|
(ตอบคุณปัจจัย ในความคิดเห็นที่ ๙ ดังนี้นะครับ)
อาการ ๓๒ นี้ได้แก่ การเจริญ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใน "ปฏิกูลมนสิการบรรพะ" อันพระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วยอำนาจสมาธิ เพื่อให้เกิด อสุภสัญญา อันจะเป็นปัจจัยช่วยลดละ ตัณหาราคะ และ วิปัลลาสธรรม คือ สุภะสัญญา ความหลงผิดเห็นว่างาม
ส่วนการ พิจารณามหาภูตรูป ๔ เช่น (ปรมัตถ)วาโยธาตุ คือ ความเคร่งตึงไหวหย่อนในกาย (ปรมัตถ)ปฐวีธาตุ คือ ความแข็งอ่อนในที่ต่างๆในกาย การพิจารณาเช่นนี้จัดเป็น การเจริญ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ใน "ธาตุมนสิการบรรพะ" อันพระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วยอำนาจวิปัสสนา
--------------------------------------------------------
ในสติปัฏฐานสูตร ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน นั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๑๔ บรรพะ http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=1754&Z=2150
ท่านอรรถกถาจารย์ได้อธิบายไว้ว่า
อิริยาปถบรรพะ, จตุสัมปชัญญบรรพะ และธาตุมนสิการบรรพะ ทรงตรัสไว้ด้วยอำนาจวิปัสสนา
นวสีวถิกาบรรพ ทั้ง ๙ ตรัสไว้ด้วยอำนาจอาทีนวานุปัสสนา
ส่วน อานาปานบรรพะ และปฏิกูลมนสิการบรรพะ ๒ บรรพะนี้ ตรัสไว้ด้วยอำนาจสมาธิ
-----------------------------------------------------------
ส่วนการพิจารณารูป ให้ละเอียดลงไปนั้น
เมื่อว่าโดยหลักอภิธรรมแล้ว องค์ธรรมปรมัตถ์แท้ๆของรูปธรรม จะมีอยู่เพียง ๒๘ องค์ธรรม หรือที่เรียกกันบ่อยๆว่า รูป ๒๘ (แบ่งเป็น มหาภูตรูป ๔ อุปาทายรูป ๒๔)
พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่อง ขันธ์ อายตนะ ไว้ใน ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมวดขันธบรรพ และอายตนะบรรพ ขันธ์ และ อายตนะ นี้จัดเป็นวิปัสสนาภูมิ รูป ๒๘ นั้น เมื่อสงเคราะห์โดยความเป็นขันธ์ก็ได้แก่ รูปขันธ์ เมื่อสงเคราะห์โดยความเป็นอายตนะก็ได้แก่ รูปายตนะ
ใน อุปาทายรูป ๒๔ นั้นบางรูปก็เป็นรูปที่เราพิจารณาเห็นได้ เมื่อสติสมาธิปัญญามีความเข้มแข็งแล้ว เช่น ลหุตารูป (อาการเบาของรูป) มุทุตารูป (ความอ่อน, อาการอ่อนโยนของรูป), กัมมัญญตารูป (อาการควรแก่งานของรูป)
ส่วน อวินิโพครูปนั้น เป็น การแสดงโดยปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึง รูปที่แยกออกจากกันไม่ได้อีกแล้ว องค์ธรรมได้แก่ ปฐวี อาโป เตโช วาโย วัณณะ คันธะ รสะ และโอชา รวม ๘ รูป
---------------------------------------------------
ส่วน ที่คุณปัจจัยได้ถามถึง รูปกว่า๔๐ เข้าใจว่า น่าจะเป็นเรื่อง รูปกลาปในอาการ ๔๒ ซึ่งเป็นการพิจารณาตามนัยของอภิธรรม และเหมาะแก่บางบุคคลที่มีการสั่งสมสุตะและมีอัธยาศัยในทางนี้มาก่อน
เช่น ทนฺตา=ฟัน จะมี กายทสกกลาป ๑ กลาป มีรูป ๑๐ รูป ภาวทสกกลาป ๑ กลาป มีรูป ๑๐ รูป (๒ กลาปนี้ จัดเป็น กัมมชกลาป) จิตตสุทธัฏฐกกลาป ๑ กลาป มีรูป ๘ รูป อุตุสุทธัฏฐกกลาป ๑ กลาป มีรูป ๘ รูป อาหารสุทธัฏฐกกลาป ๑ กลาป มีรูป ๘ รูป รวม ๔๔ รูป
(มี ๔๔ รูป แต่เมื่อหักองค์ธรรมที่ซ้ำๆกันแล้ว ยังไงก็จะมีองค์ธรรมที่เป็นรูปปรมัตถ์ ได้ไม่เกิน ๒๘)
ส่วน อุทฺริยํ อาหารใหม่ มีรูปกลาป ๑ กลาป เป็นรูปเพียง ๘ รูป คือ อุตุสุทธัฏฐกกลาป เท่านั้น
เป็นต้น
--------------------------------------------------
หมายเหตุ คำว่า "รูปกลาปในอาการ ๔๒ มีอยู่มากกว่า ๔๐ รูป" อาการ ๔๒ ในที่นี้ได้แก่ อาการ ๓๒ ที่อธิบายไว้ต้นกระทู้ รวมกับ สสัมภาระเตโช ๔ และ สสัมภาระวาโย ๖ เช่น กุจฺฉิสยวาโย (ลมที่อยู่ในช่องท้อง) . อโธคมวาโย (ลมที่พัดลงสู่เบื้องต่ำ)
--------------------------------------------------
ยังไงถ้า คุณปัจจัย สงสัยตรงไหนลองเขียนคำถามให้ชัดเจนดูอีกทีละกันนะครับ
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 54 00:40:37
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 54 00:01:04
แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 54 23:58:56
จากคุณ |
:
ชาวมหาวิหาร
|
เขียนเมื่อ |
:
1 เม.ย. 54 23:53:25
|
|
|
|
|