ความคิดเห็นที่ 1 ข้อ 2 สาเหตุจากผู้มีฤทธิ์ ... สมมติฐานเทียบกับ ...อธัมมิกสูตร....เป็นผลสืบเนื่องกัน ในส่วนแผ่นดินไหวอาจจะเป็นผลสืบเนื่องในการโคจรดวงดาว....และอธัมมิกสูตรนี้น่าจะใช้ในการนำมาพยากรณ์การมีศีลธรรมของผู้คนในบ้านเมืองได้  ถ้าลมตามธรรมชาติเกิดพัดผิดปรกติไปจากเดิมจนทำให้ฤดูกาลต่างๆเริ่มเปลี่ยนแปลงไป  ในสมัยที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้จึงน่าจะแสดงให้เห็นว่าผู้คนในบ้านเมืองมีคุณธรรมน้อยลง "๗๐]    ภิกษุทั้งหลาย    ในเวลาที่พระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม    แม้พวกข้าราชการ ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม    เมื่อพวกข้าราชการไม่ตั้งอยู่ในธรรม    แม้พราหมณ์และคหบดี ก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม    เมื่อพราหมณ์และคหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม    แม้ชาวนิคมและชาว ชนบทก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม    เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทไม่ตั้งอยู่ในธรรม    ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ก็โคจร(หมุน)ไปไม่สม่ำเสมอ    เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์โคจรไป ไม่สม่ำเสมอ    หมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปไม่สม่ำเสมอ    เมื่อหมู่ดาวนักษัตรโคจรไปไม่ สม่ำเสมอ    คืนและวันก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ    เมื่อคืนและวันหมุนเวียนไปไม่ สม่ำเสมอ    เดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ    เมื่อเดือนหนึ่งและ ครึ่งเดือนหมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ    ฤดูและปีก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ    เมื่อฤดู และปีหมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ    ลมก็พัดไปไม่สม่ำเสมอ    พัดไปผิดทางไม่สม่ำเสมอ เมื่อลมพัดไปไม่สม่ำเสมอ    พัดไปผิดทางไม่สม่ำเสมอ    พวกเทวดาก็ขัดเคืองใจ เมื่อพวกเทวดาขัดเคืองใจ    ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล    เมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็ออกรวงสุกไม่พร้อมกัน            ภิกษุทั้งหลาย    มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวกล้าที่สุกไม่พร้อมกันย่อมมีอายุ น้อย    ๑    มีผิวพรรณไม่ดี    ๑    มีกำลังไม่ดี    ๑    มีความเจ็บป่วยมาก    ๑ " แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 00:55:41 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 00:45:07

ความคิดเห็นที่ 2 ข้อมูลเหล่านี้  ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่นำมาเล่าสู่กันฟัง แต่วันที่ 6 มีนาคม ผมได้รับอีเมลล์จากวิศวกรท่านนี้ แล้วเกิดเหตุ วันที่ 11 มีนาคม เกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุน  เป็นการเกิดที่นอกเหนือความคาดหมายจากการในทฤษฏีที่ทางญี่ปุ่นเคยศึกษามา เพราะการเกิด after shock เกิดเป็นจุดที่กระจายตัว... ไม่ใช่จุดที่เกิดเหตุ.....เห็นสภาพหลังการเกิดภัยพิบัติแล้ว รู้สึกสงสารมาก  เพื่อนญี่ปุ่นอีเมลล์มาบอกผมว่า  ตั้งแต่เกิดมากว่า 42 ปี เขาเพิ่งเคยเจอภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวที่รุนแรง(ทั้งๆที่เขาอยู่กับประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อย) ...สาเหตุนี้จึงนั่งศึกษาข้อมูลมาซักระยะ นั่งตรองดู ตัดสินใจมาบอกให้เพื่อนๆน้องๆพี่ได้ฟัง...ป้องกันได้ก็ป้องกัน....   เพื่อบอกเล่าไม่ให้ประมาทกันนะครับ... ทุกข้อมูลใช้วิจารณญาณนะครับ  ...ตามข้อมูลที่มีเท่านั้น ความสัมพันธ์โดยละเอียดจริงๆไม่สามารถทำได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธวิสัย  เรื่องโลก เป็น อจินไตย.... แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:36:43 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:35:29 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:06:01 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:03:36 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:02:00

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อน่าสังเกตอีกเรื่อง การวางข้อมูลในพระไตรปิฎก ก่อนจะกล่าวถึงภูมิจาลสูตร มีพระสูตรแรกคือ อิจฉาสูตร...ว่าโดยย่อคือ ภิกษุโลภทำให้เสื่อมจากสัทธรรม.... ภููมิจาลวรรค         หมวดว่าด้วยเหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่                  ๑. อิจฉาสูตร               ว่าด้วยความอยากได้ลาภ คัดมาบางส่วน "เมื่อภิกษุในธรรมวินัยนี้อยู่อย่างสงัด    แต่ไม่ประพฤติให้ต่อเนื่อง ความอยากได้ลาภย่อมเกิดขึ้น     เธอหมั่น    พากเพียร    พยายามเพื่อ ให้ได้ลาภ   เมื่อเธอหมั่น    พากเพียร    พยายามเพื่อให้ได้ลาภ    ลาภ ก็เกิดขึ้น   เพราะได้ลาภนั้น    เธอจึงมัวเมา    ประมาท    เลินเล่อ     ภิกษุนี้เราเรียกว่าผู้อยากได้ลาภอยู่    หมั่น    พากเพียร    พยายามเพื่อให้ได้ลาภ    เธอชื่อว่าเป็นผู้ได้ลาภ    มัวเมา    ประมาท    และเคลื่อนจากสัทธรรม[1] " เพิ่มเติมแปล 1.สัทธรรม  ในที่นี้หมายถึงวิปัสสนา  (องฺ.อฏฺฐก.อ.  ๓/๖๑/๒๖๘) แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:37:19 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:29:21 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:11:12

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อมูลต่อจาก คห 3 เหตุปัจจัยทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ดังพุทธพจน์ปรากฎใน จิรัฏฐิติสูตร  ดังนี้                 “เพราะสติปัฏฐาน  ๔  ประการนี้ที่บุคคลเจริญ  ทำให้มากแล้ว  พระสัทธรรมจึงดำรงอยู่ได้นานในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว” ....... แสดงว่าหากมนุษย์นำการปฏิบัติสติปัฏฐานย่อมเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้พระพุทธศาสนาตั้งอยู่ได้นานหลังพุทธปรินิพพานแล้ว    จึงควรตระหนักให้พุทธศาสนิกชนมาปฏิบัติสติปัฏฐาน(เป็นหนึ่งในหมวดธรรมโพธิปักขิยธรรม) กันให้มาก แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:27:53 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 01:13:45 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:12:09

ความคิดเห็นที่ 5 น่าสนใจครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : โชติช่วงชัชวาล เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:25:48

ความคิดเห็นที่ 6 มีความเป็นไปได้ ถือเป็น ความเห็นนึง แหละครับ จนกว่า จะมีหลักฐานแน่ชัด ตอนนี้ ผมไม่ตัดสินใจ เชื่อ หรือ ไม่ นะ จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 01:54:39

ความคิดเห็นที่ 7 ดีครับ อิจเจวะ กิจจะมาตัปปัง โก ชัญญา มะระณัง สุเว, ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้ ใครจะรู้ความตาย แม้พรุ่งนี้. จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 07:18:58

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนไฟ นี้ก็คงหมายถึงดวงอาทิตย์ใช่ไหมครับ จากคุณ : เจตบุตร เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 08:34:12

ความคิดเห็นที่ 9 น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน เดี๋ยวต้องลองถามข้อมูลห้องหว้ากอดู .................. จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 09:21:06

ความคิดเห็นที่ 10 ลมสุริยะ จริงๆ แล้วไม่ใช่ลมนะครับ ลองอ่านดู http://en.wikipedia.org/wiki/Solar_wind เรื่องทางศาสนา อย่าพยายามตีความมากเกินไปเลยครับ เพราะก่อนอื่นเราจะทราบได้อย่างไรว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้นจริง เพราะพระไตรปิฏกถูกเขียนขึ้นมาโดยคนรุ่นหลังนะครับ จากคุณ : Giuseppe เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 09:52:39

ความคิดเห็นที่ 11 แต่พระราชาของเราตั้งอยู่ในธรรมนะค่ะ จากคุณ : ตุ๊มาแว้ว เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 10:05:51

ความคิดเห็นที่ 12 จากอธัมมิกสูตรว่า ผู้ปกครองไม่ตั้งอยู่ในธรรมเป็นต้น ย่อมทำให้ดินฟ้าอากาศแปรปรวน เมืองไทยทั้งๆที่เป็นหน้าร้อน ก็เจอทั้งร้อน , หนาว , ฝน ภายในสองอาทิตย์ติดๆกัน สงสัยผู้ปกครองตอนนี้จะไม่มีธรรม (ผมไม่ได้หมายถึงพระมหากษัตริย์นะครับ หมายถึงนายกรัฐมนตรีเป็นต้น) -------------------------------- "เพราะก่อนอื่นเราจะทราบได้อย่างไรว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนั้นจริง เพราะพระไตรปิฏกถูกเขียนขึ้นมาโดยคนรุ่นหลังนะครับ จากคุณ : Giuseppe" พระไตรปิฎก "เขียน" ขึ้นโดยคนรุ่นหลังก็จริง  แต่การสืบทอดเนื้อหาของพระไตรปิฎก สืบทอดมาทางมุขปาฐะ (ท่องจำ) สืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลนะครับ ถ้าอ้างว่าเพราะเขียนโดยคนรุ่นหลัง ก็จะไม่จริง แบบนั้นประวัติศาสตร์ต่างๆก็เชื่อถือไม่ได้  อย่างเช่นต้องสงสัยกันว่า พระเจ้าตากสินคงไม่มีจริง เพราะประวัติศาสตร์เขียนโดยคนรุ่นหลัง ป.ล. คำว่า พระไตรปิฎก เขียน ขึ้นโดยคนรุ่นหลังในที่นี้ คุณคงหมายถึง ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลน่ะไม่มีพระไตรปิฎก ผ่านมานานแล้ว อยู่ๆก็มีใครก็ไม่รู้ คิดอะไรขึ้นมาแล้วก็เขียนเป็นพระไตรปิฎก แต่คำว่า พระไตรปิฎก เขียน โดยคนรุ่นหลัง ตามความหมายจริงๆก็คือ  แต่เดิมไม่มีการจารึกหรือบันทึกเนื้อความของพระไตรปิฎกไว้เป็นตัวอักษร มีแต่การสืบทอดเนื้อหากันโดยปากเปล่า เพราะพระอรหันต์ท่านถือว่า การสืบทอดแบบนี้ รักษาหลักคำสอนไว้ได้ดีกว่า (มีหนังสือก็ประมาท ไม่สนใจจดจำ นึกว่าเปิดอ่านเมื่อไหร่ก็ได้) แต่เพราะพระอรหันต์ยุคหลังท่านเห็นว่า มีภัยศาสนาเยอะ  และปัญหาทางบ้านเมืองอาจส่งผลกระทบต่อการท่องจำ (ไม่มีเวลาท่อง) รวมถึงจะหาพระอริยะสงฆ์ที่มีสติปัญญาบริสุทธิ์สามารถจำได้ดีอย่างยิ่ง ก็จะน้อยลง จึงต้องนำเอาพระไตรปิฎกเหล่านั้นจารึกเป็นตัวหนังสือเอาไว้ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 10:16:53 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 10:16:15 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 10:11:32 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 10:10:55 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 10:09:11 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 10:07:21

ความคิดเห็นที่ 13 ทราบมาแล้วว่า   แผ่นเปลือกโลกนั้นไม่ได้เป็นแผ่นเดียวกัน แต่มีรอยแยก แล้วรอยแยกนั้นที่อยู่ใต้มหาสมุทร   ถามว่าน้ำแทรกลงไปยังใต้แผ่นเปลือกโลกได้ไหม  เมื่อน้ำจำนวนมหาศาล ลงไปเจอกับความร้อนจำนวนมหาศาล และ ปริมาณมหาศาล เนื่องจากแกนโลก ยังเป็นหินเหลวที่หลอมละลายอยู่    ถามว่าตรงนั้นจะเกิดอะไรขึ้น   ใช่น้ำเดือด  และไอน้ำจำนวนมากมายมหาศาล ที่เป็นอากาศ จากการที่น้ำถูกต้มเดือดหรือไม่   แล้วก็ถูกอัด  ถูกสะสม เป็นช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ใต้แผ่นเปลือกโลก ซึ่งมองกันตามลำดับชั้น ก็คือ หินเหลว - ไอน้ำจำนวนมหาศาล (มีสภาพเป็นอากาศ) - น้ำที่แทรกตัวผ่านรอยแยกลงไป(มีสภาพเป็นน้ำ) - แผ่นเปลือกโลก(แผ่นหินหรือแผ่นดินใต้มหาสมุทร) - น้ำมหาสมุทร - อากาศบนผิวโลก  หรือไม่  ถามว่าเมื่อได้เวลา และปริมาณสะสมที่มากพอ ไอน้ำนั้น จะถูกดันปลดปล่อยออกมาทีนึง  เพื่อรักษาสมดุลของการแบกรับน้ำหนัก หลุดออกทีนึง หรือไม่ ผมว่าถ้ามองตามหลักนี้ ก็มีน้ำหนัก มีเหตุผลไม่เบานะครับ  และก็ยังคงสอดคล้องกับพระสูตรอยู่ จากคุณ : รักษาจิต เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 10:08:19

ความคิดเห็นที่ 14 ๑.    มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ    น้ำตั้งอยู่บนลม    ลมตั้งอยู่บนอากาศ    เวลาที่ลมพายุพัดแรงย่อมทำให้น้ำกระเพื่อม    น้ำที่กระเพื่อมย่อมทำให้แผ่นดินไหวตาม    นี้เป็นเหตุปัจจัยประการที่    ๑    ที่ทำให้แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ลม กับ อากาศ ?   ผมว่า อากาศคือ ที่ว่าง หรือ อวกาศ ลม คือ ธาติที่ไหลไปมา พัดให้เรารู้สึกเย็นได้ นั่นคือ กาซในบรรยากาศโลก ลม ตั้งอยู่บนอากาศ จึงหมายความว่า เมื่อมองจากอวกาศ จะพบกาซที่เป็นบรรยากาศของโลก น้ำตั้งอยู่บนลม ? ถัดจากชั้นบรรยากาศโลก ลงมา สิ่งที่เราเจอคือน้ำ น้ำนั้นอยู่ในมหาสมุทร มหาปฐพีตั้งอยู่บนน้ำ ? ใต้น้ำมหาสมุทร ยังไงๆ ก็มีพื้นมหาสมุทรซึ่งเป็นดิน หิน มันคือการมองกลับด้านจากอวกาศลงมา อวกาศเป็นจุดอ้างอิง แต่พวกเรามักยึดเอาพื้นที่เรายืนเป็นจุดอ้างอิง เราจึงมองไม่เห็นว่าพระไตรปิฎกอธิบายไว้ถูกต้องแล้ว แผ่นดินไหว เกิดจากลม ?  ลมอะไร ? ลมพัดจากพายุบนโลกหรือ ? หรือมีลมอื่นอีก??? มีนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง ที่หลายคนคิดว่าบ้า พยายามทำนายแผ่นดินไหวจากลมสุริยะและพลังงานจากอวกาศที่พัดพามายังโลก !!! หรือว่า "ลม" ที่พูดถึงไม่ใช่ลมพัดจากอากาศไหลไปมา แต่เป็น "ลมจากอวกาศ" ??? จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 10:56:35

ความคิดเห็นที่ 15 ตามที่ คคห ที่13 คุณรักษาจิต กล่าวถึง เป็นเรื่องจริงครับ ผมดูช่อง PBS บางประเทศในแถบยุโรป ใช้ไอนำ้จากใต้โลกมาทำเป็นพลังงานไฟฟ้า  ซึ่งก็เกิดจาก ไอนำ้ที่อยู่ใต้โลกนับ ล้านๆปี  เป็นหลักฐานพอยืนยันว่า ใต้เปลือกโลกมีนำ้อยู่จริงครับและเดือดมากรอการปะทุอยู่ครับ จากคุณ : Karaone เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 11:41:09

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อมนุษย์บนโลกกำลังเมามันในการใช้ทรัพยากรของโลก โลกก็กำลังเมามันในการปรับสมดุล เช่นกัน จากคุณ : NotUndo เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 12:56:19

ความคิดเห็นที่ 17 ตั้งถามที่ห้องหว้ากอ โดนลบกระทู้เฉยเลย แต่ดีมีคุณ NaCl ช่วยไว้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10379746/X10379746.html ขอขอบคุณ มา ณ ที่นี่ด้วยครับ จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:11:27

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ อาจจะผิดหรือถูกก็ได้..เราๆท่านๆยังทราบไม่ได้ มีแค่เพียงข้อมูลมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเท่านั้น ...สังสารวัฎจึงน่ากลัวแบบนี้เอง... ....หากเป็นข้อมูลความสัมพันธของสิ่งต่างๆที่เป็นเหตุปัจจัยของจริงๆเป็นพุทธวิสัย... ...แต่ไม่ประมาทก็แล้วกันครับ...เร่งทำกิจที่ควรทำ ทำพระดำรัสที่พระพุทธเจ้าตรัสก่อนทรงดับขันธปรินิพพาน...ทรงห่วงใย ไม่ให้ประมาทในกิจที่ต้องทำ... แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 20:24:58 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:38:30

ความคิดเห็นที่ 19 เรียน คห 10  คุณGuseppe ลมสุริยะเป็น ธาตุลม+ธาตุอื่นๆ  แต่ต่างกับลมบนพื้นโลก คือ  เป็นธาตุลมที่มีประจุ  (หากธาตุดิน น้ำ ไฟ หากธาตุเหล่านี้เคลื่อนไหวคือมีธาตุลมเข้ามาประกอบ) ความเห็นผมต่างนิดนึงเรื่องการตีความ ผมเห็นว่าควรตีความทั้งศาสนาและวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน..แต่อย่าเพิ่งเชื่อตามหลักกาลามสูตร.... ...ส่วนเรื่องพระไตรปิฎก คุณจะเชื่ออย่างไรก็เป็นสิทธิของคุณครับ   แต่หลายคนศึกษาพระไตรปิฎกแล้วปฏิบัติได้ผลตามในพระไตรปิฎก เขาก็ย่อมเห็นว่าพระไตรปิฎกคือคัมภีร์ที่มีข้อมูลที่สามารถปฏิบัติให้พ้นทุกข์ได้ซึ่งเป็นการสื่อข้อมูลจากสมัยพุทธกาลโดยเหล่าพระอรหันต์........ ....ผมบอกในคห 2 แล้วว่า ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกข้อมูลเหล่านี้หรือไม่ แต่ถ้ามีประโยชจ์ต่อผู้อื่นบ้างก็น่าจะดี..แม้น้อยที่สุด บางท่านฟังเป็นเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์ก็ได้...แต่ไม่ให้ประมาทกัน ส่วนข้อเสีย เล็กน้อยครับ คือ คงเหมือนกับพี่ๆหลายท่านที่ผมรู้จักที่ถูกหาว่าบ้าบ้าง หรือ จะทำให้คนไม่สบายใจบ้าง  ซึ่งชั่งใจแล้วว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะเกียรติยศ ชื่อเสียงไม่ได้มีปัญหาอะไร  จะเสียก็เสียไป แต่ถ้าให้ข้อมูลตามที่มีแล้วทำให้คนอื่นเกิดความไม่ประมาท เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรม  แม้มีคนรับฟังแค่คนเดียวก็พอครับ แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 21:27:15 แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 54 21:26:33 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:16:10 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:14:03 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:01:55 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 14:52:38

ความคิดเห็นที่ 20 ท่าน โซเดียมคลอไรด์กล่าวไว้ดีแล้วครับ แต่ขอเสริมนิดนึง ผมเห็นว่า ธาตุ 4 ในพระพุทธศาสนาเรานั้นเป็นธาตุละเอียด ซึ่งอาจจะไม่สามารถแปรธาตุที่เราเข้าใจได้ตรงตัว ซึ่งเป็นธาตุที่ผสมกัน 4 ธาตุ เช่น น้ำ ที่เราเห็นๆ กันก็ประกอบด้วย ธาตุทั้ง4 ดินที่เราเหยียบกัน นี่ก็ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 มีครบ แต่องค์ประกอบ สัดส่วนต่างกันไป เห็นประการใดกันครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:57:52 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 54 15:57:01 จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 25 มี.ค. 54 15:53:13

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนคุณเจตบุตร คห 8 หากธาตุอื่นๆเคลื่อนที่แสดงว่ามีธาตุลมเป็นส่วนประกอบ ผมยกตัวอย่าง  ถ้าเราอยู่ใกล้ไฟแล้วรู้สึกร้อน  สิ่งที่เรารู้สึกร้อนได้เพราะธาตุไฟ  แต่การแผ่รังสีความร้อนมาหาเราได้คือธาตุลมนำพาธาตุไฟมาครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 21:16:12

ความคิดเห็นที่ 22 Solar Flare แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 54 16:07:26 จากคุณ : TrialWare เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 16:04:53

ความคิดเห็นที่ 23 ผมไปถามเรื่องธรณีสูบ กับพระที่ผมเคราพ ท่านก็ยังตอบไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร ใครทำให้เกิด ยังไงฝากด้วยนะครับ จากคุณ : F:A:B:R:E เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 18:12:33

ความคิดเห็นที่ 24 เรียนคุณ คห 23  เรื่องธรณีสูบเป็นเรื่องของกรรม ซึ่งเป็นอจินไตย เช่นกัน เท่าที่ผมเคยฟังมา มีข้อสมมติฐาน(คือยังไม่อาจจะพบความจริงจากการนึกคิดได้ และ คงจะไม่ได้ความจริงโดยแท้จริงจากความคิดในความเห็นของเราๆท่านๆ เพราะเป็นเรื่องกรรม และผลของกรรม   และให้ตระหนักข้อนี้ด้วยนะครับ ว่า อย่าไปเชื่อนักเขียนที่เกี่ยวกับกรรมว่า ผลกรรมนี้เกิดเพราะทำอะไรมา  ถ้าสิ่งที่เขาเขียนหรือเล่าหากไม่มีบันทึกข้อความในพระไตรปิฎกก็ยังเชื่อถือไม่ได้ครับ   สมัยนี้นักเขียนที่สังคมนิยมชมชอบชอบนำไปเขียนกันมาก) 1.คำว่า ธรณีสูบ บางท่านแปลว่า  "โดนรุมประชาทัณฑ์"  ภาษาชาวบ้านเรียก โดน ตอ อือ บอ 2.เป็น ธรณีสูบจริงๆ เพราะในสมัยพุทธกาลมีการทำชั่วได้อย่างรุนแรง เช่น การทำร้ายพระพุทธเจ้า  ซึ่งผลกรรมค่อนข้างรุนแรง แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 54 22:20:45 แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 54 18:26:40 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 18:25:50

ความคิดเห็นที่ 25 ถูกต้องแล้วครับ ผมเข้าใจอย่างนี้ ปฐพีตั้งอยู่(ติดอยู่,ได้รับผลโดยตรงจาก)น้ำ น้ำ(ติดอยู่,ได้รับผลโดยตรงจาก)ลม(อากาศที่มีการเคลื่อนไหว) ลม(ติดอยู่,ได้รับผลโดยตรงจาก)อากาศ(อวกาศ) เหมือนเราพยายามสอนลูกเราให้เข้าใจสิ่งที่ยากด้วยศัพท์ที่ง่ายที่สุดโดยการเปรียบเทียบกับสิ่งที่เข้าใจง่ายที่สุด อย่าลืมว่าเรารับพลังงานโดยตรงจากภายนอกโลก ซึ่งด่านแรกก็คืออวกาศที่ล้อมรอบโลกอยู่ ดังนั้นอุณหภูมิของอากาศจะแปรปรวนจนเกิดเป็นพายุก็มาจากภายนอก(อวกาศ)โดยตรง สาธุ พระพุทธเจ้าท่านเมตตาแก่เราเสมอ จากคุณ : พุงหมึก เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 18:34:33

ความคิดเห็นที่ 26 พบข้อมูลใน youtube นำมาให้ดูกันครับ Solar storm is a serious threat around 2012. Both NASA and ESA confirmed the next huge solar storm between September 2012 and May 2013. จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 18:46:23

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิด เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับสลายไป ความเชื่อ ความไม่เชื่อ ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงสภาวะธรรม จากคุณ : Nina_AnGeLic เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 54 23:58:49