Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
“บัญญัติภายในอัลกุรอาน ไม่มีการยกเลิก” ติดต่อทีมงาน

ความจริง ในเรื่องการไม่ดื่มสุราของมุสลิม

  ในการอธิบายว่า  การยกเลิกบัญญัติในอัลกุรอาน บัญญัติต่างๆที่พระเจ้าประทานมาและ ได้มีการจดบัน ทึกโดยสมบูรณ์แล้วนั้น   มีการแก้ไขหรือยกเลิก ในภายหลังหรือระหว่าง ช่วง ระยะ เวลา 23 ปี ของการ ประทานวะฮีย์ (อัลกุรอาน)  แก่ท่านรอซูลมูฮัมมัดหรือไม่?

มุสลิมบางท่าน อาจจะพยายามหาเหตุผล ในการต่อเติมบัญญัติในอัลกุรอาน เพื่อผลประโยชน์ ใดๆก็ตาม ซึ่งภาษาอรับเรียกว่า การทำ บิดอะห์  โดยเฉพาะการต่อเติมหรือ กระทำ บิดอะห์ ของนาย อุมัร ซึ่งเป็นศอฮาบะห์ ของท่านรอซูลผู้หนึ่ง

 การกระทำ  ที่ ศอฮาบะห์ ทั้งหลายไม่เห็นด้วย, และลงมติเป็นเอกฉันท์ ไม่ยอมให้นาย อุมัร กระทำความชั่วเช่นนั้น เนื่องจาก คำอ้างอิงของนาย อุมัรไม่อาจ จะยืนยันให้ ศอฮาบะห์ ท่านอื่นๆ ที่ซื่อตรง ต่อพระเจ้าและท่านรอซูล บรรจุ เรื่องบอกเล่าของนายอุมัร เกี่ยวกับการทำ Rajam (stoning to death หรือสังหารด้วยการปาด้วยหินจนตาย) รวมไปกับบัญญัติอื่นๆในอัลกุรอาน

     ผมได้ยืนยันว่าอัลกุรอานไม่มีการแก้ไขหลังจากการจดบันทึกและการรวบรวมบัญญัติอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว และบัญญัติเรื่อง Rajam (stoning to death หรือสังหารด้วยการปาด้วยหินจนตาย)  จากปากคำของนาย อุมัรนั้น เป็นเรื่อง เท็จ

 ถ้า บรรดาศอฮาบะห์ ท่านอื่นๆ อีกหลายท่านไม่เชื่อถือในคำบอกเล่าของนาย อุมัรแล้ว เพราะเหตุผลอันใดที่มุสลิมในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ห่างไกลจากบรรดาศอฮาบะห์ ท่านอื่นๆ ผู้ซื่อสัตย์เหล่านั้น เป็น พันๆปี  จึงเชื่อ นาย อุมัร แต่ไม่เชื่อ ศอฮาบะห์ ท่านอื่นๆ ที่มีความซื่อตรง?

 การอ้าง บัญญัติ 2:106 เป็นการอ้างอิง ที่ผิดพลาดพยายามจะโยงเรื่อง Rajam (stoning to death)  เข้ากับ เรื่องประวัติศาสตร์ และเหตุผลในการ ประทานอัลกุรอานต่อมุสลิม ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน “เป็นการสอยที่สุดเอื้อม”  ในการ ทำบิดอะห์

  เมื่อมาถึงตอนนี้ คุณCarroth  ก็กล่าวอ้างว่า ทำไมอัลกุรอาน จะไม่มีการยกเลิก  บัญญัติ   และ ได้ให้ คำอธิบายไว้ดังนี้

ตัวอย่าง ที่เห็นชัดๆ ในโองการกุรอ่านที่ถูกยกเลิกก็คือ

الآية المنسوخة : อายะฮที่ถูกยกเลิก
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لا تَقْرَبُوا الصَّلاةَ وَأَنْتُمْ سُكَارَى (النساء /43 )
الآية الناسخة : อายะฮที่มายกเลิก
إِنَّمَا الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالأَنْصَابُ (المائدة /90 )

นี่คือตัวอย่างครับ โองการแรกนั้นยังอนุญาตให้ดื่มเหล้าได้แต่ห้ามละหมาดขณะเมา โองการต่อมาเป็นโองการห้ามการดื่มเหล้าครับ เป็นการยกเลิกการอนุญาตในโองการก่อนหน้า

 การอธิบายของคุณCarroth ข้างบนนี้ ไม่ถูกต้อง ทั้งความเข้าใจของ เขาเอง และผู้ที่ให้คำแนะนำต่อเขา ทั้งนี้ เป็นการอธิบายที่ต้องการจะยืนยัน  การทำบิดอะห์ ในการ  ทำ “ระยัม” Rajam (stoning to death) ให้เข้ากับการปฏิบัติ ที่ป่าเถื่อน ที่สุด ในสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน


 ซูเราะฮฺ อันนะหฺลฺ บัญญัติที่ 67 เป็นบัญญัติแรกในการสอนมุสลิมในเรื่อง “แอลกอฮอล์ เป็นบัญญัติที่ประทานมาในกรุงเมกกะ ก่อน ฮิจเราห์ศักราช ซึ่งบัญญัติไว้ว่า (16:67)

وَمِنْ ثَمَرَاتِ النَّخِيلِ وَالْأَعْنَابِ تَتَّخِذُونَ مِنْهُ سَكَرًا وَرِزْقًا حَسَنًا ۗ إِنَّ فِي ذَٰلِكَ لَآيَةً لِقَوْمٍ يَعْقِلُونَ  

ซึ่งอธิบายเป็นภาษาไทยว่า.

และจากบรรดาผลไม้จากต้น อินทผาลัม, องุ่น, ซึ่งพวกเจ้าได้ แอลกอฮอล์ หรือ เครื่องดื่มที่เข้มข้น จากผลของการหมัก, ซึ่งมีรสเครื่องดื่มอันโอชา และ อาหาร ที่ดี ด้วยความแท้จริง ใน(การผลิตหรือ บริโภค)สิ่งนั้นเป็นเครื่งหมาย สำหรับผู้ชนที่ใช้สติปัญญา

จากความเข้าใจ ทุกๆตัวอักษรภาษาอรับในบัญญัตินี้ โดยไม่ผ่านการอธิบายของ นักวิชาการฮาดีษ การที่ มนุษย์ รู้จักการ นำผลไม้มาดัดแปลงทำเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาดเข้มข้น ซึ่งอาจจะเป็น เครื่องดื่ม หรือ  อาหาร เช่น ข้าวหมัก, เบียร์, เหล้า และ แอลกอฮอล์ นั้นเป็นสัญญาณของการที่มนุษย์มีความเฉลียวฉลาด และรู้จักเหตุผล ในการบริโภค และนำผลที่เกิดจาก ขบวนการนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์  

   และอีกไม่นานในเวลา2-3 ปีหลังจากบัญญัตินี้ได้ถูกประทานมา  พระเจ้าได้ประทาน บัญญัติที่ 2 ใน ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ  ในกรุง มะดีนะห์  เพื่ออธิบายถึง คุณและโทษ และการใช้ประโยชน์ ของ แอลกอฮอล์ อย่างถูกต้อง ตามคำอธิบายต่อไปนี้


يَسْأَلُونَكَ عَنِ الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ ۖ قُلْ فِيهِمَا إِثْمٌ كَبِيرٌ وَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَإِثْمُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ نَفْعِهِمَا ۗ وَيَسْأَلُونَكَ مَاذَا يُنْفِقُونَ قُلِ الْعَفْوَ ۗ كَذَٰلِكَ يُبَيِّنُ اللَّهُ لَكُمُ الْآيَاتِ لَعَلَّكُمْ تَتَفَكَّرُونَ

ในบัญญัติ2:219  นี้  พระเจ้าสอนท่านรอซูลว่า ถ้ าประชาชน ผู้ศรัทธา  มาถามท่านรอซูลเกี่ยวกับ อัลคอมริ الْخَمْر

(  الْخَمْر  เหล้าองุ่น หรือสารเสพย์ติด หรือเหล้า, หรือเครื่องดื่มที่ทำให้มึนเมาขาดสติ)

และการเล่น การพนัน หรือการเสี่ยงโชค จงบอกกับประชาชน ผู้ศรัทธา  ว่า, ”ในสิ่งทั้งสองนั้น มีบาป(ความชั่วเลว) อันยิ่งใหญ่ และบางส่วนที่เป็นประโยชน์ สำหรับ มนุษย์, แต่บาปจากสิ่งทั้งสองนั้นมี มากกว่าผลที่จะได้ รับจาก สิ่งทั้งสอง

     และ(ถ้า) เขาถามเจ้าว่า  “เขาควรจะจ่ายในการบริจาคสิ่งใด? จงบอกแกเขาเหล่านั้นว่า, “สิ่งใดก็ได้ที่ เหลือหรือเกินความจำเป็นของพวกท่าน”

 ดังนั้นจากบัญญัติต่างๆพระเจ้าได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนต่อเจ้า(มูฮัมมัด) เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้พิจารณาไตร่ตรอง

สามสิ่งที่เราได้เรียนจาก บัญญัตินี้คือ
1.คำแนะนำเกี่ยวกับคุณและโทษ เรื่องการเสพย์ของมึนเมา เหล้า สุรา และ ยาเสพย์ติดต่างๆ
2.การเสี่ยงโชค หรือการพนัน
3.หลักในการ บริจาคเพื่อการกุศลซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดไว้อย่ามีเหตุผล คือ“สิ่งใดก็ได้ที่ เหลือหรือ เกินความจำเป็นของพวกท่าน” แล้วแต่ว่าเราจะให้เท่าใด ตามสภาพความเหมาะสมตามฐานะ

(แต่ในกระทู้นี้จะ ขอ จำกัดอยู่ในเรื่องที่ว่า มีการยกเลิก บัญญัติในการดื่มเหล้าจริงหรือไม่? หรือเป็นการ สอนของ พระเจ้าให้ มนุษย์เรารู้จักใช้ประโยชน์ จากธรรมชาติ อย่างมีความสมดุลย์ ทั้งทางสติปัญญาและ การปฏิบัติ)

     หลังจากบัญญัตินี้ ได้ถูกประทานมา มุสลิมส่วนมากก็ยังดื่มและบริโภคสิ่งมึนเมา แต่มีบางกลุ่มเริ่มลด การดื่มและเอาตัวออกห่างจากการดื่มสุรา,  

ตามความเป็นจริงแล้วการดื่มสุรามีมาก่อน ที่อัลกุรอานจะถูกประทานมา ซึ่งมีชาวอรับที่ไม่ดื่ม สุราก็มีเป็น จำนวนมาก, และที่รังเกียจไม่ยอมแตะต้อง แอลกอฮอล์ ก็มีมาก่อนที่อัลกุรอานจะถูกประทานมา  เช่นเดียวกันกับ ที่เราเห็นในสังคมที่ไม่ใช่สังคมมุสลิมโดยทั่วๆไป ในปัจจุบัน, และการห้ามยาเสพย์ติดและของมึนเมานี้  มีสอนมาก่อน ในทุกๆศาสนาก่อนอิสลาม

มุสลิมมีการละเว้นไม่ดื่มสุราหรือของมึนเมาต้งแต่ก่อนที่สมัยอิสลามจะอยู่ในรูปแบบอิสลามที่สมบูรณ์, , ตาม ประวัติศาสตร์กล่าวว่า  ท่าน อุสมาน อิบนุ อัฟฟัน ผู้มีบรรดาศักดิ์สูงส่งในสมัยนั้น  ได้กล่าวถึงพิษของสุราว่า ท่าน ไม่เคยเห็นสิ่งใดที่จะทำลายจิตใจและความคิดอ่านของมนุษย์เท่ากับ สุรา และไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้จิตใจ ของเขา ผู้ดื่มสุรา กลับ มาสู่สภาพปกติได้

 บัญญัติต่อมาที่เกี่ยวกับการดื่มสุราที่ถูกประทานมา หลังจาก บัญญัติที่  2:219  ก็คือ  บัญญัติที่ 43  ในซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ  ซึ่งจะขอยกมาเพียงส่วนที่เกี่ยวกับ การดื่มสุราดังนี้

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَقْرَبُوا الصَّلَاةَ وَأَنْتُمْ سُكَارَىٰ حَتَّىٰ تَعْلَمُوا مَا تَقُولُونَ
“โอ้ผู้ศรัทธาอย่าได้ทำการละหมาด ขณะที่อยู่ในอาการมึนเมา จนกว่าที่เจ้าจะเข้าใจว่าเจ้ากล่าว อะไร ในการ ละหมาด…”

จะเห็นว่าในบัญญัติ 4:43 นี้ยังไม่มีการห้ามในการดื่มสุราหรือสิ่งมึนเมาโดยตรง  แต่บอกกับมุสลิมว่า ห้ามทำการ ละหมาดในขณะที่จิตใจมึนงงไม่รู้เรื่องว่า ถ้อยคำที่กล่าวในการละหมาดนั้นหมายความว่าอะไร? ซึ่งจิตใจภายใต้ ความขุ่นมัวนี้รวมถึง สารเสพย์ติดต่างๆด้วย, (รวมทั้งผู้ที่ไม่เข้าใจความหมายภาษาอรับในการทำละหมาดด้วย)

ด้วยเหตุนี้ มุสลิมผู้ศรัทธาผู้ซึ่งต้องทำละหมาดตามหน้าที่ ประจำวันละ 5 เวลา จึงไม่อาจจะอยู่ในสภาพที่ มึน เมาได้  และต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะต้องออกห่างจากของมึนเมา    นี่เป็นเหตุผลที่สำคัญที่มุสลิมส่วนใหญ่ไม่ดื่ม สุรา  เนื่องจากในสังคมมุสลิม ทำการละหมาดกันโดยตลอดและอย่างสม่ำเสมอ มันเป็นการยากแต่ ไม่ใช่ว่าจะเป็น ไปไม่ได้ที่ มุสลิมที่ดี “จะไม่เมาเหล้า”, ตามที่ท่านๆได้พบเห็นในสังคมมุสลิมโดยทั่วๆไป

  ทีนี้มาพิจารณาบัญญัติที่ 90 ในซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ   ผมจำเป็นต้องเอาคำแปลของ นักวิชาการฮาดีษมา เป็นตัวอย่าง  ซึ่งมีคำแปลและอธิบายเป็นภาษาไทยดังนี้

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنَّمَا الْخَمْرُ وَالْمَيْسِرُ وَالْأَنْصَابُ وَالْأَزْلَامُ رِجْسٌ مِنْ عَمَلِ الشَّيْطَانِ فَاجْتَنِبُوهُ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ

90. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! ที่จริงสุราและการพนันและแท่นหินสำหรับเชือดสัตว์บูชายัญ(*1*) และการเสี่ยงติ้ว(*2*)นั้นเป็นสิ่งโสมมอันเกิดจากการกระทำของชัยฏอน(*3*) ดังนั้นพวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสียเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ
(1)  เป็นแท่นหินที่ถูกวางไว้รอบ ๆ กะฮ์บะฮ์ โดยที่พวกมุชริกถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และทำการเคารพบูชากัน
(2)  ได้อธิบายไว้แล้วในอายะฮ์ที่สามของซูเราะฮ์ อัล-มาอิดะฮ์ โปรดกลับไปดูใหม่
(3)  หมายถึงการชี้นำของมัน แล้วมนุษย์ก็หลงเชื่อ

   มุสลิมและท่านผู้ใช้สติปัญญาทั้งหลายจะเห็นและเข้าใจได้ว่า ในบัญญัตินี้ ไม่มี การห้าม การดื่มสุรา เช่นเดียว กับ การห้ามในเรื่องอื่นๆ แต่เป็นคำเตือนอย่างจริงใจ อย่างเช่นบิดาสอนลูกๆ  เป็นการเตือน  ให้เห็นถึงความ เลวร้าย  ของสุราและการพนัน  และที่สำคัญคือ “ فَاجْتَنِبُوهُ”  เป็นคำแนะนำให้หลีกเลี่ยง   ด้วยความหวังดี และ ห่วงใย ซึ่งมุสลิมจะต้องเชื่อฟังถ้ามีศรัทธาต่อพระเจ้า  โดยการใช้สติปัญญา

  ในซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ   เดียวกันนี้ในบัญญัติที่ 91  พระองอัลลออ์ตะอาลา  กล่าวเตือนย้า

إِنَّمَا يُرِيدُ الشَّيْطَانُ أَنْ يُوقِعَ بَيْنَكُمُ الْعَدَاوَةَ وَالْبَغْضَاءَ فِي الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ وَيَصُدَّكُمْ عَنْ ذِكْرِ اللَّهِ وَعَنِ الصَّلَاةِ ۖ فَهَلْ أَنْتُمْ مُنْتَهُونَ

มันเป็นความตั้งใจของ ซัยตอน , ซัยตอนตั้งใจที่จะทำให้เจ้าเป็นศัตรู และ เกลียดชังซึ่งกันและกัน ด้วยสุราและการพนัน, และปิดบังหนทาง แห่งการเข้าถึงพระเจ้าและจากการทำละหมาด, แล้วทำไมละเจ้าจะเป็น,แล้วทำไมละ, พวกเจ้าจะละเว้นจากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เทียวหรือ?

จากความหมายของบทบัญญัติในอัลกุรอาน ที่ได้ลำดับมานี้ จะเห็นว่าไม่มีบัญญัติใดเลยที่ขัดกันและไม่มีบัญญัติใดที่ยกเลิกความหมายของกันและกัน  กุญแจสำคัญในเรื่องนี้ก็คือ ตั้งแต่ มนุษย์รู้จักการทำแอลกอฮอล์ พระเจ้าได้กล่าวถึงประโชน์และโทษของแอลกอฮอล์  และเตือนให้ใช้ สติปัญญาไตร่ตรองในการ นำประโยชน์ ของสุรามาใช้  ในการบริโภค ซึ่งจะมีโทษมากกว่ามีคุณ  

ไม่มีบัญญัติใดๆในที่นี้ ที่ ลบล้างซึ่งกันและกัน  การผลิต แอลกอฮอล์  ในประเทศมุสลิมยังดำเนินอยู่เพื่อประโยชน์ในการแพทย์และการอุสาหกรรม(16:67)  เหตุที่ มุสลิมส่วนใหญ่ไม่ดื่มสุรา ไม่ใช่เพราะพระเจ้าห้ามหรือยกเลิกบัญญัติใดบัญญัติหนึ่งในอัลกุรอาน, แต่ด้วยความศรัทธาและเชื่อถือในการทำละหมาด เพื่อ แสดงความศรัทธาที่สูงส่ง และคุณธรธรรม ของ ผู้ศรัทธาต่อพระเจ้า

  ซึ่งผู้ศรัทธาที่ดีในทุกๆศาสนาก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับมุสลิมโดยไม่ ดื่มสุราหรือค้าขายสุรา  โดยเฉพาะเท่าที่ผมเห็น ในชุมชนคริสเตียนที่ ผมอยู่อาศัย ในปัจจุบันนี้

ขอยืนยันอีกครั้ง ว่ากฏหมาย “ระยัม” (Rajam หรือการลงโทษสังหารด้วยการปาด้วยหินจนตาย)  จึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง หรือ Analogy  หรือการเปรียบเทียบ กับ บัญญัติในเรื่อง การไม่ดื่มสุราของ มุสลิมได้เลยแม้แต่น้อย

 
 

จากคุณ : แมทท์
เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 09:39:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com