลามแล้ว การนำมาประดับบ้านของชาวอาหรับไม่มีครับ ถ้ามีก็คงพบกันไปแล้ว ที่ค้นพบก็ต้องไปขุดกัน จากบทความทั้งหลาย ก็มีแต่พวกเติร์ก ที่เอาสัญลักษณ์นี้มาใช้ ไม่เกี่ยวกับชาวอาหรับเลย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:50:35

ความคิดเห็นที่ 26 ดูซิจะโทษชาวอาหรับได้สักกี่น้ำ เพราะที่แน่ๆ พวกอาหรับนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ผู้ที่นำมาใช้เป็นพวกเติร์กที่ไม่ได้เกี่ยวกับประเพณีอาหรับเลย หรือเรื่องการนับถือดวงจันทร์ก็ไม่ได้มีสอนให้ทำให้ฮะดีษด้วย ส่วนเรื่องสัญลักษณ์นั้น บทความภาษาอังกฤษ บอกคร่าวๆว่ามุสลิมจำนวนมากปฏิเสธจะใช้สัญลักษณ์นี้เพราะอิสลามในยุคแรก ไม่ได้ใช้สัญลักษณ์อะไร และจำนวนมากปฏิเสธที่จะยอมรับ สัญลักษณ์ของพวก pegan ด้วย ไม่ได้บอกว่าชาวบ้านอาหรับที่ไหนนิยมใช้กันนะครับ สำหรับสัญลักษณ์ดังกล่าว เพราะพวกเติร์กน่ะเอามาใช้ ก่อนหน้านั้น มุสลิมไม่ว่าอาหรับหรือไม่อาหรับเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสัญลักษณ์ไหน จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:56:54

ความคิดเห็นที่ 27 "การที่บอกว่าชาวบ้านอาหรับนำมาติดบ้านเรือนจึงเป็นเรื่องที่เดาเอาว่าทำในสมัยก่อนแต่ทำจริงไหมไม่รู้ แต่พอมีอิสลามแล้ว การนำมาประดับบ้านของชาวอาหรับไม่มีครับ ถ้ามีก็คงพบกันไปแล้ว"   ก็มีคนเขาพบแล้วว่าติดอยู่บนยอดมัสยิดไงละ,  ทำไมไม่ตอบเขาไปละว่าติดไว้ทำไม? แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 53 15:22:55 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:21:38

ความคิดเห็นที่ 28 ติดไว้เพราะอะไร? จะบ้าตาย นี่อ่านมั่งไหมเนี่ย เอามาเองแท้ๆ link นี้แล้วมันก็อยู่ก่อนประโยคที่ตัดมาแปะประโยคเดียว For hundreds of years, the Ottoman Empire ruled over the Muslim world. After centuries of battle with Christian Europe, it is understandable how the symbols of this empire became linked in people's minds with the faith of Islam as a whole. อ่านซะนะ นั่นเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ที่ ออตโตมานเติร์ก ที่ปกครองอาณาจักรอิสลามอยู่ใช้ครับ เลยเป็นที่นิยม และรู้กันโดยทั่วไป เหอะๆ นี่ไม่รู้หรือจงใจจะไม่รู้รับรู้ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:44:01

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าว่าแต่ติดมัสยิด นี่ผมว่าจะเอายี่ห้อรถตัวเองออกแล้วเอาดาวเดือนติดซะหน่อย จะเอาคำว่าอัลลอฮฺ และท่านนบีไปติดรถ มันก็กระไรอยู่ ไม่สมควร แต่สัญลักษณ์ ดาวเดือน ใครก็รู้ว่าหมายถึงมุสลิม แล้วไม่ใช่สิ่งที่สำคัญในศาสนา ก็เลยน่าจะติดได้ หรือจะผมเอารูป โรตี มาแทน นั่นก็เป็นอาหารแถบเอเชียกลาง จะหาว่าผมบูชาเทพแห่งโรตีอีก หรือจะใช้แกงแพะ ทีนี้หนักเลย หาว่าผมบูชาแพะ ที่เป็นสัญลักษณ์นึงของเทพแพนอีกตะหาก คนมันปากพล่อยโจมตีไม่เลือกก็แบบนี้ ไม่ได้ดูเลยว่า สัญลักษณ์ให้คนเข้าใจ กับสิ่งบูชามันคนละเรื่องกัน แล้วจริงๆ บทความที่คุณเอามาน่ะ ก็บอกนะครับว่า มันเป็นความเชื่อของชาวเอเชียกลาง แล้วก็แถบไซบีเรีย ไม่ใช่ตะวันออกกลาง เอเชียกลางน่ะแถวๆ ประเทศสถานๆ ทั้งหลาย ไม่ใช่อาหรับอีกตะหาก เห้ออออออออออออ ตะบี้ตะบันโยนอุนจิใส่อาหรับอยู่เรื่อยไปไม่ได้ดูหงส์ดูห่านอะไรกับเค้าเลย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:51:01

ความคิดเห็นที่ 30 สนุกดี มางชื่อ ปูเสื่อรออ่าน จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 22:16:37

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่ต้องโอดครวญไป...#25-26-28-29.^^ ข้อความข้างล่างนี้อ้างมาจาก คำอธิบายของ Carroth  ไม่ใช่หรือ?     เราทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่า Arab pagans นับถือ "ดวงจันทร์" และพวก Arab pagans ไม่ได้ถือเอาเฉพาะดวงจันทร์ (จาก คห. 16) แต่ยังกราบไหว้ เจว็ด อีก สามตัวข้างล่างนี้   1. อัล - ลาต (al Lat) อยู่ที่ฎออีฟ (Taif) 2. อัล อุสสา (al Uzza) ที่นัคละฮ (Nakhlah) 3. อัล มะนาต (al Manat) อยู่ระหว่างมักกะฮและมะดีนะฮ (เราทราบอย่างแน่ชัด จาก คห. 10 และ 16)  ถ้าจะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ก็ไปลบ คห. 10 และ 16 ทิ้งเสียซะซิ  ผมไม่ว่าอะไรหรอก^^  เรื่อง Arab pagans  ไหว้พระจันทร์ ยังเล่าไม่จบ, ผมกลับจากทำงานแล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อ เรื่องราว ของ Ancient Arab pagans  ก่อนท่านศาสดามูฮัมมัด นั้นยังมีมาก     Ottoman Empire ใช้ดาวเดือนนั้นมาทีหลัง  Ancient Arab pagans     อ.ฟารีด เคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยท่านศาสดามูฮัมมัด ประกาศอิสลาม ต่อ พวกAncient Arab pagans  นั้น น่าปวดหัว, พอท่านรอซูลสอนอยู่หยกๆ ว่า พระเจ้ามีอยู่องค์เดียว คือ อัลลอฮ์  เจ้าต้องเคารพบูชาพระเจ้าองค์เดียว,    Ancient Arab pagans   ก็ตอบรับ ว่าจะเคารพบูชาพระเจ้าองค์เดียว, แต่พอท่านรอซูลหันหลังกลับ, Ancient Arab pagans   ก็กลับไปไหว้ เจว็ดต่อ,  ลองไปถาม อ.ฟารีด ดูซิว่า Ancient Arab pagans  ในสมัยท่านรอซูลนั้น ก่อน หรือหลังOttoman Empire จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 02:37:17

ความคิดเห็นที่ 32 ก็แหกตาดูสิครับว่า การนำดาวเดือนมาใช้อ่ะ ใครนำมา แล้วแพร่กระจายเพราะใคร ประวัติศาสตร์ที่คุณเอามาอ้าง ก็บอกแล้วว่า พวกเติร์กน่ะใช้ จนแผ่ขจายไปทั่วอาณาจักรมุสลิม ที่เติร๊กปกครองเป็นร้อยๆ ปี ไม่ได้เกี่ยวกับอาหรับเลย เพราะก่อนหน้าเติร์ก อาหรับเองก็ไม่ได้ใช้ดาวเดือนเป็นสัญลักษณ์ แล้วดันมาโทษอาหรับ? นี่มีปัญหาทางสมองป่ะเนี่ย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 11:19:29

ความคิดเห็นที่ 33 For hundreds of years, the Ottoman Empire ruled over the Muslim world. After centuries of battle with Christian Europe, it is understandable how the symbols of this empire became linked in people's minds with the faith of Islam as a whole ถ้าไม่ได้อ่านก็อ่านซะนะ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 11:24:31

ความคิดเห็นที่ 34 เอ่อ คือ กำลังจะทะเลาะกันอีกแล้วเหรอคะ คู่นี้ จากคุณ : ai_chun เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 13:40:28

ความคิดเห็นที่ 35 รับรองว่าไม่มีการทะเลาะกันแน่ๆครับ...ตบมือข้างเดียวไม่ดังแน่ๆ Carroth ว่า,  "ประวัติศาสตร์ที่คุณเอามาอ้าง ก็บอกแล้วว่า พวกเติร์กน่ะใช้"    คุณอ่านดูคำอธิบายผมให้ดีๆซิครับ ที่ผมลิ้งค์ให้  Carroth  นั้นนะ เป็นสิ่งเท่าที่คุณทราบเนือ่งจากคุณ อ้าง  Ottoman Empire  ผมจึงนำมาให้คุณอ่าน เพราะเรื่องนั้นเป็นตอนปลาย, ที่แยกสายออกไปคนละเรื่องเท่านั้น, แต่เรื่อง Ottoman Empire นั้นไม่มีความสำคัญมากที่สามารถโน้มจิตใจของชาวอรับให้นำมาใช้เป็นเครื่องหมายแทนศาสนาได้ .............   พระจันครึ่งเสี้ยว นี้มีความสัมพันธ์ กับ ชีวิต Arab pagans มาตั้งแต่ ท่านรอซูมุฮัมมัด  ยังไม่เกิด,  และนักประวัติศาสตร์ มุสลิมเราไม่อาจจะปฏิเสธ ได้เลยว่า  "พระเจ้าแห่งดวงจันทร์" นั้นมี ลูกสาวสามนาง คือ 1. อัล - ลาต (al Lat) อยู่ที่ฎออีฟ (Taif),2. อัล อุสสา (al Uzza) ที่นัคละฮ (Nakhlah) และ 3. มะนาต (Manat ไม่มี คำว่า อัล - อยู่ข้างหน้า) อยู่ บริเวณ อัลฮิญาซซฺ ทางตะวันตกของซาอุดิอารเบียใกล้ๆ กับ มักกะฮและมะดีนะฮ (ตามที่ Carroth  นำมากล่าวไว้ ไง) คุณจะเห็นว่า เจว็ดลูกสาวคนที่ 1 และ คนที่ 2 นั้น ได้ชื่อตาม  "พระเจ้าแห่งดวงจันทร์",  เขาทั้งสองมี ศาลเจ้าที่สถิตย์ เป็นส่วนตัว ใกล้ๆ กับ กรุงมักกะห์  เรื่องศาสนาของ Arab pagans  นี้น่าสนใจ และเป็นสิ่งที่มุสลิมทุกๆคนควรจะศึกษา เพื่อจะได้แยกออกว่า อะไรที่เป็นประเพณีอรับแต่ไม่ใช่อิสลาม, และอะไรที่มุสลิมไม่ควรปฏิบัติตาม สิ่งที่ชาวอรับในปัจจุบันปฏิบัติ,  โดยที่เราไม่ทราบที่มาที่ไป และเหตุผลของการปฏิบัติ   ในตอนต่อไป มุสลิมจำเป็นจะต้อง ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ระหว่างการเชื่อพระเจ้า ของ Arab pagans  กับ การเศรัทธาต่อพระเจ้า ตามหลักการของอิสลาม เรื่องนี้สำคัญมาก เนื่องจากอิสลาม ถูกนักวิชาการบางกลุ่มความพยายามที่จะ รวมสองสิ่งที่ใกล้เคียงในทางภาษาเข้าด้วยกัน  ซึ่งผมจะเสนอต่อไป  ซึ่งจะทำให้เราทราบว่า ทำไม สัญญาลักษณ์ ดาวและเดือนจึง ไปติดอยู่บนยอดโดม ของมัสยิดทั่วโลก  เมื่อถูกถามก็ไม่มีผู้ใดตอบได้ หรือ ไม่ก็ไม่กล้าตอบ เพราะไม่มีเหตุผลอย่างอื่นล  การที่นำสิ่งใดมาเป็นสัญญาลักษณ์ ทางศาสนาจะต้องมีเหตุผลพอเพียง     ถ้ามุสลิมชอบกินโรตี ก็เอาแผ่นโรตี แขวนไว้หน้าบ้าน  แสดงว่าเป็นบ้านมุสลิม ยังมีความหมายมากกว่า  ดาวเดือน บนยอดมัสยิด ซึ่งไม่มีความหมายอะไรในการเป็นมุสลิมหรือเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามเลยแม้แต่น้อย, ด้วยเหตุนี้ ดาวเดือน จะต้องมี ความหมายที่สำคัญ ที่ชาวอรับในปัจจุบันนำมาใช้เป็นสัญญาลักษณ์ ทางศาสนา และผมก็ได้อธิบายไปแล้วว่า  เป็นเศษที่หลงเหลือ มาจาก ศาสนาของ Arab pagans ซึ่งมุสลิมไม่ควรนำมาใช้อีกต่อไป      อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ ในบ้านเรานั้นมีมาก เป็นศาสนาที่เก่าแก่ กว่า อิสลาม เป็นพันๆปี   มุสลิมในไทยเรา, มุสลิมในอินโดนีเซีย, และมุสลิมในมาเลเซีย  ยังมีการเอาพิธีพราหมณ์เข้ามาใช้ในศาสนกิจของอิสลาม จนถึงทุกวันนี้,  แล้วนับประสาอะไรกับ ศาสนาของ Arab pagans ที่ใกล้ชิด กับมุสลิมอรับ ไม่ถึง พันปี จะไม่มีอิทธิพลเหนือ ประเพณีอรับในปัจจุบัน ซึ่งผมจะอธิบายต่อไป จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 14:37:18

ความคิดเห็นที่ 36 จับแพะชนแกอีกตามเคยครับ เพราะเรื่องนี้หลักสำคัญเลยคือ 1. อาหรับก่อนอิสลามไม่ได้นับถือเฉพาะดวงจันทร์ หรือเทพแห่งดวงจันทร์ แต่นับถือ ทุกอย่าง เพราะพวกนี้เป็นพวกที่บูชาเจว็ด และมีลัทธิใหญ่ๆ ดังๆ คือ ลัทธิบูชาไฟ และ เทวรูปดังๆ สามตัว ไม่ได้มีสัญลักษณ์เกี่ยวกับดวงจันทร์ครับ หรือที่บอกว่าเป็นบุตรสาวเทพแห่งดวงจันทร์นั้นผมก็ยังอ่านไม่เจอนะ ถ้ามีเอามาให้ดูหน่อย อ่านเจอแต่แบบนี้นะครับ Al-Uzzá (Arabic: العزى‎) was one of the three chief goddesses of Arabian religion in pre-Islamic times and was worshiped as one of the daughters of Allāh by the pre-Islamic arabs Allāt or Al-Lāt (Arabic: اللات‎) was a pre-Islamic Arabian goddess who was one of the three chief goddesses of Mecca. She is mentioned in the Qur'an (Sura 53:19), which indicates that pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá. Manāt (Arabic: مناة‎) was one of the three chief goddesses of Mecca.[1] The pre-Islamic Arabs believed Manāt to be the goddess of fate. She was known by the cognate name Manawat to the Nabataeans of Petra, who equated her with the Graeco-Roman goddess Nemesis and she was considered the wife of Hubal.[2] She is also mentioned in the Qur'an (Sura 53:20) that pre-Islamic Arabs believed as one of the daughters of Allāh along with Allāt and Al-‘Uzzá. ผมก็ไม่รู้ว่าคุณไปเอามาจากไหนว่าเป็นลูกสาวของเทพแห่งดวงจันทร์อะไรของคุณ 2. การบูชาเจว็ดสาปสูญไปเป็นเวลานานแล้วเป็นพันปี(หรือเกือบๆ) จากสมัยนบีถึงสมัยอาณาจักรออตโตมาน การที่คนตุรกี นำเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้มันจึงไม่เกี่ยวกับเทพอะไรที่แมทท์อ้างทั้งสิ้น แล้วที่บอกว่า อาณาจักรออตโตมานไม่มีความสำคัญมากที่สามารถโน้มจิตใจของชาวอรับให้นำมาใช้เป็นเครื่องหมายแทนศาสนาได้ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวโดยปราศจากหลักฐานอ้างอิง เพราะอาหรับก็เพิ่งมาใช้สัญลักษณ์ดาวเดือนนี่ หลังจากพวกเติร์กนำมาใช้ เออถ้าเจอหลักฐานการใช้ดาวเดือนนี้ในเป็นจำนวนมากในสังคมอาหรับมุสลิมก่อนพวกเติร์กนำมาใช้ก็ว่าไปอย่าง 3. เราจะเห็นว่า สัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยว ก็จะมี ดาวตรงกลางด้วย ไม่ใช่ดวงจันทร์อย่างเดียว จะอ้างเทพแห่งดวงจันทร์ของอาหรับ ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ 4. ไม่มีมุสลิมคนไหนเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้บูชาครับ ถ้าโจมตีกันมั่วๆ แบบนี้ ใครเอาสัญลักษณ์อะไรมาใช้ก็โดนหมดครับ อย่างที่บอกว่า อาหรับกราบไหว้ทุกอย่าง ถึงคุณจะเอาโรตีมาเป็นสัญลักษณ์ ก็โดนโจมตีเช่นกัน เพราะในวิหาร ที่มักกะห์นั้นมีรูปปั้น 300 กว่ารูป ที่สันนิษฐานว่าดวงจันทร์ต้องมีความหมายอะไรมากกว่านั้น ในเชิงที่จะให้ใส่ร้ายว่าชาวอาหรับเอาสัญลักษณ์นี้ มาแทนพระเจ้า จึงเหลวไหล ไร้สาระ  เพราะถ้าจะหาเรื่องแล้วล่ะก็ เอาอะไรมาเป็นสัญลักษณ์ หรือให้เป็นที่รู้กัน มันก็สามารถโยงไปหา วัฒนธรรม pagans ได้ทั้งหมด เพราะสังคมอาหรับสมัยก่อน ยังป่าเถื่อน อยู่ สามารถหาวัตถุมาบูชาได้ทั้งสิ้น แต่ประวัติศาสตร์ชี้ชัดอยู่แล้วครับว่า การใช้ดาวเดือนเป็นสัญลักษณ์นั้น เริ่มแพร่หลายในสมัยออตโตมัน หรือสมัยที่ชาวเติร์กปกครอง การโยนความผิดให้ชาวอาหรับ จึงเป็นเรื่อง ที่มั่วนิ่มอย่างน่าละอายที่สุด เพราะไม่ได้เกี่ยวกันเลย คิดดูนะครับ คนเอามาใช้ก็ไม่ใช่อาหรับ การบูชาดวงจันทร์เป็นวัฒนธรรมอาหรับก่อนอิสลามชาติเดียวไหม? ก็ไม่ใช่ แล้วอาหรับบูชาดวงจันทร์อย่างเดียวไหมในสมัยก่อนอิสลาม ก็ไม่ใช่อีก แล้วดันทะลึ่งบอกว่า เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมบูชาเจว็ดของอาหรับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 15:06:32

ความคิดเห็นที่ 37 อ้อ..?? คุณเชื่อว่าเรื่องราวนี้เป็นความจริงหรือ?  ไปเอามาจากที่ใดไม่ทราบ? "Allāt or Al-Lāt (Arabic: اللات‎) was a pre-Islamic Arabian goddess who was one of the three chief goddesses of Mecca. She is mentioned in the Qur'an (Sura 53:19), which indicates that pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá"  ผมยังไม่กล้าที่จะเชื่อนะครับว่ามันเป้นไปได้? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 15:23:50

ความคิดเห็นที่ 38 ผมขอถามย้ำ ว่าคุณเชื่อใน ข้อความของ ตห. 36 หรือไม่? "Allāt or Al-Lāt (Arabic: اللات‎) was a pre-Islamic Arabian goddess who was one of the three chief goddesses of Mecca. She is mentioned in the Qur'an (Sura 53:19), which indicates that pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá"  ผมไม่ได้ถามถึงความศรัทธา ผมรู้แน่ว่ามุสลิมจะเชื่อเช่นนั้นไม่ได้ แต่ผมถามว่าคุณเชื่อว่า ข้อความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของ Arab pagans ในเรื่องที่ว่า  "pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá" ผมอยากทราบว่าคุณเข้าใจที่คุณโพสต์หรือไม่?   แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 53 18:24:01 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 17:29:11

ความคิดเห็นที่ 39 เอามาจากที่ใดเหรอครับ ก็หลายที่เลยแหละ ตั้งแต่ http://www.answering-christianity.com/allah2.htm The use of the pagan idol's name "al-lat" to try and prove that "Allah" is the masculine gender whereas "al-lat" is the feminine gender is ridiculous, since this can be refuted from the history of the early Arabs who used to worship idols including "al-lat", but they have always maintained that "Allah" was The Supreme God; The God of Abraham. The pagan Arabs, prior to Islam, never claimed that "Allah" is an idol, nor can any critic bring any proof to "Allah" being a name for any carved idol that was worshipped by the pagan Arabs. And as a matter of fact, the Quran rebukes the Arab pagans for taking "al-lat", "al-uzza" and "manat" as the daughters of "Allah"! http://www.muslim.org/islam/allah.htm Moreover, Lat, Manat and Uzza were believed by them to be daughters of Allah, as the Quran says:    "Have you then considered Lat and Uzza, and the third, Manat? Are the males for you and for Him the females" (53:19-21). The Quran is here pointing out the contradiction in their beliefs, that they ascribed daughters to Allah, but preferred to have sons themselves! So Lat being believed as a daughter of Allah, could not possibly be regarded by them as the female equivalent of Allah. และ http://en.wikipedia.org/wiki/All%C4%81t Allāt or Al-Lāt (Arabic: اللات‎) was a pre-Islamic Arabian goddess who was one of the three chief goddesses of Mecca. She is mentioned in the Qur'an (Sura 53:19), which indicates that pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá. เป็นที่ทราบกันครับ ว่าเป็นความเชื่อของอาหรับโบราณ ว่า ทั้งสามตัวนี้ถูกเชื่อแบบผิดๆ อย่างไร ซึ่งจริงๆ ก็ยังมีกล่าวในทำนองเดียวกันอีกว่า 16:57. และพวกเขาตั้งบุตรีให้แก่อัลลอฮ์มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ และสำหรับพวกเขามีสิ่งที่พวกเขาใคร่จะมี 16:58. และเมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับข่าวว่าได้ลูกผู้หญิง ใบหน้าของเขากลายเป็นหมองคล้ำและเศร้าสลด 16:59. เขาจะซ่อนตัวเองจากกลุ่มชน เนื่องจากความอับอายที่ได้ถูกแจ้งแก่เขา(*1*) เขาจะเก็บเอาไว้ด้วยความอัปยศหรือฝังมันในดิน พึงรู้เถิด ! สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจนั้นมันชั่วแท้ ๆ แล้วมันมีปัญหาอะไรกับสิ่งที่ผมโพสต์ไม่ทราบ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 19:02:44

ความคิดเห็นที่ 40 ซึ่งผมต้องการให้ทุกคนทราบ เกี่ยวกับความเชื่อของอาหรับครับว่า ไม่ได้มีแต่ดวงจันทร์ แต่มีหลายอย่างครับ ดังนั้นเรื่องสัญลักษณ์ดาวเดือนน่ะ คนเอามาใช้ก็ไม่ใช่อาหรับ การบูชาดวงจันทร์เป็นวัฒนธรรมอาหรับก่อนอิสลามชาติเดียวไหม? ก็ไม่ใช่ แล้วอาหรับบูชาดวงจันทร์อย่างเดียวไหมในสมัยก่อนอิสลาม ก็ไม่ใช่อีก แล้วดันทะลึ่งบอกว่า เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมบูชาเจว็ดของอาหรับ มันเป็นการกล่าวหาแบบปัญญาอ่อนครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 19:04:30

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วผมมีหน้าที่อะไรต้องมาคอยปกป้องอาหรับไหม? ก็เปล่าครับ แต่ผมอยากให้รู้ว่า คนอย่างแมทท์นั้น ได้แต่ตะบี้ตะบันโจมตีแบบมั่วซั่วนั่นเอง โดยสันดานนั้นชอบใส่ความฮะดีษว่ามาจากประเพณีอาหรับ ก็เลยโจมตีอาหรับจนชิน พอมาเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอาหรับ แต่เป็นเรื่องของพวกเติร์ก ก็ยังจะลากอาหรับมาโจมตีแบบโง่ๆ ได้ ผมเลยอยากให้ทุกคนเห็นครับว่า สันดานเป็นแมทท์เป็นแบบไหน หุุหุ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 19:06:27

ความคิดเห็นที่ 42 จากเหตุผลต่างๆที่  Carroth อธิบายพร้อมเอกสารอ้างอิงอย่างพร้อมเพรียงนี้  Carroth เห็นว่า การ การที่อรับมุสลิมรวมทั้งมุสลิมในประเทศต่างๆและ มุสลิมไทยด้วยใช้ "สัญญาลักษณ์ เดือนเสี้ยวกับดวงดาว" ประดับ ไว้บนยอดมัสยิดนั้น เป็นสิ่งที่สมควร และเหมาะสมกับ ศาสนาอิสลาม,  เป็นสิ่งที่ถูกต้องกับหลักความศรัทธาของอิสลาม และสมควรทำต่อเนื่อง ตลอดไป ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด  และเพื่อให้แน่ใจ  Carroth  แน่ใจว่าการใช้สัญญาลักษณ์ เดือนเสี้ยวและดาวเป็นเครื่องหมายของอิสลามหรือความเป็นมุสลิมนั้นไม่ขัดต่ออิสลามและเป็นที่อนุมัติในศาสนาอิสลาม ? แต่มันเป็นเพียงความมั่วของผมที่ไม่มีความรู้ทั้งทางประวัติศาสตร์ อรับและ หลักการของอิสลาม และเกลียดอาหรับ ปฏิเสธ ฮาดีษ ดังนั้นผม จึงได้แสดงความคิดเห็นเช่นนี้..ช่วยอธิบายยืนยันด้วย จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 23:21:37

ความคิดเห็นที่ 43 การบูชาดวงจันทร์นั้นเป็นการปฎิบัติกันในศาสนาของ ชนเผ่าอรับ (Arab pagans) ในดินแดน อารเบีย เป็นเวลานาน กว่า 2000 กว่าปี ก่อน คริสต์กาล และ การเคารพบูชา “สัญญาลักษณ์ จันทร์เสี้ยว” ของพวก pagan  นี้ เป็นการปฏิติอย่างธรรมดาของพวกเขา  ถอยหลังไป 2000 กว่าปีก่อน คริสต์กาล เช่นเดียวกัน, นั้นคือ ก่อนยุค Middle Ages และ ยุคของ Ottoman Empire ไม่มีผู้ใดทราบเหตุผล,อย่างแน่นอนในการใช้ ดาวเดือนเป็นเครื่องหมายของ Ottoman Empire1299 to 1923. ที่ ปกครองสังคมมุสลิมอรับ ในภาคตะวันออกกลาง (ซีเรีย, ปาเลสไตน์ อารเบีย และ อียิปต์)    เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้เราจะเห็นได้ว่า Ottoman Empire  เกิดขึ้นในยุคหลัง Arab pagans ที่ บูชา “ดวงจันทร์” และ พระเจ้าแห่งดวงจันทร์ ประมาน เกินกว่า 2000 ปี  นักประวัตติศาสตร์ มุสลิม ส่วนมากจะอธิบาย เรื่อง สัญญาลักษณ์ จันทร์ เสี้ยว  เริ่มแต่ สมัยที่Ottoman Empire ครอบครอง ดินแดนมุสลิม  ดังนั้นมุสลิมจึงยอมรับ สัญญาลักษณ์  ดาวและเดือนเสี้ยว มาจาก ชาวเตอร์ ซึ่งมุสลิมอรับ อยู่ใต้อำนาจเตอร์กมาก่อน  ด้วยเหตุผลที่เป็นไปไม่ได้ ที่ผู้ที่ตกเป็นเมืองขึ้นมาก่อนเมื่อเป็นเอกราชแล้ว จะรับเอาเครื่งหมาย ของศัตรู มาเป็น สัญญาลักษณ์ ของบ้านเกิดเมืองนอนของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำมาเป็นเครื่องหมายแทนอิสลามและ มุสลิม ตามคำอธิบายของ ..... ความคิดเห็นที่ 8 ที่อธิบายว่า..  "เพราะมุสลิมคิดว่า  สัญลักษณ์แห่งจันทร์เสี้ยวนั้นแทนด้วยศาสนาอิสลาม  มันก็เหมือนกับคริสต์หรือไม่ก็พุทธ  ที่ต้องมีไม้กางเขนหรือไม่ก็เสมาธรรมจักรอยู่ใช่ไหมละครับ  เพื่อบอกถึงความเป็นตัวตนของสถานที่นั้นว่าเป็นของศาสนาไหนกันแน่" และความคิดเห็นที่  29 ของ Carroth "แต่สัญลักษณ์ ดาวเดือน ใครก็รู้ว่าหมายถึงมุสลิม แล้วไม่ใช่สิ่งที่สำคัญในศาสนา ก็เลยน่าจะติดได้" ข้อนี้ Carroth ตอบด้วยความไม่แน่ใจว่าใช้ได้หรือไม่ได้, มีความลังเลใจ, เนื่องจากไม่เข้าใจหลักการของอิสลามแม่บทที่แท้จริง ความคิดเห็นที่ 22 ของ Carroth  ฉะนั้น เครื่องหมายดาวเดือนจึงมีค่าเสมอเพียงการบอกความเป็นมุสลิม หาใช่สัญลักษณ์หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชาไม่ การสร้างพระพุทธรูปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จนกระทั่งพัฒนาการเป็นวัตถุมงคล รูปแบบต่างๆในวันนี้ ก็มีนัยสำคัญไม่แตกต่างกัน สรุปความคิดเห็นของ มุสลิมทั้งสอง อธิบายว่า    สัญญาลักษณ์ดาวเดือน ที่ใช้ในศาสนาอิสลามนั้น เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ แทนอิสลาม เพื่อบอกความเป็นมุสลิม, ของสถานที่ เช่น มัสยิด,ประเทศ และสถานธุระกิจของมุสลิม         เช่นเดียวกับ คริสต์หรือไม่ก็พุทธ  ที่ต้องมีไม้กางเขนหรือไม่ก็เสมาจักรอยู่ บนยอด โบสถ์ หรือ ตามกำแพงวัด, ไม่ใช่ใช่สัญลักษณ์หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชา  เช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช      หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มุสลิมเช่น Carroth และพรรคพวก อาจจะใช้ เทวรูป ประดับไว้บนยอดมัสยิด เพื่อเป็น สัญญาลักษณ์ ของอิสลามและมุสลิมได้  ทั้งนี้เพราะว่า อิสลามและมุสลิม ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาแทนพระเจ้า  ที่กล่าวมานี้ เป็นการอธิบาย ของ Carroth จาก คห. 8 -22 และ 29 เกี่ยวกับ  คำถามที่ว่า.. ทำไมจึงประดับเครื่องหมายนี้ไว้บนยอดของมัสยิด,ซึ่งเป็นสถานที่เคารพและปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมครับ? .................    แต่เนื่องจากว่า "ความใกล้ชิดของ จันทร์เสี้ยว กับ อาหรับ และ  Arab pagans  นั้นมีอย่าง ลึกซึ้งมาก่อน สมัย  Ottoman Empire ซึ่งมุสลิมอรับส่วนมาก จะอธิบาย ว่ามาจาก อิทธิพลของเตอร์ก ที่ อรับมุสลิม นำเดือนเสี้ยว มาใช้ เป็นสัญญาลักษณ์ ของอิสลาม "การอธิบายว่า เป็นลักษณะของ อักษรอรับ "นูน" นั้น เป็นการอธิบายหลีกเลี่ยงในภาย หลังๆ จากที่ รู้สึกในความผิดพลาดตามหลักการของอิสลาม"      จากเอกสารทางประวัติศาสตร์ ของคริสเตียน และชองมุสลิม ที่ Carroth นำมาอ้างอิงนั้น เราจะสืบได้ว่า "เดือนเสี้ยวนี้" เป็นสิ่งที่ตกค้างมาจาก ศาสนาของ Arab pagans ซึ่ง  เคารพบูชาพระเจ้าดวงจันทร์, ซึ่งฝังรกรากใน ดินแดน อารเบีย มากว่า 2000 ปี ก่อน คริสตกาล ก่อนที่ Ottoman Empire จะเข้ามาปกครอง ดินแดนอรับ ซึ่งจะอธิบายต่อไป http://en.wikipedia.org/wiki/All%C4%81t Allāt or Al-Lāt (Arabic: اللات‎) was a pre-Islamic Arabian goddess who was one of the three chief goddesses of Mecca. She is mentioned in the Qur'an (Sura 53:19), which indicates that pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá. a pre-Islamic Arabian goddess ที่กล่าวในที่นี้ ทางประวัติศาสตร์ที่ นักประวัติศาสตร์ ชาวคริสเตียน, นำมาอธิบาย  สาเหตุว่า "ทำไมมุสลิมจึงใช้สัญญาลักษณ์ ดาวและเดือนเสี้ยว"  สนับสนุนด้วย คำอธิบาย ของนักประวัติศาสตร์ ชาวปากีสตาน ที่จะอธิบายต่อไป (ผมจะนำคำอธิบาย ของทั้งมุสลิมและคริสเตียน มาชี้แจงในเรื่องนี้ต่อไป แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 14:33:26 แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 14:20:31 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 14:10:31

ความคิดเห็นที่ 44 ก่อนที่จะดำเนินเรื่อง ของ "พระเจ้าแห่งพระจันทร์ครื่งเสี้ยว" ของ Arab pagans ต่อไป  จะย้อนกลับไปดู สมัย Middle Ages ราวๆศรรษวรรตที่ 5-15 ซึ่งเป็นยุคเดียวกับ Ottoman Empire และเป็น สมัยที่ กรีก ใช้ สัญญาลักษณ์  "ดาวและเดือนเสี้ยว" เป็นสัญญาลักษณ์แทน เทพเจ้าหญิง แห่ดวงจันทร์ ใช้เพื่อการเคารพบูชา,    ซึ่งต่อมา "มุสลิม" นำมา ใช้เป็นสัญญาลักษณ์ "แทนศาสนาอิสลามและสัญญาลักษณ์แห่งความเป็นมุสลิม" ประดับอยู่บนยอดมัสยิด  สถานที่ประกอบศาสนกิจเคารพบูชา "อัลลอฮฺ" ที่สำคัญของมุสลิม  ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว  ผมคิดว่า Carroth และ อาหรับมุสลิม คงไม่เอาเครื่องหมาย  เทพเจ้าหญิง ของกรีกมาเป็นเครื่องหมายของ “ศาสนา อิสลาม” และติดไว้บนยอดมัสยิดใช่ไหม?    ทั้งนี้เพราะว่าอาจจะเป็นการสร้างภาคีอย่างชัดแจ๋วเลย, ในเมื่อมุสลิมรู้แก่ใจว่า เป็นสัญญาลักษณ์ ของ เทพเจ้าของกรีก? หรือว่า OK สำหรับ Carroth และ อรับมุสลิม ?    การที่ผมไม่นำสัญญาลักษณ์  ดาวและเดือนเสี้ยว ของกรีก และของ Ottoman Empire มาเกี่ยวข้องกับ Arab pagans   ก็เพราะว่า ไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม ที่ชาวอาหรับจะยอมรับ เทพเจ้าของ ศาสนาใดๆมาเป็นสัญญาลักษณ์ ของอิสลาม นอกจาก สิ่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาและประเพณีอรับมาก่อน    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสนาของ Arab pagans เชื่อศรัทธาต่อพระเจ้าแห่งดวงจันทร์ของเขามาแล้ว, ซึ่งมีอิทธิพลต่อประเพณีของอาหรับเป็นอย่างมาก, มีมาก่อนกำเนิด ของOttoman Empire. ซึ่งจะเห็นว่า นอกจากสัญญาลักษณ์ของ จันเสี้ยวแล้ว, ยังมี สัญญาลักษณ์ ต่างๆ ของศาสนา ของ  Arab Pagans ที่หลงเหลืออยู่ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในศาสนาอิสลาม ตามประเพณีอรับ และเห็นได้อยู่ในปัจจุบันนี้    ไม่ว่าCarroth และมุสลิมอรับจะแก้ตัวหลีกเลี่ยง ความจริงทางประวัติศาสตร์อย่างไรก็ตาม  การนำ สัญญาลักษณ์ ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคารพบูชาของลัทธิศาสนาใดก็ตามมาเป็นสัญญาลักษณ์ ของอิสลาม และ ความเป็นมุสลิมนั้น, เป็นการชักจูงและปลูกฝังความเชื่อเข้าไปในจิตใจ ของมุสลิม, เมื่อเวลาได้ผ่านไป, นานเข้านานเข้า, เครื่องหมาย "ดาวและเดือนเสี้ยว" นี้ จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่ง ของอิสลาม ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้   การตั้งสัญญาลักษณ์อะไรก็ตามให้กับอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นแผ่นโรตี หรือ ดาวเดือน ก็ตามเป็น การกระทำ ชิริก ตามความเชื่อถือในพระเจ้าองค์เดียวของอิสลาม แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 20:29:15 แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 20:25:05 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 20:14:14

ความคิดเห็นที่ 45 เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้ผมขอย้ำต่อผู้อ่านอีกครั้งว่า เครื่องหมาย "ดาวและเดือนครึ่งเสี้ยว" ที่เห็นอยุ่บนยอดมัสยิดนั้น  ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เพราะว่าอิสลามเข้มงวดกวดขันมากในเรื่องการศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวไม่มีสิ่งอื่นใดที่สมควรต่อการเคารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น, ไม่ทั้งภาพพจน์ของสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม      เป็นการเข้าใจผิดเป็นอย่างยิ่ง ของมุสลิม (คห. 8-11-22), ที่เข้าใจว่า อิสลามอนุญาตให้ใช้ เครื่องหมายดาวเดือนเสี้ยว แทนสัญญาลักษณ์ ของ อิสลาม ในทุกๆ กรณี, โดยเฉพาะซุนนีย์มุสลิมที่เชื่อใน “ฮาดีษ” ย่อมเข้าใจได้ดีว่า อิสลามห้าม เจว็ด ในรูปร่างลักษณะใดๆที่เป็น ภาพพจน์ ของสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น, นำมามีส่วนเกี่ยวข้องกับ ศาสนาอิสลาม  เนื่องจากกาลเวลาล่วงเลยมานาน ที่มุสลิม ติดเครื่องหมาย ดาวและเดือนเสี้ยว ไว้บนยอดมัสยิด โดยปราศจากเหตุผล,    การอ้างว่าเป็นสัญญาลักษณ์ของศาสนาอิสลามไม่เป็นการถูกต้อง  ผมจึงอยากจะแนะนำว่า ถ้ามีผู้ถามเกี่ยวกับ เครื่องหมายจันทร์เสี้ยว ว่าทำไมจึงประดับเครื่องหมายนี้ไว้บนยอดของมัสยิด  เราอาจจะตอบว่า  ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดไว้ทำไม,  แต่ถ้าจะให้อธิบายอาจจะอธิบายได้ว่า ดังนี้        เครื่องหมายจันทร์เสี้ยว  ไม่ใช่สัญญาลักษณ์ของศาสนาอิสลามแต่ อาจจะใช้ เป็นสัญญาณ เตือนใจให้มุสลิม เริ่มต้นประกอบกิจการ และพิธีกรรมตามหน้าที่ ของมุสลิมที่มีต่ออิสลาม ดังบัญญัติในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ บัญญัติที่ 2 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า They ask thee concerning the New Moons. Say: They are but signs to mark fixed periods of time in (the affairs of) men, and for Pilgrimage. It is no virtue if ye enter your houses from the back: It is virtue if ye fear Allah. Enter houses through the proper doors: And fear Allah: That ye may prosper. (อัลกุรอานi 2:189) เมื่อ เขาเหล่านั้น ถามเจ้า  เกี่ยวกับเดือนแรกขึ้น,จงกล่าวเถิด(มูฮัมมัด) ว่า มันคือกำหนดเวลาต่างๆ สำหรับกิจกรรมของมนุษย์, และกำหนดเวลาในการประกอบพิธีฮัจญ์และมันไม่ใช่การกระทำที่เป็นคุณธรรม  ในการที่พวกเจ้าเข้าบ้านทางหลังบ้าน,แต่มันเป็นคุณธรรม เมื่อพวกเจ้ามีความยำเกรงต่อพระเจ้า,พวกเจ้าจงเข้าบ้านทางประตูบ้านที่เหมาะสม(ทางเข้าออกที่ถูกต้อง)และพวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ(อัลกุรอานi 2:189) วิทยปัญญาของอัลกุรอานบัญญัตินี้ คือการ กล่าวถึง เดือนใหม่ หรือ New Moon คือ การเริ่มต้นของเดือนใหม่, ดวงเดือนมีลักษณะ จันทร์เสี้ยว ซึ่งแสดงถึง การบอกเวลาของการเริ่มกิจการต่างๆของมนุษย์, และชี้ ถึงวิถีทางที่ถูกต้องเปรียบเสมือนการเข้าบ้านแห่งคุณธรรม, ซึ่งการที่เข้าทางประตูหลังบ้านเปรียบเสมือนเป็นการคัดค้านแนวทางของพระเจ้าดังนั้นถ้ามนุษย์มีความเกรงกลัว ต่อพระเจ้าแล้ว จงเข้าบ้านแห่งคุณธรรมทางแนวทางที่ถูกต้องที่พระเจ้าบัญญัติไว้ (ความหมายนี้อาจจะแตกต่างจาก การอธิบายตามฮาดีษ) .... ภาพนี้คือ ภาพของ  New Moon จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 01:08:16

ความคิดเห็นที่ 46 ในสมัยท่านศาสดามูฮัมมัดนั้น เป็นระยะหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่าง จากสังคม ญาฮิลีญะฮ์ หรือ Arab pagans มาสู่สังคมของ อิสลาม เป็นระยะที่ท่านศาสดามูฮัมมัด ประกาศศาสนาอิสลามในหมู่ Arab pagans, ในการปกครองสังคมมุสลิมในสมัยนั้น ท่านศาสดามูฮัมมัด ยึดหลักการปกครอง ตามหลักการของ อัลกุรอาน และแนวทางปฏิบัติ ศาสนกิจตาม ศาสนาของท่าน นบีอิบรอฮิมโดยเค่รงครัด    ท่านศาสดามูฮัมมัดไม่ๆได้ใช้ สัญญาลักษณ์ หรือภาพพจน์ใดๆ เป็นสัญญาลักษณ์ของศาสนาอิสลาม ซึ่งจะเห็นได้จากการใช้ธงในกองทัพของท่าน ไม่มีรูปภาพของสิ่งหนึ่งสิ่งใด อยู่บนผืนธง นอกจากพื้น ธงที่เป็นสีต่างๆเรียบๆ สีขาว, สีดำ และสีเขียว เพื่อเป็น สัญญาณ ประจำหมวดหมู่ทหารในกองทัพของท่าน     หลังจากหมดสมัยของท่านรอซูลแล้ว สังคมอิสลามเริ่มอ่อนแอลงในทุกๆด้านมีการแบ่งแยกออกเป็นนิกายต่างๆตาม ผู้นำที่มีอำนาจทางการเมือง, ในช่วงเวลา 200-300 ปีหลังจากท่านรอซูลสิ้นชีวิต ได้เริ่มมีการ รวบรวมเรื่องบอกเล่า ฮาดีษ ขึ้นอย่างเป็นทางการ  ในระยะนี้เป็นระยะที่ พิธีกรรมทางศาสนาของ Arab pagans ที่เหลือตกค้าง เริ่มซึมซาบเข้ามาในสังคมมุสลิม ตามเรื่องบอกเล่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอนศาสนาของท่านศาสดามูฮัมมัด เข้ามาทางประเพณีดั้งเดิมของอรับ จากบรรดา ผู้ติดตามและนักปรัชญาทางศาสนาอิสลามในสมัยนั้น, ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีหลักฐานอยู่ใน อะฮาดีษ มาจนถึงปัจจุบันนี้  ..ซึ่งจะอธิบายต่อไป อัลลออ์บัญญัติไว้ใน อัลกุรอานว่า...   Among His Signs are the Night and the Day, and the Sun and the Moon. Do not prostrate to the sun and the moon, but prostrate to Allah, Who created them, if it is Him ye wish to serve.(อัลกุรอาน41:37) ......................... NEW MOON..... จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 07:02:41

ความคิดเห็นที่ 47 เปิดโอกาสให้พิมพ์มา 1-2 วัน ก็ยังมีแต่ขยะ อยู่เหมือนเดิมนะครับ เอาล่ะ ผมจะสรุปสั้นๆ เลยก็แล้วกัน แมทท์เป็นคนปากพล่อย ชอบใส่ร้ายอาหรับ ชอบโทษอาหรับ เพื่อที่จะกระทบฮะดีษ เพราะแมทท์ชอบอ้างว่าฮะดีษนั้นเป็นประเพณีอาหรับ การเอาสัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวมาใช้นั้น จึงพยายามโยงให้เป็นความผิดอาหรับให้ได้ ดังนี้  เครื่องหมาย "ดาวและเดือนเสี้ยวมี ความใกล้ชิดกับ อิสลาม" เนื่องมาจาก ชาว มุชริก อาหรับ สมัยก่อนที่ จะรับอิสลามนั้น  นับถือพระเจ้าหลายองค์ รวมทั้ง การ กราบไหว้ เคารพ ดวงเดือน,   หลังจากที่ อาหรับรับอิสลามแล้ว เครื่องหมายนี้  จึงเหลือเศษคั้งค้างมาตามประเพณีอรับ   ชาวอรับใช้สัญญาลักษณ์นี้ เป็นเครื่องหมาย ต่างๆในสังคมของเขา โดยเฉพาะ ธง ประจำชาติ      แต่ในความเป็นจริงแล้ว การนำเอาสัญลักษณ์ดวงจันทร์มาใช้ันั้น เป็นการนำมาใช้จากชาวเติร์กครับ เรื่องนี้อาหรับไม่เกี่ยว แล้วก็ไม่ได้สนใจด้วย เนื่องจากการบูชา ดวงดาว ดวงจันทร์ หรือสิ่งอื่นๆ ชาวอาหรับไม่ทำมาตั้งแต่สมัยประกาศอิสลาม เรื่องการนำสัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยวมาใช้ เพราะอาหรับเคยบูชาดวงจันทร์มาก่อนจึงเป็นเรื่องโกหก จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 22:56:30

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนข้ออ้างประเภทที่ว่า      หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มุสลิมเช่น Carroth และพรรคพวก อาจจะใช้ เทวรูป ประดับไว้บนยอดมัสยิด เพื่อเป็น สัญญาลักษณ์ ของอิสลามและมุสลิมได้  ทั้งนี้เพราะว่า อิสลามและมุสลิม ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาแทนพระเจ้า ก็เป็นการกล่าวอ้าง ที่ปราศจากการใช้สติปัญญาไตร่ตรองเช่นกัน นั่นเพราะมุสลิมไม่ว่าอาหรับหรือเติร์ก ไม่ได้คิดว่า จันทร์เสี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของเทพ หรือเทวดาจากศาสนาไหน แต่มันเป็นสัญลักษณ์ หรือภาพหนึ่งที่ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ที่ศาสนาห้าม เป็นภาพกลางๆ ที่พบเห็นได้ ซึ่งถ้าใช้แนวคิดบั่นทอนปัญญาแบบแมทท์แล้ว ให้เอาดาบ หรือโรตี หรือ พิซซ่าอะไรมาใช้ ก็ไม่ได้ทั้งสิ้น หรือแม้แต่ธงดำ ธงขาว ธงเขียวก็ไม่ได้ เพราะไม่ว่า สี สิ่งของ หรืออะไรก็แล้วแต่นั้น มันสามารถโยง และนำไปเกี่ยวข้องกับศาสนาใด ในอดีตก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว พวกอาหรับ ที่สามารถ นมเหลือผสมดิน ปั้นมาเป็นเจว็ดได้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะทุกสิ่งจะไม่สามารถนำมาใช้เป็นทิวธง เพื่อแสดงตนได้เลย การกล่าวอ้างของแมทท์แบบนี้จึง ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง และความคิดเห็นที่  29 ของ Carroth "แต่สัญลักษณ์ ดาวเดือน ใครก็รู้ว่าหมายถึงมุสลิม แล้วไม่ใช่สิ่งที่สำคัญในศาสนา ก็เลยน่าจะติดได้" ข้อนี้ Carroth ตอบด้วยความไม่แน่ใจว่าใช้ได้หรือไม่ได้, มีความลังเลใจ, เนื่องจากไม่เข้าใจหลักการของอิสลามแม่บทที่แท้จริง แมทท์ได้ทำการเดาความคิดผมแบบมั่วๆ อีกตามเคย ที่คิดว่าอาจจะิติดได้หรือไม่ได้นั้น เพราะ สัญลักษณ์ดาวเดือนนั้น มีลักษณะเป็นอักษรนูน อันเป็นพยัญชนะหนึ่งในภาษาอารบิค อันเป็นอักษรแรกของโองการหรือวรรคหนึ่ง จากคัมภีร์อัล-กุรอาน               "ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ (ซบ.) ชัยชนะก็เป็นสิ่งใกล้"                               (อัล-กุรอาน บทที่ ๖๑ วรรค ๑๓)ง ผมจึงไม่แน่ใจว่าควรนำมาติดรถหรือไม่ต่างหากล่ะครับนี่ก็มั่วได้ทุกเรื่องจริงๆ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 53 23:06:12 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 23:05:19

ความคิดเห็นที่ 49 ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วนั่นแหละนะครับว่า มันคงจะฟังขึ้น ถ้าสมัยก่อน อาหรับนั้น เน้นการบูชาดวงจันทร์ หรือ ใช้ดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์แห่งเทพบูชาสูงสุด หรือแม้แต่ดวงจันทร์มีความสำคัญอย่างมากสักหน่อย สำหรับอาหรับโบราณ แต่ในความเป้นจริงแล้ว อาหรับก็บูชาหลายอย่างครับ เทวรูปดังๆ สามตัว ไม่ได้มีสัญลักษณ์เกี่ยวกับดวงจันทร์ครับ หรือที่บอกว่าเป็นบุตรสาวเทพแห่งดวงจันทร์นั้นผมก็ยังอ่านไม่เจอนะ ถ้ามีเอามาให้ดูหน่อย อ่านเจอแต่แบบนี้นะครับ Al-Uzzá (Arabic: العزى‎) was one of the three chief goddesses of Arabian religion in pre-Islamic times and was worshiped as one of the daughters of Allāh by the pre-Islamic arabs Allāt or Al-Lāt (Arabic: اللات‎) was a pre-Islamic Arabian goddess who was one of the three chief goddesses of Mecca. She is mentioned in the Qur'an (Sura 53:19), which indicates that pre-Islamic Arabs considered her as one of the daughters of Allāh along with Manāt and al-‘Uzzá. Manāt (Arabic: مناة‎) was one of the three chief goddesses of Mecca.[1] The pre-Islamic Arabs believed Manāt to be the goddess of fate. She was known by the cognate name Manawat to the Nabataeans of Petra, who equated her with the Graeco-Roman goddess Nemesis and she was considered the wife of Hubal.[2] She is also mentioned in the Qur'an (Sura 53:20) that pre-Islamic Arabs believed as one of the daughters of Allāh along with Allāt and Al-‘Uzzá. จนบัดนี้ผมก็ไม่พบใครที่ไหนบอกว่า เทวรูปดังๆ สาวตัวที่ปรากฎในกุรอ่านเป็นลูกสาวของเทพแห่งดวงจันทร์อะไรของคุณ อีกทั้งการบูชาเจว็ดสาปสูญไปเป็นเวลานานแล้วเป็นพันปี(หรือเกือบๆ) จากสมัยนบีถึงสมัยอาณาจักรออตโตมาน การที่คนตุรกี นำเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้มันจึงไม่เกี่ยวกับเทพอะไรที่แมทท์อ้างทั้งสิ้นแล้ว ที่บอกว่า อาณาจักรออตโตมานไม่มีความสำคัญมากที่สามารถโน้มจิตใจของชาวอรับให้นำมาใช้ เป็นเครื่องหมายแทนศาสนาได้ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวโดยปราศจากหลักฐานอ้างอิง เพราะอาหรับก็เพิ่ง มาใช้สัญลักษณ์ดาวเดือนนี่ หลังจากพวกเติร์กนำมาใช้ เออถ้าเจอหลักฐานการใช้ดาวเดือนนี้ในเป็นจำนวนมากในสังคมอาหรับมุสลิม ก่อนพวกเติร์กนำมาใช้ก็ว่าไปอย่าง เราจะเห็นว่า สัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยว ก็จะมี ดาวตรงกลางด้วย ไม่ใช่ดวงจันทร์อย่างเดียว จะอ้างเทพแห่งดวงจันทร์ของอาหรับ ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ และไม่มีมุสลิมคนไหนเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้บูชาครับ ถ้าโจมตีกันมั่วๆ แบบนี้ ใครเอาสัญลักษณ์อะไรมาใช้ก็โดนหมดครับ อย่างที่บอกว่า อาหรับกราบไหว้ทุกอย่าง ถึงคุณจะเอาโรตีมาเป็นสัญลักษณ์ ก็โดนโจมตีเช่นกัน เพราะในวิหาร ที่มักกะห์นั้นมีรูปปั้น 300 กว่ารูป ที่สันนิษฐานว่า ดวงจันทร์ต้องมีความหมายอะไรมากกว่านั้น ในเชิงที่จะให้ใส่ร้ายว่าชาวอาหรับเอาสัญลักษณ์นี้ มาแทนพระเจ้า จึงเหลวไหล ไร้สาระ  เพราะถ้าจะหาเรื่องแล้วล่ะก็ เอาอะไรมาเป็นสัญลักษณ์ หรือให้เป็นที่รู้กัน มันก็สามารถโยงไปหา วัฒนธรรม pagans ได้ทั้งหมด เพราะสังคมอาหรับสมัยก่อน ยังป่าเถื่อน อยู่ สามารถหาวัตถุมาบูชาได้ทั้งสิ้น แต่ประวัติศาสตร์ชี้ชัดอยู่ แล้วครับว่า การใช้ดาวเดือนเป็นสัญลักษณ์นั้น เริ่มแพร่หลายในสมัยออตโตมัน หรือสมัยที่ชาวเติร์กปกครอง การโยนความผิดให้ชาวอาหรับ จึงเป็นเรื่อง ที่มั่วนิ่มอย่างน่าละอายที่สุด เพราะไม่ได้เกี่ยวกันเลย คิดดูนะ ครับ คนเอามาใช้ก็ไม่ใช่อาหรับ การบูชาดวงจันทร์เป็นวัฒนธรรมอาหรับก่อนอิสลามชาติเดียวไหม? ก็ไม่ใช่ แล้วอาหรับบูชาดวงจันทร์อย่างเดียวไหมในสมัยก่อนอิสลาม ก็ไม่ใช่อีก แล้วดันทะลึ่งบอกว่า เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมบูชาเจว็ดของอาหรับ  จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 23:12:11

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วสุดท้าย สันดานเดิมของแมทท์ก็โผล่ออกมา คือโทษฮะดีษว่าเป็นตัวการในการทำอิสลามอ่อนแอ แต่ปรากฎว่า จนบัดนี้ แมทท์ก็ยังใช้ฮะดีษ เก๊ ฮะดีษปลอม ในการละหมาดอยู่นั่นคือการละหมาดตามบรรพบุรุษนั่นเอง น่าขำนะครับ พิมพ์มาซะยาวยืดเพื่อโทษอาหรับ แต่สุดท้าย ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่า การใช้สัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวนั้น มันชิริกตรงไหน เพราะไม่มีมุสลิมคนไหนกราบไหว้ สัญลักษณ์ัจันทร์เสี้ยวนั้น และสัญลักษณ์ดังกล่าว ไม่ใช่หลักการว่าต้องใช้สัญลักษณ์นี้แทนมุสลิมทั้งหมดด้วย ซึ่งคนละเรื่องกับเทวรูป เพราะนั่นเป็นสิ่งเคารพบูชาอย่างชัดเจนของคนต่างศาสนา เช่นรูปปั้น พระ ก็แทนพระ รูปปั้นเทพก็แทนเทพชัดเจน แต่จันทร์เสี้ยวนั้นก็คือ ดวงจันทร์ ไม่ใช่เทพเทวาที่ไหน ทั้งยังหมายถึงตัว นูน พนัญชนะอาหรับด้วย หรือจะหมายถึง การดูเดือนซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกำหนดเวลาปฏิบัติศานกิจ ในวาระต่างๆ ด้วย ไม่ใช่เทพ เทวดา พระที่ไหนอย่างเดียว ถ้าการใช้สัญลักษณ์นี้ เอาไปแทนค่าเป็นเทวรูปแบบที่แมทท์โยงมั่วๆ ได้แล้วล่ะก็ ธงเขียวขาวดำแดงก็ใช้ไม่ได้ครับ เพราะสีต่างๆ มันก็เอาแทนค่าเป็นความเชื่อทางศาสนาือื่นได้อยู่แ้ล้ว การโจมตีของแมทท์ก็เ็ป็นอย่างที่ผมบอกนั่นแหละคือ แมทท์ได้แต่ตะบี้ตะบันโจมตีแบบมั่วซั่วนั่นเอง โดยสันดานนั้นชอบใส่ความฮะดีษว่ามาจากประเพณีอาหรับ ก็เลยโจมตีอาหรับจนชิน พอมาเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอาหรับ แต่เป็นเรื่องของพวกเติร์ก ก็ยังจะลากอาหรับมาโจมตีแบบโง่ๆ ได้ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 23:20:24

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 22 ของ Carroth          ฉะนั้น เครื่องหมายดาวเดือนจึงมีค่าเสมอเพียงการบอกความเป็นมุสลิม หาใช่สัญลักษณ์ หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชาไม่ การสร้างพระพุทธรูปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จนกระทั่งพัฒนาการเป็นวัตถุมงคล รูปแบบต่างๆในวันนี้ ก็มีนัยสำคัญไม่แตกต่างกัน สรุปความคิดเห็นของ มุสลิมทั้งสอง อธิบายว่า        สัญญาลักษณ์ดาวเดือน ที่ใช้ในศาสนาอิสลามนั้น เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ แทนอิสลาม เพื่อบอกความเป็นมุสลิม, ของสถานที่ เช่น มัสยิด,ประเทศ และสถานธุระกิจของมุสลิม      เช่นเดียวกับ คริสต์หรือไม่ก็พุทธ  ที่ต้องมีไม้กางเขนหรือไม่ก็เสมาจักรอยู่ บนยอด โบสถ์ หรือ ตามกำแพงวัด, ไม่ใช่ใช่สัญลักษณ์หรือตัวแทนพระเจ้าหรือศาสดาที่มีไว้เพื่อเคารพบูชา  เช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช     หรืออาจจะกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ มุสลิมเช่น Carroth และพรรคพวก อาจจะใช้ เทวรูป ประดับไว้บนยอดมัสยิด เพื่อเป็น สัญญาลักษณ์ ของอิสลามและมุสลิมได้  ทั้งนี้เพราะว่า อิสลามและมุสลิม ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาแทนพระเจ้า ที่กล่าวมานี้ เป็นการอธิบาย ของ Carroth จาก คห. 8 -22 และ 29 เกี่ยวกับ  คำถามที่ว่า.. ทำไมจึงประดับเครื่องหมายนี้ไว้บนยอดของมัสยิด,ซึ่งเป็นสถานที่เคารพและปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมครับ? คำถามของผมคือ....  แล้วเจ้าเติร์กนี้มันเอา "ดาวเดือนเสี้ยวมาจากไหน" ?   ช่วยอธิบายด้วย เรื่องจะได้จบเร็วๆ, ยังมีอีกมาก พร้อมตัวอย่าง ฮาดีษที่มี เศษของ Arab pagans ติดค้างมาอ้างอิงด้วย จขกท ตั้งคำถามว่า ครื่องหมาย "จันทร์เสี้ยว" มีความหมายว่าอย่างไรครับ ?  คำถามนี้ คริสเตียนมิชชั่นนารี่ เขาทราบคำตอบดี, แต่เขาต้องการดูความโง่ของมุสลิมเท่านั้น ว่าจะตอบได้หรือไม่ได้?   ถ้ายิ่ง แถแก้ตัวไป มุสลิมก็ยิ่งแสดงความโง่ออกมาให้เขาเห็นมากขึ้น, สิ่งที่ควรทำคือ ต้อง อธิบายถึง  ความแตกต่างระหว่าง การบูชา อัลลอฮ์ ของ Arab pagans  และ อัลลอฮ์ ของศาสนาอิบรอฮีม (อิสลาม),  คริสเตียนมิชชันนารี่ พยายามจะชี้ให้มุสลิม และชาวโลก เห็นว่า อัลลออ์ของArab pagans  กับ อัลลอฮ์ที่มุสลิมยึดถืออยู่เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน, อย่าโง่นักเลย  คำถามจำกัดอยู่ที่  "จันทร์เสี้ยว" ซึ่งเป็นเครื่องหมาย ของ Moon God ของ Arab pagans   ที่มีชื่อว่า อัล-อิลาฮ์  หรือ "อัลลอฮ์"  และเจ้าเจว็ดตัวนี้เคยถูกยกวางบน หลังคาของ "กะอบะห์. เมื่อ 400 ปี ก่อน อิสลาม, ตามประวัติศาสตร์ที่เขียน โดย คริสเตียน มิชชันนารี่,  และเขาสรุปว่า ด้วยเหตุนี้ มุสลิมจึงเอารูป เดือนเสี้ยว ติดไว้บนยอดมัสยิด ซึ่งเป็นบ้านของพระเจ้าเช่นกัน  ก่อนจะตอบคำถามอะไรนั้น อย่าโง่ เป็นกระต่ายตื่นตูม เลย  อ่านคำถามให้เข้าใจ และอธิบายให้เห็นว่า การที่เราเอา "จันทร์เสี้ยว" มาติดไว้บนยอดมัสยิดนั้น ไม่ใช่เพราะว่า เป็น "Moon GOD"  แต่เป็นความโง่ของ อรับมุสลิม ที่นำสิ่งนั้นมาติดเป็นสัญญาลักษณ์ ของอิสลาม โดยไม่รู้ว่าอะไร ควรหรือไม่ควรอย่างไร? รวมทั้ง เจ้าพวก มุสลิมเตอร์ก ด้วย ที่ ใช้เครื่องหมายนี้ โดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน,  ลองใช้ปัญญาคิดดูซิว่า "เตอร์ก " เขาเอาเครื่องหมายจันทร์เสี้ยวมาจากไหน? จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:39:31

ความคิดเห็นที่ 52 ?? แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 01:54:13 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:40:10

ความคิดเห็นที่ 53 ??? แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 01:55:36 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:43:20

ความคิดเห็นที่ 54 ?? แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 01:56:34 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:43:58

ความคิดเห็นที่ 55 ?? แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 01:57:04 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:48:40

ความคิดเห็นที่ 56 ?? แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 01:54:53 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 01:50:49

ความคิดเห็นที่ 57 ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าให้อ่านคำตอบของผมดีดี เพราะคำตอบนี่มันก็มีอยู่แล้ว ทั้งคำตอบของผมและของคุณ นั่นคือ คุณน่ะมันโง่ที่ คริสเตียนบอกอะไร ก็เอามาเหมารวมว่าพวกอาหรับเป็นแบบนั้น ยิ่งบอกว่า บนหลังคากะบะห์ มีดาวเดือนประดับไว้ ซึ่งคุณไปดูหรือเปล่าว่า พวกคริสเตียนที่ชอบโจมตีุมุสลิมนั้นน่ะ มันไปรู้ได้อย่างไรว่ามีดาวเดือนหรืออะไรประดับอยู่บนหลังคา แล้วอาหรับเีรียกพระเจ้าแห่งดวงจันทร์ว่าอัลลอฮฺ ซึ่งมิชชั่นนารี คนนี้ กับแมทท์มีลักษณะเดียวกันคือ โมเมเพ้อเจ้อได้เป็นหน้าๆ โดยปราศจากหลักฐานอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอาหรับคนไหนปั้นรูปอัลลอฮฺหรือใช้สัญลักษณ์อื่ีนใดแทนอัลลอฮฺหรอกนะครับ รูปปั้นอื่นๆ ในวิหารนั้นน่ะ เป็นเทพเจ้าอื่นทั้งสิ้น แม้แต่ที่ดังๆ สามตัวก็ไม่ใช่ัตัวแทนอัลลอฮฺ หรือเทพฮุบัล ฮุแบ้ล อะไรนั่น ก็ไม่ใช่ตัวแทนอัลลอฮฺ ดังนั้น คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมมุสลิมถึงใช้สัญลักษณ์นี้ ก็มาจากนี่เลยครับที่บอกไว้คือ For hundreds of years, the Ottoman Empire ruled over the Muslim world. After centuries of battle with Christian Europe, it is understandable how the symbols of this empire became linked in people's minds with the faith of Islam as a whole. พวกเติร์กเอามาใช้ครับ แล้วเหตุผลที่ว่าทำไมเติร์กเอามาใช้่ นั้นมีหลายกระแสครับเช่น สัญลักษณ์ดาวเดือนนั้น มีลักษณะเป็นอักษรนูน อันเป็นพยัญชนะหนึ่งในภาษาอารบิค อันเป็นอักษรแรกของโองการหรือวรรคหนึ่ง จากคัมภีร์อัล-กุรอาน               "ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ (ซบ.) ชัยชนะก็เป็นสิ่งใกล้"                               (อัล-กุรอาน บทที่ ๖๑ วรรค ๑๓) หรือ slam never teaches nor does it expounds moon worship. It in fact repudiates it, as the following verse confirms:     “Among His Signs are the Night and the Day and the Sun and Moon. Prostrate (adore) not to the Sun and the Moon but prostrate to God, Who created them, if it is Him ye wish to serve.” (Qur’an, 41: 37) So what is the function of the moon in Islam? The only function it plays in Islam is that it determines the Islamic lunar calendar. The Qur’an confirms this when it speaks of the moon being subject to God’s Law. This is confirmed when we read the following verse     “Seest thou not that God merges Night into Day and He merges Day into Night; that he has subjected the sun and the moon (to His Law), each running its course for a term appointed: and that God is well acquainted with all that :-)o?” (Qur’an, 31:29) If Allah” (God) is the “moon-god” as claimed by misguided Christians, why would that very same “moon-god” create the moon for the use of mankind? In short, the claim that Muslims worship “Allah the moon-god” is nothing but a heinous lie which is not based on evidence. นั่นแหละครับ จากบทความจะเห็นได้ว่า พวกมิชชั่นนารีคริสเตียน มันก็โง่ พอๆ กับแมทท์ คือตีึขลุมอ้างเอาเองเฉยเลยว่า อัลลอฮฺคือเทพแห่งดวงจันทร์ โดยปราศจากหลักฐาน แต่เดาเอาเองล้วนๆ เหมือนที่แมทท์ ไปเอาบทความของคริสเตียนมา โจมตีเรื่องนี้ใส่อาหรับ ทั้งๆ ที่ความจริงมันไม่ได้เกี่ยวกับพวกอาหรับเลย มันจะปัญญาอ่อนแค่ไหนถ้าเราบอกว่า คนอเมริกานับถือกราบไหว้นกอินทรีเลยเอานกอินทรีมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือพวกยิว เคยนับถือเทพแห่งดวงดาว เลยเอาดาวเดวิดมาเป็นสัญลักษณ์บนธงประเทศ หรือซาอุนับถือเทพแห่งดาบเลยเอาดาบมาไว้บนธง? เพราะอย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับว่า การบูชาเจว็ดสาปสูญไปเป็นเวลานานแล้วเป็นพันปี(หรือ เกือบๆ) จากสมัยนบีถึงสมัยอาณาจักรออตโตมาน การที่คนตุรกี นำเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้มันจึงไม่เกี่ยวกับเทพอะไรที่แมทท์อ้างทั้งสิ้นแล้ว ที่ บอกว่า อาณาจักรออตโตมานไม่มีความสำคัญมากที่สามารถโน้มจิตใจของชาวอรับให้นำมาใช้ เป็นเครื่องหมายแทนศาสนาได้ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวโดยปราศจากหลักฐานอ้างอิง เพราะ อาหรับก็เพิ่ง มาใช้สัญลักษณ์ดาวเดือนนี่ หลังจากพวกเติร์กนำมาใช้ เออถ้าเจอหลักฐานการใช้ดาวเดือนนี้ในเป็นจำนวนมากในสังคมอาหรับมุสลิม ก่อนพวกเติร์กนำมาใช้ก็ว่าไปอย่าง เราจะเห็นว่า สัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยว ก็จะมี ดาวตรงกลางด้วย ไม่ใช่ดวงจันทร์อย่างเดียว จะอ้างเทพแห่งดวงจันทร์ของอาหรับ ยิ่งไร้สาระเข้าไปใหญ่ และไม่มี มุสลิมคนไหนเอาสัญลักษณ์นี้มาใช้บูชาครับ ถ้าโจมตีกันมั่วๆ แบบนี้ ใครเอาสัญลักษณ์อะไรมาใช้ก็โดนหมดครับ อย่างที่บอกว่า อาหรับกราบไหว้ทุกอย่าง ถึงคุณจะเอาโรตีมาเป็นสัญลักษณ์ ก็โดนโจมตีเช่นกัน เพราะในวิหาร ที่มักกะห์นั้นมีรูปปั้น 300 กว่ารูป ที่สันนิษฐานว่า ดวงจันทร์ต้องมีความหมายอะไรมากกว่านั้น ในเชิงที่จะให้ใส่ร้ายว่าชาวอาหรับเอาสัญลักษณ์นี้ มาแทนพระเจ้า จึงเหลวไหล ไร้สาระ  เพราะถ้าจะหาเรื่องแล้วล่ะก็ เอาอะไรมาเป็นสัญลักษณ์ หรือให้เป็นที่รู้กัน มันก็สามารถโยงไปหา วัฒนธรรม pagans ได้ทั้งหมด เพราะสังคมอาหรับสมัยก่อน ยังป่าเถื่อน อยู่ สามารถหาวัตถุมาบูชาได้ทั้งสิ้น แต่ประวัติศาสตร์ชี้ชัดอยู่ แล้วครับว่า การใช้ดาวเดือนเป็นสัญลักษณ์นั้น เริ่มแพร่หลายในสมัยออตโตมัน หรือสมัยที่ชาวเติร์กปกครอง การโยนความผิดให้ชาวอาหรับ จึงเป็นเรื่อง ที่มั่วนิ่มอย่างน่าละอายที่สุด เพราะไม่ได้เกี่ยวกันเลย คิด ดูนะ ครับ คนเอามาใช้ก็ไม่ใช่อาหรับ การบูชาดวงจันทร์เป็นวัฒนธรรมอาหรับก่อนอิสลามชาติเดียวไหม? ก็ไม่ใช่ แล้วอาหรับบูชาดวงจันทร์อย่างเดียวไหมในสมัยก่อนอิสลาม ก็ไม่ใช่อีก แล้วดันทะลึ่งบอกว่า เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมบูชาเจว็ดของอาหรับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 07:05:49

ความคิดเห็นที่ 58 ที่ผมอ่านบทความแมทท์มานี่ สรุปคือไปเอาการโจมตีของพวกคริสเตียนมาเพื่อแอบเอามาใช้โจมตีฮะดีษล้วนๆ เลยนะเนี่ย ยิ่งเปิดยิ่งเจอ ว่าบทความทั้งหลายนี่แมทท์ไปเอามาจากเว็บโจมตีอิสลาม แทบทั้งนั้น มันถึงโดนจับโกหกเอาง่าย ๆ เรื่องเทพแห่งดวงจันทร์นี่ก็เอง สรุป โมเมทั้งนั้น มิชชั่นนารี มอเร่ อะไรนั่น มันก็มั่วนิ่มหมดจนหยดสุดท้าย ก็ยังจะไปหยิบเอาบทความมันมาลงซะงั้น เทพที่ ขุดค้นพบเอารูปมาลงนั่นมันก็เทพของพวก สุเมเรี่ยน ละมั๊ง แล้วมาตีขลุมเอาโดดเลยว่า อาหรับใช้สัญลักษณ์เป็นดวงจันทร์ เพราะแบบนี้ ทั้งๆที่ ไม่ใช่อาหรับเป็นผู้ใช้ แต่เติร์กน่ะเอามาใช้ แล้วอาหรับก่อนสลามก็ไม่ได้ใช้ดวงจันทร์ในศาสนา บูชาเจว็ดโง่เขลาเท่านั้นแต่ใช้หมด ตั้งแต่หินก้อนนึง ยันรูปปั้นเก่าๆ การตีขลุมของแมทท์ก็แบบมัชชั่นนารีคริสเตียรนั่นแหละครับคือเรียกได้ว่า ขุดเจอส้วม มันก็โยงมาอาหรับได้ มาสมเพชจริงๆ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 07:14:39 แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 07:13:37 แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 07:12:51 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 07:08:05

ความคิดเห็นที่ 59 สรุปให้ตรงประเด็นเจ้าของกระทู้คือ สัญลักษณ์ จันทร์เสี้ยว นั้น มีลักษณะ เหมือนตัวนูน อันเป็นพยัญชนะหนึ่งในภาษาอารบิค อันเป็นอักษรแรกของโองการหรือวรรคหนึ่ง จากคัมภีร์อัล-กุรอาน              "ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ (ซบ.) ชัยชนะก็เป็นสิ่งใกล้"                              (อัล-กุรอาน บทที่ ๖๑ วรรค ๑๓) หรือ slam never teaches nor does it expounds moon worship. It in fact repudiates it, as the following verse confirms:    “Among His Signs are the Night and the Day and the Sun and Moon. Prostrate (adore) not to the Sun and the Moon but prostrate to God, Who created them, if it is Him ye wish to serve.” (Qur’an, 41: 37) So what is the function of the moon in Islam? The only function it plays in Islam is that it determines the Islamic lunar calendar. The Qur’an confirms this when it speaks of the moon being subject to God’s Law. ครับ แล้วนำมาใช้โดยพวกเติร์ก ส่วนกระแสที่ว่า เพราะเมื่อก่อนพวกอาหรับโบราณนับถือดวงจันทร์ หรือเทพแห่งดวงจันทร์มาก่อนนี่มั่วครับ เนื่องจากเรื่องนี้อาหรับไม่เกี่ยว ก่อนหน้าพวกเติร์กจะนำสัญลักษณ์นี้มาใช้ในการสงคราม เพื่อแยกให้ออกว่าใครเป็นใครแล้ว พวกอาหรับมุสลิมก็ไม่ได้เอาสัญลักษณ์นี้มาใช้ การอ้างเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ มันจึงมั่วทั้งสิ้น อีกทั้งอาหรับสมัยก่อนอิสลาม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับดวงจันทร์สูงสุด แต่จะเฉลี่ยๆ กันไป ทั้งดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขา ต้นไม้ ก้อนหิน การมาโยงเฉพาะดวงจันทร์ มันจึงเป็นการโยงแบบมั่วนิ่มสุดๆ นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 53 07:25:51 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 07:23:52

ความคิดเห็นที่ 60 ยังไม่ฉลาดขึ้นอย่างเช่นเคย จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 08:40:12

ความคิดเห็นที่ 61 อืมๆ หมดมุกจะแถ ก็เลยใช้วิธี โจมตีแบบไร้หลักฐานแบบเดิมนะครับ หุหุ เติร์กเอามาใช้ บอกอาหรับผิด พอโดนจับได้ก็ พยายามแถ แต่ก็ไปไม่รอดเพราะบทความที่เอามาลง ก็ไปเอาจากพวกมิชชัน่นนารีคริสเตียนขี้โม้ วงจรอุบาทว์ของคุณมันก็มีเท่านี้แหละครับแมทท์ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 10:43:18