ความคิดเห็นที่ 1 2.)ฮิญาบมีที่มาที่ไปอย่างไร ประวัติที่มาของการคลุมฮิญาบมีดังนี้ ช่วงแรกๆในการเป็นศาสนฑูตของท่านนบีมูฮำมัดนั้น ยังไม่มีคำสั่งเรื่องการคลุมฮิญาบลงมา ครั้นเมื่อท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) มุ่งหน้าไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ช่วงนั้นท่านนบียังไม่มีที่บ้านเป็นของตนเอง จึงพักที่บ้านของอบูอัยยูบ แต่ภรรยาของท่านนบีต้องพักที่อื่น เช่นนั้นเมื่อภรรยาของท่านนบีและสตรีมุสลิมท่านอื่นๆ ต้องการออกไปทำ ในยามค่ำคืน ก็ต้องออกไปทำภารกิจนอกบ้านซึ่งในระหว่างทาง พวกอันธพาลมักนั่งแถวๆ ข้างทาง คอยหยอกล้อ,จีบสาว และพูดจาเกี้ยวพาราสีต่อสตรีที่เดินผ่านไปมา ( เหมือนวัยรุ่นชายบ้านเราชอบจับกลุ่มกันหยอกล้อผู้หญิง เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน ) ด้วยเหตุนี้พระองค์อัลลอฮฺทรงประทานอัลกุรฺอานในบทที่ว่า "โอ้นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบรรดาบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธาโดยให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนางเถิด" ( Qu’ran บทอัลอะหฺซาบ 33 : 59) สรุปแบบย่อ นอกจากเป็นคำสั่งใช้ของพระเจ้าแล้วก็ยังมีที่มาเพื่อป้องกันการคุกคามจากเพศตรงข้ามที่มีต่อสตรี ป้องกันเกิดการข่มขืน เพราะห้ามมิให้สตรีแต่งตัวยั่งยุครับ ( ปัญหาอดีตและปัจจุบันกับเรื่องการข่มขืน นอกจากตัวผู้ก่อเหตุเป็นคนที่ไม่มีความยั้งคิดแล้ว การแต่งตัวที่ยั่วยุทางเพศของสตรีก็มีส่วนครับ ) แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 16:30:13 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:27:41

ความคิดเห็นที่ 2 3.)เหตุใดผู้หญิงมัสลิมต้องคลุมฮิญาบ นอกจากจะเป็นหลักการอิสลามให้หญิงมุสลิมปฏิบัติแล้ว ยังมีประโยชน์งลดการถูกการเกียวพาราสี การหยอกล้อเชิงชู้สาวซึ่งนำไปสู่การถูกคุกคามทางเพศที่อาจเกิดขึ้น ( ตัวอย่างอยู่ที่ประวัติของการคลุมฮิญาบข้อสอง ) เสริมนิดๆ สมมุติหญิงสองคนเป็นฝาแฝดกันและทั้งคู่สวยพอกัน เดินไปด้วยกันบนถนน คนหนึ่งแต่งกายด้วยฮิญาบทุกส่วนของร่ายกายถูกปกปิดยกเว้นใบหน้าและมือ อีกคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าตามแบบตะวันตก กระโปรงสั้นหรือกางเกงขาสั้น แล้วมีอันธพาลคอยจ้องจะจับ ล้อเล่น ยั่วเย้าผู้หญิง ใครเล่าจะเป็นผู้ถูกลวนลาม ? ผู้หญิงที่แต่งชุดฮิญาบหรือผู้หญิงที่แต่งชุดกระโปรงสั้น ? โดยธรรมชาติแล้วเขาย่อมลวนลามผู้หญิงที่นุ่งกระโปรงสั้น ดังนั้นการแต่งกายจึงเป็นการเชื้อเชิญทางอ้อมให้เพศตรงข้ามลวนลามข่มเหง กุรอานจึงกล่าวไว้เป็นถูกต้องแล้วที่ว่า ฮิญาบปกป้องผู้หญิงจากการถูกข่มเหงลวนลาม จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:32:09

ความคิดเห็นที่ 3 4.)การคลุมฮิญาบอย่างเดียวลดการถูกคุกคามทางเพศได้จริงหรือ มาตรฐาน 6 ประการสำหรับฮิญาบ ตามกุรอานและซุนนะฮฺ มีเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้น 6 ประการสำหรับการปฏิบัติตามเงื่อนไขของฮิญาบ 3.1 เอาเราะฮฺ หรือขอบเขตของร่างกายที่ต้องปกปิด เกณฑ์แรกคือขอบเขตของร่างกายที่ต้องปกปิด (เอาเราะฮฺ) ซึ่งต่างกันระหว่างชายกับ หญิง เอาเราะฮฺของผู้ชายอย่างน้อยต้องอยู่ระหว่างสะดือกับเข่า สำหรับผู้หญิงเอาเราะฮฺคือทุกส่วนของร่างกายยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ อีก 5 เกณฑ์ที่เหลือนั้นเหมือนกันทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง 3.2 ชุดที่สวมใส่ต้องหลวมและต้องไม่เปิดเผยให้เห็นรูปร่าง 3.3 ชุดที่สวมใส่ต้องไม่บางจนมองทะลุผ่านได้ 3.4 ชุดที่สวมใส่ต้องไม่งามหรือมีเสน่ห์จนเป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้าม 3.5 ชุดที่สวมใส่ต้องไม่คล้ายคลึงกับของเพศตรงข้าม 3.6 ชุดที่สวมใส่ต้องไม่คล้ายคลึงกับของบรรดาผู้ปฏิเสธ พวกเขาจะต้องไม่สวมใส่ชุดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะหรือสัญลักษณ์ในศาสนาของบรรดาผู้ปฏิเสธ การแต่งกายของหญิงมุสลิมไม่ได้มีหลักการแค่ให้คลุมฮิญาบเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันมีหญิงมุสลิมในไทยไม่น้อยที่เห็นความสำคัญของการคลุมฮิญาบเพียงอย่างเดียวในการแต่งกายแต่ละเลยเรื่องอื่น เช่น คลุมฮิญาบแต่ใส่เสื้อผ้ารัดรูป ตามแฟชั่น เช่น.... คลุมฮิญาบ กางเกงเอวต่ำ เสื้อเล็กรัดเรือนร่าง แถมด้วยเอวลอย ทำไมต้องใช้ฮิญาบผืนเล็กๆและบางเบา จนเห็นภายในและช่วงอกของเธอ กระโปรงของเธอทำไมถึงรัดรูปร่างผ่าสูงโชว์ช่วงขา ทั้งที่เธอยังคลุมฮิญาบอยู่.....คลุมฮิญาบ แล้วใส่เสื้อแขนสั้น... การกระทำเหล่านี้ผิดหลักการศาสนาอิสลามครับ เราพบเห็นกันได้บ่อย การแต่งกายของมุสลิมต้องทำให้ครบตามหลักศาสนา ไม่ใช่เลือกข้อที่ตัวเองชอบ ข้อใหนไม่ชอบก็ตัดทิ้ง แบบนี้ผิดแน่นอน จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:34:22

ความคิดเห็นที่ 4 5.)หญิงมุสลิมไม่คลุมฮิญาบได้มั้ย บางคนอาจจะบอกว่า "เรื่องของฉัน ฉันไม่สวม ใครจะทำไม !! " แต่มุสลิมที่ดีควรปฏิบัติตัวตามศาสนาครับ  คุณควรรู้หน้าที่ของตัวเอง สตรีที่ไม่สวมฮิญาบจะไม่ได้เข้าสวรรค์   จากอบีฮุรอยเราะฮ รอฏิยัลลอฮุอันฮู เล่าว่า ท่านนบี (ซ.ล) กล่าวว่า     ‘’มีบุคคลสองจำพวกในนรกที่ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อน(หมายถึงอัลเลาะห์ไม่เผยให้เห็นในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่) คือ หนึ่ง : ชนกลุ่มหนึ่งที่ถือแส้ประหนึ่งหางวัว (เพื่อใช้) เฆี่ยนตี (กดขี่ข่มเหง) มนุษย์ และสอง : บรรดาผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าแบบเปลือย เดินส่ายสะโพกโยกย้าย ทำทรงผมประหนึ่งโหนกอูฐ พวกเขาหมดสิทธิ์เข้าสวรรค์ และแม้แต่กลิ่นไอของสวรรค์ก็จะไม่ได้รับ ถึงแม้ว่ากลิ่นของมันจะโชยฟุ้งไกลแสนไกลจากที่นี้ ไปที่โน่นก็ตาม’’                        (รายงานโดย มุสลิม : 14/109) อยากเป็นชาวสวรรค์หรือชาวนรก เลือกเอานะครับพี่น้อง จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:36:14

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งที่เข้าใจที่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่มุสลิมมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับฮิญาบ 1.)ฮิญาบ กับ นิกอบ มักมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่เสมอว่า เรื่องฮิญาบกับนิกอบ บางคนเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน นิกอบ คือ เครื่องแต่งกายที่คล้ายกับฮิญาบแต่จะปกปิดใบหน้าและฝ่ามือด้วย ว่าง่ายทุกชิ้นส่วน ทุกอวัยวะจะถูกปกปิดหมดยกเว้นดวงตา ( แต่บางครั้งก็ปิดทำช่องมองเป็นผ้าตาข่ายบางๆไว้ ) นิกอบนี้ เอง ที่คนต่างศาสนามักเอาไปเป็นประเด็นว่า ริดรอนสิทธิเสรีภาพทางการแสดงออก ทางการแต่งกายในที่สาธารณะของสตรีมุสลิม มองว่าบุรษไปบังคับสตรี ซึ่งดูโหดร้ายในสายตาคนนอกศาสนาอิสลาม ( ในรูปนี้เรียกว่านิกอบครับ ไม่ใช่ฮิญาบ อย่าสับสนครับพี่น้อง ท่านที่เคยดูข่าวพวกอัฟกัน อีรัก จะเคยเห็นกันบ่อย ชุดนี้ละที่อิสลามโดนเข้าใจผิดบ่อยๆว่าไปริดรอนสิทธิเสรีภาพด้านการแสดงออกของสตรีในที่สาธารณะ อยู่บ่อยๆ เลยเถิดไปการไม่เท่าเทียมทางเพศหญิงและชายในสังคมอาหรับ ) จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:42:49

ความคิดเห็นที่ 6 โพสซ้ำครับ ขออภัย แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 16:46:48 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:43:45

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ นิกอบ ที่มามีดังนี้ อบู ฮูร็อยเราะ รายงานว่าท่านศาสนทูตกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงตรัสว่า บ่าวของข้าจะไม่ได้ ใกล้ชิดข้าโดยการที่เขาทำในสิ่งที่เขาปรารถนาต่อฉัน มากกว่าการงานที่ดีที่ข้าได้บัญชา แก่เขา และบ่าวของข้าหมั่นใกล้ชิดข้าด้วยการงานที่ประเสริฐ (กว่าที่ข้าสั่งใช้) ข้าจะรัก เขา” (ศอเฮี้ยฮฺบุคอรีย์) การงานของเราที่กระทำเพื่ออัลลอฮฺด้วยความเชื่อฟังต่อสิ่งที่พระองค์ทรงบัญชาแก่เรา (ฟัรดู) จะ ทำให้เรานั้นใกล้ชิดพระองค์มากกว่า (การที่เราทำในสิ่งที่พระองค์มิได้สั่งใช้) และการกระทำที่มี ความดีงามมากกว่าที่พระองค์ทรงบัญชา อาจเป็นเหตุให้เราได้ใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น อิน ชาอัลลอฮฺ สรุปให้ฟัง ฮิญาบเป็นคำสั่งใช้ ที่สตรีมุสลิมต้องปฏิบัติครับ ว่าง่ายๆ ต้องใส่ฮิญาบในสตรี แต่สำหรับ นิกอบ ( คนต่างศาสนาบางท่านเรียกกันขำๆ ว่าชุดนินจา เพราะโผล่แต่ดวงตา ) ไม่ได้เป็นคำสั่งใช้ ไม่ได้บังคับใช้ในหญิงมุสลิม เพราะ “ใบหน้า” และ “ฝ่ามือ” เป็นสิ่งที่มุสลิมะฮฺได้อนุมัติให้เปิดเผยต่อสาธารณะได้ นิกอบจึงไม่เป็นข้อบังคับโดยตรง จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:49:21

ความคิดเห็นที่ 8 อิสลามไม่ได้บังคับใช้ให้สตรีสวมนิกอบ แล้วสตรีมุสลิมบางท่านสวมไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร นิกอบ คือ มุซตะฮับ คำว่า “มุซตะฮับ” มีความหมายว่า “การแสวงหาความรัก (จากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุวะตะอาลา) นั้นคือการที่ทำเกินคำสั่งเพื่อหวังความโปรดปรานจากพระเจ้า ( มุสลิมบางคนถือตรรกกะนี้ การกระทำความดีที่มากกว่าคำสั่ง จะได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งกว่า ) สรุป ดังนั้นนิกอบจึงไม่ใช่คำสั่งใช้ แต่จะทำในบางกลุ่มที่ต้องการผลบุญที่เหนือกว่าฮิญาบเท่านั้น นิกอบไม่ได้บังคับใช้ในอิสลาม อิสลามบังคับใช้เพียงฮิญาบเท่านั้น อ่านแล้วจะเข้าใจตรงกันครับ ขอโทษทางฝั่งอิสลามด้วยที่ผมไม่ค่อยยกข้อความมาอ้างอิง เพราะกลัวทุกท่านเบื่ออ่านกัน คิดว่าทางฝั่งอิสลามคงรู้กันหมดแล้ว การใช้คำพูดผมอาจจะผิดผลาดก็ขออภัย  เพราะผมพยายามใช้คำง่ายๆใช้คนที่ไม่รู้เข้าใจได้ง่ายๆครับ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 16:55:04 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 16:53:50

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเคารพในสิทธิเสรีภาพของการแสดงออกทางความเชื่อทางศาสนาทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ ก็ดี หากแสดงออกมาด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่สิทธิของการแสดงออกนั้น ก็ไม่ควรที่จะไปละเมิดกฏ ระเบียบ ประเพณี ของศาสนาอื่นเขา จึงจะได้ชื่อว่า ศาสนาแห่งสันติภาพ อย่างแท้จริง จากคุณ : tiger18 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 18:08:24

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ : tiger18 อย่าหลงประเด็นสิครับ ผมแค่มาตอบคำถามที่เค้าถามกันบ่อยในกระทู้เรื่องฮิยญาบเท่านั้น เพราะชาวพุทธบางท่านคิดว่าเป็นแฟชั่นอาหรับ ผมเลยตอบแบบละเอียดเลย ส่วนเรื่องสวมในโรงเรียนวัดได้หรือไม่ ปล่อยให้พวกนักกฏหมายเค้าทำดีกว่า แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 54 19:34:55 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 18:27:51

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าว่าตามที่ยกมา ผมเห็นด้วยทุกประการกับคำสั่งใช้ ฮิญาบ และการสวมฮิญาบ ถ้าคนสวมเขาพอใจ และไม่ถูกบังคับให้ใส่ด้วยความไม่เต็มใจ   เขาควรมีสิทธิที่จะใส่ แต่บางสถานที่ที่ 1 เจ้าของสถานที่ที่ไม่ต้องการให้เกิดความแปลกแยก 2 เจ้าของสถานที่ที่เป็นวัดพุทธ ถ้าเค้าต้องการให้เป็นไปตามข้อปฏิบัติของเขา เจ้าของสถานที่เขามีสิทธิห้ามสวมฮิญาบไหมครับ ถ้าสามเณรในศาสนาพุทธต้องการเรียนสายสามัญที่โรงเรียนสุเหร่า เจ้าของสุเหร่า จะให้สามเณรน้อยโกนหัว ห่มผ้าเหลือง เข้าไปเรียนไหมครับ จากคุณ : narin-nar (Narin-nar) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 20:11:57

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ : narin-nar   เค้าไม่ห้ามเณรไปเรียนหรอกครับ เพราะจีวรของเณรไม่สร้างความเดือนร้อนให้ใครนิครับ มีหลักฐานครบก็ลงทะเบียนเรียนได้ ไม่มีโรงเรียนใหนออกกฎห้ามสามเณรเรียนนิครับ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 20:53:32

ความคิดเห็นที่ 13 ที่รร.พยุหะวิทยาจ.นครสวรรค์ซึ่งเป็นรร.การกุศลในพระพุทธศาสนาเป็นรร.ของวัด ก็อนุญาตให้นร.มุสลิมสวมฮิญาบได้และแต่งเครื่องแบบนร.เหมือนกับนร.มุสลิมได้ นี่คือความใจกว้างของของรร.นี้ซึ่งในอดีตที่รร.แห่งนี้จะมีพระเณรและฆารวาสเรียน รวมกัน เป็นรร.เก่าแก่ที่มีนร.และพระสงฆ์จากหลายจังหวัดมาเรียนกันมากมาย แต่มี อยู่สมัยหนึ่งได้มีกลุ่มคนจากต่างศาสนาเห็นว่ารร.แบบนี้ไม่ควรมีจึงไปแทรกแซง ให้มีคำสั่งห้ามพระกับฆารวาสเรียนรวมกันทำให้เหล่ารร.ที่เคยพักพิงอยู่กับวัดต้อง แยกตัวออกจากกันอย่างเช่นในทุกวันนี้  รร.พยุหะวิทยาเป็นรร.ของวัดเขาแก้ว จากคุณ : หนุ่มในกะลา เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 21:56:48

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องนี้ผมเองก็ได้ความรู้เพิ่มนะ แต่ก็ไม่ได้ห่างจากที่คิด คือคิดไว้แล้วว่าเขาให้ใส่ด้วยเรื่องนี้ แต่ผมว่ามันคนละเรื่องกับที่โรงเรียนจะให้ใส่หรือไม่ให้ใส่นะ ผมว่ามันคนละเรื่องกัน และผมก็คิดว่าการเปรียบเปรยว่าถ้าเราทำอย่างนี้อิสลามจะว่าอย่างไร ผมว่าจะใช้ตรรกะแบบนี้ไม่ได้ เพราะแต่ละศาสนาแต่ละสถานที่ก็มีระเบียบเฉพาะของแต่ละที่ แต่ผมคงให้ความเห็นอะไรไม่ได้มาก เพราะไม่ได้เรียนโรงเรียนวัด และไม่เคยเห็นมุสลิมเด็กสาวคนไหนใส่มาโรงเรียนที่ผมเรียนเลย จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 22:02:51

ความคิดเห็นที่ 15 บังคับให้หญิงสาวมุสลิมแต่งฮิญาบยังพอเข้าใจ แต่บังคับให้หญิงพุทธแต่งฮิญาบเพื่อ ??? ถามว่าเอาข้อมูลมาจากไหน... เอาข้อมูลมาจากหมู่บ้านหนึ่ง ในสามจังหวัดชายแดนใต้ค่ะ... ไม่แต่งก็ได้แต่เขาบอกว่า "ไม่รับรองความปลอดภัย" จากคุณ : yodaoi เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 22:43:02

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าเรามอง ม้าลาย ... ว่าเป็น ม้าสีดำ แต่มีลายขาว ... สีขาวก็คือ ความแตกต่าง แต่ถ้าเรามองว่า เป็นม้าสีขาว แต่มีลายสีดำ ... สีดำ ก็คือ ความแตกต่าง หรือเราจะมองว่า มันเป็นม้าที่มี 2 สี ... มันก็จะไม่มีสีใดที่แตกต่าง แตกต่าง ...  ไม่แตกต่าง   อยู่ที่  อคติของการมอง ด้วยจิตคารวะครับ จากคุณ : kheedes เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 23:50:47

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ห้ามหญิงพุทธนุ่งสั้น เสื้อรัดติ้ว ยังพอเข้าใจ แต่มาห้ามหญิงมุสลิมไม่ให้แต่งตัวมิดชิด  เพื่อ??? ถามว่าเอามาจากใหน... เอาข้อมูลมาจากประเทศหนึ่ง... ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ ไม่ทำก็ได้ แต่เขาบอกว่า  “งั้นก็ให้ไปเรียนที่อื่น “ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 09:18:16 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 00:54:52 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 00:22:45

ความคิดเห็นที่ 18 สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาจากแต่ละคน ก็ออกมาจากประสปการณ์ตรงที่ตนเองเคยพบ นี่เป็นกฏเกณฑ์ที่ตนเชื่อและถูกตั้งต้นในการตัดสินปัญหา จุดนี้แหละที่เรียกกันว่า "อคติ" บางที ก็ไม่ได้โทษใคร เพราะคนๆ นั้นอาจจะเจอปัญหาอย่างนั้นซ้ำซาก จนเป็นความเชื่อส่วนตัว แต่หาเป็นความจริงแท้โดยรวมไม่ การพยายามพูดความจริงกับใครก็ตามที่เขามีความเชื่อเป็นอื่น มันยาก จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 09:34:03

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : yodaoi ผมเขียนตรงใหนว่าบังคับให้นักเรียนชาวพุทธสวมฮิญาบ คุณไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าเรื่องโรงเรียนวัดกับการห้ามนร มุสลิมสวมฮิญาบไปเรียน จะได้รู้ประเด็นครับ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 10:43:07

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้นี้ผมรวบรวมข้อสงสัยเกี่ยวกับฮิญาบให้ทุกท่านอ่าน เพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน ไม่ได้มีเจตนาชักชวนให้ต่างศาสนิกใส่ฮิญาบ แต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นหลักการทางศาสนาอิสลามซึ่งมุสลิมต้องปฎิบัตตาม ขอย้ำว่าเฉพาะนักเรียนมุสลิมเท่านั้น   ไม่ได้ให้โรงเรียนวัดออกข้อกำหนดว่าต้องให้นักเรียนหญิงทุกคนทำครับ แค่ขอให้ทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนมุสลิมสวมฮิญาบเรียนได้ นี้ละคือประเด็นจริงๆ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 10:57:50

ความคิดเห็นที่ 21  ขอบคุณครับ ผมอยู่ทางภาคใต้ ได้ความรู้ดีครับ แต่ไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณ Lamelez จึง ตั้งหัวข้อกระทู้ว่ากระทู้ปรองดอง อิสลาม-พุทธหละครับ  แล้วตอนนี้ เราไม่ปรองดองกันหรอครับ ตอนนี้ เราทะเลาะกันอยู่หรอครับ ผมอยู่ทางใต้ สองศาสนาก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติอยู่แล้วนะครับ  ข้อมูลดี แต่ชื่อกระทู้แบบนี้ ไม่ดีนัก อาจทำให้คนเข้าใจผิดว่าสองศาสนานี้ กำลังมีปัญหากันอยู่ จากคุณ : indysoft เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 13:42:33

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบคุณ : indysoft ชาวพุทธบางท่านก่อนหน้านี้ไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่จะ คิดว่าเป็น เรื่องแฟชั่น ก็จะต้องคำถามอธิบายแย้งแบบตรรกกะพุทธมีตอบโต้กัน แนวโจมตีกัน ซึ่งผมเห็นว่าสองตรรกกะของสฮงศาสนาไม่มีทางเหมือนกัน เลยอยากให้ชาวพุทธเข้าใจเรื่องฮิญาบว่าทำใมมุสลิมต้องสวม หากปล่อยไปก็จะเกิดกระทู้โจมตีกันแน่นอน สิ่งทีอยากได้จากสมาชิกคือเข้าใจส่วนต่าง ยอมรับเห็นผลซึ่งกันและกัน ป้องกันไม่ให้แตกแยกกัน ตอนเข้ใจว่าส่วนใหญ่ยังรักกัน ต้องการแบบนั้นอยู่แล้วครับ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 14:49:19

ความคิดเห็นที่ 23 มันเป็นผลกรรม ที่โจรใต้ กระทำต่อชาวพุทธ มาเป็นเวลานานในภาคใต้ ทำให้ชาวพุทธบางส่วนรุ้สึกว่าถูกโจมตีศรัทธา ต้องยอมรับว่าอิสลาม มี 2พวกในศาสนาเดียวคือพวกหัวรุนแรง อย่างเช่นล๊อกอิน laliklalee ด้วยข้อหามีแนวโน้มว่าสั่งให้ผู้อื่น ไปทำร้ายผู้อื่นที่มีความเห็นต่างกับตัวเอง และไม่ยอมรับผิิด อ้างว่าแค่เรื่องเสียอารมณ์ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10293245/Y10293245.html#12 และพวกรักสันติ ความขัดแย้งระหว่างพราหมณ์(ฮินดู)กับอิสลาม ความขัดแย้งระหว่างพราหมณ์ (ฮินดู) กับอิสลาม อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพราะการเมืองและชนชาติที่แปรเปลี่ยนจากเดิมที่มุ่งความสันติในเผ่าชน แต่อิสลามกลุ่มนี้ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อที่ผิดจากเดิม เช่นจงรักภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และประกอบด้วยความเป็นเผ่าพันธุ์ถูกกลืนหายไปที่ละนิด ๆ ความกลัว ความไม่ยอมรับอยู่ใกล้ชิดกับศาสนาอื่น ความเป็นหนึ่งของเผ่าพันธุ์ จึงเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้ง อาจเป็นไปได้ (ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ 2531 : 23-47) ได้กล่าวไว้ในเรื่องลัทธิและนิกายไว้ว่า เมื่อก่อน พ.ศ. 1323 เป็นต้นมาอิสลามได้ทยอยเข้าสู่ปัญจาบทางภาคเหนือ ได้แก่ ชนชาติอาหรับ เปอร์เซีย เตอร์ก มองโกลและอัฟกาน เมื่ออพยพเข้ามาอิสลามไม่ยอมรับชนชาติอื่น เป็นข้อที่สังเกตว่า ชนชาติอื่นที่ตั้งรกรากอยู่ก่อนนั้นอิสลามจึงถูกค่อยถูกลืนหายไปโดยง่ายกลายเป็นคนพื้นเมืองของอินเดีย ภาษาและวัฒนธรรมต่าง ๆ อิสลามที่เคยนับถือพระเจ้าองค์เดียวนั้นก็รวมเข้ากับอินเดีย ประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า อิสลามเป็นชนชาติที่ไมยอมรับในฐานะที่จะเข้ารวมกับวัฒนธรรมอื่นหรือศาสนาที่มีอยู่เดิม วิถีชีวิตของอิสลามได้ถูกกำหนดด้วยศาสนาไว้อย่างเคร่งครัด ในสมัยนั้นอย่างถือคติไม่ยอมอยู่ใกล้เคียงกับชนชาติที่ถือในศาสนาอื่นด้วยนอกจากศาสนาของตน ดังนั้นอิสลามบางกลุ่มทางทิศเหนือของอินเดียก็ถือเอาวิธีประกาศด้วยดาบ ชนกลุ่มนี้ไม่ใช่อิสลามโดยแท้ เพราะอิสลามแท้ยึดถือเอาสันติเป็นสำคัญ จึงไม่ชื่อว่า “มุสลิม” ใน พ.ศ. 1323 เป็นต้นมา อิสลามกองทัพอิสลามได้เคลื่อนเข้าสู่อินเดียเป็นการใหญ่ แต่ละกองทัพได้ฆ่าฟันชาวฮินดูล้มตายเป็นจำนวนมาก ผู้ที่แพ้ก็ถูกบีบบังคับให้เข้ารีต ผู้ที่ไม่เข้าก็ถูกฆ่าตาย ในครั้งนั้นอิสลามได้ทำรายเทวสถานที่สำคัญมากมาย ฆ่าผู้คนรวมทั้งนักบวชฮินดูและพระสงฆ์ ที่น่าสลดใจที่สุด มหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก ชื่อ “นาลันทา” ถูกถล่มพังทลายในที่สุด นับเป็นครั้งแรกที่อินเดียพบกับความพินาศอย่างยิ่งใหญ่ ผลที่เกิดขึ้นภายหลังนั้น คือชาวอินเดียวที่เคยนับถือศาสนาฮินดูรู้สึกหวงแหนแผ่นดินและศาสนาตน ในสภาวะมีศาสนาอื่นเข้ามาโจมตีความศรัทธาความเชื่อ ชาวอินเดียจึงมีการต่อต้านขึ้นด้วยการทหารเป็นทางเดียวที่จะฟื้นฟูศาสนาฮินดูได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงก่อให้เกิดศาสนาอีกศานา คือศาสนาสิกข์ ข้อสังเกต ศาสนาสิกข์เกิดจากการหลอมตัวระหว่างศาสนาฮินดูกับศาสนาอิสลาม ที่ได้รับอิทธิพลจากนิกายสุนี (นิกายสุฟี) จากคุณ : aunemaek2 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 11:38:29

ความคิดเห็นที่ 24 มั่วมากเลยค่ะ คห.23 คุณ aunemaek2 ทีหลังถ้าจะยกอะไรมา ใช้สติปัญญาที่มีอยู่ (หรือไม่มี) คิดและพิจารณาข้อมูลก่อนค่ะ ไม่ใช่สักแต่ก๊อปมาอย่างเดียว พอเห็นอะไรๆที่มันพอจะใส่ร้ายอิสลาม "ศาสนาสิกข์เกิดจากการหลอมตัวระหว่างศาสนาฮินดูกับศาสนาอิสลาม ที่ได้รับอิทธิพลจากนิกายสุนี (นิกายสุฟี) " นิกายสุนี คือ "ซุนนีย์" ส่วนนิกาย สุฟี คือ "ซูฟีย์" ค่ะ ไม่เหมือนกัน หลักการปฏิบัติก้ไม่เหมือนกัน จะวงเล็บไปทำไม ศาสนาอิสลามก็ไม่ได้หลอมตัวกับศาสนาอื่นเพื่อกำเนิดศาสนาใดๆเลย ศึกษาให้ละเอียดก่อนนำมายกเพื่อให้คุณดูดีด้วยบทความที่คนเขียนเองก็ไม่ไคร่จะรู้อะไรจริงๆของอิสลามเลย คนที่น่าสังเวชกว่าคือ คนที่สักแต่ก๊อปเค้ามาอย่างเดียว โดยไม่สนใจอะไร รู้แต่ว่าอ่านแล้วมันโดนจริตของตัวเองก็เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 23:31:25 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 12:42:57 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 12:42:57 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 12:41:41 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 12:39:48

ความคิดเห็นที่ 25 ปล่อยคนอื่นคิด ตัดสินแทนให้บ่อยครั้ง ระวังสมอง และสติปัญญาจะอ่อนแอนะครับ คุณ aunemaek2 ด้วยความห่วงใย จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 13:15:38

ความคิดเห็นที่ 26 جَزَاكَ اللهُ ผมเข้าใจนะครับทำไมถึงปรองดอง ลองไล่ดูกระทู้เก่าๆเกี่ยวกับมุสลิม จะโดนโจมดีอยู่เรื่อยๆ เจ้าของกระทู้จึงอธิบายให้เข้าใจครับ ขออัลลอฮ์คุ้มครอง ท่าน จขกท. ครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 20:30:44 จากคุณ : N[o]w เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 20:29:15

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณ คุณ : N[o]w ขออัลลอฮ์คุ้มครอง เช่นกันครับ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 20:54:18

ความคิดเห็นที่ 28 อยู่กันด้วยความรัก ความเข้าใจ โลกจะน่าอยู่กันมากขึ้น จะกลัวจะอคติอะไรมากมายกับแค่ผ้าผืนเดียว จากคุณ : kapho_27 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 07:28:52