ความคิดเห็นที่ 1 สนอะไร เขาว่าไปเรื่อย  ไม่ได้ผิดศีล5 ซักหน่อย คนพวกนี้ลองได้ศึกษาโหราศาสตร์ พอได้ทายเป็นซักหน่อย สงสัยจะคุยโม้ขี้เป็นเลือด เชื่อเถอะคุณ จากคุณ : rlpm เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 15:40:30

ความคิดเห็นที่ 2 เราว่าเค้าก้อพูดเกินไปนะ น่าจะดูเจตนาที่แท้จริงมากกว่า คุณมิ้มเฒ่าอย่าเสียใจเลยค่ะ จากคุณ : Buakeaw_ja เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 16:41:33

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าคิดแยะครับ....การศึกษาศาสตร์ใดๆก็ตามในโลกนี้ทั้งหมดล้วนเป็นอวิชาทั้งสิ้นครับ อวิชาแปลว่าวิชาที่เรียนแล้วไม่ก่อให้เกิดการหลุดพ้น ดังน้นวิชาที่ถือว่าเป็นวิชชาจริิิงในโลกนี้คือ พุทธศาสตร์ครับ ดังนี้ไม่ว่าคุณจะเรียนอะไรมาก็ตามถือว่าเป็นอวิชชาทั้งสิ้น เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ การแสดง หรือใดๆก็ตามนอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ถือเป็นอวิชชาทั้งสิ้น ส่วนการเรียนโหราศาสตร์นั้น พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงห้ามเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าท่านถือว่าเป็นการเดินที่เสียเวลาในเมื่อรู้ว่านิพพานนั้นเดินอย่างไร ทำไมต้องเดินออ้มระยะทางเพื่อนการณ์นี้ ทีเนี่ยมองในแง่ดี หาศึกษาโหราศาสตร์ให้ถึงสุดระยะทางจะมีข้อดีแก่พุทธศาสตร์คือในการหาวัน ลงโบสถ์หรือวันสำคัญทางศาสนาได้ ซึ่งหากมองอีกแง่คือหากไม่มีพวกเราซึ่งเรียนไว้คำนวน พระก็จะลงโบสถ์คลาดเคลื่อนได้ เพราะคำนวนปฎิทินพลาด ดังนั้นอย่าคิดมาก เดินทางสายกลาง ถือ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เต็มร้อย พิจรณาให้ถี่ถ้วนแล้วจะพบความจริง ครับ ปล.จึงไม่แปลกที่เขาจะตีความเป็นแบบนี้ อีกอย่างสภาพทางสังคมไทยมองวิชาพวกนี้เป็นของลึกลับเป็นไสยเวทย์ เป็นของมนต์ดำ ถ่ายทอดเป็นการภายใน คนเรียนพวกนี้ต้องมีองค์ ต้องเล่นของ เลี้ยงผี เลี้ยงกุมาร จริงๆไม่ใ่ช่เลย มันเป็นแค่บางคน เพียงแต่บางคนยกซะกลายเป็นของน่ากลัว มันก็วิชาปกติ คล้ายคณิตศาสตร์ ใครเรียนก็ได้ เพียงแต่จะได้ใช้หรือไม่ก็อีกเรื่อง คล้ายกับคนเรียนจบ หมอ วิศวะ แต่มาขายตรงซะงั้น แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 54 19:09:24 จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 19:03:08

ความคิดเห็นที่ 4 เราว่ามันก็เหมือนคณิตศาสตร์นะ มีการคำนวน แต่จะดีชั่วอยู่ที่คำพูดในการถ่ายทอดและเจตนา หากมั่นใจในตัวเอง อย่าได้แคร์ปากใครค่ะ จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 20:06:49

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนบวชเคยอ่านเพบภิกษุห้ามทำนายและห้ามทำยาผิดศีล แต่สำหรับฆราวาสไม่รู้นะครับ เพราะไปบวชวัดชายแดนบนเขา มีตำราให้อ่านน้อยมาก ได้แต่นั่งสมาธิและทำวัตร จากคุณ : WEST CONQUEROR เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 20:42:08

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับภิกษุทำเป็นอาชีพล้วนผิดหมดครับ เพราะไม่ใช่หน้าที่ไม่ใช่กิจที่ควรทำ ทั้งหมอ เภสัชกร นักกวี นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ฯลฯ ลองอ่านเนื้อหาพระไตรปิฎกในกระทู้เก่าตามนี้ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/08/Y9594421/Y9594421.html (รวมทั้งเรื่องอาชีพต้องห้ามจริงๆ 5 อย่างของพุทธศาสนา) จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 54 21:48:29

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าไปสนใจ ไอ้พวกคาบพระไตรปิฎกมาเเปลผิดๆ พวกพุทธแท้ สักแต่ว่าเก่ง .....แต่ไม่เคยเรียนวิชาโหรฯเลย ไม่รู้จริงแล้วพูด ที่จริงเรามองว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ให้พึ่งตนเอง นั่นจริงนะ แต่การพึ่งตนเองโดยใช้วิชาไหนก็ได้ ท่านก็ไม่ได้ห้ามนะ พูดให้ง่าย ก็คือ ใช้ความรู้ที่ตนมีเอาตัวให้รอด ไม่ผิดศีล ผิดธรรมก็น่าจะเพียงพอเเล้ว สำหรับฆราวาสอย่างพวกเรา เรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอนบรรพชิต พี่เเกพวกพุทธเเท้ๆก็เอามาปนกับฆราวาส พูดกันจั้งงง... โหราศาสตร์ พยากรศาสตร์เป็น เดราฉานวิชา ก็ทั้งนั้นเเหละ ทุกวิชา ที่ไม่ใช่ สติปัฏฐาน4 เพื่อการหลุดพ้น สังสารวัฎ  ก็เดรฉานทั้งนั้นเเหละ 55555 พวกหมอดูเหียกๆ ชอบหลอกสะเดาะเคราะห์กินตังค์เขานั่นเเหละ ที่พาหมอดูดีๆเสียไปหมด รวมถึงร่างทรง บ้าบอ นั่นก็ด้วย ทำให้พวกไม่รู้จริงเหมารวมไปหมด น่าเบื่อ น่ารำคาญมากๆ พวก สมองฟาย ไร้ปัญญา นึกว่าตัวเก่งกว่าคนอื่น ดีกว่าคนอื่น ก็เที่ยว ว่าคนเขาไปทั่ว เราสงสัยนัก งั้น กรมอุตุนิยม พยากรณ์ฟ้าฝน นี่ก็คงรวมไปใน เดรฉานวิชาด้วยเลยซิ๊.... อย่าไปสนใจเลย เราฟังมาเยอะเเล้ว แต่ก็ไม่เห้นไอ้คนที่ชอบว่าคนอื่น มันจะเอาตัวรอดจาก เรื่องที่มันรู้เลย ................ พอกันเเหละ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 00:06:46

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 7 ใจร่มๆๆๆ จากคุณ : aloha_123 เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 00:41:19

ความคิดเห็นที่ 9 หัวข้อกระทู้ได้แรงพอควรเลย วิชาส่วนใหญ่ในโลก คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นวิชาขวางทางสู่นิพพาน สู่การหลุดพ้นทั้งนั้น แต่วิชาเหล่านี้ท่านห้ามภิกษุ ไม่ได้ห้ามคนทั่วไป กรรมเป็นเครื่องชี้วัดเจตนา คุณมิ้มเฒ่าเจตนาดีต่อผู้อื่น ถือเป็นกรรมดีอยู่แล้ว ทำไปเถอะครับ(ไม่ได้ปล้นคนรวยช่วยคนจนสักหน่อย) ดีกว่าไม่ช่วยชี้แนะแก้ทุกข์ให้ใครเลย ปล.ยึดมั่นถือมั่นเกินไป ตึงไปไม่ใช่ทางสายกลาง จากคุณ : Krpg เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 04:11:15

ความคิดเห็นที่ 10 ท่านพระคุณเจ้าเหล่านี้ ท่านก็เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาโหราศาสตร์ครับ จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 15:00:47

ความคิดเห็นที่ 11 . จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 15:01:47

ความคิดเห็นที่ 12 . จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 15:02:13

ความคิดเห็นที่ 13 รัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านก็ศึกษาดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ครับ จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 15:04:15

ความคิดเห็นที่ 14 พระมหากษัติริย์ ในสมัยก่อน ไปจนถึงแม่ทัพนายกอง ก็ศึกษาวิชาโหราศาสตร์ครับ พระอัญญาโกณฑัญญะ ก็ศึกษาวิชาพยากรณ์ครับ และเป็นผู้ทำนายว่าทารกนี้ (พระพุทธองค์) จะทรงเป็น พระศาสดาเอกของโลก ครับ ^_^ จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 15:07:24

ความคิดเห็นที่ 15 เขาก็ศึกษากันไว้ใช้งานต่าง GPRS ทั้งนั้นเเหละ พวกฟายที่ไม่รู้ก็ ว่ากันไปนะ 5555555555555 จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 15:30:45

ความคิดเห็นที่ 16 โอยๆ เห็นชื่อ "อยู่ ญาโณทัย" ซึ่งถ้าจำไม่ผิดท่านเป็นอดีตสมเด็จพระสังฆราช ผมเองเคยศึกษาดวงของท่าน โอยๆ ดูรุปพระอริยสงฆ์ กับพระรูปสมเด็จท่านร.4 น้ำตาจะไหล (จริงๆ) จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 16:38:58

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนตั้งราชวงศ์จักรี ก็มีการผูกดวงเมืองประเทศครับ จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 17:25:20

ความคิดเห็นที่ 18 เขาว่า โหราศาสตร์ เป็น เดรัจฉานวิชา ก็ เดรัจฉานวิชา นี้มิใช่หรือ ที่ผูกดวงตั้งแผ่นดินนี้ ให้มั่นคง มั่งคั่ง น้ำมีปลา นามีข้าว แผ่นดินที่บรรพบุรุษเรา ใช้เลือดเนื้อเข้าแลกมา แล้วใช้ เดรัจฉานวิชา ดังที่เค้าว่านี้ มาผูกดวงตั้งเมืองสืบจนลูกหลานโหลน ได้เกิด ได้กิน ได้อยู่อาศัย ได้ให้ตีนได้มีแผ่นดินเหยียบ หัวได้มีที่ซุกนอน ก็ เดียรัจฉานวิชา นี้มิใช่หรือ ที่เวลา สส. ที่คุณเลือกเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล จะเข้าทำเนียบ เข้าห้องนายก เป็นอันต้องใช้เดรรัจฉานวิชานี้ ดูฤกษ์ดูยาม ตอนเข้ารับตำแหน่ง ก็ เดียรัจฉานวิชา นี้มิใช่หรือ ที่ตอนคุณถือกำเนิด บุพการีของคุณก็ไปขอผู้รู้ ให้มาตั้งชื่อให้คุณ ก็ เดียรัจฉานวิชา นี้มิใช่หรือ ที่คุณจะแต่งงาน ตั้งศาลพระภูมิ สึกพระ บุพการีของคุณ ก็ต้องไปขอฤกษ์จากวิชานี้ ก็วิชาที่คุณใช้ "ทำมาหาเลี้ยงชีพ" เป็นวิชาที่ช่วยให้หลุดพ้นจากทุกข์ จากวัฎสงสารได้ละหรือ ถ้าวิชาความรู้ที่คุณมี หาทรัพย์เลี้ยงบิดา มารดา บุตร สามี ภรรยา มิใช่วิชาเพื่อการพ้นกิเลสแล้วไซร้ วิชาชีพของคุณก็เป็น เดียรัจฉานวิชา เฉกเช่นกันครับ ด้วยความเคารพ ^_^ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 54 17:49:29 จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 54 17:36:08

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเคยอ่านมาว่า พระพุทธเจ้าก็พยากรณ์นี่ครับ พยากรณ์เรื่องที่ว่าใครเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป หรือ หลายๆเรื่อง โดยใช้พระโพธิญาณของพระองค์ เราๆท่านๆ ก็พยากรณ์ เพียงแต่ใช้การคำนวน และสถิติ ในนามว่าโหราศาสตร์ ดังนั้นการพยากรณ์ ไม่ใช่วิชาที่ดีเลิส(ในทางพระพุทธศาสนา) แต่ก็ไม่ใช่วิชาที่จะดึงผู้ใช้ลงนรก(ถ้าใช้ในเจตนาดี) เพียงแต่วิชานี้พาขึ้นนิพพานไม่ได้ก็เท่านั้น ทำไมต้องมาตั่งแง่กันด้วย... จากคุณ : เด็กชายแก้มป่อง เขียนเมื่อ : วันเนา 54 14:33:03

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ พวกตั้งเเง่คือ พวกที่คิดว่าตนเองรู้อรรถ รู้ธรรรม รู้ ฯ และ อ่านพระไตรปิฎกมากๆ เเล้วคิดว่าตนเองดีกว่าชาวบ้าน ชาวบ้านไหนทำอะไร ก็บาป ก็โง่ไปหมด เป็นเเค่บางคนนะ ที่อัตตามานะมากมาย ส่วนคนที่เขาปฏิบัติธรรมได้จริงๆ เขาจะอ่อนน้อม อัตตาลด ไม่เที่ยวปากพล่อยไปวิพากวิจารณ์ใครเขาง่ายๆ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : วันเนา 54 15:44:54

ความคิดเห็นที่ 21 "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว" ทุกศาสตร์ทุกอาชีพล้วนมีคุณ .... ความเห็นของเราค่ะ จากคุณ : su_k3430 เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 54 17:58:09