ความคิดเห็นที่ 1 ลองดูตามนี้นะครับ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/01/Y8733164/Y8733164.html และ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10480724/Y10480724.html จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 12:37:26

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10480724/Y10480724.html จากคุณ : ปริญญาบ้าเกมส์ เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 12:38:02

ความคิดเห็นที่ 3 ในพระไตรปิฎกฉบับแปลไทย.สยามรัฐ..มหาจุฬา..ไม่มีครับ.. จะมีใน.. พระปฐมสมโพธิกถา 29 ปริจเฉท..ครับ อยู่ใน.."ปริเฉทที่ 20 เมตตไตยพยากรณ์ปริวรรต พระเมตไตยโพธิสัตว์ซึ่งถือกำเนิดเป็นโอรส ของพระเจ้าอชาตศัตูมีนามว่าอชิตกุมาร ต่อมาได้อุปสมบทและได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป"..ครับ ข้อความมีดังนี้ครับ..... "ในสมัยพระพุทธศาสนาของพวกเรานี้  พระโพธิสัตว์เมตไตรยเกิดเป็นพระโอรสของพระนางกาญจนาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้าอชาตศัตรู  ทรงติดตามพระราชบิดาไปฟังธรรมที่เวฬุวนาราม ทรงเลื่อมใสแล้วออกบวช  และทรงศึกษาพระพุทธวจนะจนเชี่ยวชาญ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์เป็นครั้งที่ ๒ และประทับอยู่ที่นิโครธาราม  ครั้งนั้นพระนางมหาปชาบดีโคตรมีต้องการถวายผ้าผืน ๒ ผืนที่ทรงกระทำขึ้นอย่างประณีตแด่พระพุทธเจ้า  แต่ทรงปฏิเสธ ตรัสให้ถวายแก่สงฆ์  พระนางทรงเสียพระทัย  ตรัสเล่าให้พระอานนท์ทราบ เพื่อขอให้กราบทูลถามสาเหตุที่ไม่ทรงรับ พระพุทธเจ้าจึงตรัสปาฏิบุคลิกทาน  (ทานถวายเจาะจง)  ๑๔  ประเภท  และสังฆทาน (ทานถวายสงฆ์)  ๗ ประเภท  จบแล้วพระนางทรงโสมนัสยินดียิ่งนัก  จึงทรงถือผ้าคู่นั้นเข้าไปน้อมถวายพระอสีติมหาสาวกทั้ง ๘๐ รูป แต่ไม่มีใครรับไว้ เมื่อถึงลำดับ  พระอชิตะผู้บวชใหม่นั่งลำดับสุดท้าย  ทรงน้อมเข้าไปถวายพระอชิตะก็รับผ้าคู่นั้นไว้  ทำให้พระนางทรงโสมนัสน้อยพระทัยจนน้ำพระเนตรไหล  คิดว่าตนเองมีบุญน้อย พระพุทธเจ้าทรงเห็นพระนางเสียพระทัย  ดำริที่จะให้พระนางเกิดความโสมนัสในทาน  จึงตรัสให้ท่านพระอานนท์ไปนำบาตรของพระองค์มา  ทรงรับแล้วอธิษฐานว่า “ขออย่าให้สาวกทั้งหลายได้บาตรนี้เลย  แต่ให้อชิตภิกษุเท่านั้นได้บาตร”  แล้วทรงโยนบาตรขึ้นไปในอากาศหายไป พระเถระทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นต้น  กราบทูลขอไปนำบาตรกลับมา  แล้วเหาะไปหาบาตร  แต่ไม่มีใครพบบาตรเลย ตรัสให้พระอชิตะไปนำบาตรมา  ท่านไปยืนนอกที่ประชุมแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “เราออกบวชเพราะใคร่จะตรัสรู้ธรรมทั้งปวง และศีลของเราบริสุทธิ์ดี  ขอให้บาตรของพระองค์จงลงมาประดิษฐานในมือของเราเถิด”  เมื่อเหยียดมือออกบาตรก็ตกลงมาจากอากาศอยู่บนมือท่านแล้ว พระนางทอดพระเนตรเห็นความอัศจรรย์นั้นแล้ว  ทรงปีติโสมนัสว่า พระสงฆ์สาวกนี้มีพระคุณยิ่งเป็นอัศจรรย์  แม้แต่ผู้ใหม่ยังมีคุณวิเศษถึงเพียงนี้  เพราะฉะนั้น  ผ้าคู่นี้ของเราก็ได้ชื่อว่าบูชาพระบรมศาสดาเหมือนกัน  ทรงประนมหัตถ์ นมัสการลากลับไป พระอชิตะรับผ้านั้นแล้ว  ผืนหนึ่งได้นำมาทำเป็นเพดานบนพระคันธกุฎี  อีกผืนหนึ่ง ฉีกออกเป็น ๔ ท่อน  ผูกเป็นม่านห้อยลงใน ๔ มุมของเพดานผ้านั้น  ท่านเห็นผ้าที่ห้อยลงมานั้นงามยิ่งนัก  จึงเปล่งวาจาว่า   “การบูชาด้วยผ้านี้เป็นที่เจริญจิตยิ่งนัก  ด้วยอานิสงส์แห่งวัตถุบูชานี้  เรามิได้ปรารถนาสิ่งอื่นใด  นอกจากพระโพธิญาณ  เพื่อนำสัตว์ที่ยังยินดีอยู่ในราคะ โทสะ และโมหะ  ให้พ้นสังสารวัฏ ตัดจากกิเลสทั้งปวงเข้าสู่พระอมตนิพพานในอนาคตกาลเท่านั้น” พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นแล้วทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์เห็นแล้วจึงทูลถามเหตุ ที่ทรงแย้มพระโอษฐ์  พระองค์จึงทรงพยากรณ์ว่า  “ดูก่อนอานนท์  อันว่าอชิตภิกษุนี้  จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า เมตไตรย ในอนาคตแห่งภัทรกัปนี้”.... (พระพุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธิ)..." จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 13:02:01

ความคิดเห็นที่ 4 สาธุ จากคุณ : dragon (Dragonman) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 13:28:16

ความคิดเห็นที่ 5 ""ในสมัยพระพุทธศาสนาของพวกเรานี้  พระโพธิสัตว์เมตไตรยเกิดเป็นพระโอรสของพระนางกาญจนาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้าอชาตศัตรู  ทรงติดตามพระราชบิดาไปฟังธรรมที่เวฬุวนาราม ทรงเลื่อมใสแล้วออกบวช  และทรงศึกษาพระพุทธวจนะจนเชี่ยวชาญ" ผมว่าข้อความในคัมภีร์พระปฐมสมโพธิกถาตอนนี้ดูแปลกๆ   เพราะเท่าที่ทราบ พระเจ้าอชาตศัตรู มีพระโอรสเพียงพระองค์เดียว คือ อุทัยภัททกุมาร ซึ่งต่อมาได้กระทำปิตุฆาต เช่นเดียวกับที่พระเจ้าอชาตศัตรูเคยทำปิตุฆาตกับพระเจ้าพิมพิสาร  ถ้าพระอชิตะดังที่ว่านี้เป็นพระโอรสจริง  แล้วได้ออกบวช อายุก็น่าจะอยู่ราวๆ 20  ซึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูก็ต้องอายุพอสมควรแล้ว  แต่เท่าที่คำนวนระยะเวลาและเหตุการณ์แวดล้อม พระเจ้าอชาตศัตรูไม่น่าจะมีพระโอรสอายุขนาดนั้นได้ โดยเฉพาะในช่วงสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ ขนาดเมื่อตอนที่ทรงปลงพระชนม์พระบิดาแล้ว สำนึกความผิดได้ภายหลัง มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ก็ยังเสด็จมาพร้อมกับอุทัยภัททกุมารซึ่งเพิ่งจะคลอดใหม่ๆ ไม่นาน เวลานั้นก็น่าจะอยู่ในช่วงกลางๆถึงปลายพุทธสมัยแล้ว  ไม่น่าจะทรงมีพระโอรสอื่นที่อายุจะถึงออกบวชได้ ยิ่งในกระทู้นี้ ว่า http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/01/Y8733164/Y8733164.html   ที่อ้างถึงคำเทศนาของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ  ที่ว่า "    ความจริงพระศรีอาริยเมตตรัยนี่ สมัยพระพุทธเจ้า ท่านบวชเป็นพระมีนามว่า อชิตะภิกขุ เดิมทีเป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์พาวรี"   ก็ยิ่งแปลกไปใหญ่ เพราะพระอชิตะที่ว่านี้ ท่านได้ทูลถามปัญหากับพระพุทธเจ้า เป็นคนแรก และเมื่อพระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ (ตอบ) ปัญหาแล้ว ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์  จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมาเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 14:13:13 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 14:08:00 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 14:07:46

ความคิดเห็นที่ 6 ใครมีหนังสือ "พระศรีอริยเมตไตรย ฉบับต้นแบบ" อยู่ใกล้ตัว ลองเปิดบทที่ ๖ ดูหน่อยนะครับ บทที่ 6 พระศรีอริยเมตไตรยเสวยพระชาติเป็น "พระอชิตะภิกษุ" น่าจะได้ข้อมูลมากขึ้นว่า มีแสดงในที่ใดบ้าง ----------------------------------------------------- หนังสือเล่มนี้ ผู้เขียน ได้รวบรวมหลักฐานมาจาก คัมภีร์เถรวาทต่างๆ เช่น อรรถกถา อนาคตวงศ์ 2 อรรถกถา ทั้ง "อมตรสธารา" อรรถกถาอนาคตวงศ์ อรรถกถาอันแสดงวงศ์แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ผู้ทรงประทานสายธาร แห่งอมตธรรมแก่มวลเวไนยสัตว์ทั้งหลาย และ "สมันตภัททกา" อรรถกถาอนาคตวงศ์ 1 อรรถกถาอันแสดงวงศ์แห่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ผู้ทรงเสด็จอุบัติตรัสรู้ในภัทรกัปอันเจริญ ด้วยคุณประการทั้งปวง นอกจากนี้ยังได้รวบพุทธประวัติของพระศรีอริยเมตไตรยจากคัมภีร์สำค้ญอื่นๆ ของลังกา และล้านนา ไม่ว่าจะเป็นทสโพธิสัตตุปปัตตุกถา, โสตัตถกีมหานิทาน, ตำนานมูลศาสนา และอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ศึกษาเพิ่มเติมอีกด้วย ----------------------------------------------------- เผอิญ หนังสือนี้ตอนนี้ไม่ได้อยู่ติดตัวผมน่ะครับ  หากใครมีและเผอิญเข้ามาอ่าน ก็ช่วยเปิดดูให้หน่อยนะครับ ว่าเรื่องอชิตะเถระ มีอ้างอิงจากคัมภีร์ไหนบ้าง จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 15:31:07

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง หากพิจารณา จาก พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคดม ท่านก็ได้มาบังเกิดบำเพ็ญบารมี ในยุคพระพุทธเจ้าองค์ก่อน คือ พระกัสสปพุทธเจ้า โดยมีนามว่า โชติปาละ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=33&A=8446&Z=8516 ดังนั้น พระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ ก็จะต้องลงมาบำเพ็ญบารมี ในยุคของ พระสมณโคดม แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 16:08:53

ความคิดเห็นที่ 8 ความเชื่อที่ว่าพระอรหันต์เมื่อตายไป..ไม่เกิดอีกมีในเถรวาท.. แต่ในมหายาน..มีความเชื่อว่าเกิดอีกเพื่อบำเพ็ญพุทธภูมิ..เป็นโพธิสัตว์..เป็นพระพุทธเจ้าได้ครับครับ... ฉะนั้นจึงเป็นไปได้ครับที่..พระอชิตะ..จะไปเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์... ส่วนเรื่องหลักฐานว่าอันไหนความจริง...อันไหนความเท็จ..ตรงนี้ก็แล้วแต่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาตร์น่าจะเป็นผู้หาคำตอบได้..ที่ผมนำมาแสดงผมนำมาจาก...พระปฐมสมโพธิกถา 29 ปริจเฉท..ที่แปลไทยครับ ผู้ใดที่เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาตร์..การนำเข้ามาของพระคำภีร์ต่างๆในไทย...กรุณา..ช่วยอธิบาย..ชี้แจงด้วยครับ...จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนาไม่น้อย หมายเหตุ...ผมศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพ้นทุกข์..จึงไม่ยึดติดกับนิกายครับ...สิ่งไหนที่มีเหตุผลให้เชื่อ..ก็จะเชื่อครับ...แต่ก็พยายามปฎิบัติ..เพื่อดับ..กิเลส..ดับ..อัตตา..ให้หมดสิ้นไปครับ เรื่องพระอรหันต์ผมก็เชื่อว่าตายแล้วเกิดอีกเพื่อบำเพ็ญพุทธภูมิไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าครับ(สาเหตุที่เชื่อเพราะหลักของการสั่งสมบารมีครับ..หรือ..หลักกรรมนั่นแหละครับ).. จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 16:12:39

ความคิดเห็นที่ 9 #8  ผมเชื่อมั่นใน พระปฐมสมโพธิกถา (พระราชนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส) ที่คุณโกวิทย์ ยกมา นะครับ แต่ผมไม่เห็นด้วย ที่ คุณโกวิทย์ ว่า พระอรหันต์ จะยังมาปฏิสนธิเกิดใหม่อีก ตามคติมหายาน ครับ ---------------------------------------------------------------------- ถ้าเป็นนิยตพระโพธิสัตว์ ตามหลักเถรวาท ท่านจะเจริญวิปัสสนา ถึงแค่ สังขารุเปกขาญาณ นะครับ จะไม่มีการเจริญธรรมให้ถึงขั้นอรหันต์ จนกว่าจะถึง ปัจฉิมภพ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้ว จะไม่มีการปฏิสนธิเกิดอีก เพราะว่า อวิชชาที่เป็นต้นวงจรปฏิจจฯได้หมดไปแล้ว ดังนั้น หาก เรื่อง พระอชิตะเถระ ตามนัย พระปฐมสมโพธิกถา นั้นถูกต้อง ก็จะต้องเป็น คนละคนกับ พระอรหันต์องค์อื่น ที่อาจจะมีชื่อ อชิตะเถระ ตรงกันน่ะครับ -------------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 16:59:39 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 16:54:40

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเคยถามหาหลักฐานในพระไตรปิฎกชั้นต้นๆแล้วครับ ปรากฏว่าหากันไม่เจอ เท่าที่เจอคือ พระนางปชาบดีได้ทอผ้าถวาย พระโพธิสัตว์จิตของท่านยังไม่เปลี่ยนเข้าเป็นระดับโสดาบัน หรือเป็นพระอริยเจ้าเลยครับ จิตท่านดำเนินถึงสูงสุดแค่ สังขารุเบกขาญาณเท่านั้น จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 18:17:28

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าของกระทู้ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆอีกทางในเวปนี้ดูนะครับ http://www.phrasiarn.com/ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 18:44:00 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 18:32:26

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนนี้ไปเจอในเว็บหนึ่งเขาเขียนแบบนี้ http://www.phrasiarn.com/?topic=11102.0;imode ความว่าอภัยกุมารได้เปลี่ยนชื่อเป็นอชิตะกุมารหลังจากที่พระเจ้าอชาตศัตรูเลื่อมใสในพระพุทธองค์แล้ว ส่วนอันนี้ http://www.phrasiarn.com/?topic=11178.0;imode ความว่า เมื่ออชิตะกุมารเจริญวัย ได้ตามพระบิดาไปฟังธรรมและเกิดเลื่อมใสขอออกบวช แต่ดูท่าทางยังมั่ว ๆ อยู่แฮะ เพราะว่ามีอรรถกถาที่กล่าวถึงอภัยราชกุมารตอนโตอยู่ด้วย แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 23:19:34 จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 22:29:20

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกท่านมากครับ ที่ช่วยค้นและออกความเห็นกันอย่างมีเหตุผล และเป็นมิตร ความจริงผมอ่านพระไตรปิฎกมามากพอสมควร แต่ไม่กล้าด่วนสรุปกับตัวเอง ว่าข้อความดังกล่าวไม่ได้อยู่ในพระไตรๆ เนื่องจากกลัวว่าจะอ่านตกหล่นไป หรือเสิร์ทไม่เจอแล้วด่วนสรุป ถ้าอย่างนั้น ผมขอสรุปว่าชื่อและเรื่องดังกล่าวไม่ได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก แต่อยู่ใน คัมภีร์พระปฐมสมโพธิกถา และ คัมภีร์ พระอนาคตวงศ์ ถูกต้องมั้ยครับ อันนี้ผมพูดถึงหลักฐานเพียวๆนะครับ ว่าปรากฏอยู่ที่ไหน และไม่ได้อยู่ที่ไหน  ไม่ได้พูดว่าหลักฐานใดถูกหลักฐานใดผิด เพื่อหลีกเลี่ยงการโต้แย้ง ส่วนความเชื่อว่าความจริงน่าจะเป็นอย่างไร ขอให้เป็นสิทธ์ของแต่ละท่านจะเชื่อและพิจารณาครับ เพราะเราก็ต่างเกิดไม่ทันทั้งสิ้น คุณ  พักผ่อนครับ  อภัยกุมารที่กล่าวถึง หมายถึง อุทัยภัททกุมาร หรือปล่าวครับ ถ้าใช่แล้วท่านเปลี่ยนชื่อเป็น อชิตะ จริง ก็ไม่น่าจะมาเป็นพระเมตไตรๆได้ เพราะเพิ่งทำปิตุฆาต คือฆ่าพระเจ้าอชาตศัตรู ไปเมื่อ 2500 ปีก่อนเอง ไม่น่าจะใช้กรรมแล้วมาตรัสรู้เป็นพระเมตไตรซึ่งอยู่ถัดจากองค์ปัจจุบันทัน จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 54 23:55:04

ความคิดเห็นที่ 14 หลังจากค้นหาข้อมูลจนหายงงแล้ว ก็สรุปความได้ดังนี้ครับ อภัยราชกุมาร เป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสารเช่นเดียวกับพระเจ้าอชาติศัตรู ภายหลังบรรลุโสดาบัน ฉะนั้นเป็นคนละคนกัน ส่วนอุทัยภัททกุมาร คือ พระโอรสของพระเจ้าอชาติศัตรู ภายหลังกระทำปิตุฆาต แต่ก็มีในเน็ตบางที่กล่าวว่า อุทัยภัททกุมาร ไม่ใช่พระโอรสองค์แรก และมีบางที่กล่าวว่า ในคราวที่พระเจ้าพิมพิสารเสด็จสวรรคต พระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าอชาตศัตรูได้ถือกำเนิดขึ้นพอดี คือ อุทัยภัททกุมาร แต่ว่ามีแค่คำกล่าวเลื่อนลอย ไม่สามารถหาหลักฐานอะไรที่ชัดเจนได้เลย พอ ๆ กับเรื่องที่พระอชิตะเป็นโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูและพระนางกาญจนาเทวีนั่นแหละ นอกจากข้อความที่เขียนเหมือนกันหมด เหมือนลอกกันมาแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งชี้เช่นนั้นเลย แต่เรื่องที่พระอชิตะซึ่งเป็นภิกษุหนุ่มบวชใหม่ได้รับพยากรณ์นั้น ดูแล้วมีความจริงอยู่มาก เพียงแต่ไม่พบความสัมพันธ์ถึงการเป็นพระโอรสพระเจ้าอชาตศัตรูแต่อย่างใด นอกจากที่มีคนเขียนสรุปไว้เหมือนอธิบายเพิ่มเติมเอาเองเท่านั้น ดูจากข้อมูลที่หามาได้ คือ บางคนสรุปเอาง่าย ๆ ว่า อภัยกุมาร เปลี่ยนชื่อเป็น อชิตะกุมาร นับว่าสรุปได้มั่วดีจริง ๆ ฉะนั้น ข้อมูลในเรื่องนี้ก็ยังถือว่าคลุมเครืออยู่ เพราะมีหลายแห่ง ไม่พยายามที่จะโยงพระอชิตะภิกษุหนุ่มให้เป็นโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรู และมีคำกล่าวถึงพระอชิตะว่าตั้งใจเข้ามาบวชบำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวโยงหรือมีความสัมพันธ์กับผู้ใด เพราะถ้าเป็นโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูเข้ามาบวช ที่พระเถระทั้งหลายจะไม่รู้จักมันก็แปลกไปหน่อย แต่นี่คือไม่มีใครรู้จัก รู้แค่ว่าเป็นพระบวชใหม่ ฉะนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ พระอชิตะเป็นพระหนุ่มหน้าใหม่ ไม่มีใครรู้จัก ไม่ได้เป็นอะไรกับพระเจ้าอชาตศัตรู แต่ที่มีคนเอาไปโยงนั้น ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 01:17:50

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อเพิ่มเติมอีกนิด จากการที่ศึกษาพระไตรปิฎกมาระยะหนึ่ง พบว่า พระสูตรที่เกี่ยวกับ "พระโพธิสัตว์" ของเถรวาทนั้น เหมือนจะตกหล่นหายไป เช่น ข้อความไม่ครบ อยู่ดี ๆ ตัดบทดื้อ ๆ หรือหายไปทั้งสูตรก็มี ซึ่งลองเทียบกับพระไตรปิฎกหลาย ๆ เล่ม ก็พบว่าบางเล่มมีข้อความที่ตกหล่นไปอยู่บ้าง บางพระสูตรไปพบในอรรถกถาซึ่งอธิบายพระสูตรไว้อย่างละเอียด แต่กลับหาพระสูตรต้นฉบับไม่พบ หรือบางพระสูตรที่น่าจะเข้ากันได้กับของเถรวาท แต่เป็นของมหายานก็มีเยอะเหมือนกัน ฉะนั้น ถ้าเป็นเรื่องของพระโพธิสัตว์ ต้องทำใจนิดนึงว่า อาจจะค้นอะไรไม่เจอง่าย ๆ ไม่รู้ว่าเป็นผลจากการแยกนิกายในสมัยโบราณหรือเปล่า เมื่อมีการวินิจฉัยว่า พระสูตรไหนไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาในปัจจุบันนี้ จึงได้มีการตัดทิ้งเพื่อไม่ให้สับสนก็เป็นไปได้ จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 01:37:57

ความคิดเห็นที่ 16 ที่รับดอกบัวที่พระพุทธเจ้าโยนให้ลอยไป เพื่อเสี่ยงทายว่า ใครจะเป็นคนสืบพระศาสนาต่อ คือ พระอรหันต์ชื่อ พระกัจจายนะ หรือพระสังกระจาย ที่อ้วนพุงโตๆ ไม่ใช่หรือ อ่านเจอที่สมเด็จโตพูดไว้  ฟังไว้เล่นๆ อย่าเพิ่งเชื่อ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 54 11:17:57

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ อย่ามารู้จักฯ ถ้าเดินผ่านร้านหนังสือ se ed ก็ลองเดินดู หนังสือ "พระศรีอริยเมตไตรย ฉบับต้นแบบ"  ดูนะครับ หน้าปกสีแดงๆ น่าจะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด ตามกรอบเถรวาท เท่าที่จะหาได้ ณ ตอนนี้ แล้วล่ะครับ จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 01:14:39

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ^ ว่างๆคงต้องลองไปหาหนังสือที่คุณชาวมหาวิหารพูดถึงซักหน่อยครับ จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 15:14:58

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณคุณ  ชาวมหาวิหาร  ครับ ผมไม่ได้อยากรู้อะไร มากไปกว่าที่ถามหรอกครับ ตราบใดที่ปฏิบัติตามพระธรรมของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันแล้วพ้นทุกข์ได้ ผมก็พอใจแล้ว ไม่รอไปถึงยุคพระศรีๆ ครับ จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 11:26:15