Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
1 พรรษาในร่มกาสาวพัสตร์ ตอนที่ 3 วันสุกดิบ ภูมิรัชต์ นิยมศิลป{{แตกประเด็นจาก Y10654051} ติดต่อทีมงาน

3.วันสุกดิบ
                         

                           วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ในสถานะของฆราวาส เพราะพรุ้งนี้จะต้องเข้าพิธี บรรพชาอุปสมบท เป็นพระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
                         ผมตั้งใจว่าคืนนี้จะทำความสะอาดร่างกายเป็นพิเศษ
                        ตัดเล็บ โกนหนวดโกนเครา ให้เรียบร้อย
                        เพื่อจะได้ดูสะอาด และถือเป็นการชำระล้างร่างกายในคราบฆราวาส
                        พรุ่งนี้จะมีญาติพี่น้องมากันกี่คนก็ไม่รู้
                        คนที่ชวนบางคนอาจจะไม่มา
                        คนที่ไม่ชวนบางคนอาจจะมา
                        ผมรู้สึกตื่นเต้นชอบกลที่จะได้เจอหน้า พ่อกับแม่ ญาติๆและเพื่อนๆในวันพรุ่งนี้
                        มาอยู่ที่วัดเพียงแค่สองสามคืน แต่มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันนานเลย
                        ถ้าพอถึงเวลาจริงๆ  ได้เห็นหน้าญาติๆและเพื่อนๆที่มา
                        ผมคงจะประทับใจไม่มีวันลืม
                        อย่างน้อยก็คงมีผู้ร่วมอนุโมทนาและอโหสิกรรมให้เราบ้างไม่มากก็น้อย
                        ภารกิจในวันนี้คือการนับถอยหลังอย่างเดียว
                        เพราะการซ้อมได้สิ้นสุดแล้ว
                        พรุ่งนี้จะเป็นวันบวชจริงให้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
                        คืนนี้ หลวงพี่ที่เป็นพี่เลี้ยงของพวกเรา ท่านได้มาที่กุฏิที่พวกเราพักอยู่ ซึ้งปกติท่านจะไม่ค่อยได้ขึ้นมาเพราะที่นี่เป็นที่พักของพระใหม่และนาคที่กำลังจะบวช จะปล่อยให้อยู่กันเอง
                        ท่านได้มานั่งคุยกับพวกเรา
                        และเล่าเรื่องราวต่างๆเกื่ยวกับพุทธศาสนา ที่เป็นทั้งปรัชญา แง่คิดดีๆให้พวกเราได้คลายความตื่นเต้นลงไปได้บ้างทีเดียว
                        ผมได้ฟังเรื่องราวหลายอย่างจากท่าน ทำให้นับถือในภูมิความรู้ของท่านมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
                        ท่านบอกว่า การที่พวกเราได้นั่งสนทนาธรรมกันอย่างนี้ ก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน
                        อย่างน้อยๆ คืนนี้ผมก็ได้แง่คิดอีกอย่างหนึ่งว่า
                        ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดหรือปฏิบัตินั้น มันขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา
                       ถ้าคิดว่ามันทุกข์ มันก็ทุกข์
                       หรือคิดว่าสุข มันก็สุข
                        เราต้องควบคุมและรักษาใจของเราให้สะอาดอยู่เสมอ
                        ต้องนอนเสื่อผืนหมอนใบ กับพื้นแข็งๆ          
                        ถ้าคิดว่า ลำบากจัง นอนไม่สบาย
                        ปวดหลัง ปวดคอ
                        เมื่อคิดอย่างนี้ใจก็เป็นทุกข์ คิดต่อไปว่าจะหาผ้ามาปูทับลงไปจะได้นิ่มขึ้น
คิดอย่างนั้นก็เป็นกิเลสอีก
                     ความไม่รู้จักพอล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
                     แต่ถ้าคิดว่าเออดีนะ
                    เรายังมีที่นอน มีเสื่อปูนอน มีหมอนหนุนหัว
                    มีห้องเป็นสัดส่วน กันแดดกันฝน
                    ไม่ต้องไปนอนในที่ลำบาก แค่นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับการปฏิบัติธรรม
                    คิดได้อย่างนี้ก็ไม่เป็นทุกข์
                   หลักของพุทธศาสนาก็คือการดับทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนให้เราเกิดมาเพื่อที่จะนำไปสู่การดับทุกข์ มิใช่การเพิ่มทุกข์เข้าไปอีก
                   การบวชไม่ใช่จะสบายนั่งกินนอนกิน
                  ต้องฝึกร่างกาย จิตใจ ละจากกิเลส ความอยากนั้นอยากนี่ให้หมดไป
                  ผมพยายามที่จะนอนหลับให้เต็มที่ในคืนนี้ เพื่อพรุ่งนี้เช้าจะได้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น
                 แต่ก็นอนพลิกไปพลิกมาคึดถึงเรื่องราว ไปต่างๆนาๆ นึกไปถึงตอนที่เป็นวัยรุ่น เกเรขนาดไหน ทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อนเสียใจแค่ไหน
                 แม่เคยบอกว่า ผมเป็นคนดื้อเงียบ มีปัญหาอะไรไม่ค่อยปรึกษาใคร จะตัดสินใจเองเลย ผิดถูกค่อยว่ากัน ซึ้งบ่อยครั้งที่มีผลเสียตามมามากมาย
                 จำได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต ผมไม่เคยโดนตีเลย
                 ไม่ว่าผมจะทำผิดร้ายแรงขนาดไหนก็ตาม
                 พ่อกับแม่จะใช้วิธีสอน ให้ผมมองเห็นปัญหาและผลของการกระทำเหล่านั้น ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
                 และต้องยอมรับต่อผลของการกระทำนั้นๆ
                 ผมถูกสอนให้คิดเอง ศึกษาเอง ลองผิดลองถูก ผิดพลาดบ้าง ประสบความสำเร็จบ้างเป็นธรรมดา
                 นี่คือนิสัยการเรียนรู้ที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็ก และมันก็ติดตัวผมมาจนทุกวันนี้ แล้วผมก็จะใช้วิธีนี้กับลูกผมต่อไป
                   เราให้ชีวิตกับเขา
                   ให้แนวคิดและคำปรึกษาแก่เขา
                    ส่วนการตัดสินใจเป็นสิทธ์ของเขาเอง
                    คนเราถ้าไม่เจอกับตัวเองซักครั้ง อธิบายยังไงก็ยากที่จะเข้าใจ
                    ไม่มีใครเป็นครูที่ดีที่สุดเท่ากับประสบการณ์
                   
                   ผมนั่งมองหิ่งห้อยตัวหนึ่ง มันบินมาเกาะที่หน้าต่าง มันพยายามจะเอาตัวเองชนผ่านมุ้งลวดเข้ามา
                    แสงในตัวของมันที่เปล่งออกมาเป็นเหมือนแสงของความฝันอันยิ่งใหญ่
                    ที่ใครๆต่างก็คอยเฝ้ามอง
     จนมันลับสายตาไป
                    สัตว์ตัวเล็กๆเช่นนี้ สามารถทำให้มุนษย์อย่างเราสร้างจินตนาการไปได้ต่างๆนาๆ
                    ด้วยคุณค่าในตัวของมันเอง จะมีใครเคยคิดไหมว่า
                    มันจะมีอายุขัยอยู่ได้นานซักเท่าไร
                   มันจะบินไปได้ไกลขนาดไหน...
                   กินนอนอย่างไร...
                   หรือมันจะรู้ตัวเองบ้างไหมว่า อย่างน้อยมันก็ยังมีค่ามากยิ่งกว่าสัตว์โลกตัวใหญ่บางชนิด
                   ที่มีชีวิตอยู่เพื่อจะเป็นผู้ทำลายแต่อย่างเดียว…..

จากคุณ : Mr.key
เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 10:36:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com