ความคิดเห็นที่ 1 ก็ทำบุญเหมือนคนพุทธนี่แหล่ะครับ แต่ถ้าจะทำอาหารเลี้ยงพระ ก็งดหมูซะหน่อยก็ได้มั้ง -*- จากคุณ : spitfireboy เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 16:39:01

ความคิดเห็นที่ 2 เราก็ทำแบบพุทธนี่แหละค่ะ  ถวายภัตตาหารพระ ทำบังสุกุล อุทิศส่วนบุญให้เขา จิตของเขาย่อมได้รับถึงกระแสเมตตา เหมือนเราที่ตอนเป็นมนุษย์ เราก็ยังเคยช่วยเพื่อนมุสลิมทางภาคใต้เมื่อเขาได้รับความเดือดร้อน ความเมตตาไม่แบ่งแยกศาสนา จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 16:41:12

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องจริงที่ผมฟังจากปากเพื่อนเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว (ขออภัยชาวมุสลิมครับถ้ากระเทือนความรู้สึก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากเล่าเพราะผมเชื่อว่ามันเป็นความจริงครับ) เรื่องมีอยู่ว่า......... คุณปู่เพื่อนผม เขาเป็นอิสลาม มีภรรยา ๒ คน คนแรกเป็นอิสลาม คนที่ ๒ เป็นพุทธ วันหนึ่งคุณปู่ตายลง คุณย่าที่ ๑ ทำบุญด้วยวิธีอืสลาม คุณย่าที่ ๒ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแบบพุทธด้วยการถวายสังฆทานเป็น ภัตตาหาร จีวร และจตุปัจจัยแก่พระภิกษุสงฆ์ ตกกลางคืน คุณปู่ได้มาเข้าฝันคุณย่าที่ ๑ ซึ่งเป็นอิสลาม บอกว่า ได้รับบุญจากย่า ๒ เต็มๆ แต่ที่ย่า ๑ ทำไปนั้นไม่ได้อะไรเลย ตื่นเช้าขึ้นมา ย่า ๑ เลยไปคุยกับย่า ๒ รวมทั้งลูกๆทุกคน แล้วก็เลยพากันเปลี่ยนมานับถือพุทธกันทั้งตระกูลนับแต่นั้นเป็นต้นมา และตระกูลนี้ก็มีจิตศรัทธามั่นคง เพื่อนผมคนนี้ก็ชอบทำบุญ ถือศีล เจริญภาวนามิได้ขาดเลยครับ ------------ สรุป ทำบุญให้เขาไปแบบพุทธนี่แหละครับ ได้ผลดีแล้วครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 17:58:58

ความคิดเห็นที่ 4 คคหที่ 3 ถ้ามองจากมุมมองของมุสลิมนั้น มองได้เลยว่าเป็นการล่อลวงจาก ซาตานครับ เรียกได้ว่าเป็นงานถนัดของพวกมัน ในการแปลงเป็นผู้ตายเพื่อบอกนั่นบอกนี่ แล้วงงานนี้นี่ เรียกได้ว่ามันทำงานได้ผลอย่างน่ากลัว ทำคนตกศาสนาทั้งสายตระกูลเลย อันตรายมาก จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 18:47:20

ความคิดเห็นที่ 5 ศาสนาอิสลามไม่มีบทบัญญัติให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลในรูปแบบพิธีกรรมให้แก่ผู้ที่ตาย หรือผู้ที่ล่วงลับเหมือนอย่างศาสนาพุทธ เพราะอิสลามสอนว่า เมื่อมุสลิมคนหนึ่งสิ้นชีวิต การงานของเขาถูกตัดขาดลง ซึ่งเขาจะได้รับการตอบแทนในสิ่งที่เขาได้ขวนขวายขณะมีชีวิตอยู่บนโลกดุนยา(โลกนี้)เท่านั้น ทว่า สำหรับผู้ตายจะได้รับผลบุญจากคนที่มีชีวิตอยู่นั้น ย่อมกระทำได้ตราบเท่าที่มีหลักฐานมารองรับไว้เท่านั้น  อาทิเช่น บุคคลหนึ่งบริจาคทรัพย์ให้เป็นของส่วนรวม หรือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เช่น บริจาคให้แก่มัสญิด จากนั้นเขาก็ตั้งใจว่าสิ่งที่เขาบริจาคไปนั้น มอบความดีให้แก่ผู้ตายคนนั้น คนนี้ (คือบุคคลที่เขาจะตั้งใจมอบให้)  ทำนองนี้เป็นต้น คัดมาบางส่วนจาก เว็บ อ. มูรีด ......... จขกท. คงเข้าใจแล้วนะคะว่า พิธีกรรมเกี่ยวกับการทำบุญให้แก่ผู้ตายนั้น ศาสนาอิสลามไม่ได้ระบุให้ทำบุญที่เป็นพิธีกรรมให้แก่ผู้ตายเลยแม้แต่น้อย เพราะในอิสลาม มุสลิมจะยึดถืออยู่สองอย่างค่ะ คือ อัลกรุอ่าน และ อัลฮาดิษ (แบบอย่างของท่านนบีมูฮำหมัด ซล.)  ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ ต่างก็ไม่ปรากฏหลักฐาน ว่าให้มีกระทำสิ่งดังกล่าวไว้เลย แต่ถ้าหาก จขกท. อยากจะทำเพื่อความสบายใจของ จขกท.เอง อันนี้ก็คงแล้วแต่ค่ะเพื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอบอกไว้ก่อนค่ะว่า สิ่งที่คุณทำไปนั้นจะไม่สามารถไปถึงบุคคลผู้นั้นได้เลยแม้แต่น้อยค่ะ ปล.เพิ่มเติมข้อมูล ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดต่างๆของพี่ที่ทำงานของคุณ ก็อย่างที่ คห.4 บอกไว้ตามนั้นเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 19:24:03 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 19:19:32 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 19:17:35

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 4 ผมยินดีรับฟังด้วยความสนใจครับ ผมไม่ตำหนิคุณครับ เพราะคุณเป็นมุสลิม ย่อมมีมุมมองแบบนี้ ผมเข้าใจ เห็นใจ และรู้สึกเป็นมิตรครับ ที่จริงผมก็เกรงใจที่จะเล่า(ตามที่เกริ่นไปแล้ว) แต่ก็ขอเล่า (จนได้) แต่ขอให้คุณสบายใจได้อย่างหนึ่งครับ เพื่อนผมคนนั้นและญาติพี่น้องทั้งตระกูล เป็นคนดีของสังคมไทยครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 19:18:35

ความคิดเห็นที่ 7 แต่ก็อย่างว่า ความเชื่อใคร ความเชื่อมันค่ะ คห.ข้างบนเป็นมุมมองของมุสลิมเท่านั้น อาจจะตอบไม่ตรงคำถามของกระทู้ ก็ถือซะว่าเป็นความรู้ทั่วไปแล้วกันค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 21:21:26

ความคิดเห็นที่ 8 เพิ่งทราบว่า มุสลิม มีความนับถือแบบนี้   ต้องขอบคุณ ที่เขียนมาให้อ่านค่ะ จากการที่มีเพื่อนเป็นชาวมุสลิม พี่เขาก็จะเล่าให้ฟังว่า ทำดีตอนมีชีวิต แล้ว ผลนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้ตัดสินเอง ในตอนสุดท้าย (ตอนสุดท้ายเป็นวันตัดสิน หรือสิ้นโลก หรือหลังความตาย ไม่แน่ใจค่ะ )   ถ้าคนตายมาบอกกล่าวใดๆในความฝัน ถือว่า เป็น ซาดาน มาล่อลวง ใช่มั้ยคะ  ถ้าคนตายมาบอกในสิ่งดีๆ อันนี้ มุมมองชาวมุสลิมเป็นอย่างไรคะ จากคุณ : LittlebuBu เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 22:48:26

ความคิดเห็นที่ 9 จากคุณ : kingkiev เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 01:06:57

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบ คห.8 นะจ๊ะ ไม่ว่าจะเรื่องดี หรือไม่ดี ก็ถือเป็นการลวงจากซาตานเหมือนกันจ่ะ จากคุณ : Aroma kopi di pagi hari เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 07:54:52

ความคิดเห็นที่ 11 คุณAroma kopi di pagi hari   ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบ   :P จากคุณ : LittlebuBu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 09:01:08

ความคิดเห็นที่ 12 หลักฐานที่เชื่อถือได้ซึ่งยืนยันถึงความจริงที่ว่าวิญญาณของผู้ตายพบกับวิญญาณของผู้มีชีวิตเช่นเดียวกับวิญญาณของผู้มีชีวิตพบกันก็คือก็คือ คำดำรัสของอัลลอฮฺที่ทรงกล่าวว่า : اللَّهُ يَتَوَفَّى الْأَنفُسَ حِينَ مَوْتِهَا وَالَّتِي لَمْ تَمُتْ فِي مَنَامِهَا فَيُمْسِكُ الَّتِي قَضَى عَلَيْهَا الْمَوْتَ وَيُرْسِلُ الْأُخْرَى إِلَى أَجَلٍ مُسَمًّى إِنَّ فِي ذَلِكَ لَآيَاتٍ لِّقَوْمٍ يَتَفَكَّرُونَ “อัลลอฮฺคือผู้ทรงเอาวิญญาณในตอนที่ตายและชีวิตของผู้ที่ยังไม่ตายในระหว่างการนอนหลับ หลังจากนั้น พระองค์ก็จะทรงเอาชีวิตของผู้ที่พระองค์ทรงได้ทรงกำหนดความตายไว้แล้ว และทรงปล่อยชีวิตอื่นกลับไปจนกระทั่งถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำหรับผู้ไตร่ตรอง” (กุรอาน 39:42) จึงเป็นไปได้ว่า การฝันว่าพบกับผู้ที่ตายไปแล้วเป็นเรื่องจริง แต่ในขณะเดียวกัน การฝันร้ายนั้นมาจากชัยฎอน และ การฝันในบางครั้ง อาจจะเกิดจากชัยฏอนมาสร้างความสับสนในเรือง อะกีดะอ ให้แก่เราก็ได้ เช่นฟันเห็นคนกาเฟร ที่ตายไป มาบอกว่าให้เปลี่ยนศาสนาเป็นต้น ท่านนบี ศอลฯกล่าวว่า الرؤيا من الله والحلم من الشيطان فإذا رأى أحدكم شيئا يكرهه فليبصق عن شماله ثلاث مرات وليستعذ بالله من شرها فإنها لن تضره ฟันดีมาจากอัลลอฮ และฝันร้ายมาจากชัยฏอน แล้วเมื่อคนใดในหมู่พวกท่าน ฝันเห็นสิ่งที่ไม่ชอบ(ฝันร้าย) ดังนั้น เขาจงถ่มน้ำลายไปทางด้านซ้ายสามครั้ง และให้เขาขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ ให้พ้นจากความชั่วร้ายของมัน แท้จริงมันจะไม่ทำอันตรายแก่เขาได้ - รายงานโดยมุสลิม - ขอแนะนำให้หาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือ การอธิบายความฝัน ของ ดร. บิลาล พิลิปส์ (ฉบับแปลภาษาไทย) จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 09:07:57

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณ Carroth มากค่ะ ^ ^ จากคุณ : LittlebuBu เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 10:38:38

ความคิดเห็นที่ 14 ทางพุทธ ถือว่าสัตว์ทั้งหลายเป็น เพื่อนเป็นญาติ ควรเมตตาต่อกัน บุญกุศลไม่จำกัดชาติและศาสนา ความดีก็คือความดี ความดีล้วนเป็นสากล โดยส่วนมาก ถ้ามีเหตุให้เห็นเช่นนั้นชาวพุทธมักถือว่า มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง กันมาก่อน  หรือมักมาขอความช่วยเหลือ การทำกุศล ให้ทาน ถือศีล ทำสมาธิภาวนาหรือบุญกิริยาวัตถุ 10 1.ทานมัย การให้ทาน 2.ศีลมัย การักษาศีล 3.ภาวนามัย การอบรมจิตใจ 4.อปจายนมัย การอ่อนน้อมถ่อมตน 5.เวยาวัจมัย การช่วยเหลือผู้อื่น 6.ปัตติทานมัย การแผ่ส่วนบุญ 7.ปัตตานุโมทนามัย การอนุโมทนาบุญ 8.ธัมมัสสวนมัย การฟังธรรม 9.ธัมมเทสนามัย การแสดงธรรม 10.ทิฏฐุชุกรรม การทำความเห็นให้ถูกต้อง,ดีงาม แล้วตั้งจิตอธิฐานแบ่งส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับที่วนเวียนอยู่ในสังสารวัฐ จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 18 มิ.ย. 54 11:53:26

ความคิดเห็นที่ 15 การจะเชื่อหลักคำสอนใดๆ ควรพิจารณาอย่างมีสติ การหลับหูหลับตาเชื่อว่าเป็นซาตานโดยไม่พิจารณาเนื้อหาสาระใดๆ มันสะท้อนถึงความบกพร่องของหลักคำสอน หากหลักคำสอนดีจริง ถูกต้องจริง คงไม่ต้องเอาซาตานมาขู่หรอกครับ เว้นแต่จะกลัวเหตุผลมากกว่า ที่จริงศาสนาของท่านไม่กลัวซาตานหรอกครับ เพราะทุกวันนี้พวกท่านได้อาศัย ชื่อของมันขู่สาวก ไม่ให้เปลี่ยนความเชื่อ พอมีปัญหาก็กล่าวโทษ ปรักปรัม หาว่าซาตานล่อลวง (แต่ไม่ดูเลย ว่าลัทธิตัวเองก็ไม่ดีไปกว่าลัทธิเทพเจ้ากรีกเลย) จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 00:21:30

ความคิดเห็นที่ 16 จะว่าไปซาตานนี่กระจอกมากนะครับ โดนพวกคุณกล่าวโทษ ปรักปรัม ใส่ร้ายต่างๆนาๆ ก็ไม่มีปัญญาตอบโต้ เอาล่ะ งั้นผมจะช่วยด่าซาตานล่ะกัน (หวังว่าพวกคุณชอบ) ซาตานโง่ ซาตานโง่ ซาตานโง่ ซาตานโง่..... ซาตานห่วย ซาตานห่วย ซาตานห่วย ซาตานห่วย...... ซาตานเกรียน  ซาตานเกรียน  ซาตานเกรียน...... ซาตานกาก ซาตานกาก ซาตานกาก........ แน่จริงปล่อยพลังใส่ข้าสิวะ จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 00:27:10

ความคิดเห็นที่ 17 คห.ข้างบน นี่เค้าเรียกว่า วิจารณ์แบบดูถูกศาสนาของผู้อื่นใช่หรือไม่คะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 08:06:04

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้ารู้จักพิจารณาอย่างมีสติก็รู้ว่าเป็นซาตานอยู่แล้วล่ะครับ ไมต้องมาภาวนา เกรียนๆ โง่ๆ ว่า ซาตานโง่ ซาตานโง่ ซาตานโง่ ซาตานโง่..... ซาตานห่วย ซาตานห่วย ซาตานห่วย ซาตานห่วย...... ซาตานเกรียน  ซาตานเกรียน  ซาตานเกรียน...... ซาตานกาก ซาตานกาก ซาตานกาก........ หรอกนะครับ เพราะว่า การทำบุญนั้น ถ้าคนฟังรู้จักคิดก็ต้องรู้ได้แล้วว่า การทำบุญเหมือนกันย่อมต้องได้บ้าง ทั้งสองทาง แต่กลับบอกว่าอีกทางไม่ได้เลย แสดงว่าผู้ที่มาบอกมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่แล้ว และการจะเปลี่ยนศาสนานั้นต้องพิจารณาถึงคำสอน ผลของคำสอน ความจริงที่เกิดครับ อยู่ๆ มีดวงวิญญาณมาบอกให้เปลี่ยนศรัทธา ก็ต้องคิดแล้วว่ามาได้อย่างไร? ทำไมคนอื่นถึงไม่เจอ? ก่อนจะโพสต์ใช้สมองให้มากกว่านี้หน่อยครับ นกแคปหมู เพราะถ้าแสดงปัญญาออกมาแค่นี้ ก็คงทำได้แค่ภาวนาโง่ๆ ต่อไปนะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 09:04:14

ความคิดเห็นที่ 19 การทำบุญแบบอิสลาม เค้าเรียก "กินบุญ" โดยทั่วไปก็คือ ทำอาหารเลี้ยง แล้วเชิญคนมาอ่านกรุอ่านที่บ้านครับ แต่ในกรณีดังกล่าว... เท่าที่ทราบ ในเชิงอิสลาม ไม่มีความเชื่อ เรื่องวิญญาณคนตายกลับมา แต่มีวามเชื่อเรื่อง ญิณ ซึ่งก็คล้ายๆผีบ้านเรานะแหละ แต่แก่กล้ากว่าเยอะ มีหลายระดับ แต่เมื่อเข้าของบ้านเป็นพุทธ ก็ทำตามแนวทางศาสนาตนเองนั่นแหละครับ เหมาะควรสุดแล้ว จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 21:04:05

ความคิดเห็นที่ 20 เอางี้นะ..... ถ้าซาตานทำอย่างที่ว่าจริง ทำไมมันไม่ไปล่อลวงผู้นำประเทศมหาอำนาจ ให้ปล่อยขีปนาวุธทำลายเมกกะ หรือไม่ก็เยลูซาเร็ม หรือวาติกัน ซะเลยล่ะ มาเสียเวลาล่อลวงทีละคนทำไม หรือแค่นี้ซาตานก็คิดไม่ออก.....โง่นิ แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 22:20:11 จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 22:10:34

ความคิดเห็นที่ 21 นั่นเป็นความคิดโง่ๆ ของคนโง่ๆ น่ะครับ มันเป็นความคิดที่ตื้นเขินครับ คุณคงดูหนังมากไป ชนิดซาตานสิงนั่นสิงนี้ สั่งให้ทำนั่นได้นี่ได้ ไม่หรอกครับ ถ้าทำแค่นั้นมันคงเป็นไม่เป็นซาตาน การที่จะให้คนหมู่มากไปนรก มันก็ทำแบบที่เห็นใรฝันนั่นแหละ ใช้วิธีพื้นๆ ง่ายๆ แต่สามารถล่อลวงผู้คนให้หลงผิดได้ โดยไม่ต้องให้ตกใจอะไร ประเทศมหาอำนาจ ปล่อยขีปนาวุธไป ก็ไม่ทำให้มุสลิมนั้นตกศาสนาครับ เมกกะนั้นเป็นสถานที่ ไม่ใช่สิ่งเอาไว้เคารพบูชาครับ ดังนั้นส่งขีปนาวุธไปก็เท่านั้น แล้วมันก็ไม่ง่ายขนาด ส่งไปแล้วก็ทำลายได้ด้วย ไม่แปลกใจ ทำไมภาวนาแบบนั้น ก็แค่คิดได้แค่นั้นนี่นะ โง่จริงๆ ด้วยนิ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 54 00:43:11 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 00:42:32

ความคิดเห็นที่ 22 ง้าน...หรอ...... ซาตานอยากให้คนไปนรกมากๆสินะ........โธ่~~~~ แล้วทำไมมันไม่ล่อลวงเจ้าของสื่อโทรทัศน์ วิทยุ โรงพิมพ์ หรือฮอลลี่วู๊ดล่ะ ใช้สื่อ+หนัง+ละคร+หนังสือ+สารคดี หักล้างความเชื่อของศาสนาในวงกว้าง สะดวกกว่ามาเข้าฝันทีละคน หรือแค่นี้ซาตานก็คิดไม่ออก.....โง่นิ คิดดูนะ....... ประชากรโลก 6 พันล้าน ถ้าซาตานเข้าฝันครั้งละ 10 นาที ชั่วโมงนึงก็ 6 คน วันนึงจะได้                       144          คน   (6*24) ปีนึงก็ประมาณ                   52,000      คน   (144*365) กว่าจะเข้าฝันครบก็ประมาณ    115,000     ปี    (6,000,000,0000/52,000) แล้วไหนจะคนเกิดใหม่อีก โอ้~~~~เมกะโปรเจคของซาตาน อนาคตช่างมืดมนซะจริง ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย ..... ที่ศัตรูตัวฉกาจของคุณ โง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้ ถ้าเผื่อมันฉลาดได้สักครึ่งนึง ของเด็กมัธยมล่ะก็ พวกคุณคงต้องรับศึกหนักแน่นอน จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 02:41:29

ความคิดเห็นที่ 23 ซาตานมันคงดีใจที่มีคนคิดว่าตัวเองฉลาดแล้วให้มันหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะการล่อลวงประเภทเข้าฝันเป็นแค่ 1 งาน งานอื่นๆ มีเยอแยะ ผลงานฮอลลีวู้ด ที่ นกแคปหมูเพิ่งจะนึกออก ก็ลองคิดดีดีซิว่า ผลงานแต่ละเรื่อง มันค้านหลักการศาสนาหรือเปล่า? สอดแทรกเรื่องโสมมอะไรไปบ้าง? เพลงเอย การ์ตูนเอบ นิตยสารเอย มันก็สอดแทรกเรื่องชวนวิบัติทั้งนั้น ถ้าเรายังคิดว่าซาตานมันไม่ได้ทำงานในสื่อเหล่านี้ คนก็คงตกเป็นเหยื่ออันโอชะของมันนะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 10:12:24