Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จักรวาล ในทางพระพุทธศาสนา{แตกประเด็นจาก Y10530066} ติดต่อทีมงาน

สืบเนื่องจากกระทู้   เข้าใจว่า....อาภัสสรพรหม กินง้วนดินคือดาวหางตกลงบนโลก ผิดมั้ยครับ ??

ผมเลยขอนำการบรรยายเรื่องจักรวาล ของท่านอาจารย์บุญมี  เมธางกูร  ซึ่งน่าจะให้คำตอบสำหรับหลาย ๆ คนได้ดังนี้

http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11275

พุทธวิธีชนะทุกข์ (๖)   โดย อาจารย์บุญมี เมธางกูร

ทุกข์ในนรกสวรรค์

จักรวาล

ผู้ศึกษาพระอภิธรรมปิฎกมีความเข้าใจแล้วก็จะได้ยินเรื่องจักรวาล จักรวาลที่นักดาราศาสตร์เอาคำนี้ไปใช้ ความจริงเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงมากว่า ๒๕๐๐ ปีแล้ว


คำว่าจักรวาลนั้นหมายถึงดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง แล้วมีดวงดาวต่างๆ แวดล้อมเป็นอันมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงไว้ว่า จักรวาลนั้นมีมากมายเป็นอนันตจักรวาล อนันตหรืออนันตังแปลว่า นับไม่ได้ ตรงกับนักวิทยาศาสตร์ฝ่ายดาราศาสตร์ที่ได้แสดงว่าเพียงแต่ทางช้างเผือกที่เรามองเห็นกันอยู่ในเวลากลางคืนเพียงเท่านั้นเราก็ไม่ทราบว่ามันมีกี่พันล้านจักรวาล


แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงว่า จักรวาลนั้นมีมากมายเป็นอนันตังคือ นับจำนวนไม่ได้จริงๆ หรือจะพูดว่ามีดวงอาทิตย์นับจำนวนไม่ได้


ในวันนี้ผมขอแสดงจักรวาลของเรานี้เพียงจักรวาลเดียวและโดยย่อด้วย แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่เราเห็นอยู่ทุกวันๆ นี้ เดินทางมาถึงโลกเราด้วยความเร็ว ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ต่อหนึ่งวินาที ต้องใช้เวลาถึง ๘ นาทีแสงจึงมาถึงโลกเราได้ เพราะโลกของเราห่างจากดวงอาทิตย์ถึง ๙๓ ล้านไมล์


แต่ดวงอาทิตย์บางดวงนอกจักรวาลที่ห่างจากโลกเราไปนั้นต้องใช้เวลาเป็นปีแสง และหลายปีแสงกว่าแสงจะเดินทางถึงโลกนี้ ท่านทั้งหลายก็ลองพิจารณาดูว่าภายในอวกาศนั้นมันกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด


ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเป็นอนันตจักรวาลซึ่งหมายถึงจักรวาลมีมากจนนับจำนวนไปม่ได้แล้ว จะมีมนุษย์แต่ในโลกเรานี้เท่านั้นหรือ? แน่นอน! ถ้าใครเข้าใจว่าจักรวาลคือดวงอาทิตย์มีดาวพระเคราะห์แวดล้อมอยู่จนนับจำนวนไม่ได้นั้นเป็นจักรวาลหนึ่ง และถ้าเป็นอนันตจักรวาลแล้วจะมีมนุษย์เฉพาะโลกเรานี้เท่านั้น ผู้ที่คิดเช่นนั้นก็มีความคิดคับแคบเกินไป


ความจริงเฉพาะในจักรวาลนี้และดวงอาทิตย์ดวงนี้ก็มีโลกมนุษย์ถึง ๔ รวมทั้งโลกของเราด้วย แต่ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวตามที่พูดๆ กันนะ เพราะมนุษย์ภายนอกจักรวาลนี้ก็คงจะเดินทางมาถึงโลกเราไม่ไหว และมนุษย์ภายในจักรวาลนี้อีก ๓ โลกนั้นก็หาได้มีปีญญาในทางโลกทางวิทยาศาสตร์ไม่
อะไรที่อยู่ในรัศมีของดวงอาทิตย์ดวงนี้?


ท่านทั้งหลายเมื่อผมได้แยกเรื่องปรมาณูให้ท่านได้ฟังแล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีรูปสองอย่างคือ รูปหยาบที่สะท้อนแสงทำให้เห็นได้ และรูปละเอียดมากไม่สะท้อนแสงทำให้เห็นไม่ได้


ยกตัวอย่างรูปละเอียด เช่น ลมที่พัดไปพัดมานี้เราเห็นได้หรือ ลมมีตัวตนไหม ลมพัดมาโดนเราก็ได้ ลมพัดเอาบ้านพังก็ได้ แต่ถึงกระนั้นเราก็มองไม่เห็นลมเลยแม้แต่น้อย ทำไมเล่า? ก็เพราะมันละเอียดมากนั่นเอง


คลื่นของแสงจากดวงอาทิตย์ทำให้โลกมีความสว่าง ทำให้เรามองเห็นอะไรๆ ได้ แต่เรามองเห็นคลื่นของแสงไม่ได้ แม้มันจะมีแต่มันก็ละเอียดจนเกินไป


แม้คลื่นของเสียงที่มากระทบหูทำให้ได้ยิน เราก็ได้ยินกันอยู่ทุกๆ วัน แต่เราก็เห็นมันไม่ได้ หรือเชื้อโรคบางชนิดเราก็ต้องขยายด้วยกล้องตั้งมามกายจึงมองเห็นมันได้


ผีสางเทวดาที่เกิดมามีร่างกายละเอียดมาก เพราะเป็นการประชุมของรูปปรมาณูโดยอำนาจของกัมมชรูป จึงสามารถทะลุทะลวงเข้าไปในกำแพงก็ได้ เข้าไปอยู่ในคนก็ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงขอแสดงเฉพาะรูปปรมาณู

จากภาพก็จะเห็นเป็นเส้นรอบวง เรียกว่าภูเขากั้นจักรวาล ภูเขากั้นจักรวาลเป็นรูปปรมาณู แล้วก็มีภูเขาอื่นอีกหลายยอดเรียกว่าสัตตบรรพต แปลว่ามีเจ็ดยอดกั้นอยู่เป็นชั้นๆ ส่วนตรงกลางที่จุดศูนย์กลางเรียกว่า ภูเขาสิเนรุ เป็นภูเขาสูงใหญ่อยู่ท่ามกลางจักรวาล ทั้งหมดที่ว่ามานี้เป็นรูปปรมาณูทั้งสิ้น


โลกของเราคือโลกที่เราอาศัยอยู่นี้(เป็นรูปหยาบภายในจักรวาลนี้) อยู่ทางใต้เรียกว่า ชมพูทวีป แล้วยังมีอีก ๓ โลก คือปุพพวิเทหะอยู่ทางตะวันออก อปรโคยานะอยู่ทางตะวันตก และอุตตรกุรุทวีปอยู่ทางเหนือ


ทั้ง ๔ โลกนี้เป็นรูปหยาบที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ แล้วมีดวงอาทิตย์พร้อมด้วยดาวพระเคราะห์เป็นอันมากแวดล้อมอยู่ หมุนเวียนรอบๆ อยู่ทั่วไปอีกมากมายเป็นชั้นๆ ไป


ท่านทั้งหลาย จากจุดศูนย์กลางนั้นคือภูเขาสิเนรุอันสูงใหญ่ เพราะเป็นภูเขาของจักรวาลมาจนถึงขอบจักรวาล จะมีภูเขา ต้นไม้ ลำธาร แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร เหมือนอย่างโลกของเรานี้ แต่เป็นรูปปรมาณูทั้งหมด


ลองคิดดูสิว่าจากจุดศูนย์กลางคือภูเขาสิเนรุไปจนถึงขอบจักรวาลซึ่งผ่านป่า ผ่านภูเขา ผ่านทะเลนั้นจะไกลแสนไกลสักเท่าใด ในที่บางแห่งมีแสดงไว้ว่าปลาบางตัวมีตัวยาวตั้งโยชน์ คนอ่านก็ร้องว่าเป็นไปไม่ได้เขาแต่งขึ้นมาเอง หารู้ไม่ว่าเป็นปลาเป็นรูปปรมาณู แต่มิได้อยู่ในมหาสมุทรของโลก หากแต่อยู่ในมหาสมุทรของจักรวาลที่เป็นรูปปรมาณู แล้วอยู่ในจักรวาล


ในมหาสมุทรของโลกเรานี้เองก็กว้างใหญ่มิใช่น้อย จะมีแต่ปลาซิว ปลาสร้อยได้อย่างไร จึงมีปลาใหญ่ คือปลาวาฬตัวยาวตั้ง ๑๕๐ ฟิตอาศัยอยู่จึงเหมาะสมกับความใหญ่โตของมหาสมุทร แล้วในมหาสมุทรของจักรวาลซึ่งเป็นรูปปรมาณูอันกว้างใหญ่ไพศาลนับคำนวณไม่ได้ จะให้มีปลารูปปรมาณูตัวยาว ๑๕๐ ฟิตเท่ากับปลาวาฬของโลกเราจะได้

เวลาที่เราทำงานรักษาคนป่วยอยู่ก็เหมือนกัน มีผีสางเทวดามาเข้าคน แต่มีบางคนพญาครุฑมาเข้าก็ได้เวลาพูดทำปากแหลมๆ ทำปากจู๋ เสียงเจ๋วๆ เขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่คนเป็นนกเป็นพญาครุฑ เพราะฉะนั้นการสะกดจิต การทำสมาธิ การเข้าทรงก็ย่อมรู้เห็นหมด ตรงกันกับที่มีแสดงอยู่ในพระไตรปิฎก


เรื่องเปรต อสุรกาย สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉานที่มีกายละเอียดมากมาย แม้พญานาค พญาครุฑ ตลอดจนยักษ์ที่ใครๆหาว่า เป็นเรื่องโคมลอย เป็นเรื่องเพ้อฝันของคนโบราณเป็นเรื่องแต่งขึ้น เป็นเรื่องของศาสนาพราหมณ์ก็แล้วแต่จะคิด ก็พูดไปเพราะเขามิได้ศึกษาพระอภิธรรม และมิได้มีประสบการณ์มาเลยแม้แต่น้อย จึงได้ตัดสินใจเอาง่าย ซึ่งทำให้พุทธศาสนาเสียหาย


เรื่องไม่น่าเชื่อมีอีกมากมาย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงเอาไว้ เพราะผู้ศึกษาเข้าไปยังไม่ถึง ไม่ยอมศึกษาพระอภิธรรมหรือศึกษาเข้าไปไม่ไหวก็กล่าวหาว่าไม่ใช่เป็นพุทธพจน์เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาในภายหลัง หรือบางท่านก็ศึกษาเข้าไปไม่ไหวเพราะเห็นว่ามีตัวเลขมากมายแล้วก็ท้อใจ


แล้วนอกจากนี้ประสบการณ์ก็น้อยจนเกินไป จึงได้ตัดสินเอาง่ายๆ แต่กล้าหาญชาญชัยวิพากษ์วิจารณ์ตำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ รวมกับว่าตนเองนั้นเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒


ผู้มิได้อวดดื้อถือดี ยอมศึกษาพระอภิธรรมเสียบ้างพอให้เข้าใจ เขาก็จะไม่กล้าปฏิเสธเรื่องเหลือเชื่อที่แสดงอยู่ในพระไตรปิฎก เพราะจะได้เหตุผลข้อเท็จจริง จะได้บทพิสูจน์พร้อมบริบูรณ์ แล้วก็จะเห็นว่าพระอภิธรรมนั้นเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของชีวิตจิตใจ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะแสดงได้


ถ้าต่างคนต่างคิดต่างก็ตีความเอาเองแล้ว ไม่ช้าไม่นานพระพุทธศาสนาก็จะต้องสลายตัวไป ตามความคิดเห็นของแต่ละคน แล้วผ้าเหลืองน้อยก็จะห้อยหูโดยเร็ว

ผมยกตัวอย่างเรื่องพระเทวทัตที่ต้องธรณีสูบลงไปสู่นรก ใครๆ พากันพูดว่า เขาขุดลงไปใต้ตินลึกสักเท่าใดๆ ก็ไม่เห็นเจาะเจอนรกสักที แม้สวรรค์ก็ตาม จรวดและดาวเทียมก็ขึ้นไปท่องอยู่ในอวกาศก็ยังไม่มีผู้ใดพบสวรรค์เลยสักครั้ง สวรรค์ก็อยู่แค่ในอก นรกก็อยู่แค่ในใจเท่านั้นเอง มัวหลงละเมอเพ้อฝันกันไปได้


ความจริงนรกสวรรค์มิได้อยู่บนดินหรืออยู่บนฟ้าดังที่บางคนเข้าใจแล้วเผยแพร่กันออกไป นรกและสวรรค์อยู่ท่ามกลางของจักรวาลที่ภูเขาสิเนรุ และเป็นรูปปรมาณูทั้งสิ้น ส่วนเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานที่มีรูปกายเป็นปรมาณูแล้วอาศัยอยู่ในโลกของเรานี้มีเป็นส่วนน้อยเท่านั้น เพราะมิได้เป็นแม่ประเทศ


ด้วยเหตุดังนี้เอง ธรณีจะสูบพระเทวทัตลงไปใต้ดินก็คงจะลงนรกไม่ได้ เพราะอยู่ภายในโลกนี้ และร่างกายหยาบๆ ของมนุษย์แม้จะอยู่ในนรกก็รับโทษทัณฑ์อะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะไฟกรดในนรกก็มิใช่ไฟที่เราใช้หุงข้าว หาไม่แล้วเปรตบางชนิดที่ไฟท่วมตัวแลวอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ ขึ้นบ้านโน้น ขึ้นบ้านนี้ ก็คงเผาบ้านใครๆ วอดวายไปหมดแล้ว แต่ไม่เห็นไฟไหม้บ้านใครสักที)


ผู้ที่เขาได้ฌานชั้นสูงแล้วมีอภิญญา(ความรู้พิเศษเหนือมนุษย์ธรรมดา) เข้าฌานดูจึงได้ทราบว่า พระเทวทัตไปลงนรกแล้วพระเทวทัตเมื่อตายแล้วก็มีร่างกายเป็นรูปปรมาณูจึงตกนรกได้ ซึ่งอยู่ภายใต้ภูเขาสิเนรุ


การเวียนว่ายตายเกิดเป็นผีสางเทวดา นรกและสวรรค์นั้น นับว่าเป็นเรื่องเล็กของผู้ศึกษาพระอภิธรรมที่มีความเข้าใจดี เพราะมีข้อเท็จจริงและมีบทพิสูจน์ให้อยู่ตลอดเวลาของการศึกษา เพียงแต่จิตหรือวิญญาณจะเกิดขึ้นมาได้จะต้องอาศัยเหตุ อาศัยปัจจัย คือตัวการที่ทำให้จิตเกิดถึง ๗๓ มีทั้งเหตุปัจจัยในอดีตคือในชาติก่อนมาร่วมด้วย หาไม่แล้วจิตหรือวิญญาณจะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลยเด็ดขาด ผู้ศึกษาจนเข้าใจก็จะไม่มีความสงสัยในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเลยแม้แต่น้อย


การปฏิบัติวิปัสสนาแม้เพียงได้ญาณที่ ๒ ที่เรียกว่า ปัจจยปริคหญาณ เท่านั้น ความสงสัยต่างๆ ก็หายไปจากจิตใจ เพราะอวิชชาเข้ามากั้นไม่ได้ ญาณปัญญาเกิดขึ้นปรากฏอยู่ต่อหน้า ผู้ปฏิบัติจะทราบว่ารูป-นาม เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีอดีตคือมีตัณหา อุปาทาน กรรมจากในอดีตชาติประการใดบ้างแล้ว ความสงสัยเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดก็สลายตัวไปจากจิตใจ

 
 

จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1
เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 06:27:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com