คงไม่มีใครที่สวดมนต์ให้หมอมุก แล้วคิดว่า การสวดมนต์เป็นตัวหลักในการช่วยชีวิตหมอมุกหรอกครับ
ทุกคนน่าจะมีสติปัญญามากพอจะพิจารณาได้ครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
แต่อ่านดูแล้ว รู้สึกไม่ค่อยถูกกาละเทศะน่ะครับ
คือ เป็นวาจาที่จริง เป็นประโยชน์ แต่ไม่ถูกกาละเทศะ
พระพุทธองค์เองก็รู้กาลที่จะพูดวาจานั้นนะครับ
ปกติ ผมก็แผ่เมตตาให้บิดามารดา ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน และสัตว์โลกอยู่แล้ว
หากมีกรณีพิเศษเช่นนี้ การจะตั้งจิตนึกถึงอีกหนึ่งบุคคล ก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร
ผมเชื่อว่า ความปรารถนาดีส่งต่อให้กันได้ รับรู้กันได้ครับ
จิตมีอำนาจและกำลังเหนือฟิสิกส์กายภาพครับ
คราวนึง มีภิกษุถูกงูกัดตาย พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปนั้นไม่ได้แผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง ๔ เป็นแน่
เพราะถ้าภิกษุรูปนั้นแผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง ๔
ภิกษุรูปนั้นจะไม่พึงถูกงูกัดถึงมรณภาพ "
จะเห็นได้ว่า ความปรารถนาดีเป็นของสากล รับรู้ได้ไม่เลือกเผ่าพันธุ์
ประสาอะไรกับ คนปรารถนาดีกับคนด้วยกัน ถึงจะรับรู้กันไม่ได้
อย่างไรก็ดี ถึงใครจะรับรู้ไม่ได้ แต่ประโยชน์ก็เกิดขึ้นแก่ผู้แผ่เมตตาแล้ว
ก็ขอยกมากล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า มีดังนี้
ผู้เจริญเมตตาธรรมอยู่เสมอ จนจิตมั่นในเมตตา มีเมตตาเป็นคุณสมบัติประจำใจ จะได้รับอานิสงส์ คือผลดี ๑๑ ประการ คือ
๑. หลับก็เป็นสุข
๒. ตื่นก็เป็นสุข
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวดาย่อมรักษา
๗. ไม่ต้องภัยจากไฟ ยาพิษ หรือศัตราวุธ
๘. จิตเป็นสมาธิง่าย
๙. สีหน้าผ่องใส
๑๐. เมื่อจะตาย ใจก็สงบ ไม่หลงใหลไร้สติ
๑๑. ถ้ายังไม่บรรลุคุณพิเศษที่สูงกว่า ย่อมเข้าถึงพรหมโลก
อนุโมทนาครับ _/\_