ความคิดเห็นที่ 1 ศึกษาจากห้องนี้ก็ได้ค่ะ  อยากรู้อะไรก็ค้นคว้าเอา  สงสัยอะไรก็ตั้งกระทู้ถามคะ มีคนยินดีตอบให้แน่นอน  ดิฉันก็น้องใหม่คะ ยินดีต้อนรับค่ะ(รับน้องยังไงดีเนี่ย เหอๆ)  เริ่มจาก ทาน ศีล ภาวนา ก่อนคะ ออ สมถะกรรมฐานนะคะ  จากคุณ : ใจซึ้ง (ใจขึ้น) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:21:12

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มศึกษา พุทธวจน ก่อนก็ดีนะครับ ว่าพุทธเจ้ากล่าวว่าอย่างไรบ้าง   แล้วจะได้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเก่งแค่ไหนครับ วันเสาร์ช่วงค่ำ จะมีการสนทนาธรรมผ่านเน็ตด้วยครับ ลองติดตามดูนะครับ http://media.watnapahpong.org ทำไมต้องพุทธวจน แก้กรรม มรรควิธีที่ง่าย อานาปานสติ ฆราวาสชั้นเลิศ ตามดู ไม่ตามไป แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 10:45:26 จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:44:56

ความคิดเห็นที่ 3 เราว่า.. เริ่มจากการ นอนสมาธิ(ก่อนนอนทุกคืน) + อ่านหนังสือธรรมะไปด้วย.. การอ่านธรรมะเนี่ย.. เป็นการสร้างความเข้าใจ.. เป็นการปูทางให้กับการปฏิบัติธรรม แต่ถ้าอ่านอย่างเดียวไม่ได้ปฏิบัติ ก็จะไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง หรือถ้าปฏิบัติอย่างเดียว(เช่น นั่งสมาธิจนจิตสงบ)แต่ไม่เคยอ่านธรรมะเลย ก็จะไม่เข้าใจและอาจหลงทาง(เช่น พวกเล่นคุณไสย พวกนี้ทำสมาธิเก่งมาก แต่ เอาภาวะที่ได้จากการทำสมาธิ ไปทำสิ่งไม่ดี) พี่ว่า น้องเริ่มจากการ นอนสมาธิก่อนดีกว่า ก่อนนอนทุกคืน ยุบหนอพองหนอ หรือพุทธโธ ก็ได้.. เลือกสักอย่าง เสร็จแล้วก็อ่านหนังสือธรรมะ(เล่มไหนก็ได้)ควบคู่ไปด้วย ทำไมต้องทำควบคู่กัน??? เพราะ.. บางคนเข้าใจว่า ธรรมะคือ การทำความดี.. ถ้าน้องอยากจะศึกษาธรรมะแบบจริงจัง ธรรมะไม่ใช่แค่ การทำความดี แต่ลึกซึ้งกว่านั้น การทำสมาธิก่อนนอน อย่างน้อยๆเลย น้องจะได้เข้าใจเรื่องของ ภาวะจิต.. ได้เห็นโลกหลากมิติ ได้รู้ว่า นอกร่างกายเนื้อหนังเรานี้ ก็มีอีกหลายๆมิติ หลายๆความจริงที่มนุษย์เรายังไม่รู้ ส่วนการอ่านหนังสือธรรมะ(เริ่มจากเล่มไหนก็ได้ เพราะถ้าน้องได้อ่านแล้ว เดี๋ยวน้องก็จะเริ่มขวนขวายอ่านเล่มอื่นๆต่อไปตามความถนัดในขณะนั้น) การอ่านหนังสือธรรมะควบคู่ไปด้วย จะช่วยทำให้เราเข้าใจ ว่าทำไม เพราะอะไร และวิธีปฏิบัติทำอย่างไร การปฏิบัติไปด้วย ก็จะทำให้เราเห็นผลของมัน เข้าใจมันยิ่งขึ้น และปฏิบัติพร้อมอ่านไปด้วย ก็จะทำให้ไม่หลงทาง ********* เดี๋ยวรอท่านผู้ใหญ่ท่านอื่น มาช่วยตอบด้วยนะคะ ^^ อันนี้พี่แนะนำแบบ ความเห็นส่วนตัวของพี่ค่ะ จากคุณ : mooesha เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:45:05

ความคิดเห็นที่ 4 ในทางศึกษาก็ตาม #2 ในทางปฏิบัติ... ....เธอไม่ใช้วันทั้งวันให้เปลืองไปด้วยการเรียนธรรมนั้นๆ ไม่เริดร้างจากการหลีกเร้น, ประกอบตามซึ่งธรรมเป็นเครื่องสงบใจในภายในเนืองๆ.  ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่า ธรรมวิหารี (ผู้อยู่ด้วยธรรม).... อํ. ปญฺจก. ๒๒/๙๙-๑๐๐/๗๓-๗๔ อานาปานสติ = สมถะ+วิปัสสนา : http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10651099/Y10651099.html#8 จากคุณ : ไม้มณฑารพ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 10:53:37

ความคิดเห็นที่ 5 คือตั้งใจศึกษาพระศาสนา ผมขอเดาเอานะครับ ว่าคุณต้องการที่จะมีความสุข ลดทุกข์ ไม่ลงนรก อย่างน้อยให้ขึ้นสวรรค์ ที่สุดคือพระนิพพาน อย่างแรกที่ผมจะบอกก็คือ อย่าคิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้นะครับ เช่น นั่งสมาธิ ทำไม่ได้หรอก เราบารมีไม่ถึง อย่าคิดแบบนี้เด็ดขาด บารมีนั้นคือ กำลังใจ ถ้ากำลังใจถึงบารมีก็ถึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านว่าส่วนสุดสองอย่างที่พึงระวังในทุกๆเรื่องของการปฏิบัติก็คือ ทรมานกายเกินไป เช่น นั่งสมาธิครั้งนี้ข้าพเจ้าจะล่อสามชั่วโมง นั่งไปได้สามสิบนาทีร่างกายไม่ชินจะตายเอา นี่พระพุทธเจ้าท่านเลิกทรมานตัวเองแล้วนะครับ เราไม่ต้องไปเลียนแบบท่านช่วงนั้น อีกอันหนึ่งก็คือ สบายเกินไป หรือถ้าจะเรียกอีกมุมหนึ่งก้คือ ต้องการมากเกินไป เช่น นั่งสมาธิสักสองนาที ฉันจะเอาอัปปนาสมาธิแหละนะ ส่วนสุดสองอย่างนี้อย่าทำ ให้ประมาณตัวเอง คิดว่าจะได้แค่ไหน ให้คิดเกินมานิดหนึ่ง(นิดเดียวจริงๆ) แล้วลองปฏิบัติดู เรียนรู้เอง จิตเป็นของคุณเอง คุณต้องเรียนรู้เอง อย่างที่สอง หลักในการเจริญธรรมในพระพุทธศาสนาคือ ทาน ศีล ภาวนา ทาน ตัดโลภ เพิ่มเมตตา ลดคำว่าของเรา ทานนั้นทำให้สมตัว สมใจ ถ้าใจยังตัดไม่ขาด ให้ค่อยๆเสียสละไป ห้าบาทสิบบาทก็ได้ อย่าทำเกินตัว เกินใจ ประเภทกู้เงินมาทำบุญนี่ไม่แนะนำ ศีล มีกรอบมีแบบ กันนรก หนีอบาย ไปสวรรค์ ฆาราวาสขอให้มีศีล๕ แต่ถ้าควบกับกรรมบถ๑๐ ด้วยจะดีมาก ทีนี้ถ้าไม่เคยทำได้มาก่อน ให้กำหนดช่วงเวลา เช่น ๙ โมง ถึงเที่ยง เป็นต้น แต่ที่ผมแนะนำจริงๆและได้กำไรมากก็คือ ให้ตั้งใจไว้ประมาณ สามทุ่ม หรือก่อนนอน ว่าตั้งแต่เวลานี้ไปจนถึง เก้าโมงเช้า จะถือศีล๕ ไม่ผิดเลย ครึ่งวัน!!! พอทำได้ชินๆ สักเดือนสองเดือน ก็ขยับสิ เพิ่มเวลามากขึ้น ภาวนา ทำจิตให้บริสุทธิ์ เห็นความจริงมากขึ้นตามลำดับ ลด ละ ตัด โลภ โกรธ หลง อย่างที่สาม การเจริญภาวนานั้นมีสองอย่างคือ สมถะกับวิปัสสนา สมถะนั้นคือตัวข่ม ข่มกิเลสข่มบาป ระงับนิวรณ์ ทำจิตให้นิ่งมีกำลัง พอมีกำลังดี ก็จะตัดด้วยวิปัสสนา จะใช้วิปัสสนาตัดกิเลสนั้น ไม่ได้ครับ เพราะเหมือนมีด ไม่ได้ลับ ฟันอะไรก็ไม่ขาด การปฏิบัติกรรมฐานอย่างง่ายๆนะครับ คืออานาปานุสสติ จริงๆมันไม่ง่ายหรอกนะ แต่มันเป็นเหมือนพื้นฐานที่ดีในการทำกรรมฐานทุกๆกองรวมทั้งวิปัสสนาด้วยครับ เพราะเป็นกรรมฐานแก้อารมณ์ฟุ้งซ่าน อารมณ์ฟุ้งซ่านถ้ายังไม่ถึงพระอรหันต์ก็มีด้วยกันทุกคน การปฏิบัติ ให้สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ แรงๆ พอให้ลมเข้าปอดเต็มที่ ๔-๕ ครั้ง ที่ดีที่สุดคือสังเกตที่ท้องว่าเมื่อลมเข้า ลมดันท้องให้พอง เมื่อลมออก ท้องจะยุบ จากนั้นค่อยๆสังเกตลม ที่เข้าจากจมูก ไหลไปอก ไหลไปท้อง จากนั้นก็ไหลออกจากท้อง ไปที่อก แล้วออกจมูก ในเบื้องต้น คุณอาจจะจับได้แค่ที่จมูกอย่างเดียวก็ไม่เป็นไรครับ จากนั้น ให้กำหนดลงไปด้วย โดยลมหายใจเข้า ใช้คำว่า พุท ลมหายใจออก ใช้คำว่า โธ เบื้องต้นเพื่อปูพื้นให้แน่น และกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกได้นานขึ้น ให้ใช้วิธีนับ โดย เข้าออกครั้งหนึ่ง นับ๑ ...พุท-โธ ๑ เข้าออกอีกครั้ง ให้นับ ๒... พุท-โธ ๒ เรื่อยไปจนถึง ๑๐ โดยกำหนดวินัยของจิตว่า จาก๑-๑๐ จะไม่คิดเรื่องอื่น ถ้าจิตแลบไปหาเรื่องอื่น จะเริ่มนับ๑ใหม่ หาเวลาทำวันละ ๓๐ นาที ไม่เกิน ๑ เดือนจะเห็นผล ผมขอแนะนำให้อ่านตรงนี้เพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมนะครับ http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1284 กรรมฐานมี ๓๙ กอง ที่เหลือศึกษาตามจริต๖ ครับ คือมีจริตแบบไหน ก็ให้เลือกกรรมฐานให้เหมาะกับจริต หรือมีอีกวิธีนะครับ คืออ่านชื่อกรรมฐานดูว่าชอบชื่อไหน ก็เลือกทำเลย แนะนำเพิ่มว่า ควรจะหาความรู้เรื่องเหล่านี้ บารมี๑๐ สังโยชน์๑๐ โดยปรินต์หัวข้อมาแปะไว้ที่หัวนอนได้ก็ดีครับ อ้อ นักปฏิบัติเบื้องตน ขอให้พยายามอย่าสนใจจริยาของบุคคลอื่น ใครจะมาจะไปอะไร อย่าเอาจิตไปจับให้ทุกข์กายทุกข์ใจเปล่าๆ ปล. ขอโทษด้วยครับที่ตอบยาว จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:10:35

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องเริ่มต้นจากการสร้างความรู้สึกศรัทธาในธรรมะให้เกิดในใจเราก่อนนะครับ จะได้นำไปสู่การปฏิบัติที่เข้มแข็งได้ต่อไป ทีนี้การจะสร้างกำลังใจให้เกิดศรัทธาในสิ่งใดได้เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปและประโยชน์ที่เราจะได้รับจากสิ่งนั้นอย่างชัดเจน วิธีการสร้างศรัทธาคือ เริ่มจากการศึกษาทำความเข้าใจถึงที่มาของพระศาสนาว่าพระพุทธเจ้าอุบัติเกิดขึ้นได้อย่างไร พระองค์บำเพ็ญบารมีมาด้วยความยากเย็นแค่ไหน และพระองค์ท่านมีพระประสงค์ใดในการประกาศพระศาสนา คำสอนหลักของพระพุทธเจ้าคืออะไร และประโยชน์ใดที่เราและเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายจะได้รับจากการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ขั้นต่อมา เพื่อหล่อเลี้ยงศรัทธาให้ยั่งยืนและมีกำลังสูงขึ้น เราต้องนำหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนมาใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันเพื่อคลายทุกข์ใจจากสิ่งที่เข้ามากระทบเราให้ได้ เช่นนำหลักการให้ทานมาใช้ ทุกครั้งที่ใจเราเป็นทุกข์เพราะความอยากได้ใคร่ดี ให้เราแก้ทุกข์ใจนี้โดยเหลียวมองคนที่ลำบากกว่าเราในสังคม หาทางให้ทานช่วยเหลือเขาให้พ้นทุกข์ ก่อนตัดสินใจทำทานให้พิจารณาจนให้เห็นประโยชน์อย่างชัดเจนก่อนว่าสิ่งที่เราบริจาคช่วยเขาไปจะไปทำให้เค้าพ้นทุกข์ยากลำบากตรงไหน มีความสุขขึ้นตรงจุดไหนบ้าง เมื่อเห็นประโยชน์ต่อเค้าชัดเจนแล้วเราค่อยตัดสินใจให้ ตัดสินใจให้ไปแล้วลองสำรวจใจตนเองว่ารู้สึกเบาสบายคลายทุกข์จากการอยากได้ใคร่ดีลงไหม ถ้าใช่ก็ให้คิดต่อจนซาบซึ้งถึงประโยชน์ของการให้ทานที่สามารถช่วยให้ใจเราเป็นสุขขึ้นได้จริง คิดต่อไปจนซาบซึ้งในพระคุณของพระพุทธเจ้าที่สอนเราหาความสุขได้ง่ายๆจากการให้ทาน คิดตอบแทนความดีของพระพุทธเจ้าต่อไปโดยอุทิศบุญจากการให้ทานของเราให้พระพุทธเจ้าท่านได้โมทนาบุญไปกับเราด้วย ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเราชินกับการให้ทานช่วยเหลือผู้อื่นและช่วยพระศาสนา จนมีศรัทธามั่นคงในการให้ทานดีแล้วว่าเป็นทางที่สร้างความสุขอย่างง่ายๆให้ชีวิตเราโดยแท้ ขั้นต่อมาก็ค่อยพัฒนาไปสู่่การรักษาศีล และการภาวนาจิต โดยใช้ขั้นตอนการปลูกศรัทธาแบบเดียวกับตอนที่เราสร้างศรัทธาในการให้ทาน ดังนั้นหลักสำคัญของการศึกษาธรรมะ คือนำสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือทาน ศีล ภาวนาไปใช้แก้ทุกข์สร้างสุขในชีวิตประจำวันของเราให้ได้ เราจึงได้รับประโยชน์ที่แท้จริงจากการศึกษาธรรมะ จากคุณ : แมวเปอร์เซีย เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:14:28

ความคิดเห็นที่ 7 ศึกษาว่า สติคืออะไร แล้วฝึกสติครับ ถ้ามาเส้นทางนี้ จะทำให้เราไม่งมงายไร้สาระ ไม่มองกระพี้ว่าเป็นแก่น ไม่เพี้ยน  ไม่หลุดโลก   เมื่อจับทางสติได้แล้ว  กลับไปฝึกสมาธิเสริมในทาง อาณาปาณสติ แบบ รับรู้ลมหายใจ ไม่ต้องท่อง ถ้าคุณทำแค่นี้ได้ คุณก็ไปไกล ใกล้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงแล้วครับ และหลังจากนั้น ถ้าอยากหาความรู้อื่นๆในทางพุทธปรัชญา ก็ให้หาอ่าน ฟัง งานของท่าน พระพรหมคุณาพร ป.อ. ปยุตโต ครับ อันนี้ผมแนะนำจากใจจริง เพราะถ้าเดินทางพลาด มันจะช้ามาก แถมอาจจะไปสู่เส้นทางที่หลงงมงาย  ได้ง่าย แถมก้าวหน้าช้า  ดีไม่ดีอาจเพี้ยนได้ จากคุณ : มังกรจักรวาล เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:15:46

ความคิดเห็นที่ 8 ความเห็นที่ 1 น่ะถูกแล้ว ฆารวาสต้องเริ่มที่ ทาน,ศีล,ภาวนา คำว่าภาวนาต้องเข้าใจด้วยว่าไม่ใช่นั่งสมาธิหรือสมถะ ภาวนาคือการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ ( อินทรีย์ทั้ง 6 ) ตามความเป็นจริงของโลก ว่าไม่เที่ยง เป็นอนัตตา เกิดขึ้น,ตั้งอยู่,ดับไป ตามกฏแห่งพระไตรลักษณ์ สมถะคือการหลบทุกข์ชั่วคราว เหมือนเอาหินไปทับหญ้าไว้ กิเลสไม่ได้ถูกถอนรากถอนโคนออกมา เปิดหินที่ทับไว้เมื่อไหร่หญ้าก็ออกมาบานสะพรั่งยิ่งกว่าเก่าอีก! แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 11:24:11 จากคุณ : เผอิญผ่านมา เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:22:06

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าไม่รู้อะไรเลยแนะนำครับถ้ามีเวลา เข้าคอร์สดีกว่าครับ ส่วนใหญ่ที่เปิดกันอยู่ก็สำหรับผู้เริ่มต้น นำหลักปฏิบัติมาใช้กับชีวิตประจำวันเราได้ ก็พิจารณาสถานที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยนะครับ จากคุณ : 17247c เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:42:38

ความคิดเห็นที่ 10 ใครเคยเอาหินไปทับหญ้า แล้วปรากฏว่า หญ้าตรงนั้นเจริญงอกงามบ้างครับ มันมีแต่แห้งตาย ดึงถอนง่ายดาย เปรียบเสมือน ทำสมถะถึงอัปปนาสมาธิ จะฆ่ากิเลสก็ง่ายดายด้วยวิปัสสนา แนะนำมดให้แบกช้างนี่ระวังนะครับ มหาสติปัฏฐานสูตรเริ่มจากอะไร ไปหาอะไร พิจารณาดีๆ อายตนบรรพนั้นอยู่ตรงไหน และอานาปานบรรพนั้นอยู่ตรงไหน ส่วนไหนหยาบ ส่วนไหนละเอียด ส่วนไหนง่าย ส่วนไหนยาก นั้นมีลำดับอยู่นะครับ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 11:59:33

ความคิดเห็นที่ 11 แนะนำให้อ่านหนังสือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมเล่ม 3 ขณะนี้มีเสียงอ่านเป็น mp3 ด้วย เป็นการศึกษาธรรมที่อ่านแล้วสนุกน่าติดตาม และได้สอดแทรกธรรมะ ข้อคิดข้อปฏิบัติทีละเล็กละน้อย จากคุณ : TGDEV เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:23:42

ความคิดเห็นที่ 12 เริ่มต้นแล้วนี่ไงคะ สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้องในการเริ่มศึกษาธรรมะ ที่สำคัญคือเห็นทุกข์รึยัง ทุกข์เป็นปัจจัยที่จะทำให้เราก้าวหน้าได้เร็ว จากนั้นเมื่อมีความคิดออกกจากทุกข์คือพ้นทุกข์ เดี๋ยวข้ออื่นตามมาเอง อริยมรรค8 ปัญญา สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ศีล สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวาจา สมาธิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ การศึกษาก็เริ่มจากอ่าน ฟัง(ปริยัติ) เจริญสติ ทำสมาธิ(ปฏิบัติ)และรับผล(ปฏิเวธ) แนะนำหนังสือของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโกทุกเล่ม การเจริญสติ แนะนำของลุงหวีด www.loongweed.com แล้วก็คุณดังตฤณค่ะ จากคุณ : หมาชายหาด เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:33:58

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่มเติมหนังสือแนะนำ ทุกเล่มของท่านว.วชิรเมธี พระไพศาล วิศาโล หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม เขมานันทะ พระครูใบฎีกา อำนาจ โอภาโส (โดยเฉพาะหนังสือความจริงไม่มีใครทุกข์) และwebsiteนี้ค่ะ http://www.kanlayanatam.com/booknaenam.htm จากคุณ : หมาชายหาด เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 12:50:38

ความคิดเห็นที่ 14 พุทธธรรม โดยพระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) http://www.mattaiya.org/ไฟล์เสียงหนังสือพุทธธรรม.html ดาวน์โหลดมาอ่านได่ อ่านแล้วจะได้เข้าใจความเป็นพุทธที่แท้ครับ จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 13:26:14

ความคิดเห็นที่ 15 แนะนำค่อยๆ อ่าน ของ หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ หลวงพ่อ อำนาจ โอภาโส อ.สุภีร์ ทุมทอง อ.ดังตฤน (ท่านก็นำธรรมของพระพุทธเจ้านั้นล่ะครับมาสอน  แต่ใช้ภาษาที่เรียบง่าย จะมองเห็นเค้าลางไดง่าย) ค่อยๆ ศึกษาไปครับ (หาอ่านในเน็ตก็ได้) อนุโมทนาด้วยครับ ขอให้ได้พบครูบาอาจารย์ ที่เป็นสัมมาทิฎฐิ และขอให้เจริญในธรรมครับ จากคุณ : บ่าวอุดรคนโก้ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:20:47

ความคิดเห็นที่ 16 ...รักษาศีล5ครับ.. จากคุณ : บันทึก..การเดินทาง เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:51:13

ความคิดเห็นที่ 17 มาชื่นชม จขกท และมาให้กำลังใจค่ะ ^^ จากคุณ : nataleeya เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 15:15:38

ความคิดเห็นที่ 18 ปกติจะนั่งแท็กซี่บ่อยๆ มีครั้งนึง เจอกับแท็กซี่คันนึง หลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ก็ได้สนทนากัน แท็กซี่บอกว่า วันนี้เสียเงินให้ตำรวจไปร้อยนึง (แล้วก็หัวเราะ) ดิฉันก็ถามว่า แล้วพี่ไม่โกรธเหรอ ไม่เสียดายเงินเหรอ (เพราะหน้าตาเขายิ้มแย้มตลอดเวลา) เขาบอกว่าไม่หรอก เฉยๆ คุยกันสักพักนึงก็ได้ความว่า เขาปฎิบัติธรรมมาสักพักนึงแล้ว ทุกวันนี้เขาจะนั่งสมาธิ วันละสองชั่วโมง ก่อนนอน ไม่กล้านั่งนานกว่านี้ กลัวตาย บางทีก็ซื้อซีดีมาฟังบ้าง แต่เขาไม่มีอาจารย์ เขาบอกว่า ทำได้เพียงแค่นี้ ไปขั้นต่อไปอีกไม่ได้ เพราะไม่มีอาจารย์คอยแนะนำ ดังนั้นจึงอยากทราบว่า การที่มีครูบาอาจารย์ก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ในการปฏิบัติธรรมใช่ไหมคะ จากคุณ : เงยหน้าขึ้นรับแสงตะวัน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 15:45:31

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้จะอ่านหนังสือของอาจารย์อมรา มลิลา รู้สึกว่าอ่านที่ท่านไปบรรยายตามที่ต่างๆได้เข้าใจโลกมากขึ้น เช่น สามีภรรยายลูกไม่ได้ดังใจ ท่านว่าเราเป็นปลา เค้าเป็นนก ถึงแม้เราจะตั้งใจดี แต่ไปบังคับให้นกมาว่ายน้ำอย่างเราไม่ได้ มีหนังสือท่านแจกฟรีตามชมรมพุทธต่างๆเช่นจุฬา รามา ศิริราช ท่านมีอบรมบางที่ด้วยครับ http://www.dharma-gateway.com/ubasika/amara/ubasika-ammara-32.htm จากคุณ : Nine Cats เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 16:50:47

ความคิดเห็นที่ 20 ขอรับธรรมทาน  ทั้งหนังสือและซีดีแจกฟรีได้ที่ www.larndham.org จากคุณ : หมูเค็มกะหมูหวาน (คุณหมูน้อยตัวขาว) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 16:52:23

ความคิดเห็นที่ 21 # 18  ผมคิดว่า ครูบาอาจารย์สำคัญมากครับ เมื่อเริ่มเห็นผลจากการปฎิบัติ ผมทีแรกก็อ่านหนังสือไป นั่งสมาธิไป   วันนึงเห็นผลแปลก ๆ ในสมาธิ เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร  อ่านหนังสือก็ไม่แน่ใจ  จึงต้องมีครูอาจารย์ให้สอบถามครับ จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 17:07:03

ความคิดเห็นที่ 22 ดีใจกับ จขกท นะคะ ที่มีความตั้งใจอยากศึกษาธรรมะ  ดิฉันเองก็เพิ่งเริ่มศึกษาธรรมะควบคู่ไปกับการทำงานมาได้ประมาณ 2 ปี แล้ว ตอนนี้อายุได้ 31 ปี  สาเหตุที่มาศึกษาเพราะคุณแม่ที่รักที่สุดและดิฉันเหลือท่านเพียงคนเดียว   ต้องมาเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุ        ความเสียใจอย่างที่สุดในวันนั้น  เกิดความตระหนักอย่างเต็มหัวใจกับคำว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย และการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก   นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้ซึ้งจริง ๆ เลยว่า  เราเป็นแค่อะไรสักอย่าง  เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในโลกนี้  ไม่มีอำนาจใดจะฝืนความตายได้เลย  เราไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย        จากที่รู้วันนั้นก็ทราบแล้วว่าธรรมที่พระพุทธเจ้า  ท่านได้ตรัสรู้นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน   จากนั้นดิฉันก็ศึกษาจากประวัติครูบาอาจารย์สายวัดป่ากรรมฐาน หลวงปู่เสาร์  หลวงปู่มั่น  เพราะท่านเอาจริง เอาจัง เรื่องพระนิพพานเป็นที่สุด อีกทั้งเป็นพระสุปฏิปัณโณอย่างแท้จริง และประวัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วยค่ะ            คือดิฉันชอบอ่านเรื่องที่หลวงปู่  หลวงตา ท่านเล่า เวลาท่านไปธุดงค์กรรมฐาน เจอเทวดา สวรรค์ นรกภูมิ นาค ......ตรงนี้ถือเป็นของแถมให้ดิฉันมีศรัทธามากขึ้น  ตรงที่ว่าคนที่ทำดีแล้วเป็นอย่างไร  ทำชั่วแล้วได้รับผลกรรมอย่างไร  ไม่มีใครหนีกฏแห่งกรรมนี้ไปได้        จากนั้นดิฉันก็เก็บเล็กผสมน้อยจากเทศน์ จากหนังสือ จาก internet ที่เป็นคำสั่งสอนของท่านc]t]^dLbKpNmjko  ซึ่งท่านไล่เท้าความไปถึงที่ตั้งต้นมาจากธรรมของพุทธองค์ข้อไหน ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ ไปนิพพาน  ดิฉันก็ทำตามนั้นแหละค่ะ     ดังนั้นดิฉันจึงเริ่มที่  เห็นก่อนว่าโลกเรานี้มันทุกข์จริงตามที่พุทธองค์บอก  และมีศรัทธาเป็นแรงผลักดันให้ตั้งใจศึกษา  ปฏิบัติโดยไม่ทิ้งเลยค่ะ จากคุณ : ใบไม้และขุนเขา เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 17:34:16

ความคิดเห็นที่ 23 คุณเงยหน้าขึ้นรับแสงตะวัน ถ้ามีอาจารย์หรือผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้สนทนาธรรมหรือได้ส่งอารมณ์ ก็จะได้แก้อารมณ์ เริ่มต้นก็จะคล้ายๆกัน ไม่ว่าวิธีไหนก็ให้ฝึกสติรู้ ผมแนะนำเริ่มปฏิบัติรู้กาย ยืนเดินนั่งนอน ยืนให้สติรู้ว่ายืน เดินให้สติรู้ว่าเดิน ไม่ว่าจะทำอะไรให้สติรู้ เคี้ยวอาหารก็ให้รู้ว่าเคี้ยว อย่าให้จิตปรุงแต่งอาหารอร่อยไม่อร่อย ให้รู้สึกกำลังเคี้ยว อย่าปล่อยหรือปรุงแต่งตามความคิด แต่ถ้าเผลอ ให้ทิ้งทันที มากำหนดรู้ทันที ถ้าเสร็จธุระหน้าที่การงานแล้ว เพิ่มความเพียรใช้เวลาเป็นตัวช่วยกำหนดเลย จะยืนหรือนั่งโดยไม่ขยัย กำหนดรู้กายเป็นเวลาเท่าไหร่ไห้กำหนดเองครับ แต่ถ้าไหว ควรเริ่มที่ 20 นาที ตั้งใจไว้ด้วยว่าวันนี้ต้องได้มากกว่าเมื่อวานเพิ่มเวลาไปเรื่อยจะได้เห็นตัวเวทนาหรือความรู้สึกเมื่อย ร้อน ตัวกิเลสจะเข้ามากับความคิดมากมาย เลิกเหอะ พอเหอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำต่อ เดี๋ยวต้องทำโน่นทำนี่ อื่นๆอีกมากมายครับ บอกตัวเองเลยครับสู้ตายบ้านจะถล่มก็จะไม่ขยัยไปไหนต่อสู้ไปเลย เริ่มต้นยังไม่ต้องไปทำความเข้าใจกับตัวอักษร อะไรคือสมถะวิปัสนา ยังไม่ต้องศึกษาปฏิบัติแล้วรู้เองเห็นเองครับ ขออนุโทนาล่วงหน้าครับ จากคุณ : 17247c เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 19:46:35

ความคิดเห็นที่ 24 แนะนำ ถ้าจะเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจัง ควรวางหนังสือหรือความรู้ที่เราได้รู้ศึกษามา ไม่งั้นจะยุ่งตีกันตายเลย ย้ำอีกครั้งนะครับปฏิบัติสติตัวรู้มีกำลังแล้วจะรู้เองเห็นเอง แล้วภาษาหรือหนังสือจะมารองรับการปฏิบัติของคุณเอง จากคุณ : 17247c เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 20:07:10

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบ คห18 ครูบาอาจารย์ที่มีสัมมาทิฏฐิ(มีความเห็นถูกต้อง)นั้นก็สำคัญค่ะ เพราะท่านจะมีภูมิธรรมที่สูงกว่าเรา สามารถแนะนำเราไปในทางที่ถูกได้ บางท่านถึงกับอ่านจิตเราได้ อย่างกรณีอ.ดร.สนอง วรอุไร ตอนที่ท่านนั่งสมาธิเข้าไปในฌานลึกๆแล้วเกิดปีติ หลงอยู่ในสุขอยู่นั้น อาจารย์ท่านก็เข้ามากระซิบว่า"คุณๆออกมา อันนั้นไม่ใช่" แต่ก็ต้องระวังอาจารย์ที่ไม่มีปัญญาจริงๆหรือมีความเห็นผิดมาแนะให้เราผิดอีก ตามคำคมที่ว่า"ถ้าไม่ตรวจสอบครูบาอาจารย์ ก็เหมือนท่านกำลังดื่มยาพิษ" แทนที่จะได้ของดี กลายเป็นทำให้โง่ไปก็มี ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึง ตรัสสอนถึงหลักกาลามสูตร ข้อนึงคือ อย่าเชื่อเพราะคนนั้นเป็นครูอาจารย์เรา สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" หากไม่คิดพิจารณาให้ดี(โยนิโสมนสิการ)ก็อาจโดนพาเข้ารกเข้าพงได้นะคะ ถ้าอยากพบก็ลองอธิษฐานและปฏิบัติไปในทางที่จะสมหวังคือตั้งใจปฏิบัติศึกษาภาวนา เมื่อแรงอธิษฐานและกุศลกรรมที่เราเพียรกระทำถึงเวลาส่งผล เราก็จะได้พบอาจารย์ที่เราอธิษฐานไว้ค่ะ (บางครั้งท่านก็มาในรูปของคนตอบกระทู้ คนเก็บขยะ เด็ก คนแก่ คนขอทาน หรือคนขับแท็กซี่นะคะ ไม่จำเป็นต้องมาในรูปนักบวช นักปฏิบัติธรรมเสมอไป) จากคุณ : หมาชายหาด เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 20:58:41