|
สิ่ง" สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง ดิน น้ำ ไฟ ลม รูป- นาม ไม่สามารถยั่งลงได้ สิ่งนั้นคือนิพพาน
เทียบกับ หลักฐาน นี้ --- อ้าง http://www.pobbuddha.com/tripitaka/upload/files/849/index.html การตรัสเรื่อง “มหาภูต” ไม่หยั่งลงในที่ไหน
เกวัฏฏะ! เรื่องเคยมีมาแล้ว : ภิกษุรูปหนึ่ง ในหมู่ภิกษุนี้เอง เกิด ความสงสัยขึ้นในใจว่า “มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ ในที่ไหนหนอ” ดังนี้.
(ความว่า ภิกษุรูปนั้นได้เข้าสมาธิ อันอาจนำไปสู่เทวโลก ได้นำเอา ปัญหาข้อที่ตนสงสัยนั้นไปเที่ยวถามเทวดาพวกจาตุมมหาราชิกา, เมื่อไม่มีใคร ตอบได้ ก็เลยไปถามเทวดาในชั้นดาวดึงส์,เทวดาชั้นนั้นโยนให้ไปถามท้าวสักกะ, ท้าวสุยามะ, ท้าวสันตุสิตะ, ท้าวสุนิมมิตะ, ท้าวปรนิมมิตวสวัตตี, ถามเทพพวก พรหมกายิกา, กระทั่งท้าวมหาพรหมในที่สุด, ท้าวมหาพรหมพยายามหลีก เลี่ยงเบี่ยงบ่ายที่จะไม่ตอบอยู่พักหนึ่ง แล้วในที่สุดได้สารภาพว่าพวกเทวดาทั้งหลาย พากันคิดว่าท้าวมหาพรหมเอง เป็นผู้รู้เห็นไปทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ที่จริงไม่รู้ใน ปัญหาที่ว่ามหาภูตรูปจักดับไปในที่ไหนนั้นเลย. มันเป็นความผิดของภิกษุนั้นเอง ที่ไม่ไปทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ในที่สุดก็ต้องย้อนกลับมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า).
เกวัฏฏะ ! ภิกษุนั้นได้กลับมาอภิวาทเรา นั่ง ณ ที่ควร แล้วถามเรา ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ ในที่ไหน?” ดังนี้.
เกวัฏฏะ ! เมื่อเธอถามขึ้นอย่างนี้ เราได้กล่าวกะภิกษุนั้นว่า แน่ะ ภิกษุ ! เรื่องเก่าแก่มีอยู่ว่า พวกค้าทางทะเล ได้พานกสำหรับค้นหาฝั่งไปกับ เรือค้าด้วย. เมื่อเรือหลงทิศในทะเล และแลไม่เห็นฝั่ง พวกเขาปล่อยนก สำหรับค้นหาฝั่งนั้นไป. นกนั้นบินไปทางทิศตะวันออกบ้าง ทิศใต้บ้าง ทิศ ตะวันตกบ้าง ทิศเหนือบ้าง ทิศเบื้องบนบ้าง ทิศน้อย ๆ บ้าง. เมื่อมันเห็น ฝั่งทางทิศใดแล้วมันก็จะบินตรงไปยังทิศนั้น, แต่ถ้าไม่เห็น ก็จักบินกลับมาสู่เรือ ตามเดิม. ภิกษุ ! เช่นเดียวกับเธอนั้นแหละ ได้เที่ยวหาคำตอบของปัญหานี้ มาจนจบทั่วกระทั่งถึงพรหมโลกแล้ว ในที่สุดก็ยังต้องย้อนมาหาเราอีก.
ภิกษุ ! ในปัญหาของเธอนั้น เธอไม่ควรตั้งคำถามขึ้นว่า “มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลมเหล่านี้ ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือในที่ไหน?” ดังนี้เลย, อันที่จริง เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า:“ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ในที่ไหน? ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือในที่ไหน? ดังนี้ ต่างหาก.
ภิกษุ ! ในปัญหานั้น คำตอบมีดังนี้:“สิ่ง” สิ่งหนึ่ง ซึ่งบุคคลพึงรู้ แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ไม่มีที่สุด แต่มีทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบ, นั้นมีอยู่. ใน “สิ่ง”นั้นแหละ ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้. ใน “สิ่ง” นั้นแหละความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้. ใน “สิ่ง” นั้นแหละ นามรูปย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ. นามรูป ดับสนิทใน “สิ่ง” นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ, ดังนี้”.
พิจารณา ตามที่ตรัส ตอบ บุคคลนั้น ว่า -- เธอควรจะตั้งคำถามขึ้นอย่างนี้ว่า:“ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่หยั่งลงได้ ในที่ไหน? ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ่ ความงาม ความไม่งาม ไม่หยั่งลงได้ในที่ไหน? นามรูป ย่อมดับสนิทไม่มีเศษเหลือในที่ไหน? ดังนี้ ต่างหาก.
ผู้ถาม ถามคำถามนั้น ว่า -- ภิกษุนั้นได้กลับมาอภิวาทเรา นั่ง ณ ที่ควร แล้วถามเรา ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มหาภูตสี่ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม เหล่านี้ ย่อมดับสนิท ไม่มีเศษเหลือ ในที่ไหน?” ดังนี้.
--- เราๆ ท่านๆ เข้าใจ ว่า ? ครับ
เมื่อ พิจารณา "อัสสุตวตาสูตร (จากความจำป ที่ตรัสว่า
กายนี้ประกอบด้วยมหาภูติ (ธาตุ) ทั้ง ๔ (ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม วึ่งผู้อื่น บัญญัติว่า มีอัตตาในกายนี้ และ พากันยึดถือว่า จิต มโน วิญญาณ เป้น ตัวตนของตน) แต่ว่า ตถาคต เรียกสิ่งนั้นว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง
http://nkgen.com/473.htm "แต่ตถาคตเรียก ร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ (ที่ย่อมประกอบด้วยสิ่งที่เรียก)ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง(ตามแต่จะเรียกกัน)"
สรุป (๑) คำที่ เสนอว่า -- สิ่งนั้น คือ นิพพาน --(ตามที่ เสนอนั้น) --- ช่วย ขยายความหน่อยครับว่า "คือ ? ตามพระสูตรใด?
(๒) แล้ว นิพพาน (ตามที่จะ ขยายความนั้น) ตรงกับ
พุทธอุทาน ที่ตรัสไว้ว่า
ฯลฯ ความดับแห่งภพ เพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา ด้วยประการทั้งปวง นั้นคือ นิพพาน (นะ อ่านซิ ตามที่ ขยายความให้ฯ)
(๓) แล้ว ก้ ไม่ขัดกับ ที่ตรัสไว้อีกพระสูตรว่า
ฯลฯ ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ อันใด อันนั้นแล ตถาคต เรียกว่้า นิพพาน
(เชิญทุกๆ ท่าน ช่วย ขยายความด้วย ครับ โดยเฉพาะ ท่าน ที่สำคัญ อัตตภาพแห่งตนว่า ฉันเป็นนักปฏิบัติ (แบบใดนั้น) -- ไม่ใช่ นักปริยัติ หรือ "ใบลานเปล่า" ฯ)
จากคุณ |
:
เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.ค. 54 08:44:30
|
|
|
|
|