ความคิดเห็นที่ 1 มาถึงนี่เลยหรือ จขกท. จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:14:47

ความคิดเห็นที่ 2              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖              อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต              ชาณุสโสณีสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=24&A=6420&Z=6522                            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=24&i=166              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html                      เรื่อง                           ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                           การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                           มหาทาน                           ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                           ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                           กาลทาน ๕ อย่าง                           ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                           ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                           สังฆทาน ๗ ประเภท                           ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                           ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                                       เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                           ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔                           อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                           ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖                           ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:37:48

ความคิดเห็นที่ 3 วิธีการพิสูจน์ไม่ยาก แต่จะทำหรือไม่ขึ้นกับ จขกท ๑..ฝึกทิพยจักขุญาณ แล้วตามไปดูว่าผลบุญส่งถึงจริงไหม ๒..ต้องรอตายก่อน แล้วค่อยไปพิสูจน์ เลือกเอาครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 21:38:37

ความคิดเห็นที่ 4 ถึงหรือเปล่าไม่รู้ เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อใครที่ไหน ผมทำเพราะควรทำ จากคุณ : พูเก็จ เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:00:31

ความคิดเห็นที่ 5 ฝากเงินไปให้เพื่อน ถึงรึเปล่าละครับ เจตนาถึงก็ถึง ไม่ถึงก็ แง่บๆ จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:18:26

ความคิดเห็นที่ 6  สวัสดีค่ะ :) ดิฉันขอตอบตามความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าเราตั้งใจทำบุญ....ต้องทำด้วยความตั้งใจค่ะ ..ก็ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมากมาย..ทำแล้วเราก็สบายใจนะคะ และถ้าเราจะอุทิศส่วนบุญกุศล..ตอนกรวดน้ำก็ตั้งจิตอธิษฐานดีดี.. (อย่างน้อยก็ทำให้เรามีสมาธิ มีสติอยู่กับตัวค่ะ) พระท่านบอกว่า ก่อนที่จะแผ่เมตตา..ต้องอโหสิกรรมให้ได้เสียก่อน... ถ้าจิตเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง..ไม่มีการอาฆาตพยาบาท..ความเมตตากรุณาก็จะเข้ามาแทนที่ การทำบุญที่บริสุทธิ์ก็เช่นเดียวกัน...จะต้องทำด้วยใจบริสุทธิ์..ไม่หวังผลตอบแทนใดใด ทำเท่าที่เราจะทำได้..ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น.. แม้จะปิดทองหลังพระ..เราก็จะมีความสุขใจที่ได้ทำบุญแล้วค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านนะคะ สาธุ _/|\_ จากคุณ : แสนดีเหมือนทราย เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 22:44:13

ความคิดเห็นที่ 7 การที่เราเริ่มสงสัยได้เป็นสัญญาณที่ดี แปลว่าเราเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งและพยายามเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น คุณจขกทลองคิดดูว่าที่ถึงนั้นคืออะไร สมมติว่าเราทำบุญด้วยเงิน หากเงินไปถึงที่นั่นได้จริงจะเกิดประโยชน์อันใดได้ ดังนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่ถวายไปที่เดินทางไปถึงเพราะไม่เกิดประโยชน์ แล้วสิ่งใดที่ไปถึงแล้วเกิดประโยชน์ เวลาเราเจออริยชนผู้ตื่นแล้วได้สนทนากับท่าน สัมผัสกระแสจิตของท่านเรารู้สึกสงบ รู้สึกเป็นสุข พึงพอใจไหม เรารู้สึกได้เพราะอะไร ถ้าจิตของเราที่เป็นกุศลนั้นเกิดเพื่อมอบให้กับวิญญาณที่อยู่ต่างภพภูมินั้น จิตจะส่งถึงได้หรือไม่นั้น สำคัญที่จิต ณ ตอนนั้นเป็นจิตที่ดีงาม ใครได้สัมผัสที่ชื่นชอบ เราก็เป็นสุขสงบด้วย ถ้าทำแล้วเห็นว่าดีก็สมควรทำต่อไป ทุกชีวิตต่างเชื่อมโยงกัน ยังไงก็ส่งถึงกัน จากคุณ : Windows X เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:35:47

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบแบบย่อๆแบบนี้แล้วกันนะครับ คือบรรพบุรุษของเรานั้น จะได้รับหรือไม่ได้รับ ขึ้นอยู่กับภพภูมิของเขาว่าสะดวกรับหรือเปล่า ถ้าเป็นนรก ก็รับไม่ได้ ถ้าเป็นสัตว์หรือมนุษย์รับไม่ได้ นอกนั้นรับได้ การรับคือการอนุโมทนาบุญ ถ้าเขาเป็นเปรตบางจำพวก เราต้องระบุชื่อเขา เขาถึงจะอนุโมทนาได้ ดังนั้นเพื่อกันเหนียว เราต้องทำ ทำคือทำบุญครับ ไม่ใช่การเผาอะไรส่งไปนะครับ ทำบุญสังฆทาน วิหารทาน ปฏิบัติกรรมฐานนี่แหละ เสร็จแล้วก็ตั้งจิตอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ดีที่สุดก็คือระบุชื่อไปเลยครับ ส่วนเปรตมาจริงหรือเปล่า ต้องฝึกทิพยจักขุญาณครับ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 23:57:33

ความคิดเห็นที่ 9 อยู่ที่ภพภูมิของผู้รับ บางภพก็ไม่ถึง บางภพก็ถึง ส่วนมากแล้วไม่ถึง แต่ก็ต้องทำ เพราะไม่อาจแน่ใจว่า ผู้รับอยู่ภพใดกันแน่ สรุปแล้ว ทำไว้ก่อน อุทิศไว้ก่อน ดีแน่นอนครับ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 00:19:58

ความคิดเห็นที่ 10 พระที่เคยไปทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของญาติผู้ใหญ่ ท่านเทศน์ให้ฟังว่า การที่เราทำบุญ แล้วอุทิศไปให้นั้น ถึงหรือไม่ถึง ไม่อาจทราบได้ แต่อย่างน้อย ผู้ที่ทำก็จะได้บุญนั้น   เสมือนหนึ่งว่า เราส่งไปรษณีย์แล้วไม่มีผู้รับ จดหมายก็ตีกลับมาหาเรา คิดอย่างที่พระท่านว่า ก็เลิกลังเลสงสัยค่ะ จากคุณ : โมงยามแห่งความสุข เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 08:51:32

ความคิดเห็นที่ 11 การทำบุญ อุทิศส่วนกุศล ให้ผู้ล่วงลับ มีมาตั้งเเต่สมัย พุทธกาล ในกาลนั้น พระเจ้าพิมพิสาร ได้ทำบุญเเก่ พระพุทะเจ้า เเต่ไม่ได้ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล  ในตอนกลางคืน  ญาติ ที่ตายไปเเล้วเป็นเปรต ได้มาส่งเสียงโวกเวก ต่างๆๆนาๆ   พอตอนเช้าก็ไปทูลถามพระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าก็ตอบไปว่า เป้นญาติๆๆในอดีตชาติ ที่มาขอส่วนบุญ  พระเจ้าพิมพิสาร ก็ทูลถามไปว่าต้องทำยังงัย  พวกเขาเหล่านั้นถึงจะได้รับส่วนบุญ พระพุทธเจ้าก็บอกว่าทำบุญเเล้วก็กรวดน้ำอุทิศส่วนก็ศลไปให้   พอพระเจ้าพิมพิสารทำ ในตอนกลางคืนญาติๆๆก็มาบอกว่าได้รับเเล้ว ถึง  จขกท   การที่เราทำบุญ เราทำบุญไม่จำเป้ฯว่าต้องทำบุญ เเก่ ญาติๆๆที่ล่วงลับไปเเล้ว  เรายังอุทิศเเก่ สรรพสัตว์  เจ้ากรรมนายเวร  เทพเทวดา แผ่เมตตาให้ผู้ตกทุกข์ได้ยาก   ถึงเเม้เขาเหล่านั้นจะได้มากน้อยเเค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเจตนา ของผู้กระทำ เเต่ผลบุญที่เราทำเราก็ได้อยู่เเล้วครับ ส่วนผู้รับนั้น จะได้รับมากน้อยขึ้นอยู่กับผลกรรมที่เคยทำไว้ จากคุณ : หนุ่มนอกกะลา เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 12:47:57

ความคิดเห็นที่ 12 เชื่อว่า การทำบุญ เป็นการสร้างทานบารมี สร้างจิตเมตตา กรุณา ส่วนการอุทิศส่วนบุญ ก็เป็นการสร้างทานบารมี สร้างจิตเมตตา และ แสดงถึงจิตที่มีความกตัญญู ดังนั้นจะถึงไม่ถึง แต่ จขกท. รู้สึกไหมว่า จิตลดความตระหนี่ลง มีความเมตตามากขึ้น ยกระดับจิตใจ จขกท. จากคุณ : สายฝนในสายหมอก เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 13:46:11

ความคิดเห็นที่ 13 มีทั้งถึงและไม่ถึงค่ะ คล้ายที่คุณsirnitfiบอก  ขึ้นกะภพภูมิจริงๆ ส่วนตัวมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่บ้างค่ะ ภายหลังพี่ชายจากไป  ได้ไปทำบุญกับหลวงปู่ทา วัดถ้ำซับมืด ท่านถามว่าคิดว่าจะถึงมั้ย (แปลกดีค่ะ  ไม่ได้เล่าอะไรเลย  ท่านถามเอง) ตอบท่านว่าถึงแน่นอน วันคืนผ่านไปเป็นเดือน.. พี่มาเข้าฝันตอนเช้า  บอกว่าหนาว ปากเค้าไม่ได้พูดหรอกนะคะ จากนั้นดิฉันไปถวายผ้าไตรแด่สงฆ์ผ่านพระอาจารย์มหาเหล็ก เล่าเรื่องให้ท่านฟัง  ท่านบอกให้จดชื่อพี่ชายให้ด้วย แล้วตัวดิฉันไปปฏิบัติธรรม ในสมาธิพี่ชายมาในรูปใหม่  ใส่ชุดขาว หน้าตายิ้มแย้ม ถือดอกบัวมาด้วย ดิฉันคงดีใจมากไปหน่อย  จิตหลุดออกมาจากสมาธิไปเลย ม่ายงั้นจะถามหลายๆเรื่องไปเลยค่ะ จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 17:09:08

ความคิดเห็นที่ 14 ถึง  หรือไม่ถึง  ก็ตาม............. แต่ไม่เห็นมีใครตอบกลับมาเลย ! ! ! * ถึงแล้ว...ได้รับแล้ว.... ก็น่าจะตอบรับด้วย ........ ผู้ส่ง   ผู้ทำบุญเขาจะได้ไม่กังวลใจ * หากไม่ถึง.....  ก็น่าจะท้วงติงมาบ้าง.....จะได้ส่ง  หรือทำบุญไปใหม่ นี่ไม่ใช่เรื่องการส่งไปรษณีย์  ... ก็จริง....... แต่เมื่อกิริยาบุญนี้มีทั้งผู้ให้  และผู้รับ....จึงน่าจะสื่อสารกันอย่างเป็นเหตุ  เป็นผลได้บ้าง จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 18:57:57

ความคิดเห็นที่ 15 การที่บุญจะถึงผู้ที่เราต้องการให้หรือเปล่าขึ้นกับว่า เขาจะสามารถมีจิตอนุโมทนาบุญจากเราได้ไหม เช่น พวกที่เขามาขอส่วนบุญ นั่นคือเขารอรับอยู่ อย่างในนรกภูมิ อันมีแต่ความทุกข์ ก็ยากที่จะได้บุญที่เราอุทิศไปให้ครับ แต่อย่างไรก็แล้วแต่การทำบุญ เราย่อมได้บุญครับ ถ้าทำด้วยเจตนาดี เป็นการสืบทอดศาสนาด้วย จากคุณ : semplice เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 13:12:00