น.329
ก็ย้ำว่า ตอนพูดเรื่องหลักการ พยายามจะไม่ให้มีความเห็นในเชิงที่
เป็นความต้องการของตัวเอง เอาหลักการกันล้วนๆ แล้วก็
๓. เราตัดสินหรือตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร พอพูดให้รู้ความต้อง
การว่าเป็นอย่างไร และหลักการเป็นอย่างไรแล้ว ทีนี้ ความต้องการนั้นมันเป็น
ไปได้หรือไม่ได้ตามหลักการนี้ แล้วเมื่อมันได้หรือไม่ได้อย่างนั้น ไม่ว่าผลจะ
ออกมาเป็นบวก หรือเป็นลบ เราจะเอาอย่างไร นี่แหละคือข้อ ๓
ถึงตอนที่ว่าจะเอาอย่างไรนี้ ก็จะเกิดเป็นทางเลือกขึ้นมาต่างๆ เช่นว่า
- ตามความต้องการของเรานั้น หลักการเปิดให้ทำได้ ก็หมดปัญหา
- ตามความต้องการของเรานั้น หลักการไม่ให้ เรายอมรับ เราเลิก
- ถ้าหลักการไม่อำนวย แต่เราไม่ยอม เรายังจะเอา เราจะแก้ไข
หลักการให้สนองความต้องการของเราไหม
- หรือถ้าเราไม่ยอมแก้ไขหลักการ แต่เรายังต้องการ จะมีทางออก
อย่างไรอื่นอีกหรือไม่
ไม่ว่าจะเอาอย่างไรก็แล้วแต่ อันนี้ก็คือข้อที่ ๓ ถ้าเป็นไปได้ แยกให้
ชัดก็ดี เพราะว่า เวลาเอาไปพูด จะยุ่งกันตรงนี้ เวลาเขาพูดเรื่องหลักการ
เราก็นึกว่าเขามีความเห็นอย่างนั้น มันไม่ใช่ นี่แหละจะสับสนมาก แล้วก็
ขอย้ำว่า พูดให้ชัดเป็นขั้นตอนไปว่า ( เปลี่ยนลำดับใหม่ ก็ได้)
๑. ในเรื่องนี้ เราต้องการอะไร
๒. หลักการเป็นอย่างไร
๓. หลักการมันเข้ากับความต้องการ หรือไม่เข้ากับความต้องการ
แล้วเราจะเอาอย่างไร
ทีนี้ก็เตรียมใจ เตรียมทำความเข้าเป็นพื้นฐานกันหน่อยว่า