ความคิดเห็นที่ 1 อิสลามกับการก่อการร้าย ท่าที่ของอิสลามต่อพวกหัวรุนแรงและการก่อการร้าย...!                 อิสลามคือศาสนาแห่งสันติภาพและขันติธรรม ดังนั้นผู้ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะประพฤติตนขัดแย้งกับหลักการดังกล่าว ยิ่งกว่านั้นไม่มีแหล่งกำเนิดใดๆจากอัลกุรอาน และฮะดิษของศาสดามุฮัมมัด   ที่บ่งชี้ไปในทิศทางดังกล่าว การเรียกร้องในอิสลามที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอานได้เชิญชวนด้วยวิธีการที่เฉลียวฉลาด และนิ่มนวลซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะถือได้ว่า เป็นความรุนแรงแต่ประการใด ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะ อัลนะห์ล โองการที่ 125 ความว่า "จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของเจ้าโดยสุขุมและการตักเตือนที่ดี แจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่หลงจากทางของพระองค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาของผู้ที่อยู่ในทางที่ถูกต้อง"           ด้วยเหตุนี้ เราจะเห็นว่าศาสดา   ได้กล่าวกับชาวมักกะฮ์ ที่ปฏิเสธการเรียกร้องไปสู่อิสลาม ดังปรากฏในซูเราะฮ์ อัลกาฟิรูน  ความว่า "สำหรับพวกท่านก็คือ ศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉัน ก็คือศาสนาของฉัน"                   ในส่วนที่เกี่ยวกับศาสนาที่เชื่อถือในพระเจ้าก่อนที่จะมีศาสนาอิสลามนั้น อิสลามได้เรียกร้องให้มุสลิมเคารพต่อศาสดาท่านก่อนๆ จากศาสดามุฮัมมัด   ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของหลักการศรัทธาในอิสลามอีกด้วย ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 136 ความว่า "พวกเจ้าจงกล่าวเถิด เราได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เรา และสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่ อิบรอฮิม อิสมาอีล อิสหาก และยาอะกู๊บ และบรรดาวงศ์วานเหล่านั้น และสิ่งที่มูซา และอีซา ได้รับและสิ่งที่บรรดานะบีได้รับจากพระเจ้าของพวกเขา และพวกเรามิได้แบ่งแยกระหว่างท่านหนึ่งท่านใดจากเขาเหล่านั้น และพวกเราจะเป็นผู้สวามิภักดิ์ต่อพระองค์เท่านั้น"                  ข้อความดังกล่าวในโองการนี้ได้มุ่งที่จะให้มีการลำดับความแตกต่างระหว่างศาสดาด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นลักษณะของความใจกว้าง และไม่มีในศาสนาอื่นนอกจากอิสลาม ดังนั้นจะเป็นไปได้หรือที่ศาสนาเช่นนี้จะถูกกล่าวหาว่า ไร้ความเป็นธรรม และไร้ความอดทน จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 22:42:01

ความคิดเห็นที่ 2 "การสงครามในอิสลามจึงต้องงดเว้นสตรี  คนชรา  เด็กรวมไปถึงนักบวชที่ปฏิบัติศาสนกิจของตนอยู่ในศาสนสถานด้วย จากคุณ : Ms.Kohlanta" แล้วตอนที่พระสงฆ์ในมหาวิทยาลัยนาลันทา ถูกกองทัพเติร์กบุกฆ่าแล้วเผา เมื่อพ.ศ. 1700  ที่ประเทศอินเดีย ล่ะครับ? แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 22:46:09 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 22:44:05

ความคิดเห็นที่ 3 อิสลามได้เรียกร้องให้มนุษย์ทุกคน อยู่ด้วยกันฉันท์มิตร แม้จะมีความแตกต่างกันก็ตาม ดังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลหุจรอจญ์ โองการ 13 ความว่า "โอ้ มนุษย์ชาติทั้งหลาย แท้จริงข้าได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชายและเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่าพันธุ์และตระกูล เพื่อจะได้รู้จักกัน แท้จริงผู้มีเกียรติยิ่งในหมู่พวกเจ้า ณ อัลลอฮ์ นั้นคือผู้ที่มีวามยำเกรงยิ่ง ในหมู่พวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮ์ นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียด ถี่ถ้วน "                 เช่นกันอิสลามได้เรียกร้องให้มุสลิม ใช้ชีวิตความเป็นอยู่กับผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม(ต่างศาสนิก) ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลมุมตาฮีนะฮ์ โองการที่ 8 ความว่า "อัลลอฮ์ มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ไม่ได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้า ในการที่พวกเจ้าจะทำความดีกับพวกเขา และให้ความยุติธรรมกับพวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ ทรงรักผู้มีความยุติธรรม"                   อิสลามได้เรียกร้องมุสลิมให้อภัย ผู้ที่กระทำความผิดต่อเขา ดังปรากฏในซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 237 ความว่า "และการที่พวกเจ้ายกโทษให้นั้น เป็นสิ่งที่ใกล้แก่ความยำเกรงมากกว่า"                   ยิ่งกว่านั้นอิสลามได้เรียกร้องให้มุสลิมสร้างความดี ทั้งที่ผู้อื่นเป็นผู้ผิด โดยหวังว่าสักวันหนึ่งศัตรูผู้ผิดจะกลายมาเป็นมิตร ดังปรากฏหลักฐานในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ ฟุซซิลัต โองการที่ 34 ความว่า "ความดี และความชั่วนั้น หาเท่าเทียมกันไม่ เจ้าจงขับไล่(ความชั่ว)ด้วยสิ่งที่ดีกว่า และเมื่อนั้นผู้ที่ระหว่างเขาเคยเป็นอริกัน ก็จะกลับกลายเป็นเยี่ยงมิตรที่สนิทกัน"                   ในฮะดิษ ของศาสดามุฮัมมัด   กล่าวไว้ว่า "จงทำให้ง่าย อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก จงบอกกล่าวแต่เรื่องดี อย่าบอกกล่าวแต่เรื่องร้าย"                 คำพูดของศาสดานี้มุ่งที่จะละเว้นไม่ให้มีการเกลียดชังซึ่งกันและกัน และดำรงอยู่ในขันติธรรม โดยปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบ รวมทั้งการก่อการร้าย โดยอิสลามถือว่าการฆ่าคนเพียงคนเดียวเสมือนกับการฆ่าคนทั้งโลก ดังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราฮ์ อัลมาอิดะฮ์ โองการที่ 22 ความว่า "แท้จริงฆ่าชีวิตหนึ่ง โดยมิใช่เป็นการชดเชยอีกชีวิตหนึ่ง หรือมิใช่เรื่องจากการบ่อนทำลายในแผ่นดินแล้ว ก็ประหนึ่งว่าเขาได้ฆ่ามนุษย์ทั้งมวล"                  การกล่าวว่าอิสลาม สนับสนุนการก่อการร้ายและความรุนแรง จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด ถ้าหากมุสลิมทุกคนเป็นพวกหัวรุนแรงหรือผู้ก่อการร้าย ก็ไม่ได้หมายความว่า อิสลามจะต้องรับผิดชอบ ต่อการกระทำของคนเหล่านั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแยกคำสั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องขันติธรรมและความยุติธรรมของอิสลาม ออกจากพฤติกรรมของมุสลิมบางคน ที่ขาดความรับผิดชอบ และขันติธรรม เราจำเป็นที่จะต้องระลึกเสมอว่า ความคิดที่รุนแรงและการขาดความอดทนนั้นมิได้จำกัดอยู่ที่ศาสนาหนึ่งศาสนาใดเป็นการเฉพาะ หากแต่การก่อการร้ายนั้นเป็นปรากฏการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบัน ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่มีการกล่าวว่า อิสลามเป็นศาสนาที่สนับสนุนการก่อการร้าย ในเมื่อการก่อการร้ายเป็นปรากฏการสากลที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับศาสนาหนึ่งศาสนาใดเป็นการเฉพาะ ศาสตราจารย์ ดร. มะห์มูด ฮัมดี ซักซูก http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=4&id=507 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 22:45:36

ความคิดเห็นที่ 4 เหมือนศิลปินใน America บอก No War แต่ทหารก็ทำอีกอย่างหรือเปล่าครับ จากคุณ : Windows X เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 23:11:29

ความคิดเห็นที่ 5 ตอบ คห.2 ค่ะ การล่มสลายของมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยนาลันทาได้ถูกทำลายลง ด้วยฝีมือของทหารชาวเติร์กนามว่ามูฮัมหมัด คิลญี   ซึ่งเป็นทาสทหารของแม่ทัพกุฏบ อัดดีน อัยบัก (ภายหลังได้เป็นที่รู้จักกันในนาม สุลต่านเดลฮี) ด้วยความเข้าใจผิดคิดไปว่ามหาวิทยาลัยนาลันทานั้นเป็นป้อมปราการของพวกมคธ   ในครั้งนั้นทำให้มีพระภิกษุล้มตายเป็นจำนวนมาก รวมถึงคัมภีร์ทางศาสนาได้ถูกทำลายไปอย่างมากมายเช่นเดียวกัน แต่การที่จะบอกว่ามหาวิทยาลัยนาลันทานั้น ถูกทำลายด้วยฝีมือของมุสลิมก็จะดูเป็นการปรักปรำกันมากเกินไป เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่าดังนี้ 1) มูฮัมหมัด คิลญี นั้นเป็นทาสซึ่งไม่ได้รับการเรียนรู้เรื่องศาสนาเท่าไรนัก เพราะว่าหลักการทำสงครามในอิสลามนั้น ได้ห้ามฆ่านักบวช หรือเผา หรือทำลายศาสนาสถานของศาสนาต่างๆ  รวมทั้งยังให้สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาอีกด้วย 2) พวกเติร์ก  กลุ่มนี้เพิ่งรับอิสลามได้ไม่นาน  ทั้งยังอยู่ห่างไกลจากดินแดนอาระเบีย  ทำให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของศาสนาอิสลามนั้น  ยังไม่ดีนัก   3) มูฮัมหมัด คิลญี ไม่รู้จักศาสนาพุทธ4) ในยุคนั้นศาสนาพุทธในมหาวิทยาลัยนาลันทากำลังเสื่อมลงเป็นอย่างมาก  เนื่องจากการเกิดขึ้นมาของนิกายตันตระ  ซึ่งเป็นนิกายที่ผสมผสานแนวคิดแบบฮินดู  มีการเล่นไสยศาสตร์  และเลยเถิดไปถึงการร่วมเสพเมถุน  ซึ่งเป็นไปได้ว่า มูฮัมหมัด คิลญี อาจจะเห็นพิธีกรรมประหลาด  จนเข้าใจผิดไปว่าเป็นพวกหมอผี ทำคุณไสย ไม่ใช่พระ ตอบเท่าที่ทราบนะคะ เพราะไม่ค่อยรู้ละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่อยากจะฝากไว้หน่อยว่า การที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการศาสนา ส่วนที่ขัดกับหลักการศาสนานั้น อิสลามไม่อนุมัติอย่างเด็ดขาด มันเกิดจากการกระทำของตัวบุคคลหรือกลุ่มคนนั้นๆ ไม่ใช่เพราะ ศาสนา แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 54 23:34:53 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 23:24:56

ความคิดเห็นที่ 6 คห.ที่ 5 ผมขอแสดงความเข้าใจใน หลักการของอิสลามอย่างนี้พอจะได้ไหมครับว่า เรื่องที่ กองทัพชาวเติร์ก มีส่วนในการทำลาย ม.นาลันทา (ตามประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่ง ที่ได้ยินได้ฟังกันมานั้น) เป็นกองทัพที่นับถืออิสลามจริง  แต่เป็นลักษณะของ การกระทำที่ จงใจขัดต่อหลักการอิสลาม ในเรื่องการทำสงคราม (ที่บัญญัติไว้อย่าง เข้าใจความผู้ที่อ่อนแอ) ที่ผมบอกว่าเค้าใจว่า ทำไมเห็นด้วยกับการบัญญัติในเรื่องสงคราม ส่วนหนึ่งก็เพราะ มีพระสูตรชื่อว่า "โจรสูตร" ที่พระพุทธเจ้า กล่าวกับโจร มีใจความสำคัญประมาณว่า "หากจะปล้น ... ก็อย่าทำร้าย เด็ก สตรี คนแก่ ... (ประมาณนี้นะครับ) อันพอเทียบเคียง และทำให้เข้าใจเรื่องพื้นฐานของ การสั่งสอนศาสนิกชน ในการทำหน้าที่ หรืออาชีพที่แตกต่างกันไปได้   ซึ่งหากเราแค่ยอมรับกันอย่างง่ายๆ ไปตามนั้น ในเรื่องการทำสงครามดังกล่าว เหมือนเช่นที่ หลักการของพุทธมีกล่าวถึงเรื่อง การฆ่าและเบียดเบียนชีวิต เป็นบาป พระพุทธเจ้าก็ไม่ปรารถนา ให้มีการเบียดเบียนกัน การที่ทหาร หรือตำรวจ ซึ่งก็เป็นชาวพุทธนั้น ก็ยังฆ่าศัตรู หรือบางทีก็ กระทำขัดต่อความชอบธรรมในบริบทของสงคราม หรือการรบ หรือ ทำการทุจริตในการสงคราม ทั้งที่เป็นชาวพุทธเช่นกัน พอฟังได้ไหมครับ จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 00:20:35

ความคิดเห็นที่ 7 อดีต เป็นยังไง ผมไม่กล่าวแล้วกันนะครับ ขอมองแค่วันนี้ และ อนาคตร่วมกันของศาสนาต่างๆ ทำไม ศาสนาอื่น ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม "โดยการกล่าวอ้าง" ในปัจจุบัน ผมมองว่า อะไร ที่คนทำไม่ถูก อ้างได้ ย่อมมีข้อด่างพร้อยที่ไม่ได้รับการชำระ ผมหมายถึง การไม่เน้นที่หลักการที่ถูกต้อง ไม่ได้ชี้ไปที่ศาสนาโดยตรง มันน่าจะมาจาก การบิดเบือน ที่ได้รับการยอมรับ จาก การตีความที่ไม่สรุปเหมือนกัน หรือ เอกภาพในการตีความ น่าจะมาจากการศึกษา น่ะครับ เราทุกคนรู้ศาสนาจากการศึกษาทางใดทางนึงเสมอ อะไรที่ใน ระบบศึกษา ศาสนาอิสลาม ถูกสอนให้มีการอ้างในการทำสงครามได้หรือครับ ถ้าเราไม่เอาตรงนั้นออก ผมว่า ก็ยังมีการอ้างศาสนา เพื่อสงครามได้อีก และสงคราม้หมือนไฟที่ลามได้ เมื่อลามไปสู่ผู้บริสุทธิ์ แน่นอนว่า สงครามแบบนั้นคือความวิปริตของมนุษย์ จากคุณ : แล้วแต่ทางท่านจะเรียกแล้วกันนะ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 00:46:29

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณ จขกท ที่มาแบ่งปันความรู้ครับ อยากให้ พี่น้องมุสลิมทุกๆท่าน ช่วยกันออกเสียงแบบนี้เพื่อให้คนเข้าใจหลักอิสลามมากขึ้น เช่นเวลา คนอ้างศาสนามาก่อการร้าย ก็อยากให้ออกมาประนามคนพวกนั้นโดยตรง มิใช่แค่บอกว่า บัญญัติบอกไว้แบบนี้ เพื่อเตือนสติ คนเหล่านั้น และผู้ที่เห็นด้วยกับคนเหล่านั้น เช่นเวลา อดีตกลุ่มตอลิบาน ทำลายพระพุทธรูปบามิยัน แล้วอ้างศาสนา ก็อยากให้พี่น้องมุสลิมออกมา ต่อต้านการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ของคนที่อ้างศาสนาแบบนี้ด้วย เหมือนเช่นการประท้วงต่อต้านการเผาคำภีร์อัลกุรอ่าน อย่าให้ปลาเน่าตัวเดียวทำให้ปลาเหม็นไปทั้งข้องครับ จากคุณ : vitroze เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 01:19:03

ความคิดเห็นที่ 9 อิสลามเป็นศาสนาเเห่งความสันติ เเต่ถึงกระนั้นอิสลามก็อนุญาตให้ทำสงคราม(ญิฮาด) เพื่อต่อต้าน การรุกรานเเละการกดขี่ การทำสงคราม(ญิฮาด)มีเป้าหมายเพื่อสร้างสันติภาพมิใช่สร้างความพินาศ และความหายนะ ด้วยเหตุนี้การทำสงคราม(ญิฮาด)จึงต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข กฎเกณฑ์ เเละหลักจริยธรรมที่มีเเบบฉบับอันงดงามจากท่านนบี(ซล.) การกระทำที่เป็นการทำลายชีวิต และทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ ตลอดจนการทำลายสถานที่ราชการ เเละสถานที่สาธารณะประโยชน์นั้น ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำก็ตามถือเป็นการก่อการร้ายทั้งสิ้น การอ้างคำสอนเรื่องสงคราม(ญิฮาด)เพื่อนำมาสนับสนุนการกระทำโดยเพื่อเป้าหมายอื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป้าหมายต่างๆของอิสลามที่ได้กำหนดไว้ ถือเป็นความผิดบาปอันมหันต์ เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ได้นำไปสู่ความเข้าใจผิดของประชาชนโดยทั่วไป เเละยังทำให้สังคมโลกมีทัศนคติอันเป็นลบต่อศาสนาอิสลามเเละพี่น้องมุสลิมโดยรวมอีกด้วย            ขอให้ทุกฝ่ายได้ตระหนักร่วมกันว่าการใช้ความรุนเเรงไม่สามารถเเก้ปัญหาสถานการณ์ใดๆได้ และการใช้ความรุนแรงไม่เคยนำมาซึ่งความสงบสุข  เพราะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เเละไม่สอดคล้องกับหลักการเเละข้อเท็จจริง หากผู้ใดสนใจประเด็นนี้ อยากจะทราบรายละเอียดเกี่ยวการทำสงครามในอิสลามสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=26&id=375 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 06:18:34 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 06:15:20

ความคิดเห็นที่ 10 คห.8 ความเชื่อของศาสนาหนึ่งมันอาจจะไปขัดกับความเชื่อของอีกศาสนาหนึ่งได้ แต่นั่นไม่ถือว่าเป็นการเจตนาดูหมิ่น     ตัวอย่างเปรียบเทียบ เช่น ความเชื่อของชาวฮินดูนั้นถือว่าวัวเป็นเทพเจ้าหรือสัตว์พาหนะของเทพเจ้า เพราะฉะนั้นชาวฮินดูจะเคารพบูชาวัว ไม่ฆ่าและไม่กินวัว แต่สำหรับศาสนิกอื่นแล้ว ถามว่าฆ่าวัวไหม กินวัวไหม? แน่นอนว่าสำหรับศาสนิกอื่นนั้นไม่ได้เคารพบูชาวัว เขาจึงมีการเชือดและบริโภคเนื้อวัว ซึ่งแน่นอนชาวฮินดูย่อมไม่พอใจ แต่เขาก็ย่อมเข้าใจว่าศาสนิกอื่นนั้นไม่ได้เคารพบูชาวัวเหมือนตน ดังนั้นคนทั่วไปที่เชือดและบริโภคเนื้อวัวนั้นจึงไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นหรือล้อเลียนชาวฮินดูแต่อย่างใด จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 06:42:38

ความคิดเห็นที่ 11 Is Terrorism A Muslim Monopoly? http://www.youtube.com/watch?v=utHBJmQIz7g&NR=1&feature=fvwp จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 07:49:19

ความคิดเห็นที่ 12 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 08:45:53 จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 08:10:59

ความคิดเห็นที่ 14 ศาสนามีช่องโหว่ให้สามารถบิดเบือนได้เองนี่นา     ยังไงก็เปลี่ยนแปลงภาพพจน์ในสายตาของชาวโลกไม่ได้หรอก พอนึกถึงการก่อการร้าย อิสลามก็ลอยตามมาเป็นคำที่สอง ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล ภาคใต้บ้านเราก็มี จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 08:22:39

ความคิดเห็นที่ 15 พวกผู้นำเติร์กยุคนั้นโหด  ขนาดมุสลิมกันเองยังจับเอาไปให้หมากินเลยครับ มันไม่ใช้เรื่องของศาสนา "รัฐบาลออตโตมันต้องจัดส่งกองทัพจากอียิปต์ภายใต้การนำทัพของมุฮัมมัดอะลี ปาชาเข้าโจมตีฐานที่มั่นของขบวนการวะฮะบีย์ในฮิญาซขึ้นในปี 1807 ช่วงเดือนกันยายน การสงครามระหว่างสองพลังอำนาจทางการเมืองดำเนินไปจวบจนกระทั่งปี ปี 1818 ที่อำนาจของตระกูลสะอู๊ดซึ่งสนับสนุนขบวนการทางศาสนาของท่านชัยค์ต้องถูกพิชิตลงโดยอิบรอฮีมปาชา บุตรของมุฮัมมัดอะลี ปาชา จุดจบของรัฐบาลที่สนับสนุนแนวทางของท่านชัยคฺได้ฝากรอยแผลที่เจ็บปวดแก่ชนรุ่นหลังเมื่อพบว่ากองทัพออตโตมันได้สังหารสมาชิกที่ยึดมั่นในแนวคิดนี้อย่างโหดร้ายทั้งยังโยนกองศพให้สุนัขกัดกินอย่างเลือดเย็น ในปี 1819 ท่านอะมีรอับดุลลอฮฺเจ้าเมืองดิรอียะฮก็ได้ถูกทลายอำนาจลงโดยพวกกองทัพออตโตมัน ตัวท่านถูกจับตัวเป็นเชลยศึกส่งไปยังกรุงอิสตันบูลให้คอลีฟะฮฺออตโตมันแลชมอย่างจุใจ ท้ายที่สุดรัฐบาลออตโตมันก็ออกคำสั่งตัดหัวผู้ปกครองของขบวนการวะฮะบีย์ผู้นี้เสีย" http://islamic-dialectic.blogspot.com/2011/03/1.html จากคุณ : ใจนิ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 08:32:32

ความคิดเห็นที่ 16 ไหนลองบอกซิ ตรงไหนคือช่องโหว่? พูดแล้วรับผิดชอบคำพูดด้วยนะครับ ผมจะรอคำตอบจากคุณ คุณ ฮิมาวาริซซั จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 09:07:03

ความคิดเห็นที่ 17 @ฮิมาวาริซซัง ----------------- อยากให้ขยายความ ข้อความของคุณใน คห. 14 เพิ่มเติมหน่อยครับ เอาเป็นว่า  นิยามของคำว่า "ก่อการร้าย" ก่อนเลย และการก่อการร้ายเกี่ยวข้องกับอิสลามอย่างไรตามคุณเข้าใจ จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 09:42:25

ความคิดเห็นที่ 18 คห 8   จริงครับ ผู้นับถือศาสนาอื่นที่ไม่ได้นับถือวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ฆ่าวัว แล้วก็ทานวัว แต่กระผมยังไม่เห็นใคร ที่ฆ่าวัวแล้วปล่อยให้เน่าเสียโดยไม่นำไปทำให้เกิดประโยชน์เลยครับ หรือถ้าไม่ชอบวัวขนาดนั้น มีคนมาขอซื้อเขาก็ขายครับ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ทั้งวัว และผู้เห็นประโยชน์จากวัว ถ้ามีคนที่ฆ่าวัวแล้วทิ้งไปเฉยๆ นี่ แม้ผมไม่ได้นับถือวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ผมก็จะร่วมต่อต้านผู้ทำครับ ยิ่งถ้าเขาฆ่าแล้วอ้างว่า เพราะปรัชญาการใช้ชีวิตของเขากลา่วไว้ (ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับปรัชญาที่ผมใช้ แต่ถูกตีความบิดเบือน) ผมจะยิ่งออกมาประนามเขาครับ เพื่อมิให้คนอื่นที่รู้จักผม และผู้ร่วมอุดมการณ์ คิดว่าพวกเราตีความปรัชญาการใช้ชีวิตแบบนั้นด้วย   แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 10:11:21 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 10:01:54 จากคุณ : vitroze เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 09:48:47

ความคิดเห็นที่ 19 ขออนุญาตออกความเห็นนะคะ เราเองมีความรู้ในศาสนาอิสลามค่อนข้างน้อย แต่จากการที่ได้คลุคลีกับชาวมุสลิมในระ ดับหนึ่ง(ต้องบอกก่อนว่าท่านเหล่านี้ค่อนข้างเคร่งครัดแต่ไม่เคร่งเครียด) เราว่า เป็นไป ไม่ได้เลยที่คนมุสลิมที่มีศรัทธาในพระอัลเลาะห์อย่างแท้จริงจะมีจิตใจอาฆาตมาดร้าย มุ่งทำลายล้างทรัพย์สินหรือชีวิตคน ขอยกตัวอย่างนะคะ มีเพื่อนชาวมุสลิม๒ท่าน ท่านหนึ่งเป็นคนมาเลย์ อีกท่านเป็นคนบัง คลาเทศ ทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง วันหนึ่งเพื่อนร่วมงานเป็นคนดำ เสพยาเสพติด (เราจำไม่ได้แล้วว่าชนิดใด) เกิดอาการคุ้มคลั่ง โดนแม่ครัวต่อว่า ก็นำมีดมาไล่แทงคน ในครัว ทุกท่านในนั้นโดนทำร้ายอย่างรุนแรง คนมาเลย์โดนที่ท้อง และขา คนบังคลา เทศโดนที่ขาเช่นกัน กว่าambulanceจะมา ก็นอนจมกองเลือดกันเลยทีเดียว ทุกวันนี้คน เลย์ไม่สามารถยกของหนักได้ คนบังคลาเทศไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ แต่มีร่องรอยบาด แผลฉกรรจ์ เคยนั่งคุยกัน เราถามว่าโกรธคนทำมั้ย ท่านก็บอกว่าโกรธแล้วได้อะไร ไม่ คิดโกรธคนทำ สงสารด้วยซ้ำ ชีวิตอีกหลายปีของเค้า ต้องเข้าไปใช้ชีวิตในคุก เพียง เพราะยาเสพติด หลงผิด หมดอนาคต จากเท่าที่เราสังเกต คนที่มีศรัทธาในพระอัลเลาะห์จริง ค่อนข้างจะอ่อนโยนนะ อัตตาก็ ไม่เยอะ บอกไม่ถูกค่ะ อีกหลายเรื่องที่ไม่ได้นำมาถ่ายทอด ส่วนเรื่องผู้ก่อการร้าย เราว่าเป็นการมองมุมเดียว มองแค่ว่าเค้าไปทำร้ายชาวโลก มอง แค่ปลายเหตุ ต้นเหตุนั้นเรื่องค่อนข้างเยอะ ที่เค้าโดนทำร้าย ชาวโลกไม่ค่อยได้รับรู้ หรืออาจจะลืมเลือน คนเรามีความอดทนไม่เหมือนกัน โดนมากๆเข้าก็ลุกฮือขึ้นมา อยาก จะเห็นวิธีการจัดการในรูปแบบสันติมากกว่านี้จากทางฝั่งประเทศมหาอำนาจ อยากเห็น ทั้งสองฝั่งย้อนกลับมามองการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา มากกว่าที่จะมองฝ่ายตรงข้าม ป.ล. ต้องขอโทษจขกทด้วยนะคะ อาจจะเสนอความเห็นที่ไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่ จากคุณ : คุณป้าจำเป็น เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 09:51:23

ความคิดเห็นที่ 20 หาก ตรรกะที่ว่า "ศาสนามีช่องโหว่ให้สามารถบิดเบือนได้เองนี่นา     ยังไงก็เปลี่ยนแปลงภาพพจน์ในสายตาของชาวโลกไม่ได้หรอก พอนึกถึงการก่อการร้าย อิสลามก็ลอยตามมาเป็นคำที่สอง ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล ภาคใต้บ้านเราก็มี " อย่างแรกต้องเข้าใจก่อนว่า ความหมายของคำว่า สงคราม(ในแบบอิสลาม) กับ การก่อการร้าย คืออะไร และต่างกันอย่างไร? ในประเด็นข้างบน คุณ ฮิมาวาริซซัง จะบอกว่า เป็นเพราะอัลกรุอ่านและหลักการศาสนามีช่องโหว่ จึงทำให้โลกไม่สงบสุข จึงทำให้เกิดสงครามและก่อการร้ายนั้นดูความคิดของคุณจะแคบไปหน่อย ถ้าจะไม่ให้มีช่องโหว่อย่างที่คุณเข้าใจ ก็คือ จะต้องยกเลิกการสอนให้ทำสงคราม ทั้งที่สงครามในอิสลามต้องอยู่ภายใต้เงื่อไข จุดประสงค์ กฎเกณฑ์  และจรรยาบรรณอันสูงส่ง การไม่ให้ทำสงคราม(ญิฮาด) เพื่อป้องกันการรุกรานจากศรัตรู ตอบโต้ความอยุติธรรม ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง และการตอบโต้จากสงครามที่เริ่มต้นบุกก่อน  เพื่อนำไปสู่ความเป็นธรรม และความสงบสุขในสังคมมนุษย์นั้นเป็นการไม่ถูกต้อง เป็นหลักธรรมคำสอนที่ควรยกเลิกอย่างงั้นหรือคะ? อีกย่างอิสลามนั้นไม่ส่งเสริมให้ก่อการร้ายใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้ไม่รวมถึงการต่อสู้เมื่อถูกรุกราน หรือถูกรังแกนะ  เมื่อถูกรุกรานใครก็ต้องสู้จริงหรือไม่ แม้แต่เพลงชาติไทยยังบอกเลยว่า  “ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ” ฉะนั้นเราต้องแยกแยะระหว่างการรุกรานและการรบเพื่อป้องกันตัวนั่นเอง จะเห็นได้ค่ะว่า การที่คนส่วนใหญ่มองภาพอิสลามเป็นแบบมุสลิมหัวรุนแรง หรือ แบบ ลัทธิก่อการร้าย นั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการบริโภค "สื่อ" นั้นมีความสำคัญเป็นอันมาก เราต้องเลือกสื่อ และ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งสองฝั่ง แล้วเราก็จะพบกับความจริง ”คนไม่มีปัญญาเท่านั้นที่ไม่รู้จักแยกแยะ” แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 22:35:23 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 10:19:24

ความคิดเห็นที่ 21 @คุณป้าจำเป็น ---------------- ปกติแล้ว...คนเรามักตัดสินใจต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เทียบกับสิ่งที่ตนเองประสพเสมอ เช่น ผมมีเรื่องหมางใจหรือทะเลาะกับคนกลุ่มหนึ่ง อาจจะเป็นชมรมก็ได้ แน่นอนชื่อของชมรมนี้ เราไม่อยากได้ยินอีก ทำให้มีความอคติติดตัวเราตลอด ถ้าเราไม่พยายามลดอัตตาลงแล้วละก็ ทุกครั้งที่เราได้ยินชื่อนี้ เราก็จะมีอคติกลายเป็นจำเลยเสมอ เนื่องจากเคยทำไม่ดีกับเรา ข้อเท็จจริงก็คือ ชมรมนั้นไม่ใช่ไม่ดีเสียทั้งหมด แต่อาจจะแค่คนที่คุณติดต่อด้วยความบังเอิญคนนั้น ณ เวลานั้น มันทำให้คุณไม่ชอบและตีเหมารวมทั้งหมด ซึ่งผมเอง ก็เข้าใจจุดนี้และพยายามแยกแยะให้ออก ไม่นำมาตีขลุมออก คุณป้าจำเป็นก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ประสพ ปัญหานี้กับตัว แต่เผอิญประสพในด้านที่ดี ก็เลยสะท้อนและถ่ายทอดออกมาเป็นด้านดี ลองใครประสพในด้านที่ร้ายสิ ผลสะท้อนออกดูไม่จืด นี่คือความจริงที่อยากบอกว่า ทุกที่ก็ต้องมีทั้งคนดีและไม่ดีเสมอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า ชื่อนี้แล้วต้องไม่ดีตลอด หรือชื่อนั้น ต้องดีเสมอ จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 10:30:59

ความคิดเห็นที่ 22 "พอนึกถึงการก่อการร้าย อิสลามก็ลอยตามมาเป็นคำที่สอง" ก็เพราะเสพสื่อ ตะวันตกกันอยู่ทุกวันไงหล่ะครับ พอมีคำว่า ผู้ก่อการ้าย ต้องลงท้ายด้วยคำว่าชาวมุสลิมเสมอ สร้าง Bad Image ให้กับมุสลิม แต่ถ้าสมมติ เป็นนักศึกษากราดยิงเพื่อนนักศึกษาในมหาลัย...รัฐ...มีผู้เสียชีวิต ..คน บลาๆๆๆ  แค่นั้น ? สื่อได้บอกมั้ยว่า พวกที่ก่อการนั้นนับถือศาสนา คริสต์ หรือ พุทธ หรือ อะไรก็แล้วแต่..  ท้าได้เลย ถ้า นักศึกษาคนนั้นเป็นมุสลิม ในสื่อจะต้องไม่ลืมระบุศาสนาลงไปด้วย   เคยสังเกตกันบ้างมั้ย ? จากคุณ : Lyuk! เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 10:59:40

ความคิดเห็นที่ 23 อิสลามเป็นศาสนาเเห่งความสันติ เเต่ถึงกระนั้นอิสลามก็อนุญาตให้ทำสงคราม(ญิฮาด) เพื่อต่อต้าน การรุกรานเเละการกดขี่ อ่านแล้วเคลิ้ม เรียนถาม  จขกท.  ว่า ศาสนิกใดในศาสนาต่อไปนี้  ที่เขารุกรานและกดขี่ข่มเหงชาวมุสลิม   ศาสนา โซโรอัสเตอร์ ศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ ศาสนาบาไฮ ยังไม่ต้องรวม ยูดาห์และคริสต์ ครับ จากคุณ : ringside เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 11:55:38

ความคิดเห็นที่ 24 อิสลาม VS ก่อการร้าย ----------- คิดว่าเป็นเพราะ คนที่ก่อการร้ายส่วนนี้อ้างศาสนาอิสลาม ว่าทำตาม หรือทำสงครามศาสนาตามหลักอิสลาม     และมีผู้นับถือศาสนาอิสลามมีทั้ง ที่สนับสนุน และที่คัดค้านว่าไม่ใชตามหลักศาสนา     ----  คนก่อการร้ายอื่นที่อ้างลัทธิอื่นว่าก่อการร้ายเพราะลัทธิใด คนจะมองลัทธินั้นไม่ถูกต้อง  นอกจากจะมีการรณรงค์ให้เห็นจริงๆว่า ลัทธินั้นไม่ได้สอนแบบนั้น จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 11:58:22

ความคิดเห็นที่ 25 คือ อิสลามเป็นศาสนาที่อนุญาตให้มีการสงครามป้องกันการรุกราน ป้องกันสิทธิ หรือเพื่อสันติ ที่เรียกว่า จิฮัต ตามความเห็นบนๆ เค้าบอก ปัญหาคือคนที่หยิบกฏตรงนี้ไปกระทำสงครามนั้นนั่นล่ะ มันไปกระทบกับผู้บริสุทธิหรือไม่ และการประกาศสงครามนั้น เมื่อได้ประกาศไปแล้วมันควบคุมความรุนแรง ได้หรือไม่ ความจริงผมอยากถามว่า สงครามนั้น มันควบคุมความรุนแรงได้หรือไม่ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 14:48:03

ความคิดเห็นที่ 26 Radical Muslim หมายถึงมุสลิมที่มี   นโยบายทาง การเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม มุสลิม ในทันทีทันใด ด้วย ความรุนแรง ซึ่ง เป็นการ ปฏิบัติ นอกกรอบจากหลักการสอนของศาสนา อิสลาม  เช่น การออกกฏหมายลงโทษ มุสลิม ผู้ดื่มสุรา ถึงตาย, การ บังคับใช้ และสนับสนุนกฏหมาย Stoning, การบังคับจับกุม ผู้ไม่สวมฮิญาบ, การตามสังหาร ผู้ละทิ้งอิสลาม ในปัจจุบัน, การฆ่าเพื่อรักษาเกียรติของอิสลาม  และการกระทำความรุนแรงใดที่ ออกนอกกรอบของอิสลาม เป็นต้น      Radical Muslim ได้ ไฮแจค เครื่องบิน  เข้าทำลายตึกศูนย์การค้ของอเมริกา และ ทำลายขวัญ ของชาวตะวันตก  มุสลิมผู้ก่อการร้ายเหล่านี้  ได้ทำลายชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และผู้อ่อนแอเป็นพันๆคน โดยไม่ มีความรู้สึกในด้านคุณธรรมตามหลักการของอิสลามแม้แต่น้อย     ถ้าเราพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าการกระทำของมุสลิมที่รุนแรงออกนอกกรอบของ อิสลามนี้  ไม่ใช่ว่าจะกระทำร้าย สังคมและความเจริญรุ่งเรื่องของอเมริกาหรือ ของชาวตะวันตกโดยตรงเท่านั้น  แต่บรรดาผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ได้  “ ไฮแจค ศาสนาอิสลาม และทำลายความศิวิลัยเจริญรุ่งเรืองของ อิสลาม”  ซึ่ง คงอยู่มา กว่า  1400 กว่าปี ด้วยการกระทำอันชั่วช้าของเขา  ด้วยเหตุนี้ อเมริกาจึงไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะสงคราม ระหว่าง  ความศิวัยของสองฝ่าย คือ  สังคมตะวันตก และสังคม ตะวันออก, แต่ความเป็นจริง อเมริกา  ต่อสู้กับศัตรูของ  ทั้งสังคม สังคมตะวันตก และสังคม ตะวันออก  นั้นคือบรรดา  Radical Muslims     เราจะเห็นว่านายบินลาเดน มีความมุ่งหมายในการทำลายล้าง รัฐบาลอียิปต์ของนาย มูบารัค, เบซินิพูโต แห่งปากีสตาน, และกษัตริย์ อับดุลลอฮ์ แห่งจอร์แดน  นายบินลาเดน ไม่ให้ความนับถือต่อ รัฐบาลซาอุดิอารเบีย เนื่องจาก ซาอุดิอารเบีย ยอมให้อเมริกาตั้งฐานทัพอยู่ใน ซาอุดิอารเบีย  ซึ่งนายบินลาเดน เห็นว่าเป็นการขัด ต่อ กฏหมายอิสลาม ที่อนุญาตให้ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมอาศัยอยู่บนแผ่นดินของมุสลิม    ซึ่งเราจะเห็นว่า  นาย โอซะมาบินลาเดนนี้  ใช่แต่ว่า เป็นศัตรูของ อเมริกาและประเทศตะวันตกเท่านั้น   แต่เขาเป็นศัตรู ของ อิสลามและ ประเทศมุสลิมในภาคตะวันออกกลางด้วย Like as We sent down on the dividers, Those who made the Quran into  shreds.(15:90-91) บัญญัติทั้งสองนี้ นำมาประยุกต์ใช้ได้กับ บุคคลที่หยิบยกอัลกุรอานมาแต่เพียงบางส่วน มาอ้างเพื่อประโยชน์ ในการสนองอารมณ์ของตน ซึ่งเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายเหล่านี้โดยการอ้างหลักการ บางส่วนในการ ทำจิฮาดเพื่อพระเจ้าจากอัลกุรอาน มาใช้เป็นเหตุผลทางศาสนา จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 18:04:01

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ : แมทท์ บินลาเดน ผมรู้สึกว่าเขาเป็นไอดอลของผู้ก่อการร้ายสากลเลยละ ผมจำได้ว่าหลังเหตุการเครื่องบินชนตึก เสื้อยืดที่สกรีนรูปเขาขายดีมาก วัยรุ่นมุสลิมในไทยนิยมหาซื้อมาใส่มากตอนนั้น เขาเปรียบเสมือนตัวแทนผู้ต่อต้านการกดขี่ของสหรัฐในโลกมุสลิมเลย จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 20:02:14

ความคิดเห็นที่ 28 คห.23 ศาสนาโซโรอัสเตอร์  เคยรุกรานดินแดนของมุสลิม ในยุคสมัยของ กิสรอ(คุชโรว์) ซึ่งปกครองเปอร์เซียในขนาดนั้น ทั้งยังสังหารทูต และนักเผยแพร่ศาสนา และได้สังหารมุสลิมในเมืองอะไรสักอย่างจำไม่ได้ ซึ่งอยู่ในอิรักในปัจจุบัน ทั้งยังทำสงครามกับมุสลิม...อีกหลายครั้ง ศาสนาฮินดู  หลังจากประชาชนทั่วเปอร์เซียรับอิสลาม ทำให้มุสลิมกับอินเดียใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งพรมแดนและการค้าขาย กันอย่างปกติสุข จนกระทั่งมหาราชา ดาฮิร ขึ้นเป็นกษัตริย์ ได้ทำการยึดเมืองเมหฺราน(อยู่ในปากีสถานปัจจุับัน) ทั่งยังสนับสนุนให้เหล่าโจรสลัดปล้นเรื่อพ่อค้าอาหรับกันจนพอใจ ลามไปกระทั่งบุกโจมตีดินแดนของมุสลิมในส่วนต่างๆ จนกระทั่ง มุฮัมมัด บิน กอซิม ไปปราบปรามโจรสลัด และนำดินแดนเมหฺรานคืน และปลดมหาราชา ดาฮิร ลงจากตำแหน่ง ทำให้มีมุสลิมเข้าไปอย่างมากมาย โดยเฉพาะในปัญจาบ ศาสนาบาไฮ ศาสนิกของศาสนาบาไฮ เคยไปป่วนเปอร์เซียเล็กน้อย เพราะมีจำนวนน้อยนิด และโดนเนรเทศออกมา แล้วตุรกีก็โอบอุ้มไว้ แต่อยู่ไปไม่นานก็ออกลาย เลยถูกส่งไปอยู่ดินแดนปาเลสไตนปัจจุบัน ศาสนายูดายและศาสนาคริสต์ ก็รู้ๆกันอยู่คงไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่การที่จะมองไปที่ศาสนิกแล้วก็มาบอกว่าศาสนานั้น ดี หรือ ไม่ดี นั้นก็ไม่ถูกนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นคดี หน้าหนึ่ง ทุกวันที่บ้านเราก็คงทำให้ศาสนาพุทธไม่ดีไปด้วย ซึ่งมันไม่จริงถ้าหากจะโทษศาสนาว่าศาสนาสอนมาไม่ดี หรือ สอนให้คนทำชั่ว สาเหตุที่เป็นแบบนั้น เพราะคนฝ่าฝืนคำสอนต่างหากหล่ะ เหมือนคนเมาไปขับรถชนคนตาย แล้วโทษแก๊สโซฮอลอ่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 20:58:45 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 20:27:43

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าไม่มีคนรุกรานก็คงไม่มีสงคราม จะให้บิดคำสอนไปยังไงหล่ะคะ ในเมื่ออัลกุรอานก็เขียนไว้อยู่ดีว่า  "...อัลลอฮฺ ไม่ทรงรักผู้รุกราน" จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 20:33:06

ความคิดเห็นที่ 30 อาจกล่าวได้ว่า  หนึ่งในจุดมุ่งหมายของอิสลาม คือสันติภาพ   ฉะนั้นกล่าวได้ว่า สงครามที่อิสลามอนุมัติ ก็เพื่อสันติภาพ   หมายความว่า สถานะการณ์ก่อนที่จะเกิดสงครามนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย การกดขี่ข่มเหง  การละเมิด  การรุกราน  การประทะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ(คล้ายๆ ชายแดนไทยเขมรตอนนี้)  ซึ่งถ้าวิธีการสันติวิธีทุกอย่างถึงทางตันแล้ว หรือประมาณว่า เขมรเอารถถังรุกเข้ามาในประเทศแล้ว   สงครามคือทางออกสุดท้าย เพื่อยุติหรือขจัดความวุ่นวายนี้ สงครามต้องยุติทันทีถ้าคู่กรณีขอยุติ  หรือว่าความวุ่นวาย หรือความไม่สงบ กลับมาสู่สถานะที่ควบคุมได้แล้ว ฟังดูอาจจะรู้สึกแปลกว่า สองสิ่งที่ต่างกัน มาอยู่รวมกันได้อย่างไร     สันติภาพ กับ สงคราม ถ้าจำไม่ผิด อดีตท่านจุฬาฯท่านหนึ่ง กล่าวว่า   คล้ายๆกับเพลงชาติไทยที่ว่า "ไทยนี้รักสงบ  แต่ถึงรบไม่ขลาด" หวังว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจมากขึ้น  และคงไม่มีใครต้องการสร้างความร้าวฉานแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 23:31:14 จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 23:29:40

ความคิดเห็นที่ 31 "หมายความว่า สถานะการณ์ก่อนที่จะเกิดสงครามนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย การกดขี่ข่มเหง  การละเมิด  การรุกราน  การประทะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ(คล้ายๆ ชายแดนไทยเขมรตอนนี้)  ซึ่งถ้าวิธีการสันติวิธีทุกอย่างถึงทางตันแล้ว หรือประมาณว่า เขมรเอารถถังรุกเข้ามาในประเทศแล้ว   สงครามคือทางออกสุดท้าย เพื่อยุติหรือขจัดความวุ่นวายนี้" ถ้าหากในกรณีนี้เกิดขึ้นจริงๆ ในอนาคต ตามที่ คห.30 อยากทราบความคิดเห็นของศาสนาที่ปฏิเสธหลักการทำสงคราม(ญิฮาด) ถึงวิธีการจัดการกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร ขอแชร์เพื่อความรู้ประเด็นนี้หน่อยค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 00:00:12

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ Lamelez    "คุณ : แมทท์ บินลาเดน ผมรู้สึกว่าเขาเป็นไอดอลของผู้ก่อการร้ายสากลเลยละ     ผม จำได้ว่าหลังเหตุการเครื่องบินชนตึก เสื้อยืดที่สกรีนรูปเขาขายดีมาก วัยรุ่น       มุสลิมในไทยนิยมหาซื้อมาใส่มากตอนนั้น เขาเปรียบเสมือนตัวแทนผู้ต่อต้าน     การกดขี่ของสหรัฐในโลกมุสลิมเลย" ........    ความรู้สึก คนหนุ่มสาวในเรื่องการมองสิ่งที่เห็นว่า ไม่มีความยุติธรรมเกิดขึ้นแล้ว จะ    ต่อต้านหรือสนับสนุนไปตามกระแส ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา  ตัวอย่างเช่น ในสมัยเมื่อ   เขมรยึด เขาพระวิหาร ครั้งแรก ผมยังเรียนอยู่ ในมหาวิทยาลัยในขณะนัน ท่านรัฐ   มณตรี สฤษ ธนรัตน์ ได้จัดให้นักศึกษามหาวิทยาลัย เดินขบวนกันอย่าง สงบ เพื่อ   ป้องกัน การมีเลือดร้อน ของนักศึกาษา ให้นักศึกษาได้มีโอกาส แสดงอารมณ์ออก   อย่าง ศิวิลัย       แต่เบื้องหลังของการกระทำของอเมริกา และยุโรป และความดี ที่เขาช่วยเหลือ   ประเทศ อรับเหล่านี้ ไม่มีการ โวยวาย โดยเฉพาะ Church คริสเตียนต่างๆ, รัฐบาล   อเมริกันและประเทศตะวันตกให้ความช่วยเหลือ ทางเทคโนโลยีต่างๆ แก่โลกตะวัน   ออก,การช่วยเหลือมุสลิมในยุโรป จากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่ไม่มีอรับเข้าช่วย   เหลือ   ถ้าจะให้ยกตัวอย่างว่า อรับมุสลิมในภาคตะวันออกกลางเคยให้ความช่วยเหลือทุกข์   ยากของประเทศ Non Muslims ประเทศใดบ้าง คุณๆลองคิดดูว่า นึกแทบไม่อกนอก   จาก การ ให้ทุนช่วยเหลือในการเผยแพร่ Political Ideology ของเขาในสังคมมุสลิม   ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย    การสงครามใน ตะวันออกกลาง เป็นประเภทชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ของสังคม   อรับใช้น้ำมันเป็น เครื่องต่อลอง เช่น สงครามระหว่างอรับ กับอรับ ในภาคตะวันออก   กลาง ขณะนี้   ซีเรียฆ่กันเอง เป็นร้อยๆทุกๆวัน ลิบเบียกำลังฆ่ากันอย่างรุนแรง    ถ้าเราอ่านคำจำกัดความของ Radical Arab Muslim ให้เข้าใจแล้ว มุสลิมเหล่านี้ยัง มี   ความคิดหลงเหลืออยู่ในทางสงครามประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยังไม่มีอิสลาม ใช้อ้างอัลกุ     รอานเพียงส่วนๆ ที่ไม่มีคำอธิบายที่แจ้งชัด,  และอ้างคำรายงาน ของปราชญ์อิสลาม   ในสมัยก่อนที่ให้เป็นศัตรูต่อ ยิวและคริสเตียน อาฆาตจองเวร กันไม่มีที่สิ้นสุด  Radical Arab Muslim พวกนี้จะพยายามทำให้การศึกษาอัลกุรอานเป็นเรื่องยาก  สำหรับ มุสลิมโดยเฉพาะสตรีมุสลิม เพื่อให้มุสลิม โง่เง่าอยู่กับคำสอนที่หลอกลวง เพื่อ  ที่จะใช้เป็น เครื่องมือในการทำการก่อการร้ายได้ง่ายขึ้น เช่นใช้ให้ เด็ก หรือ หญิง หิ้ว  ระเบิดพลีชีพ เพือ่ไปสวรรค์แต่ตัวเอง นั่งวางแผนอยู่เบื้องหลัง ไม่ยอมไปสวรรค์ทาง  ลัด   ไม่มีศาสนาใดที่สอนให้มนุษย์ไม่ใช้สติปัญญาในการป้องกันตัว และป้องกัน ครอบ  ครัว รวมไปถึง สังคมและ ประเทศบ้านเมือง   แต่การทำสงคราม อย่างเช่น   Radical   Arab Muslim กระทำโดยใช้คำว่า ญิฮาด เป็นข้ออ้างนั้น ไม่ใช่ความหมายที่อิสลาม  สอน    สงครามที่อเมริกาและประเทศตะวันตกกระทำอยู่ในขณะนี้ คือ การสงครามที่ช่วย  รักษา "อิสลสาม" ให้หลุดพ้นจาก การ ถูกทำลาย "ความศิวิลัยของอิสลาม"  เพื่อความ  สงบในโลกอิสลามที่บริสุทธิ เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูก "ไฮแจค" จาก  Radical  Arab Muslim ในนามของอิสลาม จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 01:12:59

ความคิดเห็นที่ 33 ความเห็นส่วนตัวคิดว่าอิสลามถูกโยงเข้าไปพัวพันการเมืองง่าย เลยทำให้มีผู้ไม่ประสงค์ดีนำไปอ้าง สร้างความชอบธรรมกับเรื่องที่ตนเองทำไม่ถูกได้ง่ายค่ะ ทั้งนี้คิดว่าองค์กรหลักทางศาสนาของอิสลามเอง (อย่างของคริสค์จะเป็นวาติกัน...ประมาณนี้) ควรมีแถลงการณ์ ประนามเวลามีกลุ่มก่อการร้ายนำศาสนาไปอ้างเพื่อก่อการน่ะค่ะ แต่จากที่ผ่านๆมา ยังไม่เคยได้ยิน (ต้องบอกว่าส่วนปกติไม่ค่อยดูทีวีและไม่อ่านหนังสือพิมพ์ อาจรับข่าวสารไม่ครบถ้วนนะคะ) คิดว่าเหตุนี้ทำให้คนส่วนใหญ่มักติดภาพว่า อิสลาม = ก่อการร้าย ไปโดยอัตโนมัติค่ะ เมื่อองค์กรหลักทางศาสนาเอง ไม่ออกมาบอกว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม คิดว่าคงยากที่คนส่วนใหญ่จะลบอคตินั้นได้อ่ะค่ะ การที่ชาวมุสลิมอย่าง จขกท. ให้ความรู้เรื่องคำสอนแก่คนทั่วๆไป ได้เข้าใจเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ถ้าองค์กรหลักของคนมุสลิมเอง นิ่งเฉย หรือจะประนามก็ไม่เต็มปากนั้น เราว่าลำพังคนตัวเล็กๆไม่กี่คน คงเป็นเรื่องยากที่จะลบอคติของคนส่วนใหญ่ค่ะ ปล.ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่อ้างอิงหลักการใดๆ จากคุณ : SadDog เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 02:23:31

ความคิดเห็นที่ 34 คำพูดของเพื่อนมุสลิมในที่นี้ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดพี่ที่เคยเป็นมุสลิมที่เค้าเล่าให้ฟังว่า มุสลิมไม่เคยสอนให้ใช้ความรุนแรง ผมคิดว่า ศาสนามันก็แค่สิ่งที่ปรากฎในทะเบียนบ้าน หรือบัตรประชาชนเท่านั้น ถ้ามันไม่ปรากฎในจิตใจเรา มันก็ไม่มีค่าใดๆเลย # 32 คุณแมทท์ เพิ่งรู้นะครับว่าท่านแก่มากแล้ว คิคิ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 09:30:29

ความคิดเห็นที่ 35 ตามที่คุณ คห 33 ก็มีส่วนถูกต้อง แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การเสนอข่าวภาพลักษณ์ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากเลย โดยเฉพาะจากสื่อ "ตะวันตก" ของประเทศมหาอำนาจชาติหนึ่งพยายามทำลายประเทศอื่น โดยเอาสันติภาพมาเป็นข้ออ้าง หรือต้องการความมั่งคั่งร่ำรวยเพื่อความรุ่งเรืองของตนเอง หรือ ผลประโยชน์ ทางด้านน้ำมัน หรือเหตุผลอย่างอื่นก็ตาม ดิฉันมองว่าเมื่อกล่าวถึงนิยามของการก่อการร้าย จะพบว่าปัญหาสำคัญจะอยู่ที่ว่า ใครเป็นผู้กระทำและใครเป็นผู้นิยามมากกว่า เพราะในเมื่อโลกปัจจุบันนี้ควบคุมโดยชาติที่มีอำนาจเพียงบางชาติ การกระทำของชาติมหาอำนาจที่มีอำนาจครอบคลุมอาจถือว่าเป็นความชอบธรรม ส่วนการกระทำที่นิยามโดยฝ่ายอื่นอาจเป็นสิ่งไม่ชอบธรรมก็ได้ เช่นยกตัวอย่างเรื่องนี้ ครั้งหนึ่งโจรสลัดถูกจับกุมและถูกนำ ตัวมาพิจารณาลงโทษต่อหน้าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander The Great) พระเจ้าอเล็กซานเดอร์จึงถามโจรสลัดว่า "เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ปล้นสะดมรบกวนชาวบ้าน? โจรสลัดจึงย้อนถามขึ้นทันทีว่า "แล้วเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้รุกรานปล้นสะดมผู้คนทั้งโลก? "ข้าถูกเรียกว่าโจรก็เพราะข้าใช้เรือลำเล็กๆ ออกปล้นสะดมผู้คน เจ้าออกรุกรานปล้นสะดมผู้คนโดยใช้กองทัพเรือขนาดใหญ่ แต่เจ้ากลับถูกเรียกว่าจักรพรรดิ" (อ้างไว้ใน Khurram Murad, Islam and Terrorism, Journal of Inter-Cultural Perspectives , Leicester UK : The Islamic Foudation, 1998) การก่อการร้ายนี้จะหมดไปก็ต่อเมื่อโรคร้ายได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องและได้รับการบำบัดหรือกำจัดรากเหง้าของปัญหาอย่างถูกวิธีมากกว่า แต่ในด้านมุสลิมเองต้องมีการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีไปพร้อมๆกันด้วย และโดยรวมแล้วประเทศมุสลิมอื่นๆก็ไม่เห็นด้วยในบางเรื่องที่กลุ่มมุสลิมสุดโต่งอ้างทำการก่อการร้าย หรือ ก่อสงคราม ฮิญาด โดยเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง หรือ ผลประโยชน์อย่างอื่นให้แก่ตัวเอง  โดยไม่ได้กระทำอยู่บนพื้นฐานและหลักการของศาสนาที่ได้บัญญัติเอาไว้ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 54 10:37:25 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 10:35:30

ความคิดเห็นที่ 36 คุณเกลือจืด           นี่คือรถที่ผมใช้ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 10:52:23

ความคิดเห็นที่ 37 #28 ขอขอบคุณในข้อมูลของ จขกท. นะครับ  ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ ที่ไม่เคยได้อ่านมาก่อน หนังสือที่ผมอ่าน   ไม่มีรายละเอียดตรงที่โซโรอัสเตอร์ไปรุกรานชาวมุสลิม   ไม่มีข้อมูลว่า   กษัตริย์ชาวฮินดูยึดเมืองเมหฺราน(อยู่ในปากีสถานปัจจุับัน) ทั่งยังสนับสนุนให้เหล่าโจรสลัดปล้นเรื่อพ่อค้าอาหรับกันจนพอใจ ลามไปกระทั่งบุกโจมตีดินแดนของมุสลิมในส่วนต่างๆ จนกระทั่ง มุฮัมมัด บิน กอซิม ไปปราบปรามโจรสลัด และนำดินแดนเมหฺรานคืน และปลดมหาราชา ดาฮิร ลงจากตำแหน่ง ทำให้มีมุสลิมเข้าไปอย่างมากมาย โดยเฉพาะในปัญจาบ ข้อมูลเหล่านี้หาอ่านได้ที่ไหน  บอกหน่อยนะครับ ส่วนบาไฮ  ตามข้อมูลในหนังสือ หัวหน้าถูกประหาร  รองหัวหน้าถูกจองจำตายคาคุก เขาเขียนผิดหรือไม่ครับ จากคุณ : ringside เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 22:50:18

ความคิดเห็นที่ 38 คุณอ่านหนังสือเล่มไหนล่ะค่ะ หนังสือมีเป็นร้อยเล่ม แนะนำนะคะไปอ่านหนังสือจากอิหร่านโดยตรงว่าเขานั้นเขียนประวัติศาสตร์เองยังไงชื่อหนังสือHistory of Persia  เรื่องโซโรอัสเตอร์มีในเอกสารภาษาเปอร์เซีย ชื่อ รุสตัม กับ มุสลิม เรื่องฮินดูมีเป็นหนังอินเดียเลยค่ะ คนฮินดูทำเองชื่อ Mohammad bin Qasim และในหนังสือ แผ่นดินญีฮาด แปลไทยแล้วของ MM Qurashi อดีตนาพลปากีสถานและยังมีให้อ่านอีกหลายเล่มที่เป็นวิทยานิพจน์เอก อิสลามศึกษาเอก ตะวันออกกลางศึกษาของ มอ.ปัตตานีหนังสือ Islamของ กุสตาบ เลอ บอง ส่วนเรื่องบาไฮ ตามนี้เลยค่ะ http://en.wikipedia.org/wiki/Bah%C3%A1%27u%27ll%C3%A1h ขอบคุณ สำหรับข้อมูลแลกเปลี่ยนค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 00:22:24 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 00:11:33 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 54 00:06:48 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 00:05:33

ความคิดเห็นที่ 39 การอ่านหนังสือควรอ่านอย่างมีสติค่ะ ไม่ว่าหนังสือเล่มไหน มีเพื่อนคนนึงก็ฝังใจเกี่ยวกับการกดขี่ผู้หญิงในอิสลามเช่นกัน ดิฉันจึงขอหนังสือเล่มนั้นมาลองอ่านดู ปรากฎว่าการกระทำนั้น ๆ เป็นประเพณีที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาเลยค่ะ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติต่อ ๆ กันมาแต่มาเหมารวมว่าเป็นศาสนา เป็นประเพณีที่คนอาหรับทำต่อ ๆ กันมา แต่คนอาหรับก็ใช่ว่าจะมีแต่ศาสนาอิสลาม และคนอาหรับก็ไม่ได้รู้ศาสนาหรือเคร่งครัดเรื่องศาสนามากกว่าชนชาติอื่นเลย ก็เลยต้องอธิบายกันยกใหญ่ อยากฝากเพื่อน ๆ ต่างศาสนิกค่ะ  ความตายไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรือล้อเล่น การตกนรกเข้าสวรรค์ไม่ใช่เรื่องที่ควรเสี่ยง ฉะนั้นควรศึกษาศาสนาอย่างมีสติ ค้นหาสัจธรรมอย่างจริงจังค่ะ เลือกด้วยสติและความรู้สึกที่ดังอยู่ในใจค่ะ ขอให้ทุกคนค้นพบสัจธรรมที่แท้จริง จากคุณ : zilmee1447 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 12:54:23

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ : แมทท์   คุณใช้รถรุ่นนั้นจริงหรือครับ อึ้งเลย จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 16:33:20

ความคิดเห็นที่ 41 # 40 ขออนุญาต จขกท. นอกประเด็นหน่อยนะครับ คดีเขาพระวิหาร อยู่ระหว่างปี 2501-2505 ถ้าคุณแมท?ื ไม่มุสา และผมเข้าใจว่า ปี1-4 นั้นน่าจะอายุราว 18-22 ปี แสดงว่า คุณแมทท์น่าจะเกิดราวปี 2485 ปัจจุบัน ก็อายุราว 70 ขวบ โอ...จริงๆหรือนี่ ผมติดตามอ่านกระทู้ของท่านแมทท์มาพอสมควร นึ่กว่าอายุก็น่าจะไม่เกิน 30-40 ปี จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 17:21:52

ความคิดเห็นที่ 42 เชื่อไหมล่ะน่ะ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 19:31:14

ความคิดเห็นที่ 43   ความคิดเห็นที่ 41   มากกว่านั้น 2-3 ปี ครับ^^ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 23:50:02

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นที่ 40   Lamelez   ผมอยากจะคุยให้สนุกๆ แต่เกรงใจ จขกท.  เพราะจะออกนอกเรื่อง   ไปมาก  อดใจไว่ก่อน  ..ผมใช้ "FIAT 1100"  ครับ ตอนใกล้จะเรียนจบ     คุณเกลือจืด คงเก่งคำนวน และประวัติศาสตร์ ดีมาก ทีเดียว   เกรงใจ จขกท. เขาครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 54 02:25:38 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 54 02:18:53 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 02:15:58

ความคิดเห็นที่ 45 เป็นคนแก่แต่หัวใจซู่ซ่า จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:11:09

ความคิดเห็นที่ 46 ท่านแมทท์ผู้มาจากโลกอดีต อิอิ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 15:18:28

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 31 อยากทราบคำตอบจริงๆค่ะ เพื่อเป็นความรู้ อย่าให้ถึงขั้นตั้งกระทู้ใหม่ถามเลย จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 21:29:44

ความคิดเห็นที่ 48 เพื่อนเราหลายคนเป็นมุสลิม แต่ละคนเค้าก็เป็นมิตรจิตใจโอบอ้อมอารีดีนะคะ ส่วนพวกก่อการร้ายเนี่ย เค้าไม่มีศาสนาหรอก แต่ดันมาเอาศาสนามาอ้าง ปลูกฝังความเชื่อผิดๆ เรามีเพื่อนต่างศาสนามากมาย ไม่เห็นจะมีใครมีปัญหากันเลย ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี แต่พวกคนชั่วมันต้องการสร้างความเดือดร้อน เลยเอาศาสนามาอ้าง จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 08:55:11

ความคิดเห็นที่ 49 ผู้ก่อการร้าย = กองกำลังโจรติดอาวุธ มุสลิม = ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ท่านแมทท์ FIAT 1100 คันนั้น ใช้เครื่องยนต์อะไร ใช้พลังงานอะไร( คิดว่าเป็นน้ำมันนะ คงไม่ใช่ไอน้ำแบบรถไฟโบราณ ) ทำความเร็วสูงสุดเท่าไรครับ อยากรู้ครับ ปัจจุบันมันยังอยู่มั้ย????? สงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ยุคนั้น TimeMachine สร้างสำเร็จแล้วใช่มั้ย ประเทศไทยสามารถสร้างได้สำเร็จ แต่ต้องปกปิดไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ เพราะเป็นความลับทางทหาร ท่านแมทท์จึงสามารถก้าวข้ามกาลเวลาจากโลกอดีต มาโลกปัจจุบันได้ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 09:52:12

ความคิดเห็นที่ 50 จาก ความคิดเห็นที่ 31 และตอบคำถาม ความคิดเห็นที่ 47 ตามที่ คห. 31 อธิบายว่า.. อาจกล่าวได้ว่า  หนึ่งในจุดมุ่งหมายของอิสลาม คือสันติภาพ ฉะนั้นกล่าวได้ว่า สงครามที่อิสลามอนุมัติ ก็เพื่อสันติภาพ    "หมายความว่า สถานะการณ์ก่อนที่จะเกิดสงครามนั้นเต็มไป ด้วยความวุ่นวาย การกดขี่ข่มเหง  การละเมิด  การรุกราน,การ ประทะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ(คล้ายๆ ชายแดนไทยเขมร ตอนนี้)  ซึ่งถ้าวิธีการสันติวิธีทุกอย่างถึงทางตันแล้ว หรือประ มาณว่า เขมรเอารถถังรุกเข้ามาในประเทศแล้ว   สงครามคือ ทางออกสุดท้าย เพื่อยุติหรือขจัดความวุ่นวายนี้, สงครามต้อง ยุติทันทีถ้าคู่กรณีขอยุติ  หรือว่าความวุ่นวาย หรือความไม่สงบ กลับมาสู่สถานะที่ควบคุมได้แล้ว, ฟังดูอาจจะรู้สึกแปลกว่า สองสิ่งที่ต่างกัน มาอยู่รวมกันได้อย่างไร,สันติภาพ กับ สงคราม"  จากคำอธิบายนี้ ผมว่าตรงกับ นโยบายของสหรัฐอเมริกาที่ ยืม คำสอนของ "อิสลาม" ไปใช้ในปัจจุบันนี้ แต่มุสลิมมองเห็นภาพ ตัวเอง แล้วจำไม่ได้ ว่า "สงครามทำให้เกิดสันติภาพ"     ในปัจจุบันมุสลิมจะกล่าวหาว่า สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศมหา อำนาจ, รังแกประเทศที่เล็กกว่าเพื่อปล้นสะดมหวังเอาผลประโยชน์, จะเห็นได้ว่าผู้ที่จะยุติสงครามได้ จะต้องมีแสนยานุภาพ ที่เหนือกว่า ในด้าน กำลังทหารและ เทคโนโลยี, เช่นเดียวกับกองทัพอรับมุสลิม เมื่อ พันกว่าปีที่ล่วงมาแล้ว  จะเห็นว่ากองทัพ อรับมุสลิม ที่บุกเข้า ไปโจมตี ยุโรป, อาฟริกา, และ เอเชีย  ซึ่งไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว แต่เพื่อ เป็นการ นำสันติภาพไปสู่ โลกในแถบนั้น??? ซึ่งไม่ตรงกับ คำสอนในอัลกุรอาน ที่ จะทำสงครามได้ ก็เพื่อป้องกัน การรุกรานจาก ศัตรูเท่านั้น,สงครามที่อิสลามอนุมัติ ก็เพื่อสันติภาพ ภายในสังคมมุสลิม และ ในประเทศของตนเท่านั้น "สงครามทำให้เกิดสันติภาพ"  ตัวอย่างเช่น ในสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่น รุกรานประเทศเล็กๆ ในเอเชีย และได้ใจ ไปโจมตี ดินแดนของอเมริกา (หมู่เกาะฮาวาย),  อเมริกายุติสงคราม ด้วย AtomicBomb. ซึ่งสามารถ ที่จะนำสันติ  ภาพ มาสู่เอเซีย ในทุกๆวันนี้  ตัวอย่างอีก อย่างหนึ่ง คือ เวียตนามเหนือ ทำสงครามกับเวียตนาม ใต้ อเมริการู้ภายหลังว่า สนับสนุน คนโกงกินจึง ถอนทหารกลับเืพื่อ ให้ จัดการกันเอง ด้วยการสนับสนุนของจีน เวียตนามเหนือ และใต้ จึงรวมกันได้ ในภาคตะวันออกกลาง ในปัจจุบัน NATO พยายามที่จะ ช่วยล้มล้าง รัฐบาลเผด็จการ ลิเบีย คดาฟี เพื่อนำสันติภาพมาสู่ ประชาชน, ใน ซีเรีย,ในเยเมน และในประเทศ มุสลิม  ได้มีการปรับปรุง การปกครอง ให้มีความยุติธรรมมากขึ้น เนื่องจาก เกรงว่า ประชาชน จะลุกฮือขึ้น  สงครามในปากีสตานและอาฟกานิสตาน เกิดจาก "บินลาเดน" เป็น ต้นเหตุที่ ไปทำลายสันติภาพของอเมริกา โดยไม่ ประมาณกำลังของ ตนเอง ในที่สุด ก็นำความเดือดร้อน มาสู่ โลกในแถบ อาฟกานิสตาน และ ประเทศปากีสคาน,  อเมริการู้ทันปากีสตาน ที่หลอกเอา เงินของเขามาช่วย ทำเป็นแกล้ง  จับนาย "บินลาเดน",  อเมริกาจึงต้องลงมือเอง เนื่องจากมี เทคโนโลยี  ที่เหนือกว่า  และหวังว่า คงสิ้นสุดสงครามในการล่า ผู้ก่อการร้าย ที่  "ไฮแจคอิสลาม" มาหลายสิบปีแล้ว  จะเห็นได้ว่า อเมริการักสงบตาม หลักการของอิสลาม และทำการ ฃ่วย เหลือประเทศเล็กๆ ที่ถูก รัฐบาลของตนเอง กดขี่ข่มเหง ไม่ให้ความยุติ ธรรม ตามคำสอนของ "อิสลาม"  อเมริกาช่วยเหลือประเทศเล็กๆ ไม่ใช่แต่การใช้ อาวุทธแต่เพียง อย่าง  เดียว แต่ช่วยเหลือในทาง การศึกษา, และเศรษฐกิจ โดยผ่านทาง รัฐ  บาล ซึ่งประชาชนส่วนมากไม่เข้าใจ  ทั้งนี้เพราะว่าเงินถูกคดโกงโดย  รัฐบาลของตนเอง  ซาอุดิอารเบีย ต้องการฐานทัพของอเมริกาในประเทศ ก็เพื่อรักษาผล  ประโยชน? ของ ประเทศ โดยเฉพาะ กรุงเมกกะซึ่งเป็น เมืองที่สำคัญ  ของมุสลิมทั่วโลก  และเป็นเมืองที่ทำรายได้เป็นอย่างดีให้กับ ประเทศ  ซาอุดิอารเบีย  ถ้าซาอุดิอารเบียไม่มีกำลังทหารสนับสนุน และ เทคโน โลยีจาก สหรัฐ  อเมริกาแล้ว  ประเทศอรับ เพื่อนบ้าน จะ แย่งชิง นครเมกกะ ซึ่งเป็นขุม  ทรัพย์ แห่งภาคตะวันออกกลางไปครอบครอง .............................. คุณ Lamelez ; FIAT 1100 คันนั้น มันคล้ายๆกับคันนี้เปี๊ยบเลย แต่พวงมาลัยอยู่ทางขวามือ... ส่วน Time Machine ผมกำลัง ทำรูปอำพลางอยู่เกรง ว่า ลูกน้อง "บินลาเดน" จะจำหน้าผมได้ ถ้าผมลด %Pixels ให้รูป มันมัวนิดหน่อย คงจะ ให้คุณดูได้ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 03:16:06

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนแรกเรายอมรับนะว่าเคยเป็นคนนึงที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อมุสลิม คงเพราะรับสื่อที่บิดเบือนมากไป รวมทั้งอคติและความใจแคบของตัวเอง จนเราได้มาเรียนต่อทางประเทศ ไ้ด้เช่าบ้านอยู่กับเพื่อนชาวมุสลิมจากซาอุฯและมาเลย์ บังเอิญมันเป็นบ้านแบบที่เช่าแยกห้องใครห้องมัน เลือกไม่ได้ว่าจะเจอหญิงเจอชาย ถ้าไปดูแล้วไม่ชอบก็ไม่ต้องเอา ซึ่งตอนนั้นเราอยากได้บ้านมากก็เลยต้องเอา ช่วงแรกยังตะขิดตะขวงใจอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน ว่าจะอยู่ร่วมกันได้มั้ย (จองบ้านไว้ล่วงหน้า แต่ย้ายเข้าจริงอีกสองวีคให้หลัง) เชื่อมั้ย พอเราเข้าไปอยู่แค่วันที่สอง เรากลับสนิทกับพวกเค้าอย่างมากมาย เพืื่่อนๆเราแต่ละคนน่ารักมาก มีน้ำใจ ตลกเฮฮา เป็นเพื่อนคอยรับฟังปัญหา คอยปลอบเวลาเราท้อทำให้เราเปิดใจยอมรับ ทำให้เราหันมาศึกษาอิสลามให้มากขึ้น เค้าเปลี่ยนเราจากที่แต่ก่อนหงุดหงิดกับพวกที่ต้องกินฮาลาล รู้สึกว่ามันยุ่งยากชีวิต เป็นภาระกับหมู่คนที่อยู่ด้วย กลายเป็นเรายอมเดินไกลขึ้นเพื่อไปซื้อเนื้อจากร้านฮาลาลมาทำอาหารกินด้วยกัน รวมทั้งต่อว่าเพื่อนคนไทยบางคนที่บอกให้เราซื้อส่งๆเอาสะดวกไป พวกนั้นไม่รู้หรอก นอกจากนี้ก็ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของพวกเค้าด้วย ได้ลองกินอาหารแบบท้องถิ่น ได้ทำอะไรร่วมกันเยอะมาก เป็นช่วงเวลาที่ดีของชีวิต ถึงแม้จะแยกบ้านกันไปแล้ว ทุกวันนี้เราก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอดเลย เป็นเพื่อนกลุ่มที่เราสนิทที่สุดแล้วที่นี่ มีมาเลย์ราว 4-5 คน อาหรับอีก 6-7 คนได้ ทุกๆเดือนจะต้องมีปาร์ตี้ร่วมกัน ผลัดกันไปกินตามบ้าน หรือกินตามร้านอาหาร เจอกันที่ไหนก็ทักทายถามไถ่กันเสมอ ... จากเรื่องราวพวกนี้ ทำให้เรามองย้อนกลับไปว่าในบรรดามุสลิมที่เราเคยรู้จักมา ทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนที่ดีของเราแทบทั้งนั้น แต่ก่อนหน้านี้มีแต่เรานี่แหละ ที่ปล่อยอคติบังตาเรา ให้ไม่เปิดใจรับพวกเค้าแบบที่ควรจะเป็น จากคุณ : เทเลทับขี้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 04:16:33

ความคิดเห็นที่ 52 # 51 เป็นคำพยานที่ดีมากเลย สิ่งสำคัญในการอยู๋ร่วมกัน คือ มองคนให้เป็นคน บางทีเราก็ตัดสินคนจากเปลือกนอก จนเราได้ใกล้ชิดสนิทกับเขามากขึ้นๆ และพยายามมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ เราก็จะพบจิตใจที่แท้จริงของเขาผู้นั้น จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 07:13:41

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณ คุณ แมทท์ค่ะ ได้รับความรู้และรับทราบข้อมูลอีกด้านหนึ่งของภาพพจน์อันสวยหรูครบสูตรในด้านต่างๆของประเทศมหาอำนาจ อย่าง "สหรัฐอเมริกา" ลองมาดูข้อมูลของอีกฝั่งกันบ้างค่ะ  เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลทั้งสองฝั่งไปพร้อมๆกัน http://www.muslimworldthailand.com/readarticle.php?article_id=7 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 11:44:19 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 08:30:19

ความคิดเห็นที่ 54 ... จากคุณ : Chukiet_pr เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:18:53

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ : Chukiet_pr   ผู้ก่อการร้าย = กองกำลังโจรติดอาวุธ ( ไม่จำเพาะเจาะจง ว่าเป็นศาสนิกใด ) มุสลิม = ผู้นับถือศาสนาอิสลาม แม้ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ที่เรารู้จักกัน จะเป็นมุสลิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าเป็นตัวแทนของมุสลิมทั้งโลกครับ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 19:01:08

ความคิดเห็นที่ 56 matt คือ ผู้ก่อการร้ายระดับตำนาน ที่ชื่อ Altair abdulla bin ahud ซึ่งเขาเป็นสมาชิกของกลุ่ม Masyaf ที่แฝงตัวอยู่ใน เยรูซาเล็ม มีชีวิตอยู่ในช่วง 900 ปีหลังคริสตกาล   ได้เดินทางข้ามเวลาโดยใช้รถ FIAT 1100 สีขาว พวงมาลัยซ้าย ไม่ทราบป้ายทะเบียน มายังโลกปัจจุบัน ที่สหรัฐอเมริกา ได้ก่อคดีสะเทือนขวัญชาวอเมริกันมากมาย อันได้แก่ ข้ามถนนไม่ขึ้นสะพานลอย  สูบบุหรี่บนรถเมย์   ปิดหน้าต่างบ้านหนีบจิ้งจกตายโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า   ผู้ใดพบเห็นโปรดแจ้ง  ห้องศาสนา เว็บพันทิป จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 19:56:04

ความคิดเห็นที่ 57 จะแปลกไหมหากประวัติศาสตร์และข่าวที่ผมเห็น...ผู้ก่อการร้ายที่ผมรู้จักหน้าคร่าตา กลับเป็นชาวคริสต์ ยิว และพุทธมากกว่าครับ ต่างกันที่มุมมอง การเชื่อมโยงเหตุผล และการลำดับเหตุการณ์ อาทิ บรรดาผู้ก่อสงครามในโลกครั้งใหญ่ๆทั้งสองครั้งทั้งหลายแหล่ ผู้ฆ่ามนุษย์นับล้านๆคนทั้งทหารและส่วนมากเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้ววางกองกำลัง หรือตัวแทนไว้กดขี่ สูบเลือดสูบเนื้อกระทั่งปัจจุบัน ผู้ทิ้งร่องรอยบาดแผลลึกไว้ในหัวใจคนเป็นร้อยๆล้านคนทั่วโลก ผู้ล่าอาณานิคมอย่างบ้าคลั่ง กวาดต้อนมนุษย์ที่ตนเองเหยียดสีผิว และชาติพันธุ์มาเป็นทาส และยึดครองทรัพยากรมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย แม้กระทั่งยึดครองประเทศเอาอย่างดื้อๆ ผู้ผลิตและส่งออกอาวุธทำลายล้างสูงให้แก่ที่ต่างๆที่ตนเองแทรกแซง ยุแยง สร้างสถานการณ์รุนแรง แล้วสร้างภาพ เป็นมนุษย์ผู้ทำลายชีวิต และทรัพยากรของโลกมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ชนเหล่านี้สังกัดศาสนาไหนก็คงรู้ๆกันอยู่ เปิดเผยชื่ออย่างชัดเจน มีกองทัพที่มีแสนยานุภาพ ร่ำรวย มียศฐาบรรดาศักดิ์ มีเครื่องแบบ และมีหน้ามีตา ก็อย่างว่า คำว่า"ผู้ก่อการร้าย" เพิ่งถูกป้อนเข้ามากรอกหูผ่านสื่อเมื่อไม่นานมานี้เอง ต่างกับพฤติกรรมการก่อการร้ายที่มีมาอยู่แล้วยาวนาานนน...ต่อชาวโลก สื่อที่ผู้ก่อการกำลังเป็นผู้นิยามศัพท์ และป้อนกระบวนทรรศน์ ก็เป็นผู้ก่อการแก๊งค์เดียวกับที่คนอย่างคุณ Chukiet_pr  แมทท์ หรือ ฮิมาวาริซซัง อาจเลื่อมใสไปว่าเป็น "วีรบุรุษ" เป็น "ผู้กอบกู้โลก" หรือ "ผู้สร้างอารยธรรมให้แก่โลก" ตามสื่อที่ตนเองเลือกสังกัดอยู่แล้วนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 54 10:22:21 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 54 10:05:26 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 09:55:39

ความคิดเห็นที่ 58 แต่ผมไม่เคยเชื่อมโยงไปว่าเป็นเพราะหลักคำสอนในศาสนานั้นๆ หรือแม้แต่จะอ้างว่าเป็นผลจากการบิดเบือน จะว่าไปแล้วถ้อยคำที่ดูดีมีการศึกษา ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าผู้พูดจะมีการศึกษา หรือ ความคิดที่เฉลียวฉลาดเสมอไป  ก็ต้องทำใจยอมรับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 54 10:02:59 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 54 09:57:56 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 09:56:31