สังเกตุว่า คนที่รู้ข้อมูลเกี่ยววัดพระธรรมกายจริงๆมีน้อยมาก
โดยสังเกตุจากการใช้ภาษาอย่างมักง่าย สุกเอาเผากิน
และไม่รับผิดชอบต่อการให้ข้อมูล ที่ถูกต้อง
ดูการใช้ชื่อวัด = วัดธรรมกาย อันนี้ผิด
ที่ถูกคือ= วัดพระธรรมกาย
ถ้าคุณจะฟ้องร้องวัดธรรมกาย ศาลไม่รับคำร้องนะครับ เพราะวัดธรรมกายไม่มีตัวตน
มีแต่ "วัดพระธรรมกาย" ในบัญชีวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนา
หลายคนไม่ยอมรับความจริง มุ่งหวังอย่างยิ่ง ให้ภาครัฐเข้ามาบทบาทดำเนินการเอาผิดกับทางวัดพระธรรมกาย แต่ขณะเดียวกัน ภาครัฐก็อนุมัติอย่างถูกต้องตามกฏหมาย มาตรา ว่าด้วยการอนุมัติให้จัดตั้งเป็นวัด ที่ถูกต้องตากพระธรรมวินัย คและหลัก วิสุงคามสีมา โดยให้ชื่อว่า วัดพระธรรมกาย เป็นวัดพุทธ นิกายเถรวาท
กฏหมายอนุมัติให้เป็นวัด เพราะเห็นว่าวัด ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างถูกต้องแล้ว
แต่คนที่ยังมักง่าย ยังทำอะไรขัดหลักการอยู่ ก็พยายามยัดเยียดความรู้ผิดๆให้ผู้อื่นคล้อยตามอยู่ร่ำไป โดยบอกว่าเขา ไม่ใช่วัดพุทธ เป็นลัทธิบ้าง เป็นบริษัทบ้าง
ทำใมถึงยังมัวเมาอยู่กับข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามกับวัดพระธรรมกาย
แม้ศาสนสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหนึ่งล้านองค์ มีชื่อเรียกว่า"มหาธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย" เขาก็พยายามหลอกเด็กว่า นั่นเป็นจานบิน
นี่ก็บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า บางคนในห้องศาสนาไม่รู้จักวัดพระธรรมกายเลย และไม่เคยไปเยือนวัดพระธรรมกายแม้แต่ครั้งเดียว แต่ยังคงกระทำการให้ข้อมูลบางอย่างที่บิดเบือนไปจากความจริงอย่างมากมาย
แม้แต่เรื่อง แม่ชีปัดระเบิด แม้วัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่เรื่องนี้ก็ตาม
แต่ต้นแหล่งของข้อมูลนี้ เดิมที มาจากนิตยสารจากทางวัดปากน้ำ เป็นผู้พิมพ์เผยแพร่ในอดีต
ทำใมไม่คลายความเคลือบแคลงสงสัย โดยพิสูจน์ความจริง โดยอาศัยความรู้ความสามารถ และกำลังสติปัญญาของตัวเอง
มัวแต่เชื่อคนอื่นง่ายๆแบบนี้ ได้อย่างไร
แต่ไม่ว่าวัดพระธรรมกายจะแก้ต่างในข้อกล่าวหาต่างๆนานา อย่างไรก็ตาม
คนที่จะยอมรับฟังข้อมูลจริงๆ ต้องมีความรู้ด้านพระธรรม วินัยเท่านั้น
ถ้าไม่เคยบวช ไม่ได้เรียนหลักธรรมแบบเนื้อๆ จากหลักสูตรขั้นต้น อย่างน้อยนักธรรมตรี ก็จะไม่สามารถเทียบเคียง เพื่อยึด ความถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยได้
คนไทยเริ่มคล้อยตาม หัวข้อธรรม ที่พระสมัยใหม่บางรูปคิดขึ้นเอง โดยผูกเป็นคำคม ข้อคิดสะกิดใจบ้าง บทกลอนบ้าง คำอุปมา อุปไมยบ้าง แต่งเป็นหนังสือบ้าง
เช่นคำว่า " สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ"
ซึ่งคำๆนี้ ขัดแย้งกับหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาอย่างรุนแรง และไม่น่าให้อภัยกับคนที่เผยแพร่คำนี้ออกมา เพราะคำนี้ ทำให้คนไทยหลงทาง เข้าใจผิด คิดว่า อยู่บ้านก็นิพพานได้ ในความเป็นจริง คนที่จะสำเร็จอรหันต์ หรือ บรรลุนิพพานได้ ต้องประพฤติพรห์มจรรย์เท่านั้น
บางคนพยายามให้ข้อมูลว่า วัดพระธรรมกาย ต้อนรับแต่คนรวย หลอกเอาเงิน
แต่ ไม่มีการบอกให้ครบถ้วนกระบวนความเลย ว่าเงินที่วัดพระธรรมกายรับไป
เอาไปทำอะไร เก็บไว้ที่ใหน อยู่ในบัญชีธนาคาร อะไร สาขาใด เบิกจ่าย หรือ นำฝากเท่าไหร่
ได้แต่บอกว่า อย่าไปวัดพระธรรมกายนะ วัดนี้หลอกเอาเงิน พอถามว่า เอาเงินไปทำอะไร ก็เริ่มแต่งนิทานมั่วๆออกมาใส่สีตีไข่กันเท่านั้น
หลายคนไม่เข้าใจเรื่องงานบุญที่ทางวัดจัด
ทางวัดก็มี "กิจกรรม การกุศล" และ "พิธีกรรม การกุศล" สังเกตุว่า แยกเป็นสองคำ มีกิจกรรม และ พิธีกรรม
พอเห็นกิจกรรมงานบุญใหญ่โต อลังการงานสร้าง ก็รับไม่ได้ บอกว่านั่นขัดแย้งกับคำสอน ทั้งๆที่เขาจัดกิจกรรม ไปตามหน้าที่ชาวพุทธ ที่ทุกคนควรมีส่วนร่วม
การจัดกิจกรรม แม้มันจะยิ่งใหญ่อลังการ ใครจะว่าผิดก็ไม่ได้
เพราะมันคือกิจกรรม ที่มันต้องส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีในหมู่ชาวพุทธ
ถ้าคุณคิดว่า พระทุกรูป ควรแยกย้ายกันไปนั่งสมาธิในป่า ตัวใคร ตัวท่าน
แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงสร้างพุทธบริษัท 4 ขึ้นมาทำใม
สามเณร พระองค์ให้ศึกษาเล่าเรียน พระสงฆ์ พระองค์ ให้เทศนา สั่งสอน
อุบาสก อุบาสิก ให้เป็นหน่วยเสบียง ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทำทาน รักษาศีล ทำภาวนาไปตามอัตภาพ จัดกิจกรรม เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา สร้างศาสนทายาท และเผยแพร่หลักธรรมคำสอนให้สอดคล้องกับยุคสมัยโดยไม่ให้ขัดกับหลักธรรมวินัย และกฎหมายบ้านเมือง
และแน่นอนว่า ปุถุชน ยังมีกิเลส ทำอะไรก็ย่อมมีความผิดพลาด
คุณจะด่าและกำจัดคนที่ทำงานผิดพลาด
และหันไปยกย่องสรรเสริญคนที่เอาแต่พูดสนองความเพ้อฝันโดยไม่เคยทำอะไรเลย ใช่ไหม