ความคิดเห็นที่ 1 สำนักนาป่าพง ของพระคึกฤทธิ์ , สำนักสามแยกที่เพชรบูรณ์ ของพระเกษม , สำนักไม่กินเนื้อของโพธิรักษ์,  สำนักปู่สวรรค์ที่ราชบุรี , ..ฯฯ จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 04:45:30

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบยากจัง จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 07:35:31

ความคิดเห็นที่ 3 โอย ถ้าเอา นอกเถรวาททั้งหมด เหนื่อยตายครับ พิจารณาแค่ฝ่ายที่ถือว่าตนเป็นเถรวาทแต่ค้านกับมติของเถรวาทก็พอ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 08:32:48

ความคิดเห็นที่ 4 นับรวมสำนักเข้าทรงด้วยมั้ยครับ? ถ้างั้นคงนับกันไม่ไหว อิอิ หรือเอาเกณฑ์ตามความเห็นของผมดังนี้... สำนักไหนสอนขัดกับพระพุทธเจ้า ถือว่าไม่ใช่พุทธเถรวาท บางสำนัก สอนสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน แต่ไม่ขัดกับคำสอน ก็ยังถือว่าใช่อยู่ เช่น การขยับมือ พองยุบ นับลม อะไรพวกนี้ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน แต่รวมเข้ากันได้ กับกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ถือว่ายังใช่พุทธแท้อยู่ จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 09:28:09

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าไปเชื่อใครๆ.........  ที่จริง สำนักปู่สวรรค์  ทำงานล่วงหน้าจนตามไม่ทันต่างหากเพราะสร้างสันติภาพให้เกิดในโลก   คนอวดรู้มีมาก อย่าหูเบาเชื่อตามกระแสร์ข่าวที่ปล่อย ลองเข้าไปศึกษาดูด้วยเอง เป็นนักธรรมต้องละเอียด อย่าประมาท จงเป็นตัวของตัวเอง แค่หาข่าวที่ถูกต้องยังไม่ได้ แล้วจะเข้าใจธรรมลึกๆได้อย่างไร การคิดอกุศลต่อสิ่งดี เป็นบาปด้วย ข้อพิสูจน์ 5 ข้อ ของมหาตมะ คานฑี จะต้องประสบ ถ้าเป็นงานสำคัญจริง                     1     คนไม่สนใจ                     2     เยาะเย้ย                     3     กล่าวหา                     4     บีบบังคับให้ล้ม          และ     5      สรรเสริญ ..........ขณะนี้กำลังอยู่ในข้อนี้ พวกที่เคยโจมตีกรรมตาม                            สนองกันเป็นแถว หยุดโจมตีไปเลย  คงเหลือรุ่นหลังๆที่ตามเรื่องไม่                            ทัน เลยไม่รู้ว่าเขาไปถึงใหนกันแล้ว    ป.ล. .......เราเข้าไปศึกษาอย่างละเอียดมาแล้วจึงกล้ายืนยัน ถ้าไม่จริงขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน เมื่อก่อนเชื่อตามหนังสือพิมพ์เหมือนกัน(ที่รับเงินใต้โต๊ะ)ลงข่าวทำลายตามคำสั่งผู้มีอำนาจที่เสียหน้าที่สำนักนี้เดินงานจนได้เข้าประชุมในองค์การสหประชาชาติ สำนักงานใหญ่ที่นครนิวยอร์ค.........รู้ๆกันอยู่ว่านิสัยคนไทยเป็นอย่างไร  เสียอะไรก็เสียได้ แต่เสียหน้ายอมไม่ได้ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 09:34:52

ความคิดเห็นที่ 6 เอ่อ คุณไม่คิดมาก กระทู้เก่าๆยังไม่เห็นจะตอบคำถาม หรือ ชี้แจงหลักฐานได้ซักข้อเลยนะครับ หลอกตัวเองไปเรื่อยๆ มันจะดีหรือครับ? คนเสียก็คือตัวคุณเองครับ ไม่ใช่ใครอื่น อนุโมทนา ญาติธรรม จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 09:42:58

ความคิดเห็นที่ 7 รู้จัก โยเร ขอบอกว่า  คนนับถือเขาเยอะนะ  ที่สำนักใหญ่ของเขา ที่สระบุรี คนไปล้นหลาม  มีของขาย  ของกิน  อย่างกะงาน Expo หรือ โอทอปเลย เคยเข้าไปแบบคนใน  ช่วยงานเค้าอยู่ 7 วัน  ได้ความรู้มากมายว่า เสื่อม เค้าสอนว่า  ถ้าเรากลับมานับถือพระพุทธเจ้าตามเดิม  เราจะเกิด แก่ เจ็บตาย เข้าโรงพยาบาลเหมือนเดิม  ต้องนับถือเค้า  เพราะของเค้า 5 ศาสนารวมกัน อีกทั้งต้องรับพระเสียเงิน 1,000 บาท ก่อนเข้าไป  ต้องนั่งยกมือให้หัวหน้าลัทธิ ที่ตายไปแล้วเอาพลังผ่าน  ประมาณแผ่พลังไปให้คนอื่น  ท่ายกมือแบบงูจงอาง แผ่แม่เบี้ย ไปให้คนอื่น  ที่ไปเพราะต้องการข้อมูลจริง  เพื่อช่วยคนในครอบครัว   ถ้าไม่มีข้อมูล  ก็แย้งกับเค้าไม่ได้ว่าขัดหลักศาสนาพุทธอย่างไร แต่เค้ามาเนียนว่าเค้าก็พุทธด้วย  แต่ไม่ได้ให้นับถือพระพุทธเจ้า  ให้นับถือเจ้าลัทธิ ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นที่ตายไปแล้ว  แต่ชวนเชื่อประมาณว่า  จะรวย รวย รวย คนไทยพออะไรแปลกๆ  และบวก รวยด้วยนี่  วิ่งเข้าใส่  แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ ที่น่าขนลุกดี  มีคนเต็มใจ  เดินเข้าไปแบบหน้าชื่นตาบาน  แล้วก็มืดฟ้ามัวดิน ที่เรามัวภูมิใจว่าชาวพุทธเราเข้มแข็งมากมาย  เอาเข้าจริง  ก็เน่าใน อ่อนยวบยาบ  พร้อมที่จะแฮ  ไปกับเขาถ้ามีอะไรแบบใหม่ๆเข้ามา ที่นี่ก็มีประเภทพระที่สึกไปแล้ว  ออกมาพร่ำพรรณานาว่า  พุทธไม่ดีอย่างไร เขามาที่นี่  นับถือโยเรแล้ว  ชีวิตเขาดีมากกกกกกกกกกกก   ก็แหงละซิ  ถ้าแก  ได้ดีในศาสนา  บรรลุมรรคผล  แกคงไม่สึกออกมา นั่งด่าศาสนาพุทธอยู่หรอก  เอาเป็นว่า  เรามายืนยันว่ามันเลื่อมมาก ลัทธินี้ มีการพยายามให้คนที่ไปนับถือ  แต่งงานกันเอง  บางคนพึงอกหัก  พอถูกยุก็แต่งเลย ครอบครัวเราเอง  ต้องรีบให้เลิกแทบไม่ทัน  เน้นบริจาคเงิน  จะมีใบให้เขียน และหย่อนเงินลงตู้วันละหลายรอบหลายหน  เพื่อเน้นว่า รวย รวย รวย แต่ก็ทำดีเอาหน้าเช่น  จัดคนไปทำงานเพื่อสาธารณะ  ทำให้เนียนทั้งดี และธุรกิจแอบแฝง  แบบคนหัวอ่อนแยกแยะไม่ออก  เห็นว่าดีก็เอานะ   อะไรว่าดีก็อยากจะทำ  ขอเตือนผู้ที่จะเข้าไปลัทธินี้ให้พิจารณาให้ดี เพราะที่เราเรียนธรรมะอยู่  มีครูอาจารย์ซึ่งเป็นพระ  กล่าวสรรเสริญลัทธินี้ ว่าก็ดี  สนับสนุนให้คนทำดีเพื่อสาธารณะ  น่ายกย่อง  แต่ผู้พูดลืม   คำสอนพระพุทธเจ้า  เรื่องทุกข์และการดับทุกข์  มัวแต่ยินดีกับการ กวาดบ้าน กวาดถนน  ไม่ต้องพูดถึงนิพพานเพราะท่านว่ายากเกินไป   ไม่ต้องไปทำมันหรอก  แม้แต่ฌานก็ยากหนักหนา  ที่นั่งเรียนก็แสนยากแล้ว ไม่ต้องไปทำหรอก  ไปเที่ยวอินเดียกันดีกว่า  ....  เอวัง สรุปคือ  เราก็เสื่อมอยู่ก่อน ถึงทำให้คนนอกมาทำร้าย  ทำลายได้ ถ้าเราเข้มแข็ง  ศรัทธาตั้งมั่นไม่หวั่นไหว  ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรได้ ชาวพุทธควรสลดสังเวช  และเร่งทำความเพียรให้มาก  เพราะพุทธศาสนา ไม่ใช่จะตั้งอยู่ได้นาน  หรือตลอดไปในประเทศไทย ทุกอย่างไม่แน่นอน ไม่มีอะไรเที่ยง  อย่างเช่น  ชาวพุทธที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้ และถ้าเสื่อมก็จะสูญ ไปอย่างรวดเร็ว  เพราะชาวพุทธด้วยกัน  นั่นเอง จากคุณ : goodsthailand เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 09:44:00

ความคิดเห็นที่ 8 เออ....คุณ  คห 6    ดูแบบองค์รวม ดูไม่ออก      คนเข้าไปพิสูจน์กันมากขึ้น เป็นคนที่กล้ากว่าคนที่ชอบคาดคะเน จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 10:18:05

ความคิดเห็นที่ 9 คนที่เลือกทางที่ถูกที่ควรตามแนวคำสอนของพระพุทธองค์ต่างหาก ที่กล้าหาญที่สุด. จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:00:09

ความคิดเห็นที่ 10 คนชอบ ชอบเพราะกิเลส ไม่ก่อประโยชน์ไม่เป็นไปในทางละทิ้งปล่อยวาง ไม่ใช่ทางหลุดพ้น ย่อมไม่ใช่ทางของพุทธศาสนา จากคุณ : -tak- เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:51:02

ความคิดเห็นที่ 11 คำสอนไหน สอนแล้วเกิดปัญญา ให้หาเหตุผล คิดแก้ปัญหาได้เมื่อเกิดเหตุ คือศาสนาของแท้  (ศรัทธา ต้องมีปัญญากำกับ) @^____________^@ จากคุณ : *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:43:13

ความคิดเห็นที่ 12 มนุษย์ติดวัตถุ ตกเป็นทาสกิเลส สังเกตุดู  ลัทธิ เพี้ยนๆ ประหลาดๆ มักเอาเรื่อง  รวยๆๆๆ  เป็นตัวล่อ จากคุณ : misery เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 19:26:16

ความคิดเห็นที่ 13 ลัทธิ "ชมรมพุทธศาสน์สากล" ครับ...ผมเคยเสียรู้มาแล้วหนนึง จากคุณ : นักศึกษาธรรมมะฝึกหัด (Arltenis) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 20:44:44

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ #13 ด้วยความอยากรู้ เลยไปหาใน กูเกิล  ....เห็นแล้วอี้งอ่ะ  มาในรูปแบบใหม่จริงๆ เห็นแล้วกลัว! จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 22:22:26

ความคิดเห็นที่ 15 #13, #14 มันคือเหล้าชนิดเก่า ในขวดรูปแบบนึงนั่นเอง ป.ล. เห็นใน FB พระพุทธรูปเขาถอดเสื้อออก หันมาห่มจีวรแล้วนะครับ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 22:49:18 จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 22:39:18

ความคิดเห็นที่ 16 พุทธศาสตร์สากลนี่ของ "ลัทธิจานบิน" ใช่ไหมครับ จากคุณ : จันทรประภา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 23:37:05

ความคิดเห็นที่ 17 #16 ใช่ครับ จริง ๆ จุดเริ่มต้นมันมาจากชมรมพุทธของมหา'ลัยสีหวาน พอเขาเทคที่นี่ได้ ที่อื่นก็โดนเทคตามเหมือนโดมิโน แล้วก็มีพุทธศาสตร์สากลขึ้นมา เป็นตัวแม่คอยสั่งการชมรมพุทธที่ถูกเทคแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่า คนที่หลงเข้าไป ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็มีมาก และผมก็ต้องหาทางช่วย รวมถึงคนที่หลงเข้าไปติดกับแล้วด้วย จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 01:19:09

ความคิดเห็นที่ 18 ... จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 11:27:36

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ สมัยเรียอยู่ที่มหาลัยสีหวานก็เคยหลงเข้าไป ตอนนี้รู้สึกตัวว่าโชคดีที่รอดมาได้ มีเพื่อนมากมายหลายคนทิ้งครอบครัว ทิ้งอนาคต ทิ้งการศึกษาไปบวชพระ บวชชี ที่วัดต้นสังกัด เห็นแล้วก็สงสาร ต่อไปรู้ความจริง รู้ว่าสิ่งที่ทุ่มสุดตัวมันก็แค่สิ่งจอมปลอม ไม่รู้จะรับสภาพกันได้หรือไม่ เพราะตอนจากไปก็ตัดสินใจทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อไปหา ทางที่คิดว่าดีแล้วถูกแล้ว เกิดวันใดสิ่งที่วัดหมกเม็ดไว้แตกออกมาเพราะเป็นธรรมดาที่ ความลับไม่มีในโลก ถึงวันนั้นจะเหลืออะไรให้ยึดเหยี่ยว จะมีอะไรให้ศัทธา แถมคนที่นั้น พ่อเข้าไปแล้วก็จะถูกตั้งโปรแกมใหม่ให้เป็นคนหัวอ่อน ว่าตามๆกัน ไม่ต้องมีข้อสงสัย อะไรทั้งนั้น ถูกฝึกอย่างจริงจังให้เป็นคนที่มีผัสสะอ่อนแอ จนยากที่จะออกมาอยู่ในโลก ภายนอกได้  ทำให้คนที่เข้าไปแล้วหลงจมอยู่กับวัด ไปไหนไม่ได้เสียด้วย คิดแล้วก็เป็น ห่วงจริงๆ จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 11:30:25

ความคิดเห็นที่ 20 ลัทธิธรรมกายที่เน้นในเรื่อง “นิมิต” ซึ่งนิมิตนี้จะ กลม ใส สว่าง รวมไปถึงการอวดอ้างว่านิมิตดังกล่าวเป็นปากทางก่อนเข้าสู่นิพพาน อีกทั้งสอนให้เชื่อว่า นิพพานคือ “อัตตา”ซึ่งยังมีข้อถกเถียงกันว่าเป็นการบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ และทุกคนสามารถเข้าถึงนิพพานได้หากปฏิบัติตามแนวทางธรรมกายรูปแบบที่กำหนด เอาไว้              นอกจากนี้ยังอวดอุตริในเรื่องพิธีกรรมแปลก ประหลาด สร้างเรื่องความเป็นคน “พิเศษ” ของ “แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง” ผู้ให้กำเนิดวัดธรรมกาย เป็นผู้อุปถัมภ์ พระธรรมชโย และเป็นผู้ชี้ทางให้บรรลุในวิชาธรรมกาย ซึ่งความพิเศษที่ว่านั้นก็คือ ทั้งสองคนดังกล่าวจะทำหน้าที่กลั่นอาหารทิพย์ที่นำมาจากข้าวปลาอาหารที่ชาว บ้านนำมาถวาย ซึ่งอาหารทิพย์ที่ว่านั้น ทั้งแม่ชีจันทร์กับ ธรรมชโย จะเป็นผู้นำไปถวายพระพุทธเจ้าเสวยในทุกข์วันอาทิตย์ต้นเดือน              แค่ นี้ก็ถือว่าแหกตาหลุดโลกแล้ว เพราะในบรรดาชาวพุทธทั้งหลายที่มีอยู่หลายล้านคนทั่วโลก ทำไมมีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่มีสิทธิพิเศษได้เข้าเฝ้าฯในแดนนิพพานเท่า นั้น              นอกจากนี้ยังอวดอุติสร้างกระแสอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์อื่นๆ เช่น บอกว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดลงมาตอน แรกมีเป้าหมายที่ประเทศไทย เนื่องจากมีกองทหารญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยการบำเพ็ญภาวนาของ แม่ชีจันทร์ เป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน มีตบะแก่กล้า ก็สามารถสร้างกุศล ปัดระเบิดนิวเคลียร์ไปตกที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิได้ ทำให้คนไทยรอดพ้นอันตราย              แต่ขณะที่สร้างกระแสในเรื่องนี้เพื่อให้สาวกทึ่งและนับถือในความเก่งกาจ เพื่อสร้าง “อุปทานหมู่”แต่คงลืมไปว่าการที่ทำเช่นนั้นกลับไปสร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสให้กับ ชาวญี่ปุ่นอีกนับแสนคนที่เสียชีวิตและทนทุกข์ทรมาณจากกัมมันตภาพรังสี มีบาดแผลทางกายและใจมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่รู้มีบาปกรรมตามมาอีกเท่าไหร่ อย่างไรก็ดียังเป็นความโชคดีที่เรื่องนี้ยังไม่แพร่ไปถึงประเทศญี่ปุ่น หรือคนญี่ปุ่นฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นก็มีสิทธิ์จะโดนยำเละคา “จานบิน” ไปแล้วก็เป็นได้ จากคุณ : *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 16:02:48