ความคิดเห็นที่ 1 ก็เลยระเบิดทิ้งไปเลย ว่างั้น จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:17:24

ความคิดเห็นที่ 2 หนึ่งในอนุสสติฏฐาน คือ พุทธานุสสติ       ข้อมูลจากพระไตรปิฎก(มหาจุฬาฯ)  เล่ม 22 หน้า420 พุทธานุสสติ  (การระลึกถึงพระพุทธคุณ)ย่อมเป็นเหตุให้บรรลุคุณวิเศษ  เพราะเมื่อบุคคลระลึกถึงพุทธคุณอยู่   ปีติ(ความอิ่มใจ)ย่อมเกิด  จากนั้นจึงพิจารณาปีติให้เห็นความสิ้นไปเสื่อมไปจนได้บรรลุ   อรหัตตผล     ----------------------------------------- ข้อมูลจาก พระไตรปิฎก(มหาจุฬา) เล่ม 22 หน้า456 ข้อ 25 ๕. อนุสสติฏฐานสูตร               ว่าด้วยอนุสสติฏฐาน            [๒๕]    ภิกษุทั้งหลาย    อนุสสติฏฐาน    ๖    ประการนี้            อนุสสติฏฐาน    ๖    ประการ    อะไรบ้าง    คือ     ๑. อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ระลึกถึงตถาคตว่า    ‘แม้เพราะเหตุนี้    พระผู้มี   พระภาคพระองค์นั้น    ฯลฯ     เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย    เป็นพระพุทธเจ้า    เป็นพระผู้มีพระภาค’    สมัยใด    อริยสาวกระลึกถึงตถาคตแล้ว    สมัยนั้น    จิตของเธอย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม    ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม    ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม    เป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียวเป็นจิตออกไป    พ้นไป    หลุดไปจากความกำหนัด    คำว่า    ‘กำหนัด’   นี้เป็นชื่อของกามคุณ         ภิกษุทั้งหลาย    สัตว์บางพวกในโลกนี้ทำพุทธานุสสตินี้ให้เป็นอารมณ์  ย่อม บริสุทธิ์[1]ได้อย่างนี้แล _______________________________________________________ [1]บริสุทธิ์  ในที่นี้หมายถึงบรรลุนิพพานที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง  (องฺ.ฉกฺก.อ.  ๓/๒๕/๑๑๐) --------------------------------------------------------------------------- การปฏิบัติอยู่ที่ใจ ไม่ใช่มองเพียงวัตถุภายนอก....(และไม่จำเป็นต้องปฏิเสธสมมติ  เพราะสมมติเป็นความจริงเหมือนกัน แต่เป็นความจริงระดับสมมติ) แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 14:05:28 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 11:52:56 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 11:23:45 แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 11:22:50 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:21:39

ความคิดเห็นที่ 3 ประเด็น.... มีบ้างหรือไม่ที่คำตรัสของพระพุทธเจ้านั้นออกไปในทำนองที่ว่า "จงสร้างรูปปั้นสำหรับเรา" "จงขอความช่วยเหลือจากเรา" "จงกราบไหว้เรา และเราจะช่วยเหลือท่าน" หรือไม่ก็ "พวกท่านทั้งหลายจงขอความช่วยเหลือจากเทวดา  เจ้าป่า  เจ้าเขารวมถึงบรรพบุรุษที่ทรงเกียรติทั้งหลาย ให้พวกเขาได้ช่วยเหลือพวกท่าน" หรือไม่ก็ "โอ้ภิกษุทั้งหลาย  จงทำเครื่องราง  ของขลังให้แก่ปวงชนผู้ศรัทธาเถิด" ================================================= คำตอบ... คำสอนของพระพุทธองค์ ไม่มีอะไรดังนั้นเลย หลักของพุทธศาสนาคือตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน... ================================================= ประเด็น... ถ้าคำตอบเป็นประมาณว่า  "ก็เพื่อจะระลึกถึงพระพุทธจ้าตลอดเวลา"  ผมก็ต้องขอคำอธิบายเพิ่มเติมว่า  เวลาระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วท่านระลึกอะไร  คำสอนของท่าน, บุญบารมีของท่าน หรืออย่างอื่น ================================================= คำตอบ... ของคนอื่นผมไม่ทราบ แต่สำหรับผม ผมรำลึกถึงพุทธคุณสามประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ... ================================================= ประเด็น... ถ้าไม่มีอะไรแบบนี้แล้วชาวพุทธกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปกันไปทำไม กราบไหว้บูชาสิ่งอื่นทำไม เป็นการสร้างศาสนาขึ้นมาใหม่รึเปล่า พวกที่กราบไหว้นี่เขานึกถึงอะไรกันหรือครับ   แล้วก็ทำไมพระสงฆ์ถึงไม่มีพระพุทธรูปห้อยไว้ที่คอกันบ้างละครับ ================================================== คำตอบ... ผมตอบได้แต่เพียงว่า ไม่มีพุทธบัญญัติห้าม และอาศัยคำสอนของพระองค์ที่ว่า หากสิ่งที่ทำเข้ากันได้กับหลักคำสอน ไม่เข้ากันกับข้อห้ามในหลักคำสอน สิ่งนั้นถือว่าควรทำ และหากสิ่งที่ทำไม่เข้ากันกับหลักคำสอน เข้ากันกับข้อห้ามในหลักคำสอน สิ่งนั้นถือว่าไม่ควรทำ... การบูชาพระพุทธรูป สำคัญที่บูชา"อย่างไร" หากการบูชานั้นเข้ากับหลักคำสอน ก็เป็นเรื่องควร และหากการบูชานั้น ขัดกับหลักคำสอน การบูชานั้นก็ไม่ควร... พระพุทธองค์จะตัดสินอะไร ไม่ใช่แค่เปลือกหรือรูปแบบ พระองค์ตัดสินจากเจตนาเป็นหลักเสมอ... แก้ไขเพื่อแยกประเด็นของ จขกท. กับคำตอบ ให้เห็นชัด อ่านง่าย... แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 11:29:09 จากคุณ : pae2010 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:26:38

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเราเข้าถึงคำสอนของพระคถาคต เราก็ไม่ต้องไปสนใจภายนอกหรอกครับ เราสนใจแต่ตนเอง พาตนเองไปให้ถึงปลายทางดีกว่า สนใจสิ่งภายนอกมีแต่สร้างอัตตา พาเราห่างไกลนิพพานไปเรื่อยๆ มากกว่า จากคุณ : จะมาเอาอะไรกับโผ๊มมมมม เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:27:38

ความคิดเห็นที่ 5 เฮ่อออ   อยากอยู่ด้วยกันอย่างสงบ   แต่คำถามของท่านมันไม่สร้างสรรค์และดูไม่ค่อยจะเป้นมิตรเลยครับ ในทางกลับกัน  ถ้าพวกเราชาวพุทธถามแนวๆนี้กับท่านบ้าง  ก็เป็นเรื่องอีก จากคุณ : Die Marine เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:30:52

ความคิดเห็นที่ 6 สงสัยมานานเหมือนกันค่ะ  ถามจขกท  หน่อยค่ะ เพื่อเป็นความรู้ ทำไมอิสลามิกต้องไปเคารพบูชาแท่งหิน(ไม่ทราบเรียกว่าอะไรนะคะ) ที่เมกกะคะ แล้วที่สุเหร่า  ทำไมต้องมีตัวอักษร(ไม่รู้เรียกว่าอะไรเช่นกันค่ะ) ขอถามเป็นความรู้นะคะ ปล.หวังว่าคงไม่ได้ออกแนวรุนแรงจนเกินไป   อยากอยู่ด้วยกันอย่างสงบค่ะ จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:35:03

ความคิดเห็นที่ 7 ที่กราบไหว้ ก็เพราะต้องการกราบไหว้พระพุทธคุณ พระปัญญาคุณ และพระบริสุทธิคุณ ซึ่งใช้รูปแทนของท่านเหนี่ยวนำความคิด ความระลึก   ให้เห็นเด่นชัด ซึ่งรูปแทนนี้  แต่เดิมมาจากการปั้นของวัฒนธรรมกรีกไม่ใช่มาจากอิสลาม   และเมื่อมีผู้ปั้นบุคคลที่เราเคารพนับถือ   เราก็อดไม่ได้ที่จะให้ความเคารพเหมือนอยู่ต่อหน้าบุคคลนั้น จากคุณ : -tak- เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:42:51

ความคิดเห็นที่ 8 คห.1 นั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดของคุณแล้วใช่ใหม จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:43:17

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ ป้ามีมี่ อ่านลิงค์ข้างล่างนี้เลยค่ะ คำตอบ อยู่ คห.8 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10705906/Y10705906.html จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:45:44

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมิสซิสค่ะ จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:54:22

ความคิดเห็นที่ 11 อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวน๊ะค๊ะ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจค่ะ การสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูปทำให้จิตใจเรา สงบเยือกเย็น แล้วมีสมาธิมากขึ้น (เฉพาะตัวเราเองค่ะ) จากคุณ : airtwoBS เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 11:57:23

ความคิดเห็นที่ 12 มันไม่ใช่คำตอบ มันเป็นคำถาม จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:03:29

ความคิดเห็นที่ 13 คำถามเกรียนๆ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:06:06

ความคิดเห็นที่ 14 ก็คงเหมือนศาสนาอิสลาม ที่ มุสลิมระลึกถึงอัลเลาะหฺ์  ล่ะค่ะ ที่ให้พระเจ้าประทานพรให้มั้งคะ ที่คิดว่า สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเมกกะ   ส่วนชาวพุทธต้องไป อินเดีย   อย่างเรา  มะห์ของแฟน ยังเอารูป  ใครหน๊า  (จำชื่อไม่ได้อ่ะ)  ที่ทำภาพเบลอๆ ไม่เห็นหน้าอ่ะ มาไว้ที่ห้องเราเลย  แถมเอาหนังสือมาไว้ให้ที่ห้อง  บอกเอาไว้อ่าน   ว่างๆ เราก็เปิดอ่านบ้าง  ดูว่ามีข้อปฎิบัติ ข้อห้าม อะไรบ้าง  เวลาเข้าจริงๆ จะได้ปฎิบัติตัวถูก เพราะเวลาทางบ้านแฟนมีงาน  เราจะถูกลากตัวไปด้วยทุกครั้งที่เราว่าง วันงานไหนถ้าไม่ไปก็จะถูกถามถึงตลอดๆ เราว่าศาสนาแต่ละศาสนาก็สอนให้เราปฎิบัติดี  ปฎิบัติชอบทั้งนั้น  อยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น ปล.บางคำอาจใช้คำพูดหรือคำไม่ถูกต้อง  ขออภัยไว้ด้วยคะ จากคุณ : MySeaSon เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:13:00

ความคิดเห็นที่ 15 เราขอตอบจากตนเอง แต่ก่อนไม่รู้จักพระธรรมที่เป็นพุทธวจน ก็กราบพระพุทธรูปแล้วก็อธิฐานขอไปเรื่อยๆ คิดแต่เรื่องที่อยากได้ หรือ ก็เสี่ยงในเสี่ยมซีดูดวง ระบายความรู้สึกเมื่อพบสิ่งที่ไม่พอใจ  ไม่ได้คิดถึงพระพุทธองค์เท่าไหร่  แต่เมื่อได้พบพระธรรมที่เป็นพุทธวจน การกราบพระพุทธรูปเปลี่ยนไป ใจนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้จริง รู้ว่าพระธรรมคือกัลยาณมิตรที่ดีที่สุดและเป็นเรื่องจริง ไม่ขออะไรอีก  ตอนนี้ก็กราบพระก่อนนอนในห้องนอนไม่มีพระพุทธรูปแต่ก็กราบและระลึกถึงพระพุทธองค์ พระธรรมและพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:13:01

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่รู้ว่า คำถามลักษณะนี้ จะเป็นการเปิดประเด็น ให้เกิดสงครามวิวาทะ กันหรือไม่ แต่อ่านจากตัวอักษร แล้ว รู้สึกไม่เป็นมิตร เหมือนจะถามเพื่อความรู้ แต่เจือด้วยการดูแคลนอยู่ไม่น้อยในบริบท ตีความว่า เจตนาไม่ค่อย บริสุทธิ์ ขออภัย วิเคราะห์จากตัวอักษรของคุณเอง ต้องใช้สติในการให้คำตอบท่านจริงๆ  และในขณะเดียวกันก็คงถือโอกาส เตือนท่านด้วย เลยขออนุญาตแลกเปลี่ยนสนทนาพอสังเขปในลักษณะเปรียบเปรย ดังนี้ว่า ในเมื่อศาสดาของท่าน ได้ล่วงลับไปแล้ว  ศาสนาของท่านเอง ก็ต้องมีสัญญาลักษณ์ เอกลักษณ์เฉพาะเพื่อต้องการยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นกันใช่หรือไม่ หากเราถามซื่อๆว่า ทำไม ชาวไทยมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึง ศาสดาของท่านใช่หรือไม่ แล้ววัตถุประสงค์หลักเพื่ออะไร นี่ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ พระเจ้าของท่านไม่ได้ สถิตในใจท่าน เหมือนที่ ศาสนาคริสต์เองเคยพูดจนติดหูว่า พระเจ้าของเขาสถิตในใจของพวกเขา จริงๆ เราประทับใจประโยคนี้ของชาวคริสต์มากเลยนะคะ ขออภัยที่ต้องอ้างอิง อีกศาสนาหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมันก็เหมือนกับของศาสนาพุทธเช่นกัน หากเราตั้งคำถามว่า ทำไม ทุกปี และทุกๆ ปี ชาวมุสสลิมต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่ว่าคนเยอะๆ แออัดกัน ก็จะมีการเหยียบกันบาดเจ็บล้มตาย เกิดอุบัติเหตุทุกๆครั้ง แล้ว พวกเขาเหล่านั้น ไหว้พระเจ้า กราบไหว้แท่นหินสีดำ ที่สร้างไว้ในบ้านได้หรือไม่   หาก มีใครตั้งคำถามกับท่านในลักษณะนี้ ท่านคง โกรธเป็นแน่ เราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่า เพราะอะไร   แต่ในเมื่อเราเองก็ไม่รู้ความจริงในส่วนของ ศาสนาท่าน เราจึงให้ความเป็นธรรมโดยสรุปรวมว่า เพราะหัวใจท่านมีศรัทธาอันบริสุทธิ์ มั่นคง แน่วแน่ ในศาสดาของท่านใช่หรือไม่ ภาพผู้คนที่เห็นในข่าวที่แพร่ภาพไปทั่วโลก เราก็รู้ว่า เพราะศรัทธาอันแรงกล้านั่นเอง และศรัทธา เป็นคำกลาง ที่ใช้ได้ในทุกๆ ศาสนาค่ะ สรุปแม้ไม่ตั้งคำถาม ก็พอจะรู้ว่า เพราะอะไร ใจเขาใจเรานะคะ จะตั้งคำถามอะไร ก็ควรที่จะรักษาน้ำใจเพื่อนต่างศาสนาบ้าง ดีไหมค่ะ จะได้ อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราปั้นพระพุทธรูป เพื่อเคารพกราบไหว้นั้น เราไม่ได้ เคารพที่วัตถุ ที่เอามาสร้างพระพุทธรูป แต่เราให้ความเครพกราบไหว้ เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าต่างหากเล่า และเราวางจิตไว้ว่า เรากำลังกราบแทบพระบาทพระพุทธองค์ ส่วนใครจะขออะไรนั้น ก็ตาม อัธยาศัยของแต่ละท่าน การห้ามความหวังของผู้หนึ่งผู้ใดนั้น เป็นการริดรอนกำลังใจ อย่างไร้น้ำใจอย่างที่สุดค่ะ อีกทั้งการดูหมิ่น คำอธิษฐานของผู้หนึ่งผู้ใด ศาสนาใด เราว่า ใจแคบค่ะ การจะอธิษฐานสิ่งใด ทำใด้ ทั้งนั้น ส่วนคำอธิษฐานจะเป็นดังปรารถนาหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยค่ะ ศาสนาของเราเป็นศาสนาหนึ่งที่เนื้อแท้แล้ว เต็มไปด้วย เหตุและผล รู้ถึงต้นสายและปลายเหตุในทุกๆ คำอธิบายอย่างแน่นอนค่ะ ขอแลกเปลี่ยนเพียงเท่านี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 13:08:05 จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:15:04

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ว่าจะเป็นการกราบ หรือการละหมาด หรือการขอวิงวอน ^ ^ จากที่คุณมิสซิสแนะนำไปอ่านนะคะ  คุณจขกท.เลยเข้าใจผิดไปค่ะ  เกี่ยวกับการเคารพบูชาของชาวพุทธ ชาวพุทธเคารพบูชาเพื่อรำลึกบูชาพระมหากรุณาธิคุณ  พระปัญญาคุณ  และพระบริสุทธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ  ไม่ได้ไปกราบวิงวอนท่านนะคะ ศาสนาพุทธไม่ได้สอนที่ระดับความเชื่อค่ะ  แต่เน้นเรื่องการศึกษาพัฒนาตนเองค่ะ พระพุทธเจ้าท่านไม่ขัดกับสมมุติทางโลกค่ะ  ถ้าสิ่งนั้นไม่เป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น จขกท.ถามผิดนะคะ  ต้องถามว่าทำไมชาวพุทธจึงบูชากราบไหว้ 1 ธาตุเจดีย์  2 บริโภคเจดีย์ 3 ธรรมเจดีย์ 4 อุเทสิกะเจดีย์  จึงจะครบค่ะ ปล.รบกวนจขกทไปอ่านหนังสือ  ตำนานพระพุทธเจดีย์  พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพนะคะ  จะได้ข้อมูลครบถ้วนค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 12:24:21 จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:16:09

ความคิดเห็นที่ 18 # 16  จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:27:31

ความคิดเห็นที่ 19 อือม.. ตอบยากนะ ที่ตอบยากเพราะไม่รู้ว่าจะคุยกันรู้เรื่องหรือเปล่า เอางี้แล้วกัน คืออารมณ์ความดีของแต่ละคนนะไม่เท่ากันหรอกนะ ขอให้ทราบไว้ว่า สำหรับพระพุทธศาสนานั้น การระลึกถึงพระพุทธเจ้าแม้เพียงแต่ชื่อของพระองค์ (แน่นอนว่าต้องระลึกอย่างเป็นกุศลด้วย) ก็มีกุศลทำให้เป็นเทวดาในสวรรค์ได้ ถือเป็นความดีใหญ่มาก ทีนี้อารมณ์ใจในสันดานของคนที่ไม่ได้มีความดีความงามอะไร อยู่ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเลยก็นึกไม่ออก ดับขันธ์ไปนานแล้วด้วยสิ ก็เลยมีพระพุทธรูปขึ้นมาเป็นตัวแทนพระพุทธองค์ให้ระลึกถึง ไม่ใช่ว่าเราไปไหว้หินไหว้ปูนไหว้ไม้ไหว้เรซินกันนะ คิดอย่างนั้นก็นับว่าหยาบมาก นึกถึงพระพุทธรูปก็เหมือนนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงความดีของพระองค์ นึกถึงคำสอนธรรมะของพระองค์ได้ จะเรียกง่ายๆว่าเป็นสิ่งจูงจิตให้เป็นกุศลได้ง่ายก็ได้นะ เอางี้สิ สมมติว่าเรารักพ่อรักแม่มาก พ่อแม่เราสอนให้เป็นคนดี มีอยู่วันหนึ่ง จิตคิดชั่ว อยากจะไปฉุดแม่สาวบ้านใต้สักหน่อย ก็เดินลงไปเห็นรูปพ่อรูปแม่วางอยู่ จิตก็ฉุกคิดถึงพระคุณของพ่อของแม่ได้ นึกถึงคำสอนของพ่อแม่ได้ ก็เลยงดเสีย นี่ขอให้เปรียบดูอย่างนี้ รูปของพ่อของแม่ก็เป็นแค่กระดาษธรรมดาใบหนึ่ง แต่เราจะหย่อนก้นขี้ใส่ หรือจะเอาเท้ากระทืบๆ แล้วก็:-)น้ำลายนั้น คนจิตใจปกติเขาก็ไม่ทำกัน เพราะอะไรผมต้องตอบมั้ย ถ้าต้องตอบ ก็ไม่คุยต่อ เพราะมันเกินความสามารถแล้วละ ที่ผมจะคุยให้ฟังต่อได้ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 12:32:57

ความคิดเห็นที่ 20 เหตุผลในการสร้างพระพุทธรูปมีหลายอย่างทั้งเป็นกุศโลบายของคนโบราณ เป็นพุทธศิลป์ซึ่งสามารถเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แสดงได้ถึงแนวคิดของศาสนาพุทธในแต่ละชาติ ฯลฯ ถึงอย่างนั้นก็ตาม มันจะแปลกอะไร หากเรารัก เคารพใครซักคนแล้วจะมีการสร้างรูประลึกของคนๆนั้นขึ้นมา ถ้าจะถามเพราะมันไม่ถูกต้องในมุมมองของอีกศาสนา ก็ต้องเปิดใจยอมรับในสิ่งต่างเสียก่อน คุณมองว่าการที่พุทธบูชาพระพุทธรูปเป็นเรื่องไม่สมเหตุผลตามตรรกะของคุณ ผมมองว่าการที่มุสลิมต้องบินไปถึงเมกกะเพื่อทำพิธีฮัจญ์และสักการะก้อนหินกาบะห์ ซึ่งถือเป็นบทบัญญัติที่อย่างน้อยในชีวิตต้องไป 1 ครั้ง  มันก็ไม่สมเหตุผลตามตรรกะของผมเช่นกัน ...แต่มันไม่ใช่สาระสำคัญหากการกระทำใดๆไม่ขัดตามหลักของศาสนานั้นๆและไม่ออกนอกกรอบมี่วางไว้ สำคัญคือคนของศาสนาทำสิ่งใดแล้วถือเป็นการปฏิบัติชอบหรือไม่ต่างหาก ทำแล้วสามารถยกระดับจิตใจได้หรือไม่ นั่นคือจุดประสงค์ของศาสนาต่างหาก จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:25:05

ความคิดเห็นที่ 21 คห 19 อธิบายได้เห็นภาพ เหมือนรูปของพ่อกับแม่เรา หรือแม้แต่รูปในหลวง อัด พิมพ์กี่ครั้งก็ได้ ทั้งๆ  ที่มันก็เป็นแค่กระดาษใบหนึ่ง แต่คุณมีความรู้สึก ความเคารพ ความศรัืทธาอะไรในใจคุณเอง ไม่ได้จะต้องสวดอ้อนวอน ขออะไร แต่มันเป็นเครื่องเตือนใจ ดิฉันเคยได้รับอีเมล์จาก มุสลิมท่านหนึ่งที่พยายามจะเผยแพร่ศาสนา แต่เขาอาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่  ในข้อความทางอีเมล์เขาเขียนว่า ทำไมคนศาสนาอื่น ต้องไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา ศาลเจ้า ธรรมชาติ เจ้าที่เจ้าทาง แล้วพระพุทธเจ้าไม่น้อยใจเหรอ ทำไม่ไม่มีพระพุทธเจ้าแค่องค์เดียว โถ ๆๆๆๆ พ่อคุณ  คิดได้นะ แหม ระดับ god มีน้อยใจด้วยเหรอ อึ้งเลย คือ มันคนละอย่างกับ No gods but God ไง และก็ไม่มีักฏ ไม่มีใครมาบังคับว่า ห้ามไหว้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกว่า ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม ทุกคนควรคิดได้ด้วยตัวเอง ควรเข้าใจ ระลึก รู้ได้ด้วยตัวเอง   ใครจะคิดได้ไม่ได้ คิดได้มากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่เขาแสดงออก แค่นั้นแหละ จะไม่ไหว้เลยก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไรนะ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 13:49:03 จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:36:08

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณ คห. 2 และท่านอื่นๆมาก ต้องขออภัยด้วยที่อาจใช้วาจาที่ไม่สุภาพไป  ผมแค่อยากได้หลักฐานยืนยันบางอย่างเท่านั้นเอง   ซึ่งก็ได้แล้ว จากคห. 2 จากคุณ : mage_mann เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:37:00

ความคิดเห็นที่ 23 พระพุทธองค์ ไม่ได้สอนให้บูชารูปเคารพครับ จุดประสงค์ของการเผยแพร่หลักธรรมของพุทธองค์ คือ ให้ค้นพบความจริงแท้ของธรรมชาติ ที่เรียกว่า กฎไตรลักษณ์ ครับ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างล้วนตั้งบนความเปลี่ยนแปลง ไม่สามารถยื้อยุดให้คงเดิมได้ สุดท้ายต้องสลาย กลายสภาพสู่ธรรมชาติตามเดิม จึงไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง เมื่อเราไปยึด จึงเป็นทุกข์ เมื่อเข้าใจ ด้วยใจ และปล่อยวางทุกอารมณ์ได้ อย่างขาดจากกัน ก็จะเข้าสูสภาวะธรรม ที่เรียกว่า นิพพาน ครับ ส่วนการบูชารูปเคารพนั้น น่าจะเริ่มโดยผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา ให้เกิดการดำรงอยู่ เพื่อเตือนใจให้ระลึกถึง ในพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่คนนี้มีหลายระดับปัญญา อย่างเช่นบัวเหล่าต่าง ๆ จึงมีคนบูชารูปเคารพของพระพุทธรูป พระเครื่อง ของขลัง เครื่องรางต่าง ๆ ด้วยปัญญาในระดับของตน คือ บูชาด้วยเชื่อว่ามีปาฎิหารย์ มีอิทธิฤทธิ์ให้มั่งมี ให้คงกระพัน ให้เกิดเมตตามหานิยม ฯลฯ ดังนี้ ผิดทางของพุทธศาสนา ครับ แต่อย่างน้อย ก็ยังเป็นหนทาง น้อมนำ ให้คนได้มีจุดเริ่มต้น ในการใกล้ชิดพระศาสนา และเป็นโอกาสในการค้นคว้า ศึกษาพระธรรม อันเป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนา ในลำดับถัดไปครับ เพราะผมเชื่อว่า คนไหว้พระ บูชาธูปเทียนดอกไม้ อย่างน้อยที่สุด เขายังเชื่อในเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม สิ่งนี้แม้เป็นเบื้องต้นที่สุด ของการเข้าใจพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็น สัมมาทิฐิ (ความเห็นอันถูกต้อง) อย่างหนึ่งครับ เรื่องศาสนานี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างที่ทุกคนทราบ เป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา ความมีเหตุผล ที่แตกต่าง การแสดงความคิดเห็น เราจึงต้องนึกถึง การสำรวมกาย วาจา ใจ เพื่อไม่ให้เกิดอกุศลกรรมขึ้นแก่เราเอง การมี "เมตตา" แก่คนที่มีความเห็นต่าง ก็เป็นอีกบริบทที่สำคัญ สำหรับเราชาวพุทธครับ นี่เป็นข้อนึง ที่ผมอยากให้เรา กำหนดดู "สติ" ของเรา อย่าแกว่งไปตามปัจจัยภายนอกครับ โอปนยิโก น้อมนำเข้าพิจารณาตนเป็นสำคัญ นี่จึงวิเศษที่สุดครับ ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ ^_^ จากคุณ : solo 356 เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:50:57

ความคิดเห็นที่ 24 เจดีย์เกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามี ๔ อย่างคือ          ๑. ธาตุเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ          ๒. บริโภคเจดีย์ คือสิ่งหรือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยทรงใช้สอย          ๓. ธรรมเจดีย์ บรรจุพระธรรม คือ พุทธพจน์          ๔. อุทเทสิกเจดีย์ คือพระพุทธรูป; http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=เจดีย์&detail=on พระพุทธเจ้าทรงแบ่งธรรมไว้เป็นหลายระดับ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับผู้ต้องการละวาง หากจะเอาธรรมขั้นสูงเลย คือ ไม่ยึดติดกับรูป-นาม  ก็จะเป็นการเกินธรรมชาติของความเป็นปุถุชน เพราะกำลังปัญญาของผู้ที่จะก้าวเดินในทางธรรมนั้นมีไม่เท่ากัน พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่า สิ่งที่สืบเนื่องด้วยพระตถาคต นั้นไม่มี... พระธรรมต่างหากที่จะเป็นตัวแทนพระพุทธองค์ แต่ด้วยความที่คนยังยึดมั่นถือมั่นจึงทำไปในแบบที่ขาดความเข้าใจ ความไม่รู้ไม่เข้าใจทำให้เกิดการสร้างรูปเพื่อยึดเหนี่ยวระลึกถึง การระลึกโดยผ่านตัวแทน ที่เป็นรูปธรรมไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือไม่สมควรกระทำ ดังที่หลายท่านกล่าวมาว่าไม่ได้กราบอิฐ หิน ปูน ทราย แต่น้อมจิตไปกราบพระพุทธเจ้าโดย ผ่านทางรูปเคารพตัวแทนเท่านั้นเอง การถามถึงสิ่งที่ผู้อื่นเคารพศรัทธาสูงสุด ตัวของเราเองก่อนที่ควรแสดงออกอย่างสุภาพให้มากเท่าที่ จะเป็นไปได้  ทำอย่างนี้ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ถามอย่างมีปัญญา ดูน่าสรรเสริญ จากคุณ : ning JFK. เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 13:53:00

ความคิดเห็นที่ 25 ที่จริงผมจะเข้ามาถาม จขกท. เหมือนกัน แต่ได้อ่านคำตอบ คุณต่อ ใน คห.2 + จขกท. ใน คห.22 แล้ว ขอขอบคุณและขออนุโมทนาด้วยครับ คุณทำให้ผมนึกถึง ตงง้วนเจ็กเตี่ยมอั้ง "การปฏิบัติอยู่ที่ใจ ไม่ใช่มองเพียงวัตถุภายนอก....(และไม่จำเป็นต้องปฏิเสธสมมติ  เพราะสมมติเป็นความจริงเหมือนกัน แต่เป็นความจริงระดับสมมติ)" จากคุณ : norapob เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:29:20

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้ายังงั้น  จะถามมุสลิมบ้างว่า    ทำไมศาสนาคุณเห็นการฆ่าหลายๆอย่างเป็นการทำบุญบูชาพระเจ้าของคุณ   เช่น ฆ่าคนที่ไม่นับถือมุสลิม  หรือฆ่าสัตว์ด้วยมือตนเองเป็นอาหาร ฯฯ.. ทั้งๆที่การฆ่าทุกๆประเภท คือบาปอย่างรุนแรงสุดๆ ..แล้วทำไมพวกคุณเห็นว่าเป็นการได้บุญซะนี่?? จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:32:34

ความคิดเห็นที่ 27 ตกลงคุณ โขตานนี่ เป็น ยิว หรือ เป็น พุทธ ค่ะ เห็นแปลงร่างได้หลากหลายเกิน ตกลงเป็นอะไรคะ เห็นลิงค์นี้ บอกว่าเป็นยิว เลยสงสัยหน่ะค่ะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10670598/Y10670598.html จะได้รู้ว่า คุณตั้งคำถาม เพื่อ อยากรู้จริงๆ หรือ ตั้ง แบบ เกรียนๆ อย่างที่ คห.29 ว่ามาหน่ะค่ะ *เพิ่มเติมข้อมูล แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 15:29:59 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:35:56

ความคิดเห็นที่ 28 "การฆ่าหลายๆอย่างเป็นการทำบุญบูชาพระเจ้าของคุณ   เช่น ฆ่าคนที่ไม่นับถือมุสลิม" เอามาจากไหน??? จินตนาการสูงอีกแล้ว...โคตาน จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 14:40:52

ความคิดเห็นที่ 29 นึกว่าจะมีแต่นายละลิ๊กเกรียนอยู่คนเดียว   ช่วงนี้เป็นกันเยอะ จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 15:22:50

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นความฉลาดของคนโบราณครับ เมื่อนานวันการระลึกถึงพุทธธานุสติของคนมันจางลง โบราณท่านจึงหาวิธียึดเหนี่ยวและระลึกถึงให้เป็นรูปธรรม เมื่อเห็นพระพุทธรูปก็ระลึกถึงคำสอนและเป็นการยับยั้งการทำชั่วทำบาปครับ เพราะในศาสนาพุทธสอนให้มีหิริโอตะปะ การละอายต่อบาป ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ชาวพุทธศึกษาคำสอนน้อยลงไม่เหมือนแต่ก่อน ชาวพุทธเข้าวัดศึกษาธรรมน้อยมากเมื่อเทียบกับศาสนาอื่น พระพุทธรูปไม่ใช่ตัวแทนพระพุทธเจ้าแต่เป็นสิ่งที่เตือนให้ระลึกถึงครับ นานเข้าชาวพุทธบางส่วนที่ไม่ได้ศึกษาไม่เข้าก็ยึดติดคิดว่าเป็นรูปแทนองค์ไป จนเป็นที่เถียงกันอยู่นี่แหละครับ สำหรับพระเครื่ององค์เล็กๆที่เจ้าของกระทู้ถามพระท่านรู้และศึกษาจึงไม่ได้ห้อยคอครับ ตอนนี้พระเครื่องพระพทุธรูปกลายเป็นของที่มีมูลค่าไปแล้วจึงเกิดค่านิยมการสะสมขึ้นในปัจจุบัน หลายคนอาจจะบอกว่าอย่างนั้นที่เอารูปไปติดในที่ๆไม่สมควรก็ไม่ควรไปว่าคนทำ ต้องบอกว่าถึงเราไม่ได้ใช้รูปเป็นตัวแทนองค์ท่านแต่การระลึกถึงก็ควรอยู่ ในสถานที่หรือที่ๆสมควรนะครับหากเข้าใจเหตุผลก็จะหมดความสงสัยในเรื่องพระพุทธรูปครับ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 15:40:21 จากคุณ : ศรีเทพไทย เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 15:23:47

ความคิดเห็นที่ 31 มาให้giveเฉยๆ เพราะ 1.ชอบป้ามีมี่นะ 2.อ่านMs.Kohlantaแล้ว 3.ไม่รู้จะอธิบายยังไง  potato 4.อ่านคำตอบแล้วได้ความรู้เพิ่มจากพี่ที่เข้าใจธรรมะ ผมมีเพื่อนนับถือศาสนาพุทธ  ศาสนาคริสต์  ศาสนาอิสลามเลยนะ เจ้าของกระทู้อยู่ประเทศไทยหรือเปล่า  ถ้าเป็นคนรุ่นที่เกิดในแผ่นดินไทย  ผมว่าแค่มองหน้าก็เข้าใจกันและกัน จากคุณ : แสวงหาปัญญา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 15:42:06

ความคิดเห็นที่ 32 ก่อนปรินิพพานทรงตรัสบอกพระอานนท์ว่า "ธรรม ที่เรากล่าวไว้ดีแล้ว ... นั่นแหละจะเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายเมื่อเราสิ้นไป" ( ช่วยบอกเพื่อนชาวต่างศาสนาและชาวพุทธที่ไม่เคยอ่านพระไตรปิฏกด้วยนะ ) จากคุณ : เผอิญผ่านมา เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 16:41:42

ความคิดเห็นที่ 33 "การฆ่าหลายๆอย่างเป็นการทำบุญบูชาพระเจ้าของคุณ   เช่น ฆ่าคนที่ไม่นับถือมุสลิม" เอามาจากไหน??? จินตนาการสูงอีกแล้ว...โคตาน จากคุณ : laliklalee ก็มันมีให้เห็นอยู่จริงนิ ไม่ได้หลับตาดูนิ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 17:27:18

ความคิดเห็นที่ 34 ในนิมิตหรือ? ถ้าอ้างอิงหลักฐานไม่ได้ ก็ "ปั้นน้ำเป็นตัว" อีกแล้วนิ ^^ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 18:04:45

ความคิดเห็นที่ 35 ชาวพุทธกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปกันไปทำไม? ถ้าคำตอบเป็นประมาณว่า  "ก็เพื่อจะระลึกถึงพระพุทธจ้าตลอดเวลา"   ผมก็ต้องขอคำอธิบายเพิ่มเติมว่า  เวลาระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วท่านระลึกอะไร   คำสอนของท่าน, บุญบารมีของท่าน หรืออย่างอื่น ************************* ขอตอบตามที่เราได้ทำนะคะ ถ้ามีอาจารย์ที่คุณเคารพรัก ให้ของที่ระลึกเอาไว้ เป็นปากกาด้ามหนึ่ง ทุกครั้งที่คุณเห็นปากกาด้ามนั้น คุณนึกถึงอาจารย์ คุณนึกถึงคำสอนของท่าน หรือบุญบารมีของท่านกันล่ะ พระพุทธเจ้าเป็นครู เป็นผู้สอนอันยอดเยี่ยมของเรา และของชาวพุทธทั้งหมด เมื่อเราเห็นพระพุทธรูป เราจะนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงคำสอนของท่าน ถ้าขณะนั้นเราโกรธอยู่ เราจะระลึกถึงคำสอนขึ้นมาได้ว่า ตัวเรานั้นเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง อย่าไปยึดเอาไว้ ตัวตนเราจะลดลง ความโกรธก็ลดลงไปด้วย ถ้าขณะนั้นเราขี้เกียจมากๆ เราจะระลึกถึงคำสอนที่ว่า ชีวิตนี้ไม่เที่ยง จงอย่าประมาท แล้วเราก็จะมีความเพียรมากขึ้น ทุกครั้งที่กราบพระพุทธรูป ใจเราก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ เป็นการเตือนตนเอง ว่าเราเคารพพระพุทธเจ้า เพราะสิ่งที่ท่านสอนนั้นดี และสำคัญ และเราโชคดีขนาดไหน ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้พบพระพุทธศาสนา ควรเร่งทำความเพียร อย่าให้เสียชาติเกิด นอกเหนือจากนั้นก็จะมี ระลึกถึงว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ช่วยให้คลายความกังวลจากเรื่องต่างๆ จิตเป็นสมาธิมากขึ้น จริงๆข้อดีมีอีกหลายอย่าง แต่เท่านี้ก็พอเข้าใจได้แล้วนะคะ เรื่องพระพุทธรูปเราไม่คิดมาก เรามองว่าเป็นเพียงเครื่องระลึกถึงเท่านั้นจริงๆ ใครจะทำลาย ไม่เคยรู้สึกเคือง แต่ถ้ามาบิดเบือนคำสอน บิดเบือนพระไตรปิฎก กล่าวตู่พระพุทธเจ้า นี่จะปล่อยไปไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 54 19:15:18 จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 19:12:42

ความคิดเห็นที่ 36 คนที่เข้าถึงพุทธแท้  ไม่กราบหินปั้นแทนครับ เพราะ พระพุทธเจ้า ตรัสเองว่า อุเทสิกเจดีย์ (สิ่งที่สร้างถวายพระพุทธเจ้า)  ที่เป็นวัตถุสืบเนื่องด้วยพระตถาคต (พระองค์เอง)  ย่อมไม่มี คนสมัยแรกที่เป็นพุทธ เจริญด้านจิตใจ ก็ไม่มีใครบ้ากล้าหาญไปสร้างรูปหรือแม้แต่วาดครับ พุทธในปัจจุบัน โดน วัตถุนิยม เทพนิยม แทรกเข้ามาครอบงำระบบศาสนาไว้ครับ  จริงแล้ว ไม่ใช่แม้แต่ตัวแทน  ส่วนคนที่ไปกราบไหว้ ก็เรื่องของเขาที่เป็นพุทธที่โดนคำสอนพวกยุคหลัง แต่งมาสอนว่า    อนุสสติ คือการระลึกพระพุทธองค์ ได้ด้วยรูป  ทั้ง  ๆ ที่ไม่มีคำสอนแบบนี้ครับ จริงแล้วไม่มีรูปเคารพในพุทธศาสนาครับ   ไอ้ที่มีมันมาทีหลัง คือโดนพวกเทพ พวกกรีก ฮินดู เลยต้องสร้างแข่งกัน  ทั้งที่จริง  รูป พระพุทธองค์ การทำแบบนั้น คือการดูหมิ่น โดยการนำรูป พระองค์ ไปแปะกับวัตถุ ลองพิจารณาดูสิครับ พุทธไทย ถ้าเห็น รูปพระพุทธองค์ ไปสกรีนในตำแหน่งไม่เหมาะสม เช่นไปทำรองเท้าแตะ  เขาจะโวยวาย เพราะยังยึดมั่น  แต่รูป พระพุทธองค์ ไปแปะ ก้อนหิน ก้อนดิน โลหะ กลับกราบไหว้   ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ต่างกัน   ถ้าคนกราบไหว้รูปพระพุทธองค์ได้  แต่ว่าคนที่ทำรองเท้าพระพักตร์พระพุทธขาย จริงถ้าคนทำ ขายเขาทำด้วยใจเคารพ  แสดงว่าเขาก็ไม่ผิด  เขาก็ทำเหมือนคนปั้นพระพุทธรูป ปั้มพระเครื่องขายหากิน เช่นกันครับ  พุทธส่วนนี้คือเปลือก แต่จริงแล้ว เป็นพุทธที่เออเองตามคำสอนอาจารย์ยุคหลัง จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 19:44:41

ความคิดเห็นที่ 37 สงสัยค่ะอยากให้คุณละลิกละลี้ตอบ หรือมุสลิมท่านใดก็ได้ที่มีความรู้ตอบค่ะ แฟนดิฉันเป็นมุสลิมค่ะ แต่เขายังไม่เก่งเรื่องศาสนาเท่าไหร่ เขาบอกกับดิฉันว่าศัตรูอันดับ 1 ของอิสลามคือพวกยิว ขนาดที่ว่าถ้าฆ่าพวกยิวแล้วจะได้บุญด้วย และยิวก็เหมือนกันค่ะ ถ้าฆ่ามุสลิมได้จะได้บุญเหมือนกัน นี่เรื่องจริงหรือเปล่าคะ แล้วทำไมคนมุสลิมกับยิวถึงไม่ลงรอยกันขนาดนั้นคะ ดิฉันไม่เข้าใจเลยค่ะวานตอบด้วยนะคะ (ลืมบอก ดิฉันเป็นคนพุทธค่ะ) จากคุณ : คุณแฉวแหวว เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 19:59:59

ความคิดเห็นที่ 38 เบื่อ พวกที่ชอบตั้งคำถาม แบบ เกรียนๆ ไม่รู้จริง แล้วมาถาม เช่น "การฆ่าหลายๆอย่างเป็นการทำบุญบูชาพระเจ้าของคุณ   เช่น ฆ่าคนที่ไม่นับถือมุสลิม" เอามาจากใหนเหรอ ยกหลักฐานมาให้ดูหน่อยสิ อ้างลอยๆมั่วๆแบบนี้ เค้าเรียกว่า ถามแบบ เกรียนถาม อ่ะค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 20:40:17

ความคิดเห็นที่ 39 หรือไม่ก็ไปถามที่ห้องนี้ได้ค่ะ  ถ้าอยากได้ความรู้แบบไม่เกรียน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10749409/Y10749409.html จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 20:44:09

ความคิดเห็นที่ 40 วัฒนธรรมและประเพณีของคนไทยสมัยยุคแรกเริ่มเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน   ได้สั่งสอนกันมาให้มีความกตัญญูรู้คุณและให้ความเคารพนับถือ ต่อครูบาอาจารย์ พ่อแม่และผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและสังคม ดังนั้นจึงมีการสร้างรูปปั้น รูปเหมือนไว้ตามสถานที่ต่างๆ  เพื่อเป็นอนุสรณ์ และเคารพบูชา การสร้างรูปสัญญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า  ซึ่งถือว่าท่านเป็นถึงศาสดา ก็เป็นไปตามเหตุผลดังกล่าว   ตามความเข้าใจของผมเองนั้น ในอิสลาม  ไม่มีคำว่าความกตัญญู รู้คุณ และเคารพนับถือ ต่อครูบาอาจารย์ พ่อแม่และผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและสังคม ยกเว้นยอมสิโรราบต่อพระเจ้าองค์เดียว โดยไม่มีเงื่อนไข เท่านั้น  ใช่ม๊ะ จากคุณ : ringside เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 21:17:35

ความคิดเห็นที่ 41 จะบอกว่า ก่อนหน้านี้ ผมก็ไหว้ พระพุทธรูป นะ แต่ ไม่ เข้าใจพระธรรม เท่าไหร่ หรอก ศีล ก็คิดว่า มี ไว้ ก็ แค่นั้นแหละ ไม่คิดว่า จำเป็น และมีประโยชน์ อะไร เลย แต่ตอนนี้ ผมเห็นว่า ศีลเป็นเรื่องปกติ หากไม่มีศีล นี่แหละ ผิดปกติ แล้ว ก็ ทุกวันนี้ ก็ใช้ หลัก อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา นี่แหละ ที่ทำให้ละตัวตน และทุกข์น้อยลง กว่าเมื่อก่อน เยอะเลย และเข้าใจว่า คนธรรมะ จริง ๆ แล้ว ต้องเป็นธรรมดา และเป็นธรรมชาติ และตอนนี้ ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง กราบไหว้ พระพุทธรูป เพื่อที่จะ ระลึก ถึง พระองค์ อีกต่อไป แล้ว.... เพราะตัวเราเอง นั่นแหละ มีพุทธะ ที่หลับอยู่ หากเข้าใจ เราก็จะมี พุทธะอยู่ในตัวของเราได้ ทุก ๆ คนเลย ... ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมว่า แนวคิดแบบนี้ ของทางคริสต์ ที่บอกว่า พระเจ้า พระเจ้า อะไร เนี่ย ผมจึงว่า จริง ๆ แล้ว ถ้าเข้าถึง แล้ว ไม่น่าจะแตก ต่างกันมาก ครับ .... สำหรับผมแล้ว พระเจ้าของทางคริสต์ ก็ คือ การเข้าถึงธรรมชาติ ภายใน ของเรานั่นเอง ดังนั้น โดยส่วนตัวของผมแล้ว ... พระพุทธรูป หรือ พระเครื่อง ต่าง ๆ นั้น ไม่ได้ช่วยทำให้คน ถึงพระธรรม ได้ง่าย เท่าไหร่ หรอกครับ เกรงแต่ว่า จะยึดติด ภายนอก จน สะสม แล้ว วางไม่ลง กันซะมากกว่า ก็ไม่ได้ บอกว่า ตนเอง เข้าถึง จริง ๆ แล้ว นะ  แต่ยอมรับว่า เห็น คนเล่น พระเครื่อง กันเยอะ แต่กลับกลายเป็น พระพุทธรูป บังพระธรรม กันไปเสียเยอะ น่ะ ... ผมเอง ก็ยอมรับว่า ไม่มั่นใจ เหมือนกันนะ ว่า ทางคริสต์ เค้า ไม่ได้ มีพระเป็นเครื่อง รางของขลังแบบทางพุทธ แล้ว เค้าเข้าถึง พระคริสต์ หรือ พระเจ้า ได้มากกว่า คนพุทธ หรือ เปล่า น่ะ .... แต่สำหรับผม ที่เป็นคนพุทธ ก็แค่เล่าความจริง อีกด้านหนึ่งของทางพุทธ ออกมาให้ ฟัง อย่างที่เห็น น่ะ ... ก็ไม่ได้ เข้าข้าง ทางอิสลาม หรือ คริสต์ น่ะ.. ไม่อยากนั้น คงจะเปลี่ยนศาสนา ไปนานแล้วครับ ก็เพราะรู้ว่า จริง ๆ แล้วพุทธ เรามีของดีอยู่น่ะ... เพียงแต่ ถูก วัตถุ ครอบงำ บางส่วน (น่าจะเป็น ส่วนใหญ่ เสียด้วย ) เท่านั้นเอง .... ก็อยากจะให้ยอมรับความจริง ... น่ะ เพราะหากไม่ ยอมรับ ก็อยากที่จะแก้ไข ได้ .... สิ่งที่จะทำให้เราระลึกถึง คำสอนของพระองค์ ได้ ดีที่สุด ผมว่า คือ สติ นะ ... แต่ถ้า จะบอกว่า คนเรา ก็มีปัญญาหลาย ๆ ระดับ ก็ยอมว่า ใช่ นะ ...  ดังนั้น เราจึงไม่ควรจะไป ต่อว่า บางวัด ที่ใช้ การทำทาน เยอะ ๆ เอาบุญ มา ล่อ เหมือนกัน ... เพราะว่า นั่น ก็ เป็น อีก ระดับหนึ่งเหมือนกัน ที่เค้า พยายาม จะทำสิ่งดี ๆ โดย อยากจะได้ สิ่งที่ดี เป็น การตอบแทบ น่ะ ... แต่จริง ๆ แล้ว การทำทาน ที่แท้ ก็คือ การให้เรา สละ ละ ตัวตน ... แต่ก็มีแต่คนจำนวน น้อยเท่านั้นแหละ ที่รู้ ... นี่ ก็อีกระดับหนึ่ง ส่วนคนที่ หลงติด พระพุทธรูป สะสม เป็น วัตถุมงคล ไว้ คุ้มกันภัย  เพื่อลาภ ยศ ก็ อีก อย่างหนึ่ง (คงจะมี อยู่เป็นจำนวนมาก น่ะ ) และอีก ส่วนหนึ่ง ที่ ยึด เป็น พุทธนุสติ นี่ ก็ อีกระดับหนึ่ง ส่วนที่ไม่ต้องการอะไรเลย แต่ใช้สติ ระลึกรู้ ได้ โดย ไม่ต้อง พึ่งพิง วัตถุ เลย ผมก็ว่า นี่ เป็น สิ่งที่ พระพุทธเจ้า น่าจะทรง หวัง ให้ เราชาวพุทธ เป็น กันน่ะ ... จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 21:47:34

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 38 หลักฐานนะผมว่ามี แต่มักจะหลับตาทำเป็นไม่เห็น แม้แต่ผมก็ยังต้องหลับตา และคิดว่ามันไม่เกี่ยวอยู่ที่คนที่อ้างมากกว่า แต่ในความเป็นจริงเราก็เห็นอยู่เรื่อยๆ ที่ภาคใต้ของเรา และในประเทศต่างๆ ส่วนจะจริงหรือไม่ ผมก็ไม่รู้เพราะบางเรื่องในสังคมอิสลามดูลึกลับ ตรงนี้ก็อยู่ที่คนมุสลิมเองละครับ ว่าควรทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ติดภาพลบ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 21:48:14

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ ถ้ามีก็ยกมาให้ดูค่ะ ว่ามีคำสอนตรงใหนของ อัลกรุอ่าน ที่บอกไว้อย่างนั้น ถ้าอ้างอะไรมาลอยมันดูเป็นการปรักปราและ อคติ กันมากกว่าค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 21:55:23

ความคิดเห็นที่ 44 คุณอย่าเอาการกระทำของบุคคลมาเป็นตัวตัดสินสิ ต้องไปดูที่หลักธรรมคำสอนว่ามีไว้แบบนั้นหรือเปล่า มาตัดสินการกระทำของตัวบุคคลกันแบบนี้ ได้อย่างไรกัน พุทธแต่ในทะเบียนบ้านยังมีเลย อิสลามก็มีเช่นกัน จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 54 22:01:25

ความคิดเห็นที่ 45 ดูกระทู้นี้เห็นได้อย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นศาสนาตัวเองคนในศาสนาตัวเองทำไม่ดี จะอ้างเป็น...ทะเบียนบ้าน แต่ถ้าเป็นคนศาสนาอื่นทำไม่ดีและในคำสอนศาสนาเขาก็ไม่มีที่อ้างจะไม่ใช้มาตรฐานเดียวกันในการมองของศาสนาตัวเอง แต่จะมองยัดเยียดไปที่ศาสนานั้นๆ สมแล้วเรื่องสองมาตรฐานของศาสนานี้ จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 02:35:43

ความคิดเห็นที่ 46 อิฉันเห็นชาวพุทธในไทยส่วนมาก ดื่มเหล้ายังกะน้ำ มีร้านขายเหล้าผุดยังกับดอกเห็ด แถม ผู้ผลิตก็เป็นชาวพุทธ ฉันมองว่า ชาวพุทธเหล่านี้เค้าคงไม่เคร่งครัดในศีลสักเท่าไหร่ ทั้งที่ สุราก็เป็น 1 ใน ศีล 5 ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ไม่ได้มองไปที่ตัว "ศาสนา" ว่าพุทธส่งเสริม หรือ เห็นดีเห็นงามไปด้วยกับสิ่งเหล่านี้ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 06:23:17 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 06:22:29

ความคิดเห็นที่ 47 พระพุทธรูปเป็นที่พึ่งของจิตใจ  ขณะเดินทางตามรอยเท้า เพื่อเข้าสู่บรมสุข  เรื่องสุรานั้น  คนไทยส่วนมากมักละเมิด  เพราะคิดว่าดื่มเพียงเล็กน้อยไม่เห็นไปไร  จากเล็กน้อยมันก็เพิ่มระดับเป็นมาก  แต่พุทธแท้ไม่ละเมิด  คนไทยที่เป็นพุทธแท้ มีไม่มากนัก  เหมือนบางคนที่นับถือมุสลิมแต่ก็ยังละเมิด อย่างนั้นน่ะค่ะ จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 06:44:49

ความคิดเห็นที่ 48 ผมก็เห็นด้วยกับคุณ Ms.Kohlanta นะครับ จาก คคห46 ผมเองก็มองคล้ายคุณมาก แต่โดยทั่วไปผมมักจะไม่พูดสักเท่าไร ผมเห็นชาวมุสลิมในจำนวนมากอาจจะมากกว่าประชากรประเทศไทยด้วยซ้ำ(แต่ไม่ใช่ส่วนมาก) ฆ่าคนอย่างกับผักปลา มีองค์กรก่อการร้ายผุดราวกับดอกเห็ด แถมผู้ก่อการร้ายยังบอกว่าตัวเองเคร่งศาสนา แล้วประกาศออกสื่อทั่วโลกตลอด ผมมองว่า ชาวมุสลิมเหล่านี้เค้าคงไม่เคร่งครัดในคำสอนของศาสนาอิสลามสักเท่าไหร่ ทั้งที่อิสลามไม่ได้สอนให้ฆ่าคน หรือก่อการร้าย ไม่ได้มองไปที่ตัว "ศาสนา" ว่าอิสลามส่งเสริม หรือ เห็นดีเห็นงามไปด้วยกับสิ่งเหล่านี้ จากคุณ : แมงกุ๊ดจี่ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 07:32:17

ความคิดเห็นที่ 49 คห. ข้างบน ที่พูดออกมาเผื่อแสดงให้คนตั้งคำถามแบบเกรียนข้างบนเค้าได้คิดหน่ะคะ และดิฉันก็มองภาพรวมเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่คุณ คห .48 แสดงความคิดออกมาใช้ได้กว่าชาวพุทธ(บางคน)ในห้องนี้เสียอีกค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 07:45:27 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 07:43:15

ความคิดเห็นที่ 50 ชาวพุทธจำนวนมากกินเหล้า  เขาไม่บอกว่าตัวเองเคร่งศาสนา ชาวมุสลิมในจำนวนมาก ฆ่าคนอย่างกับผักปลา มีองค์กรก่อการร้ายผุดราวกับดอกเห็ด แถมผู้ก่อการร้ายยังบอกว่าตัวเองเคร่งศาสนา สองกลุ่มนี้ ไม่เคร่งศาสนาทั้งคู่ อันไหนน่ากลัวกว่ากัน ถ้ากลุ่มแรก เปลี่ยนมานับถือมุสลิม เขาจะไม่กินเหล้า ถ้ากลุ่มหลัง เปลี่ยนมานับถือพุทธ เขาจะไม่ประกาศตัวว่าเขาเคร่งศาสนา แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 08:19:56 จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 08:16:14

ความคิดเห็นที่ 51 เขา ปฎิบัติมาตั้งแต่ยังไม่รู้เดียงสา คือ ไหว้ตามพ่อแม่พี่น้อง พอโต ก็ไหว้ตามสังคม ไหว้ตามพระ พอศึกษามากๆเข้า ก้ เฉยๆ พูดมากไม่ได้ ใครอยากจะไหว้ก็ไหว้กันไป เป็นเครื่องยึดเหนี่ยงจิตใจ ทำแล้วมีความสุขก็เรื่องของเขา ที่ท่าน จขจก กล่าวมานั้นถูกแล้ว คนเราแต่ละคนต่างจิต ต่างใจ ปํญญาไม่เท่ากัน  นี่ตอบแบบกลางๆ นะ จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 09:25:33

ความคิดเห็นที่ 52 คคห #48 ..ชาวมุสลิมในจำนวนมากอาจจะมากกว่าประชากรประเทศไทยด้วยซ้ำ(แต่ไม่ใช่ส่วนมาก) ฆ่าคนอย่างกับผักปลา มีองค์กรก่อการร้ายผุดราวกับดอกเห็ด แถมผู้ก่อการร้ายยังบอกว่าตัวเองเคร่งศาสนา แล้วประกาศออกสื่อทั่วโลกตลอด ..มองว่า ชาวมุสลิมเหล่านี้เค้าคงไม่เคร่งครัดในคำสอนของศาสนาอิสลามสักเท่าไหร่.. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ผมเห็นว่า ผู้ก่อการฆ่าคน ฯลฯ พวกนั้น "เคร่งศาสนา" ยิ่งกว่ามุสลิมทั่วๆ ไปเสียอีก คิดดูว่า คนที่พกระเบิดพลีชีพไปรอคอย กำหนดจังหวะเวลาในการกดระเบิดได้อย่างเยือกเย็นนั้น ต้องใช้พลังใจมากมายขนาดไหน คนปกติธรรมดาทั่วไป จะทำเรื่องร้ายกาจเหล่านั้นโดยไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวนั้น จะทำได้อย่างไร? ข่าวว่าบางคนจะกดระเบิด เขาตะโกนเรียกหาพระเจ้าเสียงดัง อัลลอห์ !! ก่อนจะพลีชีพ พฤติการณ์ที่แสดงถึงจิตใจที่ผูกพันยึดมั่นต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงปานนี้ เรียกว่าอะไร? ไปบอกพวกก่อการเพื่ออุดมการณ์อิสลามเหล่านั้น ว่า คุณไม่ได้เคร่งศาสนา พวกคุณอ้างอัลลอห์ ที่จริงพวกคุณไม่มีพระอัลลอห์ พวกคุณทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง พวกคุณทำเพื่อ ฯลฯ .. เขาจะยอมรับไหม เห็นข่าวก่อการร้ายบ่อยเข้า ก็เคยอยากถามมุสลิมหลายคน อย่างในที่นี้ ก็อยากถามคุณ Ms.Kohlanta เป็นต้น ว่าถ้าให้คุณ ฆ่าคนต่างศาสนาหนึ่งคน ฆ่าเพียงคนเดียว แค่คนเดียวเท่านั้น ! แล้วจากนั้น "อำนาจอันยิ่งใหญ่" ก็จะบันดาลให้มนุษย์ทั้งโลก ทั้งที่เป็น ยิว คริสต์ พุทธ ฮินดู ซิกข์ ฯลฯ ได้กลายเป็นมุสลิม.. มนุษย์โลกทั้งหลายก็จะพ้นจากความขัดแย้ง ได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุกไปชั่วนิรันดร์ คุณจะทำไหม? ไม่ได้ถามด้วยประสงค์ร้าย .. แต่บางที เราอาจจะเข้าใจมุสลิม "เคร่งศาสนา" เหล่านั้น ว่าเขากระทำการอย่างนั้นๆ เพราะอะไร และจะหาทางแก้ไขหรือป้องกันอย่างไร ถามย้ำอีกครั้ง และจะดีมากถ้าคุณตอบด้วย "เสียง" อันออกจากก้นบึ้งแห่งจิตใจ.. คุณจะทำไหม? จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 10:49:36

ความคิดเห็นที่ 53 อย่างเถียงว่าคนในศาสนาไหนทำตัวดีกว่ากันเลยครับ มันก็ยังเป็นมนุษย์กันอยู่ดีมี รัก โลภโกรธ หลง กันทุกคนนั่นแหล่ะ จากคุณ : spitfireboy เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 11:04:38

ความคิดเห็นที่ 54 อืม...ผมว่าอยู่ที่ปัญญาของคนที่เคารพด้วยนะครับ บางท่านก็เคารพ เพื่อระลึกถึงคุณอันมหาศาลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บางท่านก็เคารพ เพื่อให้มีสติระลึกรู้ จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยให้พระพุทธรูปเป็นองค์แทน (เพราะธรรมชาติบางท่าน ก็ถนัดที่จะจดจ่อจิตใจกับวัตถุมากกว่า) บางท่านก็กราบไหว้เพื่อขอให้พระคุ้มครอง ขอพรสารพัดพรที่จะขอได้ฯ บางท่านก็กราบไหว้เคารพ เพื่อฝึกพุทธานุสติกรรมฐาน ซึ่งเป็น 1 ในกรรมฐาน 40   ดังนั้นถ้าจะหาสาระจากการกราบไหว้นั้นต้องดูว่าเราจะมองจากมุมไหน ไม่ใช่ทั้งหมดจะไม่มีคุณซะเลย (อันที่จริงถ้ามีปัญญาคุณนั้นก็มหาศาล) เปรียบไปก็เหมือนกับที่เคยฟังพระดีๆ ท่านเล่าว่า ครูอาจารย์ของท่านกราบ "ศพ" คนตายเหล่าลูกศิษย์ เห็นพระอาจารย์กราบก็กราบตาม แต่ไม่เคยมีใครเอะใจว่า "กราบทำไม" ซึ่งในคำสอนไม่มีแน่นอนว่าให้กราบศพ   วันหนึ่งพระลูกศิษย์องค์หนึ่งก็ถามพระอาจารย์ว่า ท่าน กราบศพทำไม พระอาจารย์ก็หัวเราะ ถามกลับว่าแล้วพวกเอ็งกราบอะไร พวกลูกศิษย์ก็ตอบได้แค่ว่าเห็นอาจารย์กราบก็กราบ อาจารย์ก็เลยบอกว่าดีนะยังมีคนถาม   ที่ท่านกราบศพนั้น ท่านระลึกถึงคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่ามนุษย์นั้นมี การเกิด การแก่ การเจ็บ และ "การตาย" ซึ่งเป็นทุกข์   ดังนั้นท่านก็กราบสรรเสริญ สัจธรรม อันเป็นจริงว่า มนุษย์ เกิดมาแล้วสุดท้ายก็ต้องตาย ไม่มีทางหนีพ้น หรือพูดง่ายๆ ก็กราบ พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ นั้นแลฯ ยาวไปหน่อยโทษทีครับ (-/\-) จากคุณ : ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 12:23:48

ความคิดเห็นที่ 55 เอาเลยครับ จัดกันเต็มๆ..อัดกันให้หนักๆ..... ต่อไปข้างหน้า ใครตั้งกระทู้ ถามคำถามเหล่านี้อีก...ก็แปะลิ้งให้เข้ามาดูที่นี่ จากคุณ : เกร็งข้อลากยาว เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 12:49:38

ความคิดเห็นที่ 56 พระตถาคตให้บูชาพระองค์ด้วยการปฏิบัติ [๑๒๙] สมัยนั้น ไม้สาละทั้งคู่ เผล็จดอกสะพรั่งนอกฤดูกาล  ดอกไม้เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคต เพื่อบูชา  แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ก็ตกลงมาจากอากาศ  ดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคต เพื่อบูชา  แม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ  จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคต เพื่อบูชา  ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคต  แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคต ดูกรอานนท์ ! ไม้สาละทั้งคู่ เผล็จดอกบานสพรั่งนอกฤดูกาล  ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคต เพื่อบูชา  แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ  ดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคต เพื่อบูชา  แม้จุณแห่ง จันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคต เพื่อบูชา  ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาตถาคต  แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศ เพื่อบูชาตถาคต ดูกรอานนท์ ! ตถาคตจะชื่อว่าอันบริษัทสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ด้วยเครื่องสักการะประมาณเท่านี้หามิได้  ผู้ใดแล จะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก  หรืออุบาสิกาก็ตาม  เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ  ปฏิบัติตามธรรมอยู่  ผู้นั้นย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ตถาคต ด้วยการบูชาอย่างยอด   เพราะเหตุนั้นแหละอานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า  เราจักเป็นผู้ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่ ดังนี้ ฯ มหา.ที. ๑๐/๑๑๑/๑๒๙ จากคุณ : ไม้มณฑารพ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 13:01:38

ความคิดเห็นที่ 57 มิสซิสเกาะฯตอบท่านระนาดเอกที ว่า "ทำไหม" ระลิกกี้ตอบด้วยจะดีมาก จะได้เซฟเก็บไว้อ้างอิงต่อไป จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 13:36:31

ความคิดเห็นที่ 58 เป็นเครื่องยึดเหนื่ยวจิตใจ น้อมนำให้ระลึกถึงและประพฤติปฏิบัติคุณงามความดี ให้คนมีโอกาสได้แสดงออกซึ่งความเคารพศรัทธา บูชาวัตถุมงคล นิยมชมชอบวัตถุมงคล ดีกว่าลุ่มหลงมัวเมากับวัตถุอวมงคลนะคะ มันเป็นทัศนคติส่วนบุคคล เป็นธรรมเนียนปฏิบัติที่ปลูกฝังกันมารุ่นต่อรุ่นเพื่อไม่ให้พระพุทธศานาสูญหายไปกับกาลเวลา แม้พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติให้กราบไหว้บูชารูปปั้นก็ตาม แต่การสร้างพระ การมีตัวแทนของพระองค์ การสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล มันมีคุณค่าตามกาลเวลา เหมือนที่เราขุดค้นพบวัตถุโบราณต่างๆ นานา หรือแม้แต่พระพุทธรูปสมัยพันปี สิ่งเหล่านี้จะบอกเล่าเรื่องราวแก่ชนรุ่นหลังสืบต่อไป  ไม่ใช่แค่บ่งบอกความเจริญทางพระพุทธศาสนา แต่บ่งบอกได้ถึงศิลปะและวัฒนธรรมจากรูปปั้นของพระพุทธองค์ในแต่ละยุคละสมัยค่ะ จากคุณ : บ้านสายไหม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 13:47:58

ความคิดเห็นที่ 59 พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" หมายความว่า ผู้ยึดหลักธรรมะเป็นข้อปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ก็เหมือนได้ใกล้พระองค์นั่นแล้ว (ไม่จำเป็นต้องปั้นรูปอะไรเป็นตัวแทนพระองค์ดอก) เข้าใจว่าอย่างนี้นะคะ ส่วนตัว...การกราบไหว้พระพุทธรูป ทำให้ความรู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้น บ่อยครั้งที่รู้สึกว่าทำผิด เมื่อได้ไหว้พระก็เหมือนได้สารภาพบาป แม้จะลบล้างความผิดไม่ได้ก็ตามที จากคุณ : wanalee เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 15:13:55

ความคิดเห็นที่ 60 สำหรับผม ผมมีไว้ ระลึกถึงพระรัตนตรัย อะครับ .. คิดแค่นั้นเองครับ  ไม่อยากคิดเยอะ มันเวิ่นเว้อ และเป็นอะไรที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น คนในศาสนาอื่นจะคิดเห็นเป็นประการใด หรือสนใจอย่างไร ก็ลองมาศึกษาพระพุทธศาสนา เด๊วก็คงรู้กระมังครับ .. ผมไม่ก้าวก่ายศาสนาใด ๆ ผมคิดเหมือนคำพูดปกติทั่วไปที่พูดกันมาเป็นร้อย เป็นพัน เป็นล้าน ๆ ครั้งแล้วว่า "ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี" เท่านั้นก็พอแล้วละครับ การเคารพและระลึกถึง ผมมองว่ามีทุกศาสนาแหละครับ อาจจะแตกต่างกันโดยวัตถุ แต่วัตถุประสงค์ คงเป็นอันเดียวกัน คือ ระลึกถึงคุณของพระศาสดา กระมังครับ ผมอ่อนด้อย เพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรม มีอะไรผิดตรงไหน แนะนำได้นะครับ ^^ จากคุณ : ตบหมดช่อง (tothza_one) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 15:21:45

ความคิดเห็นที่ 61 อย่าใส่ใจ กับเหล่า มุดโสร่ง ครับ มุสลิมดีๆมีเยอะ แต่มุดโสร่งควรหลีกให้ห่างไกล จากคุณ : เจตบุตร เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 15:33:20

ความคิดเห็นที่ 62 ดิฉันก็ไม่ใคร่อยากจะใส่ใจ พวกบัวในตม(บางคน)แล้วเหมือนกันค่ะ พูดไปก็เท่านั้น จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 15:59:25

ความคิดเห็นที่ 63 คุณระนาดเอก จัดเต็มนะครับเนี่ย (ฮา) .. รอดูคำตอบเหมือนกันครับ ไม่ได้ลบหลู่ แค่อยากรู้เฉย ๆ ครับ ป.ล. เหมือนจะเป็นคำถามที่คาใจผมเหมือนกัน ^^ จากคุณ : ตบหมดช่อง (tothza_one) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 16:09:29

ความคิดเห็นที่ 64 บัวในตมใต้กองผ้าถุงเก่าๆสกปรกๆข้างบ่อเกรอะแตกๆด้วยรึปล่าวครับ? เฮ้อ...ถ้าจะเปรียบกลับไปกลับมาก็คงไม่จบไม่สิ้น  คำว่า "มุดไสร่ง" ที่ป้อนใส่ปากกันง่ายๆ แม้แยกแยะไม่เป็นแต่ดูเหมือนคุณเจตบุตรจะชอบมาก นึกว่าไม่มีใครใส่ใจ แต่มีแฮะ คนจำพวกนี้พอเราไม่สนใจก็เรียกร้องความสนใจ อ่ะ ตอบให้ก็ได้กับคำถามไร้สาระ ไม่ทำหรอกครับ เพราะเป็นเงื่อนไขที่เป็นจินตานาการของคนสติเฟื่องคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คำสั่งใช้จากผู้สร้าง เรียกว่า เป็นเพียงเงื่อนไขจากจัณฑาลที่จินตนาการเป็นกษัตริย์เท่านั้นเอง สมมตินั่น สมมตินี่ ไร้สาระ หากพระเจ้าจะสร้างมนุษย์ให้ศรัทธาพระองค์ตั้งแต่ต้นทำไมจะทำไม่ได้ ให้สักการะพระองค์ตลอดเวลา ทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งตลอดเวลา คล้ายมาลาอีกัต จะให้ฆ่าหมาสักตัวเพื่อการนั้น ผมก็ไม่ทำหรอกครับ พวกที่หันมาศรัทธาอิสลาม พร้อมเป็นคนดี อย่างแท้จริง เพราะเหตุผลง่ายๆ หรือ เงื่อนไขง่ายๆแค่นี้ ไม่คู่ควรได้รับรางวัลตอบแทนหรอก พระองค์สร้างมนุษย์ที่มีสติปัญญามามากกว่าสัตว์ พร้อมให้เสรีภาพ ก็ได้เห็นคนส่วนหนึ่งคิดได้เท่านี้เองแหละครับ อีกส่วนหนึ่งแม้ยังคิดไปถึงพระองค์ไม่ได้แต่ก็ยังไม่เบาปัญญาขนาดนี้ ยังพอแยกแยะอะไรได้ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องศาสนา เรื่องใดเป็นเรื่องอ้างศาสนา เรื่องใดเป็นการเมือง เรื่องใดเป็นเรื่องสร้างภาพ อย่างคุณ Kohlanta ว่า พูดไปก็เท่านั้น ไม่ใช่บัวในตมใต้น้ำธรรมดาๆ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:25:07 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:23:43 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:22:55 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 16:19:16

ความคิดเห็นที่ 65 การสร้างพระพูทธรูปเป็นการแสดงออกของ คนๆหนึ่ง หรือ ได้รับคำสั่งจากผู้ที่มีศรัทธา ต้องการระลึกถึง และพอดีผู้ที่เริ่มสร้างเห็นชาวกรีก ซึ่งนิยมสร้าง เทวรูปอยู่แล้ว จึงสร้างพระพุทธรูปตามที่เขาถนัด จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 16:26:09

ความคิดเห็นที่ 66 เซฟไว้อ้างอิงได้เลย สายลมแห่งความเขลา จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 16:26:15

ความคิดเห็นที่ 67 #64 คุณตอบประเด็นไหนอะครับ? ของคุณระนาดเอกหรือเปล่าครับ? ผมจะได้รับฟังไว้? อืม .. พ่อคนมีสาระ พูดจาแต่ละคำ เหมือนไม่ให้เกียรติมนุษย์ด้วยกันเลยนะครับ คนที่มองต่างจากคุณนี่ เขาสมควรที่คุณจะกระแหนะกระแหน่อย่างเดียวเลยเหรอครับ? รวมถึงคนที่ไม่รู้ หรือไม่เคยที่จะศึกษาศาสนาเดียวกับคุณ เห็นหลายกระทู้และ พ่อนักวิทย์ เหอๆ .. ตอบแต่ละอย่าง ต้องมีเหน็บในคำตอบทุกครั้งไป .. จินตนาการของคนสติเฟื่อง? เหอๆ .. อืม .. ก็ดูจากคำตอบแล้ว อืม .. สติเฟื่อง เหอๆ .. ส่วนในเรื่องที่คุณยกออกมาเป็นหลักการของศาสนาหรือในคัมภีร์ของคุณ ผมก็น้อมรับฟังและไม่คัดค้านใด ๆ เพราะผมถือว่าเป็นความรู้ที่ควรพิจารณาก็เท่านั้น ว่าแต่ มาตอบคำถามไร้สาระ คนตอบก็คงจะไร้สาระเหมือนกันละครับ ^^ ไม่ต่าง .. อย่างคุณ laliklalee ผมตามอ่านหลาย ๆ กระทู้นะครับ บางข้อความที่เกี่ยวกับศาสนาก็เขียนได้ดี แต่ทำไมถึงเหน็บนู่น เหน็บนี่ ไปทั่วละครับ ไม่เข้าใจ หรือว่าเป็นโดยกมลสันดานครับ? หรืออย่างไร? ป.ล. ก็แค่อยากรู้ เพื่อได้ข้อเท็จจริง ที่จะนำประดับความรู้ แต่เจอแบบนี้ เสื่อมจริง อะไรจริง .. เฮ้อออ .. ฉลาดตายละ นี่คือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเหรอ? ทุเรศ ป.ล. ผมไม่เก่งเรื่องศาสนาแบบใครหลาย ๆ ท่านหรอกครับ .. เพียงแต่บางครั้งก็แค่อยากจะเข้ามารับทราบความเป็นไป หรือคติ หรือหลักการของศาสนาอื่นเท่านั้นเอง . .เฮ้อออ มาเจอแบบนี้ เซ็ง ป.ล. เอาเป็นว่า .. ต่อไปผมไม่ยุ่งกับศาสนานี้ดีกว่าครับ .. เฮ้อออ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:37:12 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:32:09 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:30:46 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 16:29:55 จากคุณ : ตบหมดช่อง (tothza_one) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 16:28:46

ความคิดเห็นที่ 68 คุณเกาะ ไม่ตอบ ระลิกกี้ ตอบว่าไม่ฆ่าหมา เค้าถามว่า จะให้ฆ่าคนคนเดียวแล้วสามารถเปลี่ยนคนทั้งโลกให้เป็นอิสลามได้ จะทำไหม ถามถึงคน ไม่ใช่หมา ตอบอีกที เตรียมเซฟใหม่ เอ๊า ระริกกี้ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:01:21

ความคิดเห็นที่ 69 ผมล่ะเบื่อมาก ที่ชอบบอกว่า อิสลามสอนให้ฆ่าคนที่ไม่เชื่อบูชาพระเจ้า หรือศาสนาอิสลาม สนับสนุนให้ก่อการร้าย หรือก่อความรุนแรง หรือแม้แต่พวกก่อการร้ายเป็นพวกเคร่งศาสนา ไม่รู้ว่าก่อนพิมพ์ออกมา กรั่นกรอง จากหัวหรือจากเท้า ผมว่ามุสลิมในที่นี้ ก็ให้หาหลักฐานมา หรือคำสอนมานะครับว่า คำสอนตรงไหนบอกให้ไปไล่ฆ่าคนนอกศาสนา หรือไปบังคับให้คนมาศรัทธาอิสลามให้ได้ ถ้าไม่ศรัทธา ฆ่าทิ้งได้เลย หรือสอนว่า ฆ่าคนนอกศาสนา บูชาพระเจ้าแล้วได้บุญ ก็ไม่เห็น พวกที่บอกแบบนี้ หามาได้สักคำสอน ในเมื่อศาสนาไม่ได้สอน ศาสดาไม่ได้สั่ง แล้วมีคนไปไล่ฆ่าคน ก่อการร้าย โดยอ้างอิสลาม จะไปบอกว่าพวกนี้ เคร่งศาสนาได้ยังไง ก็ในเมื่อคนพวกนี้ ฝ่าฝืนหลักศาสนา การก่อการร้ายแต่ละครั้งก็ ฝ่าฝืนหลักศาสนา การฝ่าฝืนหลักศาสนามันจะเรียกว่าเคร่งได้ยังไง? เพราะไว้เครา? เพราะใส่ชุดอาหรับ? เพราะอ้างศาสนาเลยบอกว่าเคร่ง? งั้นพระกินเหล้า ปล้ำสีกา ฆ่าพระด้วยกัน นั่นเคร่งไหมล่ะ? ก็ทำผิดคาผ้าเหลืองแบบนั้น คาเครื่องแบบเลย ศาสนาสอนแบบนั้นไหม? ผมว่าผมบอกแล้วบอกอีกนะครับว่า ที่อิสลามถูกอ้างเพื่อปลุกระดมในการทำสงคราม หรือเรื่องการเมือง หรือเรื่องต่างๆ นั่นเพราะอิสลามเป็นศาสนาที่ มีอิทธิพล และสำคัญกับผู้ที่นับถือศาสนานั้นมาก ยิ่งกว่าชีวิต เรียกได้ว่า ถ้าเลือกศาสนา กับชีวิตจะเลือกอะไร มุสลิมจะเลือกศาสนา บทพิสูจน์ มีมาตลอดครับ ว่ามุสลิมยอมตายได้เพื่อศาสนา ดังนั้นการ อ้างศาสนาเพื่อปลุกระดมเรื่องต่างๆ จึงเป็นเรื่องไม่แปลก เพราะผู้ปลุกระดมย่อมเลือกสิ่งที่มีอิทธิพลสูงที่สุดมาอ้างอยู่แล้ว กลับกันศาสนาอื่น เช่น พุทธ กลับไม่นิยมนำมาอ้างเพราะอะไร? ผมบอกได้เลยครับว่า เพราะศาสนาพุทธ มีอิทธิพลกับพุทธศาสนิกชนเอง น้อยมาก อย่าว่าแต่ ชีวิตกับศาสนา เอาแค่ ให้เงิน หรือ แต่งงาน ก็พร้อมจะเปลี่ยนแล้ว ใครจะเอามาอ้างล่ะครับ อ้างไปก็เท่านั้น ดึงมวลชนไม่ได้ จริงๆ มันเป็นเรื่องเข้าใจไม่ยากเลย แต่ก็ยังมีพวกที่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ไปเรื่อย ไม่สนใจข้อมูล หรือไม่รู้จักคิด เอาเรื่องสงครามต่างๆ มาแล้วบอกว่า อิสลามสอนให้ฆ่าคนนอกศาสนาบูชาพระเจ้า ไม่รู้ไปมุดอะไรมา จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:03:38

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องการ ศรัทธานั้นเป็น สิทธิของพระเจ้า มุสลิมมีหน้าที่บอก ประกาศ ชักชวน ตักเตือนเท่านั้น การฆ่าคนเพื่อให้เปลี่ยนศาสนา มันไม่ใช่เรื่องที่มุสลิมจะทำครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:05:28

ความคิดเห็นที่ 71 คุณละลิกละลี้คะ ไม่ทราบคุณเห็นที่ฉันถามหรือเปล่าคะ คห.37 น่ะค่ะ วานคุณช่วยตอบให้หน่อยนะคะ (ดิฉันถามด้วยความสงสัยจริงๆนะคะ ไม่ได้ถามเพื่อเอาชนะ ) ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : คุณแฉวแหวว เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:05:50

ความคิดเห็นที่ 72 ผมบอกให้เลยครับว่า ไม่จริงครับ คุณแฉวแหวว ถ้าจะได้บุญจริง ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี หรือชักชวนให้เขามารับอิสลามครับ ไม่ใช่ไปไล่ฆ่า การฆ่าอนุมัติเมื่อเกิดสงคราม หรือประหาร ฆาตกร ตามคำสั่งศาลครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 17:12:03 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:09:21

ความคิดเห็นที่ 73 เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณคุณแครอทมากๆค่ะ :) จากคุณ : คุณแฉวแหวว เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:13:18

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบพระคุณคุณ Carroth ที่ทำให้คลายสงสัยครับ .. ขอบพระคุณครับ ^^ ผมเชื่อว่า มุสลิมดี ๆ มีเยอะครับ และมุสลิม ที่พร้อมจะให้คำตอบที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมขอนับถือครับ จากคุณ : ตบหมดช่อง (tothza_one) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:13:24

ความคิดเห็นที่ 75 คห.52 คุณสั่งให้ฉัน ไปฆ่าคนต่างศาสนา เพื่อแลกเปลี่ยนแค่ว่าให้คนทั้งโลกมาศรัทธาในอิสลาม ฉันต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยเหรอ มันจะดูเป็นนางเอกเกินไปหรือเปล่าอ่ะ   ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ว่า ผู้หญิงอย่างฉันมันก็คนธรรมดานะ กลัวบ้าง อะไรบ้าง และก็คงไม่กล้าพอที่จะไปเที่ยวลงมือสังหารฆ่าใครได้หรอกนะ   อนิจจา คำถาม เฮ้อ!!! จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:26:19

ความคิดเห็นที่ 76 คุณบอกว่า   "อิสลามถูกอ้างเพื่อปลุกระดมในการทำสงคราม" เพราะ "อิสลามเป็นศาสนาที่ มีอิทธิพล และสำคัญกับผู้ที่นับถือศาสนานั้น" ถ้าสำคัญ ทำไมไม่รู้ล่ะคะ ว่าพระเจ้าห้ามฆ่าคน มีคนบอกว่า พระเจ้าต้องการให้ฆ่าคนเพื่อพระเจ้า ก็เชื่อซะอีก "ฆ่าคน"  "ฆ่าตัวตายพลีชีพ" ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ไม่สามารถชักจูงได้แค่ลมปากของใครซักคน มันต้องมีหลักฐานค่ะ จะหลักฐานมั่วๆ เหมือนที่ อ.ชารีฟเคยทำ หรือหลักฐานจริงๆแต่เอามาบิดเบือนตอนสอน คุณบอกเองว่า  "อิสลามถูกอ้างเพื่อปลุกระดมในการทำสงคราม" คุณต่างหากควรให้ข้อมูลว่า คำสอนข้อไหน ที่เขาเอามาใช้อ้าง ไม่ใช่มาถามหาหลักฐานจากคนศาสนาอื่น จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:28:40

ความคิดเห็นที่ 77 กระทู้เกี่ยวกับพวกก่อการร้าย หรือ พวกสงครามศาสนา นี่ก็ได้ตั้งให้ความรู้ในห้องนี้ไปก็หลายครั้ง ทำไมยังไม่เข้าใจกันสักที หรือ แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเอง   มาบ่นเฉยๆ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 54 17:30:24 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 17:29:25

ความคิดเห็นที่ 78 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/01/Y8792563/Y8792563.html เอาไปอ่านกันอีกรอบนะคะ มันก็อยู่ในห้องศาสนานี้แหล่ะค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 18:08:15

ความคิดเห็นที่ 79 รู้สึกว่า กระทู้นี้ออกทะเลไปเยอะ จากรูปเรือ่งพระพุทธรูปเป็น เป็นฆ่าคน จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 18:11:35

ความคิดเห็นที่ 80 คห. 67 คุณอยากรู้ด้วยใช่ไหมครับ? ก็ตอบให้รู้ไปด้วยกันเลย ถ้าปิดตาข้างหนึ่งมองก็จะเห็นการเหน็บแนมจากผมเป็นเรื่องใหญ่โตแบบนี้หล่ะครับ เป็นธรรมดาของหลายๆคนในที่นี้อยู่แล้ว ผมเข้าใจ คห. 68 เปรียบเทียบเสียขนาดนั้น ถ้ายังไม่เข้าใจก็ คงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วหล่ะครับ คห. 37 คุณแฉวแหวว ยิวที่ดี ไม่ก่อสงครามจะไปฆ่าเขาก็บาปเท่านั้นเองครับ ยิวที่ก่อสงครามเป็นกลุ่มที่ชื่อ ไซออนิสท์ และเป็นคริสเตียนก็มี พวกนี้เป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่เข่นฆ่าคน และวางแผนการก่อการร้าย ฉกชิงผลประโยชน์และดินแดนไปทั่วโลก อยากเห็นภาพคงต้องทำการบ้านมากกว่านี้ ไปดูลิ้งค์นี้ก่อนแล้วกัน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10670598/Y10670598.html จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 18:29:35

ความคิดเห็นที่ 81 นั่นนะสิ ต้องไปถาม ต้องถาม คห.26 คุณ ศิษย์พระป่า เอ๊ย  คุณ โขตาน แล้วหล่ะค่ะ ว่าเริ่มต้นถามและกล่าวอ้างคำพูดลอยๆก่อนทำไม งั้นก็กลับเข้าฝั่งกันได้แล้วหล่ะค่ะ ใครจะถามเรื่องอื่น ก็แนะนำ กระทู้ใหม่ค่ะ     จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 18:32:14

ความคิดเห็นที่ 82 ก็ผมบอกแล้วว่า อย่าไปเรียกพวกที่ ไปไล่ฆ่าคนแล้วอ้างศาสนาว่าเคร่งครับ อย่างทางใต้ พื้นฐาน คือการแบ่งแยกดินแดนแต่แรกแล้ว แล้วนำศาสนามาเพื่อปลุกระดม แล้วพวกไม่เคร่ง จะไปรู้ไหมครับว่า ศาสนาสอนอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง เอาแค่ละหมาดน่ะ ละหมาดกันครบ 5 เวลาไหมก็ยังไม่รู้ ดังนั้น เมื่ออ้างปุ๊บ ถ้าไม่ศึกษากันดีดี ย่อมมีปัญหา มุสลิมมีเป็นพันล้านคนครับ ถ้าเอาแค่ 1 % แปลว่า สิบล้านคน มาก่อการร้าย ประเทศไหนก็สู้ไม่ได้หรอกครับ แต่ลองพิจารณาซิว่า มันมีกี่ % นั่นแหละครับ คนที่ออกไปลงมือ อ่อแล้ว ผมทำไมต้องหาหลักฐาน ก็เมื่อคนปากพล่อย มันทะลึ่งบอกว่า ศาสนาอิสลามสอนให้ฆ่าคนเพื่อบูชาพระเจ้า มันต้องหาหลักฐานมายืนยันความปากพล่อยของมัน ไ่ม่ใช่ มุสลิมที่ต้องหามา เพราะคำสอนพวกนี้ มันไม่มีครับ ส่วนที่เอาไปปลุกระดมนั้น ผมบอกแล้วว่า อิสลามมีอิทธพลต่อผู้นับถือศาสนาครับ ไม่ใช่เอามาจากคำสอน แต่ใช้ความสำคัญของศาสนามาใช้ต่างหาก จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 20:58:12

ความคิดเห็นที่ 83 ขอมองข้ามการโต้เถียงไปนะครับ ขอตอบ จขกท เลย หลายคนอาจคิดว่าเป็นคำถามของ จขกท ที่ชวนทะเลาะ แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างก็มีดีทีร้าย ผมก็ขอมองแต่ส่วนดีๆละกันนะครับ โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าเป็นคำถามนี้ ที่น่าสนใจมาก ปัจจุบัน ชาวพุทธกราบไหว้พระพุทธรูป ส่วนใหญ่ไม่ได้กราบไหว้เพราะอนุสสติกันเท่าไร แต่กราบไหว้อ้อนวอนเหมือนเป็นเทพเจ้าเสียมากกว่า เมื่อแรกเริ่มเดิมที ก็ไม่มีการสร้างพระพุทธรูป พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ว่า หากไม่มีพระองค์แล้ว พระธรรมคำสั่งสอนต่างๆจะเป็นตัวแทนของพระองค์ สมัยหลังพุทธกาล เมื่อจะสร้างภาพจำหลักต่างๆ เมื่อจะหมายถึงพระพุทธเจ้า ก็ยังสร้างเพียงสื่ออ้อมๆ เช่น รูปธรรมจักร รูปต้นโพธิ์ เป็นตัวแทน เนื่องจากการเผยแพร่ไปในสังคม โดยเฉพาะสังคมเทวนิยมที่ผู้คนกราบไหว้ทวยเทพนับร้อยนับพัน ก็เลยอาจต้องสร้างตัวแทนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งนี้ก็เผื่อให้มีการเผยแพร่ไปในวงกว้าง ดึงให้คนมาศึกษาหลักธรรมที่ลึกซึ้ง อันเป็นของยาก ปัจจุับันก็มีชาวพุทธบางส่วน เห็นเช่นเดียวกะ จขกท คือไม่ต้องการให้มีรูปเคารพในศาสนาเลย  ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวก็คิดว่าออกจะฮาร์ดคอร์ไปหน่อยถ้าจะต้องทำลายและเลิกเคารพพระพุทธรูปไปเลย จขกท กล่าวว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่ห้อยพระ เป็นเรื่องที่ชาวพุทธน่าพิจารณานัก แม้แต่ผมที่เป็นชาวพุทธ(ที่อาจจะยังรู้น้อย) ก็ยังไม่ค่อยสังเกตเห็นประเด็นนี้ เราอาจได้มุมมองดีๆ จากคนที่เห็นต่างได้เหมือนกันนะนี่ จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 21:08:22

ความคิดเห็นที่ 84 ยาว... A : ศาสนาพุทธสอนอย่างไรเกี่ยวกับรูปเคารพ ตอบ B1: พวกเอ็งก็เลยต้องระเบิดทิ้งใช่ไหม!!!?? B2:ศาสนาพุทธสอนว่า... B3:แล้วทำไมอิสลามถึงสอนว่าฆ่าคนแล้วได้บุญ!!! วิธีการตอบ สะท้อนอคติและ เจตนาที่มองต่อผู้ตั้งคำถาม ผมเองก็ไม่ทราบเจตนาผู้ตั้งคำถาม แต่ คำถามนี้ เป็นคำถามที่ดีสำหรับผม เพราะเป็นคำถามที่เคยทำให้มุสลิมอย่างผม เข้าใจพุทธมากขึ้น เมื่อหลายปีมาแล้ว วันนี้คำถามนี้กลับมาอีกครั้ง ควรเป็นโอกาสดีๆ ที่ชาวพุทธจะได้เผยแพร่หลักคำสอน และ มุมมองต่อรูปเคารพ ให้กับเพื่อนต่างศาสนิก ........................ คำตอบข้อไหนคือ คำตอบที่ถูกต้อง และ ไม่นำมาสู่ปัญหารบรากันในกระทู้นี้ คำถามดีๆ คำตอบดีๆ แต่กลายมาเป็นสมรภูมิ ก็แล้วแต่จะพิจรณา จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 21:26:58

ความคิดเห็นที่ 85 ถาม : "จงสร้างรูปปั้นสำหรับเรา" ตอบ : คุณเผอิญผ่านมา ตอบไว้ดีแล้วใน คห. 32 ครับ     "ธรรม ที่เรากล่าวไว้ดีแล้ว ... นั่นแหละจะเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายเมื่อเราสิ้นไป" ถาม : "จงขอความช่วยเหลือจากเรา" ถาม : "จงกราบไหว้เรา และเราจะช่วยเหลือท่าน" ถาม : "พวกท่านทั้งหลายจงขอความช่วยเหลือจากเทวดา  เจ้าป่า  เจ้าเขารวมถึงบรรพบุรุษที่ทรงเกียรติทั้งหลาย ให้พวกเขาได้ช่วยเหลือพวกท่าน" ** ถาม : "โอ้ภิกษุทั้งหลาย  จงทำเครื่องราง  ของขลังให้แก่ปวงชนผู้ศรัทธาเถิด" ตอบ : ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน (ขอเว้นภาษาบาลีไว้นะครับ) ** ขยายความ : เทวดาก็ยังมีตายเกิด มีทุกข์เป็นของตน ไม่ต่างจากคนครับ ถาม : "ถ้าไม่มีอะไรแบบนี้แล้วชาวพุทธกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปกันไปทำไม" ตอบ : เบื้องต้น อารมณ์เดียวกับหินศักดิ์สิทธิ์นครเมกกะที่มุสลิมให้ความเคารพอย่างสูงครับ     เบื้องลึก กราบทะลุรูปปั้น กราบที่คุณของพระพุทธเจ้าครับ ถาม : "กราบไหว้บูชาสิ่งอื่นทำไม เป็นการสร้างศาสนาขึ้นมาใหม่รึเปล่า" ตอบ : กราบเพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ครับ ถาม : "พวกที่กราบไหว้นี่เขานึกถึงอะไรกันหรือครับ" ตอบ : ปกติแล้ว จะระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าครับ ถาม : "ทำไมพระสงฆ์ถึงไม่มีพระพุทธรูปห้อยไว้ที่คอกันบ้างละครับ" ตอบ : พระสงฆ์แท้ๆ ท่านรู้ว่าการห้อยพระไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ครับ ถาม : "เวลาระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วท่านระลึกอะไร" ตอบ : ปกติแล้ว เป็นพระกรุณา พระปัญญา พระวิสุทธิคุณ(ทรงบริสุทธิ์จากกิเลส) ถามแทน : เพราะอะไร ตอบ : ถ้าได้ลองสอนคนปกติที่ไม่รู้วิธีเจริญสติปัฎฐานดู จะรู้ซึ้งเลยว่ายาก และต้องใช้ความพยายามมากๆครับ ========================================  ท่านผู้อ่านนั่งหลังตรงหรือไม่ หายใจออกหรือเข้า สั้นหรือยาวครับ? ======================================== จากคุณ : Maxymillion เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 54 23:29:56

ความคิดเห็นที่ 86 ประเด็น กราบไหว้พระพุทธรูปทำไม ก็ขอฟังผู้อื่นเสวนาต่อไป แต่แหม ยังติดใจอยู่น่ะ เรื่องเคร่งศาสนา :) ผมว่าเสียงตอบมันยังไงๆ อยู่นะ ร้องเพลงให้ดี ต้องเปล่งพลังเสียงออกจากช่องท้อง การพูดที่จริงใจไม่ไก่กา ท่านว่าต้องเปล่งวาจาออกมาจากก้นบึ้ง คุณมิสลันตา มาดสาวมั่นหายหม๊ดเลย พูดจาเป็นผู้ดีแอ๊บแบ๊ว เหยียบบัวตมกลัวจมโคลน ส่วนคุณละลิกก็ดูฝืนๆ เฝือๆ ผิดฟอร์มชอบกลอยู่ พูดไม่ค่อยจะเต็มปากเต็มคำ งึมๆ งำๆ ที่จริงคงไม่อยากตอบ แต่ไอ้จะเงียบ ก็กระไร หันรีหันขวาง กลุ้มใจเต็มที เลยออกหมา แบบว่าปิดๆ บังๆ อะไรไว้ก้นหลุมก้นบึ้งยังไงก็ไม่รู้แฮะ ผมอาจรู้สึกไปเอง ยังไงถ้ารู้สึกเสียท่าไม่เข้าที จะตอบใหม่ก็ได้นะฮะ ก็ยังรอฟังอยู่ เอาน่ะ ทีนี้ ฟังความจากคุณเบต้าแคโรทีนแล้วอ้าปากค้าง ใครไม่ปฏิบัติตามพระคัมภีร์ล่ะ ไม่ถือว่าเขามีอิสลาม ! ดังนั้น เคร่งศาสนาไม่ได้ ไม่ให้ ?! อิสลามถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมก็ได้ด้วย? ห๊าา .. ! นี่ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย ! เอาอีก มุสลิมยอมตายเพื่อศาสนา !! อ้าว! พวกระเบิดพลีชีพ เขาก็ยอมตายไม่ใช่เหรอ แล้วจะไม่ให้นับพวกเขาเป็นมุสลิม ไม่ให้เป็นอิสลามิก จะไม่เป็นการแบ่งชั้นวรรณะไปหน่อยเรอะ ก็แล้วเขาตายให้ใคร? ก่อนตาย เขาไม่เอ่ยถึงเมีย ไม่เอ่ยถึงแม่ ไม่เอ่ยถึงประเทศ ไม่เอ่ยถึงใคร เขาเปล่งวาจาสุดท้ายถึงองค์อัลลอฮ์ พระองค์เท่านั้น ! แล้วอย่างนี้ เขาตายเพื่อใคร !! เขาไม่ใช่มุสลิมที่ยอมตายเพื่ออิสลามหรอกรึ?! ไปๆ มาๆ เหมือนจะเหยียดกันให้ผู้อื่นเป็น "ไอ้ตายอย่างโง่" ไม่ใช่ "ผู้ยอมตายเพื่ออิสลาม" ?! ตีค่าศาสนิกเดียวกันเช่นนี้ องค์ผู้เป็นใหญ่สูงสุดท่านจะเห็นชอบด้วย จริงหรือ ?! จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 01:06:34

ความคิดเห็นที่ 87 ความทุกข์จะไม่โผล่ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ จาก หลวงพ่อพุทธทาส แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 54 01:22:37 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 54 01:21:06 จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 01:17:30

ความคิดเห็นที่ 88 จากปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าที่อ่านเจอมานะครับ อัปมาโน  อย่าทำรูปเคารพไว้กราบไหว้บูชา และพระพุทธเจ้าทรงกำชับเหล่าสาวกของพระองค์ต่อไปอีกว่า " การเคารพบูชานั้น  ให้เคารพด้วยจิตวิญญาณและความจริง  อย่าบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ  เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีประโยชน์หรือคุณค่าใดๆ ปล. เห็นมีหลายท่านตั้งคำถามไม่ค่อยสร้างสรรค์เลยครับ  ได้แต่ความมัน  ไม่ได้สาระอะไรเลย จากคุณ : ScubaBall เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 02:44:55

ความคิดเห็นที่ 89 คงได้อารมณ์เบื้องต้นคล้ายกันที่ว่า ทำไมคนที่นับถือศาสนาอิสลามไปต้องที่ เมือง เมกกะ (เขียนผิดขออภัย) ประเทศซาอุดิอาระเบียค่ะ  แล้วถ้าสมมุติว่าในอนาคตเกิดมีคนไประเบิดแท่งหินสีดำนั้น อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคะ รบกวนตอบคำถามให้ด้วยค่ะ  มันจะกลายเป็นความขัดแย้งแบบสุดขีดหรือเปล่า จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 04:35:00

ความคิดเห็นที่ 90 อ่อ คุณ ระนาดเอก ทำไมไม่ตอบคำถาม จขกท หล่ะค่ะ คนระดับคุณที่อยู่ในห้องนี้มานานน่าจะให้ความรู้ดีดี กับคนถามได้นะ แล้วทำไมถึงไม่ตอบ จู่ๆก็โพล่งปากออกมาพูดเรื่อง อิสลามสอนให้ฆ่าคนบูชาพระเจ้าซะงั้น มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า หรือเพื่อตอบสนองความต้องการอย่างอื่นมากกว่า กลับเข้าสู่ประเด็น บทความอันนี้อยากจะขอความรู้จากเพื่อนๆ พี่ๆ ห้องนี้หน่อยนะคะว่า จริงๆแล้วมันถูกต้องหรือไม่คะ สำหรับข้อมูลที่ฉันได้มา  ดังนี้ 1. เรื่องการสร้างพระพุทธรูป พระพุทธเจ้าไม่เคยให้สร้าง ไม่เคยตรัส ไม่เคยสนับสนุน แถมยังทรงตรัสเตือนไว้ด้วยซ้ำว่า หากจะแสดงความเคารพในพระองค์แล้ว ก็ไม่ต้องมาบูชาด้วยสิ่งใด ๆ แต่จงบูชาด้วยการปฏิบัติตามคำสอนที่ดี ๆ ที่พระองค์ได้เคยสอนไว้แล้ว 2.กรณีที่บอกว่า บางคนอ้างว่า มีในพระไตรปิฎก ว่ามีการบอกให้สร้างได้ -อันนี้ เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก และยากต่อการทำความเข้าใจหากไม่สนใจอย่างลึกซึ้งจริง ๆ เพราะพระไตรปิฎกเอง หากศึกษากันดี ๆ แล้ว มี 1 ชุดที่ไม่ได้ออกมาจากปากของพระพุทธเจ้า พระไตรปิฎกนั้น คือ หลักคำสอนที่จัดไว้ อย่างดี และ เชื่อกันว่าแบ่งออกเป็น 3 หมู่ คือ * หมู่ที่ 1 ที่ว่าด้วยพระวินัยบัญญัติ ก็คือ ข้อที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องปฏิบัติอย่างไร โดยเฉพาะพระ-เณร อันนี้มีหลักฐานชัดเจนมาก ด้วยการท่อง-สวด-จำต่อ ๆ กันมา อย่างตั้งใจ และมีการตรวจสอบความแน่นอนกันทุก ๆ 15 วัน ดังนั้น พระพุทธเจ้าเคยพูดไว้อย่างไร ก็จะไม่มีผิดเพี้ยนเลย ทุกคำจะต้องตรงกัน ไม่ให้ผิดแม้สระ อิ สระ อี ฯลฯ หากผิดก็ต้องสวดใหม่ พระในวัดใหญ่ ต้องสวดทุก 15 วัน หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ในส่วนของคำสั่ง-คำสอน ชุดนี้ คือพระวินัยนั้น เป็นของแน่นอน พระพุทธเจ้าตรัสไว้เอง **หมวดที่ 2 ว่าด้วยเรื่องต่าง ๆ ที่สอนไว้อย่างเป็นหลักเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่วินัยบญญัติ แต่เป็นหัวข้อธรรมะ ที่มีคติธรรมดี ๆ หรือตัวอย่างที่ดี ๆ ดำเนินชีวิต บางเรื่องก็เป็นหลักสัจจธรรม ที่ต้องทำความเข้าใจให้มาก ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ ต่อการดำเนินชีวิต ที่จะไม่เบียดเบียนกัน และมีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ในหมู่นี้ เราเรียกว่า "พระสูตร" หรือพระสุตันตปิฎก ในหมวดหมู่นี้ก็เช่นกัน ได้รับการท่องจำตาม ๆ กันมาด้วยการสวดมนต์ เป็นเรื่องยาว ๆ และบรรจุเอาไว้ในบทสวดของพระที่พระต้องสวดทุกวัน ในการสวดมนต์เช้าเย็น (แต่น่าอนาถใจว่าพระส่วนใหญ่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังสวดอะไร เพราะแปลไม่ออก) ดังนั้น ในส่วนนี้ ที่เรียกว่าพระสุตันตปิฎกนี้ มั่นใจได้ ว่า เป็นของเดิมที่มีมาแต่สมัยโบราณ จากยุคพระพุทธเจ้า *** หมวดหมู่ที่ 3 นี้ที่มีปัญหา คือหมวดหมู่ที่เรียกว่า "พระอภิธรรมปิฎก" ในหมวดนี้ หรือพระธรรมชุดนี้ ในทางวิชาการพุทธศาสนา ในทุกประเทศ เห็นพ้องต้องกันแล้วว่า ไม่ใช่รูปแบบที่ท่องจำกันมาจากปากต่อปากมาจากพระพุทธเจ้า แต่เป็นการ "เรียบเรียง" หรือประพันธ์ขึ้นมาใหม่ โดยอ้างบางบทบางตอน จากพระสุตันตปิฎกนั่นเอง แต่มาแต่งเติมซะมากมายจนไม่น่าเชื่อว่า เรื่องแบบนั้นจะออกมาจากปากคนระดับพระพุทธเจ้าได้ เพราะในหมวดหมู่ที่ 3 นี้ ที่เรียกว่าอภิธรรมปิฏกนี้ คนไทยจำนวนมากเชื่อกัน แต่ที่น่าเศราใจอีกมากก็คือ แค่ อภิธรรม ไม่ใช่คำพูดของพระพุทธเจ้า ยังไม่พอ เมื่อมาถึงประเทศไทย ในยุคสุโขทัย ยังเจอพระเจ้าแผ่นดินเพ้อ ๆ เจ้อ ๆ บางพระองค์ นำหลักธรรมชุดนี้มาแต่งเติมเพิ่มปลอมแปลงเข้าไปอีก ที่เรียกว่า "ไตรภูมิพระร่วง" นั่นแหล่ะ เพราะพระราชายุคนั้น ต้องการให้คนไทยยิ่งโมก ๆ จะได้ปกครองง่าย (คนไทยน่าสงสารหากอ้างศาสนาพุทธแล้ว เป็นอันเชื่อหมด) ดังนั้น ปัญหาก็คือ เรื่องการศร้างพระพุทธรูป และอ้างว่าพระพุทธเจ้าทรงอนุญาต มันดันมีอยู่ในหมวดหมู่ที่ 3  เพราะอะไร ก็เพราะ มันเป็นเรื่องปลอม ที่คนยุคหลังเอามาปลอมแล้ว ปลอมอีก ดังนั้น พระพุทธเจ้าไม่เคยบอกให้ปั้นรูปของพระองค์แน่นอน คนที่อ้างสารพัดอ้าง ก็เพราะเขาไปเชื่อในหลักธรรมปลอม ๆ มา แต่เขาอาจจะไม่รู้ หรืออาจจะรู้ แต่ขอดันทุรัง ....................... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 54 06:29:48 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 06:28:56

ความคิดเห็นที่ 91 รอฟังหลักฐานเรื่องพระพุทธรูปต่อไป ถึงอย่างไรเวลากราบพระ ก็มองข้ามรูปปั้นไปอยู่แล้ว ...บางครั้งใช้พระพุืทธรูปไว้ทำกรรมฐานก็เคย และได้ผลดี. จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 08:25:06

ความคิดเห็นที่ 92 แปลกดีนะครับ ชาวพุทธ ต้องให้ชาวมุสลิมเตือน ว่ากำำลังปฏิบัติผิด ไปจากหลักคำสอน แถมยังไม่ค่อยยอมรับความจริงอีก .....เฮ้อ...ศาสนาเดียวกันเอง เลยไม่กล้าเตือนกันเอง ส่วนใครที่ออกมาเตือน นู้น...ออกไปตั้งสำนักอยุ่คนเดียวโน่นเลย หลักธรรมจริงๆ แก่นธรรมจริง ไม่ค่อยจะสนหรอก นี่แหละ จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 08:29:47

ความคิดเห็นที่ 93 ใครบอกพวกนนั้นไม่ใช่มุสลิม เขาเป็นมุสลิม แต่อย่ามาบอกว่าเคร่งศาสนา ถ้ายังทำผิดหลักศาสนาอยู่ ถึงบอกให้ไปหามาว่าตรงไหนสอนให้ทำแบบนั้น ถ้าไม่มีแล้วฝ่าฝืนไปทำ อย่ามาเรียกว่าเคร่งศาสนาครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 08:40:02

ความคิดเห็นที่ 94 ไม่อยากจะพูดอะไรมากประเด็นเดิมๆ ชาวพุทธแท้เค้าไหว้รูปปั้นหรือไม่ไหว้ นั่นคือเรื่องข้างนอก แต่ต่อให้ไหว้หรือไม่ไหว้ "ใจก็ระลึกถึงไตรสรณคม พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์" ไหว้หรือไม่ไหว้ก็ไม่ต่างกันสำหรับชาวพุทธที่เข้าใจแก่นหรือหลัก มันเป็นพุทธานุสติ หากมองจากการกระทำภายนอกความผิดแผกจากสมัยพุทธกาลมันก็เป็นไปได้บ้าง แต่นั่นมันเรื่องข้างนอก ซึ่งเป็นไปตามกาลเวลายุคสมัย แต่เรื่องของศาสนาพุทธ เป็นเรื่อง "ข้างใน" ซึ่งก็เหมือนเดิม มีพุทธานุสติ ธรรมนุสติ สังฆานุสติ มรณัสติ เป็นต้นอย่างนี้ มันแค่นั้นล่ะ ใครมานั่งบอกว่า ศาสนาพุทธห้ามไหว้รูปปั้น นั่นไม่ใช่คนของศาสนาพุทธ คนคนนั้นยังไม่เข้าใจตัวแก่นของศาสนา ไปหยิบตัวเปลือกนอกสุดเอามาเป็นกฏ ซึ่งเป็นเรื่องกระบือมากๆ อย่างหนึ่ง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เน้นตัวจิตและใจเป็นหลักใหญ่สุด พระวินัยทั้งหมดของศาสนาพุทธมี ใจเป็นหลัก การตัดสินด้วยการกระทำว่าไหว้รูปปั้นหรือไม่ไหว้ จึงเป็นเรื่องที่ควายหยิบมาเคี้ยวกัน เท่านั้นเอง ก็พวกเอ็งมันไม่ไหว้ เอ็งก็เอากฏของเอ็งมาว่า เฮ้ยพวกเมิงไหว้กันทำไมว่ะ ศาสนาตูห้าม ก็นั่นมันศาสนาพวกเมิง ไอ้พวกนี้ก็หยิบมาโจมตีเข้าไป ระเบิดเข้าไป ไม่อยากจะพูดหรอก แต่ใครเอาระเบิดไปหย่อน หินดำบ้างแล้วจะหนาว จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 08:47:38

ความคิดเห็นที่ 95 ก็พวกเอ็งมันไม่ไหว้ เอ็งก็เอากฏของเอ็งมาว่า เฮ้ยพวกเมิงไหว้กันทำไมว่ะ ศาสนาตูห้าม ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ 5555 จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 09:02:58

ความคิดเห็นที่ 96 เอาละผมพอสรุปได้แล้วว่า  ชาวพุทธสร้างรูปปั้นขึ้นเองโดยไม่มีคำสั่งใดๆจากพระพุทธองค์ แต่ทำไปด้วยเจตนาดี  และไม่ขัดกับหลักคำสอน  และได้เพิ่มพูนศรัทธาให้แก่บางคน  นั่นคือด้านดี แต่ก็ด้านร้ายด้วยเช่นกัน  แต่ไม่ค่อยแน่ใจ.....  ทำให้บางคนหลงงงมงาย  ห่างไกลจากคำสอนที่แท้จริง ผมไม่ได้ตั้งกระทู้นี้มาเพื่อสร้างความขัดแย้ง   ผมไม่ได้ตั้งกระทู้นี้มาเพื่อคำถามอื่นนอกจากที่ได้ถามไป ผมไม่ได้ประณามและก่นด่าบรรดารูปปั้นทั้งหลาย  เป็นบรรญัติจากพระเจ้าที่บอกว่าห้ามด่าทอบรรดารูปปั้น ผมเสียใจที่บางคนเข้าใจเจตนาผมผิด  และผมก็ขอโทษหากผมใช้ภาษาไม่เหมาะสม ผมเสียใจที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง  ทั้งๆที่เราน่าจะอยู่โดยไม่มีการทะเลาะกัน โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์  ข้าพระองค์ขออภัยโทษหากสิ่งนี้ทำให้ศาสนาของพระองค์ต้องมัวหมองด้วยความไม่รู้ของข้าพระองค์ จากคุณ : mage_mann เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 09:05:00

ความคิดเห็นที่ 97 การสร้างและการกราบไหว้พระพุทธรูป เป็นธรรมเนียมในการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า จริงอยู่พระพุทธเจ้าจะไม่ได้สั่งให้ทำ แต่ท่านก็ไม่ได้ห้าม จะว่าไปก็คล้ายกับการคำนับต่อพระรูปของในหลวง เราทำเพื่อแสดงความเคารพ ซึ่งพระองค์ท่านไม่ได้สั่งให้ทำ แต่ก็ไม่ได้ห้าม (ผมมาช้าไปไช่ไหม) จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 09:08:46

ความคิดเห็นที่ 98 ผมก็ว่า ท่าน mage_mann อยากรู้ แต่มาความเห็นแรก ก็พาลงทะเลแล้ว เรื่องมันก็เป็นแบบนั้นแหละ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 09:11:33

ความคิดเห็นที่ 99 ผมนับถือพระพุทธศาสนาครับ มุสลิมแถวบ้านผมดีมากๆครับ นิสัยดีกันทั้งนั้น แน่นอนในหมู่บ้านผมก็มีคนพุทธที่โคตะระเห็นแก่ตัวมากมายเช่นเดียวกัน อย่าบอกว่าที่เราเป็นคนดีเพราะเรานับถือศาสนา A และที่เค้าเป็นคนไม่ดีเพราะเค้านับถือศาสนา B อย่างนั้นผมว่า "ไม่ถูกต้อง" แล้ว ศาสนาทุกศาสนา (ที่เป็นศาสนาหลัก) แม้หลักการจะแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดีทั้งนั้นครับ จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 10:15:10

ความคิดเห็นที่ 100 คห.97  การสร้างและการกราบไหว้พระพุทธรูป เป็นธรรมเนียมในการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า  จริงอยู่พระพุทธเจ้าจะไม่ได้สั่งให้ทำ แต่ท่านก็ไม่ได้ห้าม แต่จากปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าที่อ่านเจอมา อัปมาโน  อย่าทำรูปเคารพไว้กราบไหว้บูชา  เหมือนจะสั่งห้ามนะครับ จากคุณ : ScubaBall เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 10:48:36

ความคิดเห็นที่ 101 ยกมาดูที่ สกูบาบอล เอาชัดๆ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 11:17:48

ความคิดเห็นที่ 102 พระแพล้งกิ้ง ศาสนาพุทธเองแม้ไม่ได้ส่งเสริม ก็ไม่ได้ห้ามไม่ใช่เหรอ ยังถูกจับสึกแบบไม่ต้องสอบสวนสู่สาธารณะเลย ข้อหา "อวดอุตริ" ผู้อวด "อุตริ" มักมีข้ออ้างในการอวดเสมอๆครับ หากเอาดุลยพินิจมนุษย์มาตัดสิน ก็หลากหลายเกณฑ์อย่างที่เห็นในกรณีนี้ เปรียบเทียบให้เห็นหน่อยแล้วกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้มีสติปัญญา ในหมู่มุสลิมทุกวันนี้เองก็มี พวกอวด "อุตริ (บิดอะฮ์)" มากมาย เกือบทั้งหมดอ้างว่า เป็น อุตริกรรมที่ดี หรือศัพท์เทคนิคพวกเขาอ้างว่า "บิดอะฮ์ ฮาซานะฮ์ (ที่ดี)" ซึ่งคำๆนี้เดิมๆถูกบัญญัติขึ้นเพื่อหมายถึงอุตริที่ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่เป็นการพัฒนาสิ่งใหม่ทางโลกทั่วๆไป แต่คนพวกนี้ก็เอามารองรับอุตริในทางศาสนาของตน ซึ่งด้วยความที่อิสลามครอบคลุม และพระเจ้ารู้ดียิ่งถึงปัญหามนุษย์อวดอุตริเหล่านี้ที่จะมีมาในอนาคต จึงได้ห้ามไว้แต่เนิ่นๆแล้ว ผ่านศาสดาด้วยฮาดีษบทนี้ ท่าน ญาบิร บิน อับดุลเลาะฮ์  เขากล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวความว่า " จากนั้น  แท้จริงถ้อยความที่ดีที่สุด คือกิตาบุลเลาะฮ์(กุรอาน)  แต่ทางนำที่ดีที่สุด  คือทางนำของมุฮัมมัด  แต่บรรดาการงานที่ชั่วที่สุด  คือบรรดาสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่  และทุกสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่นั้น  เป็นบิดอะฮ์  และทุกๆ บิดอะฮ์นั้น ลุ่มหลง" ( รายงานโดยมุสลิม  หะดิษที่  867  อิมามอะหฺมัด  รายงานไว้ในมุสนัด เล่ม 3 หน้า 310  ท่านอันนะซาอีย์  รายงานไว้ในสุนันของท่าน  เล่ม 3 หน้า 188  และท่านอื่นๆ ) +++++ เพราะ ผลของการอวดอุตรินี้ สุดท้ายก็ทำให้คนหลงทาง หรือ สับสน และ "อุตริกรรม" เหล่านั้นก็ยังดำรงค์อยู่ได้ด้วยกับข้ออ้างดีๆของผู้ที่อ้างว่าตนเอง "ไม่หลง" เหล่านั้นนั่นเอง ซึ่งหาได้นำพาต่อการตักเตือนให้กลับสู่ศาสนาดั้งเดิมแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 54 11:40:55 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 11:35:06

ความคิดเห็นที่ 103 เฮ้อ..... จากคุณ : MySeaSon เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 12:59:05

ความคิดเห็นที่ 104 คุณ ScubaBall ผมก็สงสัยเหมือนคุณ สายลมเหงาแห่งขุนเขา เรื่องปัจฉิมโอวาท ที่คุณว่าพระพุทธองค์ท่านสั่งห้ามสร้างรูปเคารพ คือ ปัจฉิมโอวาท นี่เท่าที่ผมจำได้ลาง ๆ รู้สึกเหมือนคนที่เคยเรียนระดับมัธยมศึกษาทุกคนน่าจะต้องผ่าน ๆ ตากันมาบ้างนะครับ ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่ามีการห้ามสร้างเรื่องรูปเคารพอะไรเลย ไม่ทราบมีข้อมูลไม๊ครับ ว่าอ้างอิงจากตรงไหน  ผมลองถามอากู๋ดูอีกรอบก่อนถามคุณ ก็ไม่พบเลยครับ เผื่อเป็นความรู้ใหม่ครับ จากคุณ : ckman เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 13:46:16

ความคิดเห็นที่ 105 ทุกๆศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้นละครับ ทุกวันนี้นี้ ที่มันยุ่งๆ ฆ่ากันไปฆ่ากันมา ก็เพราะคนครับ คนที่มันนับถือศาสนา(ไม่ว่าจะศาสนาอะไรก็ตาม) คนมันเลวครับ ผมไม่เชื่อครับว่า ศาสนาไม่ว่าจะเป็นพุทธอิสลาม คริตส์หรือ ยิว หรือศาสนาอะไรใดๆในโลกจะสอนคนให้ฆ่าคนที่ต่างศาสนา ผมเป็นพุทธ และไม่ใช่พุทธศานิกชนที่ดีนัก แต่ก็มีสติพอที่จะรู้จักคิดดี  ทำดีบ้างตามโอกาส  เพื่อนๆที่เป็นมุสลิมก็มีเยอะ ก็ไม่เห็นมีใครซักคนที่มีความคิดที่ชั่วร้ายแบบนั้น  ถ้ามีใครที่ฆ่าคนหรือก่อการร้าย ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าเพื่อศาสนาของตัวเอง  ผมว่าคนคนนั้น ไม่ใช่ศาสนิกชนที่ดีแล้วครับ   " เป็นเพียงคนคลั่งลัทธิ " ที่บ้าคลั่งเท่านั้นเอง จากคุณ : คนขำๆ (คนขำๆ) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 13:49:54

ความคิดเห็นที่ 106 เห็นไหมที่ผมบอกว่า "อีกส่วนหนึ่งแม้ยังคิดไปถึงพระองค์ไม่ได้แต่ก็ยังไม่เบาปัญญาขนาดนี้ ยังพอแยกแยะอะไรได้ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องศาสนา เรื่องใดเป็นเรื่องอ้างศาสนา เรื่องใดเป็นการเมือง เรื่องใดเป็นเรื่องสร้างภาพ " คนที่ยอมรับว่ายังไม่ใช่ศาสนิกชนที่ดีนั้น ความคิดอ่านยังดูมีปัญญามากกว่าพวกผู้อ้างรู้ศาสนาหลายๆคนเสียอีก จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 13:57:16