ความคิดเห็นที่ 1 สาธุครับ -/\- หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นครูบาอาจารย์รูปแรกๆในสายพระป่า ที่ผมได้ฟังธรรมเทศนาของท่าน  ตั้งแต่สมัยเด็กๆคุณพ่อก็ชอบจับผมนั่งสมาธิ แล้วเปิดเทปบรรยายธรรมของหลวงพ่อพุูธ ให้ฟังอยู่เสมอๆ ทำให้ได้พิจารณาธรรมในขณะนั่งสมาธิไปด้วย จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 16:47:59

ความคิดเห็นที่ 2 อยู่ที่ กรรมไหน ได้โอกาสทำหน้าที่เป็นชนกกรรม ชาติก่อน ๆ (บางชาติ) ของพระพุทธเจ้า ยังเกิดเป็น สัตว์ เลย จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 17:32:04

ความคิดเห็นที่ 3 เสียงเทศน์ในคลิปก็บอกอยู่แล้วนี่ครับว่า "ดูเหมือนไม่มี" และตามตำราว่าไว้ พระโสดาบัน เกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ  และจะไม่เกิดต่ำกว่าภูมิมนุษย์ คือไม่เกิดในอบายภูมิ4 (นรก, เปรต, อสุรกาย, สัตว์เดรัจฉาน) จากคุณ : ไหลหลัง เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 17:55:04

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบ คคห2 พระโพธิสัตว์เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานได้ก็จริง แต่พระโพธิสัตว์ไม่ใช่พระโสดาบัน พระโพธิสัตว์เป็นเรื่องของ "พุทธภูมิ" ส่วนพระโสดาบันเป็นเรื่องของ "สาวกภูมิ" คนละทางเดินกันครับ จากคุณ : ไหลหลัง เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 17:59:16

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปให้ฟังชัดๆ ไม่มีในตำรา(พระไตรปิฏก) ว่าผู้เข้าถึงอริยะ มีโสดาบันแล้วจะไปสู่ภูมิต่ำกว่ามนุษย์ เช่น เป็นเดรัชฉาน และพระโพธิสัตว์ไม่ใช่พระอริยะ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 18:26:43

ความคิดเห็นที่ 6 สังเกตไหมว่า  พระโพธิสัตว์ ที่เป็นสัตว์  มีจิตใจสูงกว่าคนมาก และที่เกิดได้ร่างเป็นคนนี่นะ  หลายๆคนจิตใจต่ำกว่าสัตว์อีก ดังนั้นพระโสดาบันไม่เกิดเป็นสัตว์อีก  น่าจะมีความหมายทางจิต และเกิดอีกไม่เกิน 7ชาติ  ก็มีความหมายทางจิตอีกเช่นกัน เจ็ดชาติน่าจะหมายถึง   อัฏฐะ  ปุริสะปุคคะลา  บุคล 8   ได้มา 1 แล้ว ยังเหลืออีก 7 จึงจะถึงอรหันต์ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 18:34:28

ความคิดเห็นที่ 7 ฟังธรรม สบายใจดีค่ะ การเผยแพร่ธรรมะ ก็เป็นกุศลค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ จากคุณ : ไอยรินมาทวงถาม เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 20:37:21

ความคิดเห็นที่ 8 พระอริยบุคคลไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีก จำไว้นะ! นรก, เดรัจฉาน จัดเป็นอบายภูมิ จากคุณ : เผอิญผ่านมา เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 54 23:07:25

ความคิดเห็นที่ 9 พระโพธิสัตว์นั้น ไม่ได้เป็นพระอริยะครับ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 08:28:46

ความคิดเห็นที่ 10 ^^  ^^ พระโพธิสัตว์นั้น ไม่ได้เป็นพระอริยะ  - ขอหลักฐาน ที่มาด้วย ครับ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 10:35:23

ความคิดเห็นที่ 11 พระโพธิสัตว์ไม่ใช่พระอริยะแน่นอน เพราะท่านจะต้องตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง เคยได้ยินพระสูตรที่ พระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งตรัสห้ามพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งไม่ให้เทศน์ต่อ เพราะ ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปราถนาจะบรรลุธรรม ลองค้นดูเองนะ ส่วนคุณ P2wichai จะมาบอกว่า พระโพธิสัตว์เป็นพระอริยะ นั้น ก็ขอหลักฐานที่มาด้วย ส่วนเรื่องพระโสดาบัน เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานได้ ขนาดแค่คนที่ถือศีลห้า พระพุทธเจ้ายังประกันว่าไปสุคติภูมิเลย (ในมหาปรินิพพานสูตร) แล้วระดับพระโสดาบัน ที่มีศีลห้าอัตโนมัติ จะไปทุคติภูมิได้อย่างไร จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:01:46

ความคิดเห็นที่ 12 ผมขอยกหลักฐานให้คุณ P2wichai  ได้ทราบนะครับ จากพระอรรถกถา --------------------------------------------------- อรรถกถาราชวรรค ๑. อรรถกถาฆฏิการสูตร ฆฏิการสูตรมีคำเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- . . . จากพระอรรถกถาบาลี ----------------------------------- อลตฺถ โข อานนฺท ฯเป ฯ ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทนฺติ ปพฺพชิตฺวา กึ อกาสิ ฯ ยํ โพธิสตฺเตหิ กตฺตพฺพํ ฯ โพธิสตฺตา หิ พุทฺธานํ สมฺมุเข ปพฺพชนฺติ ฯ ปพฺพชิตฺวา จ ปน อิตฺตรสตฺตา วิย ปติตสิงฺคา น โหนฺติ ฯ จตุปาริสุทฺธิสีเล ปน สุปติฏฺฐาย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา เตรสธุตงฺคานิ สมาทาย อรญฺญํ ปวิสิตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูรยมานา สมณธมฺมํ กโรนฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ยาว อนุโลมญาณํ อาหจฺจ ติฏฺฐนฺติ ฯ มคฺคผลตฺถํ วายามํ น กโรนฺติ ฯ โชติปาโลปิ ตเถว อกาสิ ฯ ---------------------------------------- คำแปลไทยในอรรถกถาภาษาไทย บท ว่า อลตฺถ โข อานนฺท ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปทํ ความว่า โชติปาลมาณพบวชแล้วได้กระทำอย่างไร ที่ผู้เป็นพระโพธิสัตว์จะพึงกระทำ. ธรรมดาพระโพธิสัตว์ย่อมบรรพชาในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. ก็แลครั้นบวชแล้วย่อมไม่เป็นผู้มีเขาอันตกแล้วดุจสัตว์นอกนี้ ตั้งอยู่ ในจตุปาริสุทธิศีลแล้วเล่าเรียนพระพุทธพจน์ คือพระไตรปิฎก สมาทานธุดงค์ ๑๓ เข้าป่า บำเพ็ญคตวัตรและปัจจาคตวัตร กระทำสมณธรรม เจริญวิปัสสนา จนถึงอนุโลมญาณจึงหยุด ไม่กระทำความพยายามเพื่อมรรคผลต่อไป แม้โชติปาลมาณพก็ได้กระทำอย่างนั้นเหมือนกัน. เน้น พระโชติปาละ เจริญวิปัสสนา จนถึงอนุโลมญาณจึงหยุด ไม่กระทำความพยายามเพื่อมรรคผลต่อไป และจากพระอรรถกถาสัมมาสัมพุทธบุคคล เป็นดังนี้        อรรถกถาสัมมาสัมพุทธบุคคล วินิจฉัย ในนิเทศแห่ง สัมมาสัมพุทธบุคคล. คำว่า "ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ" ได้แก่ ในธรรมอันไม่เคยสดับมาก่อนในสำนักแห่งบุคคลอื่น ในกาลก่อนแต่การตรัสรู้ สัจธรรมในปัจฉิมภพ. ก็ในภพก่อน ๆ แต่ภพนั้น พระสัพพัญญูโพธิสัตว์ ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา เรียนพระไตรปิฏกทั้ง ๓ แล้วยกขึ้นสู่คตปัจจาคตวัตรคือ วัตรที่นำกรรมฐานไปและนำกลับมา เริ่ม ตั้ง กรรมฐานจนจดอนุโลมและโคตรภูญาณ. เพราะฉะนั้น คำว่า "สัมมาสัม- พุทโธ" นี้ ท่านกล่าวหมายเอาความเป็นผู้ไม่มีใคร ๆ เป็นอาจารย์ในปัจฉิมภพ คือภพ สุดท้ายเท่านั้น. จริงอย่างนั้น พระตถาคตเจ้า ทรงตรัสรู้สัจธรรมทั้ง ๔ ด้วยพระองค์ เอง ด้วยญาณอันประจักษ์แก่พระองค์ว่า "อิทํ ทุกฺขํ ฯลฯ อิทํ ทุกฺข- นิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้ ในสังขตธรรมทั้งหลาย ที่ไม่ได้สดับมาในสำนัก แห่งบุคคลอื่น เพราะความที่พระองค์เป็นผู้มีบารมีเต็มบริบูรณ์แล้ว. คำว่า "ตตฺถ" ได้แก่ อรหัตมรรค กล่าวคือปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้สัจธรรมทั้ง ๔ นั้น. คำว่า "พเลสุ วสีภาวํ" ได้แก่ ย่อมถึงความเป็นผู้ชำนาญในการ ประพฤติพระ สัพพัญญุตญาณ และทศพลญาณทั้งหลาย. ก็กิจอื่น ชื่อว่าควร กระทำย่อมไม่มี แก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จำเดิมแต่การบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ และพระทศพล ญาณ. เหมือนอย่างว่า อิสริยยศทั้งหมดใคร ๆ ไม่ควรกล่าวว่า ชื่อว่า อิสริยยศนี้ ไม่มาถึงแก่ขัตติยกุมารผู้อุภโตสุชาติ จำเดิมแต่การได้อภิเษก อิสริยยศ นี้ ย่อมเป็นธรรมชาติมาแล้วทั้งสิ้น ฉันใด ชื่อว่า คุณนี้อันใคร ๆ ไม่ ควรกล่าวว่า ไม่มาถึงแล้วแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย, พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่ แทงตลอดแล้ว, และไม่ประจักษ์แก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จำเดิมแต่การบรรลุ อรหัตมรรค คุณคือพระสัพพัญญุตญาณแม้ทั้งปวง ชื่อว่ามาแล้ว พระพุทธเจ้า ได้แทงตลอด แล้ว กระทำให้ประจักษ์แล้ว ฉันนั้น เหมือนกัน. คำว่า "อยํ วุจฺจติ" ความว่า บุคคลนี้ได้แก่ บุคคลผู้มีสัพพัญญูคุณ อันแทงตลอดแล้วด้วย อริยมรรค โดยอานุภาพแห่งความสำเร็จแล้ว ด้วยบารมี อันบริบูรณ์ด้วยประการ ฉะนี้ ท่านจึงเรียกว่า "สัมมาสัมพุทโธ".              จบอรรถกถาสัมมาสัมพุทธบุคคล ผม ขอนำบทความนั้นแสดงให้ชัดอีกครั้งนะครับ ก็ ในภพก่อน ๆ แต่ภพนั้นพระ สัพพัญญูโพธิสัตว์ ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา เรียนพระไตรปิฏกทั้ง ๓ แล้วยกขึ้นสู่คตปัจจาคตวัตรคือ วัตรที่นำกรรมฐานไปและนำกลับมา เริ่มตั้ง กรรมฐานจนจด อ นุ โ ล ม และ โ ค ต ร ภู ญ า ณ.    ดัีงนั้นวิปัสสนากรรมฐานของพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ต่างจากปุถุชนทั่วไปที่เจริญวิปัสสนา ตรงที่พระโพธิสัตว์สามารถเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนจดอนุโลมและโคตรภูญาณ.    ซึ่งอาจจะเรียกว่าต่างจากปุถุชนทั่วไปที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอริยะหรือผู้ที่ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์ ก็ตรงผลปฏิบัติตรงส่วนนี้. อ่านเพิ่มได้จากที่ผมได้แสดงความเห็นตรงลิงค์ีนี้ http://www.pantown.com/board.php?id=20933&area=3&name=board5&topic=9&action=view จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:41:30

ความคิดเห็นที่ 13 ว่ากันด้วยเหตุปัจจัย จิตพระโสดาบัน การบรรลุโสดาบัน ก็การละสังโยชน์ 3 ข้อ คือ 1.สักกายทิฏฐิ 2. วิจิกิจฉา 3. สีลัพพตปรามาส พระโสดาบัน ท่านเคร่งครัดในศีล แม้ตายก็ยอม ข้อนี้จิตขัดเกลาจากบาปย่อมไม่เกิดในในภูมิตำ่กว่ามนุษย์แน่นอนครับ ที่จริงคนทั่วไปทำแค่ข้อ3ข้อเดียวก็ชาติต่อไปก็ไม่เกิดในอบายภูมิแล้ว แต่คนทั่วไปอาจมีการสั่นครอนทางจิตคิดรักใคร่ในเดรัจฉานเช่นหวงทรัพย์ มากๆหรือ เกิดพอใจอยากเป็นนกขึ้นมาแม้อยู่ในศีลเคร่งครัด ก็อาจไปเกิดเป็นสุนัขหรือนกได้ แต่ก็ยังยาก เพราะแรงศีลจะส่งใกลมาก แต่พระโสดาบัน ท่านเข้าใจ ในความไม่มีตัวตน เป็นสิ่งที่ควรละ สิ่งเหล่านี้เป็นทุกข์ ความเป็นห่วงในตัวตนไม่มี เพราะรู้ว่าเป็นเพียงอาศัยเท่านั้นจึงไม่รักใคร่ในการยึดถือ อุปาทานการเกิดอีก อย่าว่าแต่เดรัจฉานเลย แค่คิดอยากเกิดเป็นมนุษย์ยังไม่อยากเลย การละตัวตน รู้ตามจริงไม่ได้คิดเอา ทำให้ไม่สงสัย ความจริงใน พระธรรม  จิตก่อนตาย ก็มีสติละตัวตนเสมอจึงไม่มีทาง ลงอบายภูมิได้  ถ้ามีบารมีมากก็ไปเกิด บนสวรรค์ และอาจปฏิบัติจนสำเร็จไปเลย จากคุณ : Karaone เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 11:55:24

ความคิดเห็นที่ 14 ได้อ่านดูแล้วก็ยังไม่ทำให้ ศรัทธา(ความเชื่อ)ผมเปลี่ยนไปได้... ความสงสัยยังมี..   ..  ..     ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติ  ได้บวช ได้เรียน ได้ฟังธรรม จากพระพุทธเจ้าตั้งหลายแสนองค์ จะไม่บรรลุธรรม  แม้แค่ โสดาบัน? ? ? ผิดกับสมัยนี้มีแค่พระไตรปิฎกที่ผ่านการสังคายนามาหลายครั้งให้ศึกษา นั่งหลับตาไม่กี่ สิบปี ใครๆก็เชื่อว่าบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์แล้ว   พระอรรถกถา ผมก็รับฟังนะครับ แต่อ่านดูที่ให้มา ไม่พบว่าตรงไหน มีความหมายชัดเจนว่า  พระโพธิสัตว์ไม่บรรลุธรรม   แต่ไม่ทราบว่ามีในพระไตรปิฏกชัดเจน หรือไม่  ว่า   พระโพธิสัตว์ไม่บรรลุธรรม สำหรับ คห.11 คุณฮิมาวาริซซัง ผมไม่มีหลักฐานเลยว่า  พระโพธิสัตว์บรรลุธรรมหรือไม่ ฉนั้น จึงไม่ระบุชัดเจนว่า พระโพธิสัตว์บรรลุธรรมหรือไม่ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 13:21:15

ความคิดเห็นที่ 15 ในพระไตรปิฏกกล่าวไว้ใช่ไหมครับว่า พระโสดาบันนั้นจะเกิดอีกไม่เกิด 7 ชาติ และไม่คิดว่าจะหมายถึง อัฏฐะ  ปุริสะปุคคะลา  บุคล 8   ดังนั้น 7 ชาตินั้น ไม่พอที่จะบำเพ็ญเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์หรอกครับ ถ้าได้อ่านประวัติหลวงปู่มั่น ท่านจะเห็นว่า ท่านได้ปรารถนาจะเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว เมื่อท่านเห็นว่าสังสารวัฏยาวนาน และน่ากลัว ท่านจึงละความตั้งใจเดิมเสียแล้วเข้าสู่หนทางพระอริยะครับ อดีตชาติของพระพุทธเจ้าที่ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรเพื่อช่วยแม่ นั่นคือชาติแรกที่ท่านตั้งจิตจะเป็นพระโพธิสัตว์เพราะเห็นทุกข์ในสังสารวัฏ นั่นท่านก็นยังไม่ได้เป็นพระอริยะ เพราะหลังจากนั้นท่านก็ยังเกิดในภพต่ำกว่ามนุษย์ จากการศึกษาส่วนตัว ผมเห็นว่า พระโพธิสัตว์จึงยังไม่ได้เป็นพระอริยะ เพราะต้องเวียนว่ายในหลายภพภูมิเพื่อบำเพ็ญบารมีครับ เพราะพระอริยะเจ้า มีพระโสดาบันเป็นเบื้องต้น ปิดอบายภูมิแล้ว แต่ในภพภูมิหลังจากพระโสดาบันแล้วอาจไปอยู่ในภพที่มีระยะเวลายาวนานมากก็ได้ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 54 18:28:46 จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 18:28:05

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้า " 7ชาติ" หมายถึง 7ชาติทางจิต คือ โสดาปฏิผล > สกทาคามิมรรค > สกทาคามิผล  > อนาคามิมรรค > อนาคามิผล > อรหันตมรรค > อรหันตผล จบเจ็ดระดับชาติชั้นทางจิต กว่าจะได้แต่ละชั้น อาจต้องตายเกิด ตายเกิด มากมายหลายชาติก็ได้ พระอริยะเจ้า มีพระโสดาบันเป็นเบื้องต้น ปิดอบายภูมิแล้ว แน่นอน จิตของท่านไม่ตกต่ำไปสู่อบายภูมิแล้ว ท่่านไม่เร่าร้อนดิ้นรนแล้ว(นรก)    ท่านไม่หิวโหยทยานอยาก(เปรต) ท่านเกล้วกล้าอาจหาญไม่ย่อท้อที่จะทำดี เว้นชั่ว(อสุร) จิตท่านรู้ดี ชั่ว รู้บาปรู้บุญ ไม่หลงไปทำกรรมชั่วอย่างไม่ละอายอีกแล้ว(เดรัจฉาน) จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 19:21:39

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วพระโพธิสัตว์ที่ยังต้องเวียนว่ายในหลายภพภูมิเพื่อบำเพ็ญบารมี จะเป็นโสดาบันได้อย่างไรล่ะครับ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 20:45:37

ความคิดเห็นที่ 18 ^^  ^^  #17 ก็นั่นนะซิ  ผมก็ไม่รู้  แต่อยากเดาว่า  บางชาติก็บรรลุระดับนั้น  บางชาติก็บรรลุระดับนี้ บางชาติก็ไม่ได้บรรลุอะไรเลย เพียงเกิดมาใช้หนี้เวร และสั่งสมบารมี แต่จิตใจไม่ตกต่ำไปกว่าระดับสูงสุดที่เคยบรรลุธรรมในชั้นนั้นแล้ว จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 54 23:08:57

ความคิดเห็นที่ 19 ดูเหมือน เทวทัต  จะยิ่งกว่า โสดาบัน ยังตกนรก ได้เลย จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 19:26:19

ความคิดเห็นที่ 20 สมาธิของพระเทวทัตเป็นมิจฉาสมาธิ  ไม่ใช่สัมมาสมาธิอันมีปัญญาประหารกิเลสได้ จากคุณ : เผอิญผ่านมา เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 21:25:46

ความคิดเห็นที่ 21 ดูเหมือน เทวทัต  จะยิ่งกว่า โสดาบัน ^ ^ ^ ไม่ใช่ครับ จากคุณ : ผมรู้ เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 54 22:28:23

ความคิดเห็นที่ 22 พระโพธิสัตว์ กับ พระอริยะ มีจุดมุ่งหมายในการเกิดที่แตกต่างกัน พระพุทธเจ้า ต้องการช่วยเหลือให้เพื่อนมนุษย์พ้นจากทุกข์ คือ วัฏสงสาร พระอริยะ ต้องการทำตัวเองให้พ้นจากทุกข์ คือวัฏสงสาร พระโพธิสัตว์ ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นจากทุกข์เฉพาะหน้า พระอริยะไม่ต้องการเกิด แต่พระโพธิสัตว์ ยังต้องการเกิดเพื่อช่วยผู้คน ดังนั้น พระโพธิสัตว์ จึงมิใช่พระอริยะ ด้วยประการทั้งปวง เพราะเป้าหมายในวิถีที่แตกต่างกันนี้ แต่พระโพธิสัตว์ มีสิทธิ์จะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า ตามแรงอธิษฐาน เพราะอานิสงจากการบำเพ็ญเพียรพระโพธิสัตว์มาหลายภพหลายชาติ จากคุณ : HellForge เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 54 21:23:07

ความคิดเห็นที่ 23 พระเทวฑัตสำเร็จโลกียฌาน ไม่ได้เป็นพระอริยะ ยังไม่เป็นพระโสดาบันครับ พระโพธิสัตว์ยังตกนรกได้ ทำผิดศีลได้นะครับ ลองกลับไปอ่านพระชาติโพธิสัตว์ของพระพุทธเจ้าก่อน 30 ชาติสุดท้ายดูก็จะเข้าใจว่าอย่างไร แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 21:59:25 จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 21:57:25