ผมนั่งฟังจนจบ ก็ประมาณตี 2
ก็ได้อะไรเยอะพอสมควร ก็พอจะแสดงความเห็นได้ต่อไปอีกสักเล็กน้อย เพราะง่วงแล้ว
1. อ.อับดุลเลาะฮฺ หรืออดีตพระชลิต เท่าที่ผมฟัง ๆ ดู ท่านก็เป็นคนที่ระมัดระวังอยู่นะ หลีกเลี่ยงที่จะให้ร้ายศาสนาเดิมของตน (พุทธ) แต่ก็พยายาม แสวงหาเอาเฉพาะในสิ่งที่ต้องการ คือหลักฐานบางอย่าง ซึ่งเป็นสิทธิ์ ที่เขาทำได้ (เพราะหากเชื่อตามแนวความเชื่อของเราชาวพุทธ กรรมเป็นของใครของมันอยู่แล้ว )
2. ชาวพุทธที่อาจจะโกรธเคืองเขา ก็เพราะรู้สึกผิดหวัง ก็ต้องมี แต่สำหรับผม ผมประเมินแล้ว ผมว่า ผมโกรธเขาไม่ลง และเขาก็ได้ไป ที่ชอบ ที่ชอบ ของเขาแล้ว (เขาชอบที่จะเป็นมุสลิม เขาก็ไปเป็นมุสลิม)
3. ผู้บรรยายทั้ง 2 ท่าน ยังไม่ถึงกับให้ร้ายศาสนาพุทธ (แต่ชาวพุทธในห้องศาสนานี้ คงจะเป็นเดือดเป็นแค้นแน่นอน เพราะหาว่า บิดเบือนและ ปรามาสล้วน ๆ ฮิตกันจังไอ้คำว่า ปรามาสเนี่ย แม้แต่ผมเอง เวลา วิเคราะห์ วิจารณ์ บางอย่างในศาสนาตนเองที่เชื่อกันมาผิด ๆ ก็โดนเพื่อนชาวพุทธ หาว่า ปรามาส ๆๆๆ ตาหลอด)
4. มองในแง่ดี คำสรุปของเขา ในตอนสุดท้าย จากคำถามที่ว่า ต่อให้รู้แล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จะไม่ขอรับเป็นมุสลิมได้ไหม อาจารย์ ท่านก็ตอบ อย่างมีเหตุผลทีเดียว สรุปก็คือ ไม่ได้บังคับใด ๆ (เอาทองให้ 50 บาท แม้จะไม่รับ ก็ไม่เป็นไร ประมาณนั้น)
5. อาจารย์ ยกบาลีมา ส่วนมาก ไม่ถูกต้อง เช่น ช่วงที่ยกพระคาถา "เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ . จิตตํ ราชรถูปมํ ฯลฯ" อาจารย์ กลับแปลไปอีกเรื่องหนึ่งเลย ไม่เกี่ยวกับคำพระคาถาที่ยกมาเลย คือแปลผิดหมดเลย ข้อนี้ ทำให้ผม สงสัยในความเป็นเปรียญ 9 ของท่านเป็นอย่างยิ่ง (หากมองในแง่ดี ท่านอาจจะลืม ๆ เลือน ๆ ไป แต่ท่านก็ยังคงทำงานในแวดวงวิชาการนี่นา ไม่น่าจะลืมได้ง่าย ๆ ปานนั้น )
6. อีกอย่าง อาจารย์ วิเคราะห์คำว่า "บาลี" ได้ผิดอย่างถนัดใจ ชนิดที่ หากเป็นเปรียญ 9 จริง ๆ ไม่อาจผิดตรงนี้ได้เลย เพราะท่านแปลคำว่า บาลี เป็นคำเดียว กับ บาหลี หรือเกาะบาหลี ภาษาบาหลี ซึ่ง หากเป็นมหาเปรียญ 9 ก็ควรจะแปลคำว่าบาลีให้ถูกกว่านี้ เช่น ควรแปลว่า
"บาลี คือภาษาที่รักษาไว้ซึ่งพระพุทธวจนะ"
หรือหากจะให้สมภูมิ เปรียญ 9 ก็ควรแปล อย่างน้อยที่สุด ให้ได้ประมาณว่า
มาจาก ปาล ธาตุ ลง ณี ปัจจัย แล้วประกอบหรือวิเคราะห์ ให้ดูกันเลยว่า
"พุทฺธวจนํ ปาเลตีติ ปาลี " เป็นต้น
แต่เอาเถอะ ๆ หากดูที่บุคลิกภาพแล้ว อาจจารย์แกก็มีบุคลิกที่น่ารักอยู่ในทีนะ และ อาจารย์อีกท่าน ที่บรรยายอยู่ด้วย ก็บรรยาย อย่างค่อนข้างระมัดระวังที่สุดแล้ว หากเทียบกับที่ผมเห็น มุสลิม ในเวทีอื่น ๆ บรรยายมา และผมก็ยังรู้สึกชื่นชมว่า อาจารย์ทั้งสองก็ทำหน้าที่ของท่าน อย่างทุ่มเทเพื่อศาสนาของท่านนะ จากการที่ได้ฟังจนจบ
ดังนั้น ก็สรุปว่า อาจารย์ อดีตพระชลิต ท่านก็ได้ไปที่ชอบ ที่ชอบ ของท่านแล้ว และท่านคงไม่กลับมารุกรานอะไรพวกเรา อาจจะมีก็แต่ทำให้ชาวพุทธบางคนรู้สึกรำคาญใจบ้าง แต่ผมว่าเป็นหน้าที่ของเราไม่ใช่หรือ ที่จะต้องรักษา พระศาสนากันต่อไป หากเขาพูดอะไรผิด ไม่ถูกต้อง เราก็ให้ความกระจ่างเขาไป
เอาเป็นว่า....ยังไง ๆ เราก็เป็นคนละศาสนากันอยู่ดี แต่ในเมื่อมีอีกฝ่ายหนึ่งพยายามกลมกลืน หากความกลมกลืนนั้น ไม่ทำให้เกิด ความขัดแย้ง ผมก็ว่า ไม่น่าจะมีปัญหา ดีเสียกว่าที่จะ อยู่ด้วยกันไม่ได้เอาเสียเลย มั้ง
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 02:48:09
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 02:44:58