ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนกันแน่นอนเลยครับ ดูแต่รูปความเห็น ดูดีน่าเลื่อมใส แต่ขอประทานโทษจริง พยายามอ่านแล้ว แต่ไม่ Get เลย  เข้าใจว่าหัวยังไปไม่ถึง จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 11:59:55

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ ไม่เข้าใจก็ข้ามไป จากคุณ : ------ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:16:26

ความคิดเห็นที่ 3 no  commemt  จากคุณ : ใจขึ้น เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:21:26

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ ไม่เข้าใจก็ข้ามไป จากคุณ : ------ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:34:02

ความคิดเห็นที่ 5 ผม คง โชคดีกว่า ครับ ด้วย อายุ ยังไม่มากนัก ทำให้ อ่านได้ ครับ ตอน แรก ก็ไม่เข้าใจ ว่า ท่าน ต้องการสื่ออะไร ครับ ตามความเข้าใจ ของผม เอง นะครับ ผม เข้าใจว่า ท่านเซน จะยกตัวอย่าง หรือ ข้อ ความ มา หักล้าง ทุก ความเห็น ของ คน นะครับ โดย ไม่ได้ บอกว่า สิ่งที่ ท่าน กล่้าวมานั้น ถูก หรือผิด แต่ ประมาณ ให้ เรา กลับไปคิด ในสิ่งที่เรากล่าวมาแล้ว ว่า มันยังไม่สมบุรณ์ ตรงไหน คงประมาณว่า แน่ใจนะ ที่ แสดง ความเห็น ออกมาอย่างนี้ แล้ว ถ้าผม แย้ง อย่างนี้ หละ คุณจะแย้งอย่างไร หรือ ประมาณว่า สอนแบบ ให้เราคิดเอง นะครับ ตั้งคำถามให้เราคิด พอเราตอบ ท่านไม่บอกว่า ถูกหรือผิด แต่ จะถาม คำถาม ต่อไป แล้วให้ตอบอีก แล้วให้เรากลับมาดูว่า คำตอบในข้อแรก สอดคล้อง กับ ข้อ หลัง ที่เราตอบ หรือไม่ ถ้าไม่ ก็ จะถามว่า ทำไมคำตอบถึงไม่สอดคล้องกัน ท่านมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า เพราะ คำสอน ของ พุทธองค์ ตลอด 45 ปี นั้น สอดคล้องกันมาตลอด โดยไม่ขัดแย้งกันเลย แต่ทำไม ท่าน ตอบแล้ว มัน ขัดแย้ง กัน หละ โดย ผม สังเกต จาก ถ้า ท่านถาม ถึงเรื่องนี้ แล้ว ผมตอบไป ท่านจะถามว่า แล้วมันสอดคล้อง กับพระสูตร นี้ ด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ เขา ก็ บอกว่า น่าจะคิดดูใหม่นะ เพราะผมอาจคิดไม่ถูกก็ได้แต่ ท่านจะไม่บอกว่า เรา่คิดผิดนะครับ อะไร ประมาณนี้นะครับ แต่ ก่อน ก็ไม่ค่อยเข้าใจ คห ของท่านเซน เลย อ่านแล้ว ค่อนไปทาง อ่านแล้วเพิ่มโทสะ สะเป็นส่วนใหญ่ ครับ ตอนนี้ พอทำใจแบบนี้แล้ว อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มมากขึ้น ครับ ------------------ เอ หรือ ผม จะ จิตนาการไปเอง หว่า จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:34:44

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ ไม่เข้าใจก็ข้ามไป จากคุณ : ------ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:34:48

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ จากคุณ : chung oui เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:34:56

ความคิดเห็นที่ 8 ลีลาการตอบท่านเซนเขาเป็นแบบนี้มานานแล้วครับ 555+ มีคนเคยตั้งกระทู้ทำนองนี้มาแล้ว ไม่นานนี้หรอกครับ ขำดี ส่วนผมนั้น เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ที่ว่าเข้าใจก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกรึเปล่านะครับ จากคุณ : แมงกุ๊ดจี่ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:36:04

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ ไม่เข้าใจก็ข้ามไป จากคุณ : ------ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:36:16

ความคิดเห็นที่ 10 แกจะยึดพุทธวจนะเป็นหลัก และนาน ๆ จะออกความเห็นส่วนตัวซักทีนึงครับ จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 12:54:57

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็อยากจะอ่านน่ะแต่พอแกอ้างอาจารย์แกทีไรผมอ่านไม่ลงเลยจริงๆ จากคุณ : Brutal PoP เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:11:25

ความคิดเห็นที่ 12 ตาม คห10 เลยครับ สรุปประมาณว่า ไม่ต้องถาม คิดเอาเอง เปรียบเทียบกับ พุทธวจนะ หรืออาศัยพุทธวจนะ ตอนนี้ก็เก็ทมากขึ้นครับ เมื่อก่อนนี่ อ่านแล้วเหมือนไม่ได้อ่านอะไรเลย จากคุณ : นายจองชัย เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:20:06

ความคิดเห็นที่ 13 คิดเหมือนเจ้าของกระทู้ กับ ความคิดเห็นที่ ๕ แต่เราชอบ ..  อ่านไม่รู้เรื่อง  แต่ขำดี . ไม่รู้ทำไม. จากคุณ : โอยสะลา. (โอยสะลา) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:23:47

ความคิดเห็นที่ 14 ท่านเป็นของท่านแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วค้าบบ จากคุณ : มุมเย็นๆ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:29:55

ความคิดเห็นที่ 15 เซน ก็คงประมาณนี้แหละครับ... จากคุณ : เช เชียงราย เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:35:12

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนตัว อยากอ่านเข้าใจมาก ๆ ครับ ผมต้อง ฝึกตรงใหน เพิ่มอะไร บ้างครับ จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:54:42

ความคิดเห็นที่ 17 คำพูดของท่านเซนเนี่ย ถ้าเป็นเสียงพูดเลยผมว่าน่าจะดีมากๆ ผมจะมึนบ้างก็ลักษณะการพิมพ์เว้นของท่านเซนนี่แหละ จากคุณ : ~หูว เสี่ยวผิง~ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 13:59:46

ความคิดเห็นที่ 18 แต่ก่อนนี้...ก็อ่านไม่รู้เรื่องเหมือนกันค่ะ ส่วนตอนนี้อ่านพอจะเข้าใจแล้ว...ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แหะๆ :) จากคุณ : ฟากฟ้าฝั่งฝัน เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 14:06:50

ความคิดเห็นที่ 19 อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เลยค่ะ จริงๆไม่ค่อยกล้าวิพากษ์วิจารณ์ใคร เพราะเกิดท่านเป็นพระอริยะขั้นสูงขึ้นมา บาปกรรมจะตกแก่เราได้นะคะ (นึกถึงศาสตราจารย์ที่เก่งแต่ไม่อาจสื่อความหมายเป็นภาษาให้เข้าใจง่ายๆนะค่ะ หรือปัจเจกพุทธะที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองแต่สอนให้ผู้อื่นตรัสรู้ตามไม่ได้น่ะค่ะ ไม่เก็ท แต่อย่าไปลบหลู่ก็พอค่ะ) จากคุณ : หมาชายหาด เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 14:30:58

ความคิดเห็นที่ 20 เพราะท่านเป็น เซ็น ครับ เราเถรวาท เลยเข้าใจอยาก หน่อย จากคุณ : สุขใดยิ่งกว่าความสงบย่อมไม่มี (นิยมวัตถุ) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 15:06:25

ความคิดเห็นที่ 21 กระทู้นี้อยากเห็นคุณ เซนเถรวาทปฐม เข้ามาตอบที่สุด จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 15:59:58

ความคิดเห็นที่ 22 ...    อ่านแล้ว ----- เข้า ใจ ยาก ----- (หรือ) ??? --- "ไม่พยายาม" จะ ทำความ เข้าใจ ----- "เคย" นั่ง ยืน ///// เดิน แล้ว พิจารณา ใน "ธรรม" แต่ ก็ ไม่ เข้าใจ (เหมือนกัน) ---- ก็ --- "เลย" ต้องข้าม ไป ใน ที่สุด ....???? ### งง                                                                                                         ++ จากคุณ : เซน(ตัวปลอม) (สองนิ้วชี้) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 16:38:42

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ อย่าลืม พื้นหลังเค้าต้องเป็นสีกรมท่าด้วย อิอิ จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 16:51:19

ความคิดเห็นที่ 24 มันก็พูดยากนะคะ จิตเราอาจจะไม่รองรับ อักขระ ที่ใช้ภาษาใจสื่อมาก็ได้ เป็นปกติ 99.9 เปอร์เซ็นต์ที่ดิฉัน ไม่เข้าใจ ที่ท่านต้องการจะสื่อเหมือนทุกๆ ท่านนะแหละค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตั้งกระทู้ถาม ธรรมะที่ตัวเองติดขัดจริงๆ มันข้ามตรงนี้ไม่ได้ จริงๆ มันตื้อ ไปหมด จู่ ๆ ท่านเซน ก็ให้เกียรติมาตอบกระทู้ของ ดิฉัน อัศจรรย์ใจที่ว่า เป็นครั้งแรก ที่เข้าใจจริงๆ แบบเข้าใจลึกซึ้ง ว่า คุณเซนต้องการจะสื่ออะไร เหมือน เขี่ยผงในตา ดิฉันออกเลยค่ะ   และมันก็รู้ ตรงสภาวะได้จริง เมื่อ เรารู้ แล้ว แม้ไม่รู้ว่า รู้อะไร นั่นแหละค่ะ คือรู้ และเมื่อรู้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ สภาวะอะไรก็แล้วแต่ ที่ติดขัด หากเรารู้ตรง ตามความเป็นจริง ได้จริงๆ มันก็จะดับให้เห็นได้ ทันทีที่ รู้ค่ะ  ตรงนี้ยืนยันได้ค่ะ อ่านไปเถอะค่ะ อย่าคิดเยอะ ตรงไหน ที่มันคลิ๊ก กับเราจริงๆ สักวันเราก็จะเข้าใจคำพูดเหล่านั้นได้จริงๆ ค่ะ ลองใช้ใจอ่านดูค่ะ ไม่ต้องใช้ความคิดของเรานำ ไม่ต้องใช้สมองไปปรุงแต่งเพิ่มเติม หรือจินตนาการอะไรทั้งนั้น   อ่านซื่อๆ ดู สักครั้ง ก็อาจจะเข้าใจขึ้นมาได้ แน่นอนค่ะ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 17:02:20

ความคิดเห็นที่ 25 โอ๊ยยย  ขำ  คุณสองนิ้วชี   55555 เราเหมือน คุณโอยสะลา#13 เลยค่ะ  ถึงอ่านไม่รู้เรื่อง ก็อ่านนะ หาเรื่องมึนน่ะ อิอิ หากมีหนไหนที่อ่านของลุงโชติื รู้เรื่องนะ โอ๊ยยย ดีใจ  รู้สึกตัวเองมัพัฒนาการ 6666 เจอลุงโชติยกเรื่องป่าทีไร เราหลงป่าเตลิดเปิดเปิงไปไหนก็ไม่รู้ หาทางออกไม่ถูก 7777 แกเคยถามว่าอ่านแกไม่รู้เรื่องตรงไหน เราก็ตอบไม่ได้ เพราะมันไม่รู้ไปหมดอ่ะ  88888 แต่่เราว่าแกน่ารักดี ไม่ค่อยเห็นแกว่าใคร บางทีแกใช้คำว่า "มโนทวาร" อะไรเนี่ย ทำเอาก๊ากๆๆๆ หน้าคอม น่ารักดี มั่นคง เป็นตัวของตัวเอง มีจุดยืน  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 17:07:15

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบย้าง แต่ไม่รู้เรื่องซ๊ธเป็นส่วนใหญ่ เคยตอบ ความเห็นท่านขอให้ท่านเซนชี้แจงเพิ่ม ท่านก็เมตตาชี้แจงเพิ่มมานะครับ : ) ตอนชี้แจงอ่านง่ายกว่าคำตอบแรกอีก อิอิ : ) จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 18:18:23

ความคิดเห็นที่ 27 หลายปีก่อนเคยกระหน่ำ ลุงโชติ เรื่องทำไมใครๆอ่านแล้วก้งงๆ เคยแนะให้เขาใช้ภาษาไทยล้วนๆแบบภาษาคยคุยกัน เขากลับมาใหม่ บาลี พร้อมวงเล็บ คำว่า  ภาษาบาลีแปลไทยกำหับเอาไว้เสียหรูหรา ประเด็นของคุรเซ็น คือ กระตุกขากางเกง ทุกกระทู้ที่แกไปตอบ คือไม่รู้หรอกว่า คนนั้นเขาจะวิ่งหรือเดินถูกทางผิดทาง แต่คุณเซ็นเจากระตุกเอาไว้ก่อน แล้วก็ไม่บอกด้วยนะว่ากระตุกทำไม แค่บอกว่า เทียบกับ พุทธวัจนะหรือยัง ถามอยู่ประโยคเดิมๆ และก็ประโยคยอดฮิต 1) พระพุทธองค์ยังทรงอยู่ 2) บาลีแปลไทย 3) บวชขานนาค ยังมีอีกเยอะเชียวอ่านปุ๊บรู้ปั๊บ โดยไม่ต้องเลื่อนเห็นชื่อ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 19:04:25

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนแรกก็อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน ต้องพยายามอ่านอยู่หลายรอบกว่าจะพอเข้าใจได้บ้าง จากคุณ : หมูเค็มกะหมูหวาน (คุณหมูน้อยตัวขาว) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 19:35:09

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าท่านตอบกระทู้มีหลักการดีไม่มั่ว มีการอ้างพระพุทธวจนะประกอบว่ามาจากพระไตรปิำฎกเล่มไหนวรรคไหน ท่านเป็นผู้ที่จดจําพระไตรปิฎกได้มาก ท่านชอบขยายความเอาไว้ในวงเล็บอธิบายให้เข้าใจตามความเห็นของท่าน ท่านตอบกระทู้เป็นกลางๆไม่ฟันธงท่านให้ผู้อ่านเอาไปวิเคราะห์ทําความเข้าใจเอาเอง การอ่านกระทู้ของท่านต้องอ่านข้ามข้อความที่อยู่ในวงเล็บไปก่อนเที่ยวหนึ่ง ถ้าติดตรงไหนก็ลองอ่านในวงเล็บประกอบซึ่งเป็นคําอธิบายตามความเห็นของท่าน ส่วนตัวผมว่าท่านมีความแตกฉานในพระไตรปิฎกมากๆเลยครับ จากคุณ : swinger (swinger) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 19:59:46

ความคิดเห็นที่ 30 ก็พวกนี้บวชอยู่ในกำแพงวัดมานาน.... ก็ต้องเข้าใจ แต่ก็รำคาญ.....พวกท่านมหาเปรียญ   ตามวัดต่าง  ๆ  ที่เข้ามาเล่นเนตในโต๊ะศาสนาแห่งนี้ทั้งหลายโดยที่ยังมีกิเลศหนา.............ไม่คิดถึงคนอื่น ๆ ...ก็...... ......ก็......พวกนี้    มีมากมายที่อยากแสดงภูมิรู้ทางพระพุทธศาสนาโดยอ้างอิงพระคัมภีร์   และบาลี (  โดยไม่รู้ว่าตัวเองรู้เรื่องจริงหรือไม่ !  !  ! ) ....เพื่อประกาศภูมิรู้ตัวเอง ด้วยจิตธรรมดา...สามารถวิเคราะห์คนจำพวกนี้ได้ง่ายๆ  ......คือ  ในวัด......  ไม่มีใครเขายอมรับ.... ก็เลยต้องออกมา  หากินนอกวัด........โดยหวังว่าคนนอกกำแพงวัดได้เห็นสำนวนที่ลอกมาจากพระไตรปิฎก....แล้วใช้บาลี   คนอ่านแล้วจะทึ่ง.... ก็แค่นี้เอง........ ! ! ! ก็เข้าใจนะ.....พวกมหาฯ...กิเลศหนาพวกนี้  (  ไม่ว่าจะเปรียญไหน  ๆ  ก็ตาม ) ข้าพเจ้าได้เรียกร้องมานานแล้วว่า.....หากท่านใดๆในห้องนี้ ( ก็คนพุทธนี่แหละ...ศาสนาอื่นๆ  เขาไม่มีดอก ) หากต้องการแสดงภูมิรู้ใดๆ  ในทางพระพุทธศาสนา... ก็ได้โปรดแสดงภูมิออกมาด้วยความรู้จริงทีท่านมีอยู่.........โดยมิจำเป็นต้องอ้างพระคัมภีร์  หรือภาษาบาลีแต่อย่างใด.... ให้แสดงออกมาเป็น  "  ภาษาไทย  "  ที่คนทั่วเขาสามารถเข้าใจได้...โดยไม่ต้องมีกิเลศหนาแสดงภูมิว่าตนได้ศึกษาพระธรรมบาลีมาจากในวัด...จึงเหนือคนอื่น  ๆ หากท่านสามารถทำได้...จะยอมรับว่า....  ท่านแน่จริง  ๆ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้.....ได้โปรดเถอะ.......เพื่อความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธแก่ผู้คนรุ่นหลัง ๆ  ที่สนใจในพระพุทธศาสนา จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:07:08

ความคิดเห็นที่ 31 เคยเสวนากับคุณเซ็น หลายกระทู้   ใช้วิธีดูตัวอักษร แล้วหลับตาอ่าน  คือไม่ดูความหมายตามตัวอักษร  แต่ดูโดยรวม หรืออ่าน ช่องว่างระหว่างคำความ, บรรทัด เครื่องหมายต่างๆด้วย พอเข้าใจได้ แต่ต้องใช้เวลามากครับ (อ่านทำความเข้าใจหลายเที่ยว ) จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:17:05

ความคิดเห็นที่ 32 Detente  ยังไม่เคยได้ยิน ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ  ใช่ไหมครับ ถ้าคุณจะเอาตามใจ ก็ควรจะไปหาที่วัดสายปฏิบัติครับ ในนี้ เป็นการสนทนาแลกเปลี่ยน ทั้ง สุตตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา จินตามยปัญญา การที่มีคำอ้างอิงพระบาลี ก้สมควรทำอย่างยิ่ง คุณต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้มากขึ้นครับ ไม่มีผู้ปฏิบัติคนไหน จะพยายาม บอกว่าตัวเองแน่จริงหรอกครับ  เขาปฏิบัติก้เพื่อให้ตนเองพ้นทุกข์ห่างไกลกิเลสครับ ในเมื่อคุณเองไม่สนใจใส่ใจปริยัติ   ก็สมควรปฏิบัติให้มากๆครับ เอาแค่สำรวมอินทรีย์ แล้วลองสังเกตใจตนเองสิครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:18:05

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาพันทิพย์ใหม่ๆ ตะแคงหัว ซ้าย ขวา ขวา ซ้าย อ่านกลับไปมาก็ไม่เข้าใจค่ะ แต่ก็ทนอ่าน อ่านเแล้วอ่านเล่า คนอะไร๊ขยันเขียนจริงๆ สรุปท่านเซนพูดซ้ำไปซ้ำมา จับคีย์เวิดได้ไม่กี่คำดังนี้ 1. อานาปานสติ 2. สติในสมาธิ 3. พระพุทธองค์ยังทรงอยู่ เป็นเหตุให้ค้นหา อนาปานสติสำคัญเช่นใดเพราะก่อนหน้านั้นไม่ได้ใช้อานาปานสติ พบว่าสำคัญจริง พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงไว้มาก สติในสมาธิสำคัญเช่นใด ค้นหาแล้วสำคัญจริงต้องลงมือปฏิบัติและก็ใช้อานาปานสติด้วย  พระพุทธองค์ยังทรงอยู่ ค้นหาแล้วคือพุทธวัจนะสิ่งสอบทานที่ดีที่สุด สรุปอ่านรู้เรื่องไม่กี่คำ แต่ก็ได้ประโยชน์มาก  ขอขอบพระคุณท่านเซนไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ จากคุณ : Tiger Bood เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:54:22

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนตัวแม้จะแทบไม่ค่อยอ่านลิงค์พระไตรปิฎกที่มีผู้ยกมาแสดงไว้ในความเห็น (ตอนนี้เริ่มอ่านบ้างแล้ว)  แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับ คุณDetente #30 ค่ะ  :-) ตีความเองตามที่ตนเข้าใจ แล้วถ้ามีใครตีความเลอะเทอะล่ะ (เหมือนตอนนี้ก็เริ่มมีการตีความพระไตรปิฎกกันสนุกไปเลย)  หากมีผู้ที่ไม่รู้มาอ่านความเห็นนั้นๆ แล้วเกิดหลงเชื่อไปตามนั้นล่ะคะ อีกอย่าง การยกถ้อยคำจากพระไตรปิฎกมาอ้างอิง ก็เป็นสิ่งที่ดี ให้ผู้ที่ต้องการศึกษาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น เพื่อจะตรวจสอบความเข้าใจของตนเองอีกชั้นหนึ่งค่ะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:55:34

ความคิดเห็นที่ 35 ผม มองอย่างนี้ครับ ขี้วัว หนึ่งกอง ผมได้ อะไรจากมันบ้าง กลิ่นอันไม่น่าพิสมัย เท่านั้นหรือ หรือ สารอาหารสำหรับพืช(ปุ๋ย) ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:58:47

ความคิดเห็นที่ 36 เฮ้....เฒ่าโชติ ....โผล่มาหน่อย  กระทู้นี้  หายหน้าหายตาไป๊ไส ?     จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 20:59:06

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง   แต่เวลาท่านมาตอบกระทู้หรือให้กิ๊บเราจะแอบดีใจ แต่ถ้าแกหายไปจะคิดถึง.. เหมือนคนคุ้นเคย หรือญาติผู้ใหญ่ที่เคยเห็นกันทุกวันน่ะค่ะ  เคยมั้ยที่บางทีเราคุยกับท่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เราก็ชอบคุยชอบฟัง บางทีก็ชอบแหย่น่ะค่ะ.. แล้วส่วนตัวคห.ของคุณเซนฯ ใช้สอบอารมณ์ได้ดีมากๆ 5555  อย่างที่ข้างบนบอก ไม่ว่าเราจะเขียนอย่างไร คุณเซนฯ จะตอบคำถามแนวทักท้วงไว้ก่อนเสมอ.. บางคห. อ่านแล้วเลือดสูบฉีด (ขึ้นหน้า) โห.. เขียนงี้ได้ไงเนี่ย.. จะต้องตอบโต้ซะหน่อย.. แต่พออ่านซ้ำ ก็จะเห็นว่า..เออ.. ก็จริง..ก็จริงของท่าน.. 555   เราคิดว่า.. ท่านเซนฯ ไม่ใช่เถรใบลานเปล่าแน่นอน..  อ่านมานาน (ตั้งแต่เรายังไม่รู้ธรรม จนตอนนี้พอจะรู้เรื่องบ้างแล้ว) จึงทราบได้ว่าท่านรู้จริง..ในหลายๆ เรื่อง  แต่ท่านยึดมั่นแนวของท่าน  และก็มีวิธีเขียนตามแบบฉบับของท่าน..ซึ่งก็แนวดีค่ะ.. --เคยมีคนแซว แล้วเราก็ตอบไว้ ขอตัดที่ตอบคุณ sirnitfi ที่กระทู้คุณ airbinder มานะ ไม่รูคุณ sirฯ จะได้อ่านป่าว..ก็มาอ่านที่นี่แล้วกัน อ่านความเห็นของท่านเซนแล้วเพลียๆ มึนๆ นี่เป็นสีสันอย่างหนึ่งของห้องศาสนาเลยนะคะ  มันเป็นแนว..ไง ..แนวมากๆ  ที่จริงเราก็ไม่ได้เข้าใจทุกครั้งที่อ่าน แต่ก็เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ วันไหนอ่านแล้วเข้าใจก็เอ่อ..อยากจะให้กิ๊บ ดันหมด.. ที่จริงคุณเซนตอบคำถามนะคะ ท่านก็มาตอบในหลายๆ กระทู้ด้วยเจตนากุศล  แต่ท่านก็มีความเชื่อความเห็นแบบของท่าน มีแนวทางของท่านและมีวิธีตอบแบบของท่าน.. ซึ่งก็เป็นอีกความเห็นหนึ่งในหลายๆ ความเห็น ที่มาให้เราพิจารณาไง  เราไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือชอบก็ได้  จริงไหม..  ช่วงไหนเหนื่อยๆ บางทีเราก็อ่านไม่ออก ช่วงไหนมันว่างก็นั่งแกะรหัส สนุกดี ลองแปลดูนะ ถูกป่าวไม่รู้ แต่เข้าใจอย่างนี้นะ ช่วงแรก ท่านบอกว่า "ให้พิจารณาสติ" และก็บอกว่าให้จขกท. เลิกยึดมั่นในสัญญาเก่าๆ ที่เคยทำมา ให้ลองใช้อิทธิบาท 4 พิจารณาดูว่า ปัญหาในการทำสมาธิอยู่ตรงไหน อาจจะทำให้เข้าถึงเหตุของปัญหา และแก้ไขได้   ปัญหาของจขกท. มีสองอย่าง คือไม่ชอบสภาวะที่เป็น กับจิตวิ่งไปมาเหมือนลิง อันที่ไม่ชอบเนี่ย สงสัยจะเกิดจากฉันทะ คือที่ผ่านมาจิตชอบทำอย่างนั้น จิตก็เลยทำงานตามที่ชอบ ก็เลยแก้ไม่ได้ มันเป็นอนุสัย   ก็ต้องฝืนไม่ให้จิตทำอย่างที่ชอบ (เช่นเอาสติมาดึงไม่ให้ไหลไปในสมาธิแบบนั้น)   แต่ถ้ายังชอบอยู่ จะแก้ไม่ได้ ส่วนจิตไวเหมือนลิง ก็ให้ลองใช้ขณิกะสมาธิช่วย ประมาณนี้อ่ะ..ถูกผิดอะไรอย่ามาว่ากันหนา.. คนอ่านมีสิทธิแปลความตามความเข้าใจของตน อาจจะไม่ตรงกับคนเขียนก็ได้นี่นะ อ่านคุณเซนฯ เราน่ะขำก็ขำ บางทีก็มึน แต่หลายๆ ครั้งก็ชื่นชมค่ะ.. คุณเซนรักพระพุทธเจ้ามากๆๆๆๆๆ   ท่านก็แสดงความรักผ่านการแสดงพุทธพจน์ (ตามแนวอาจารย์ของท่านที่ยึดพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ)   บางทีก็คิดว่า..อะไรจะยึดขนาดน้าน... แต่ก็คิดว่าดีเหมือนกัน มีคนยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้สักคน ก็ดีเหมือนกันน่ะ..  เป็นสีสันของห้องศาสนา ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม บุคคลนี้อย่าไปซี้ซั้วปรามาสท่านนะคะ.. จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 21:34:02

ความคิดเห็นที่ 38 555 อ่านหลายความเห็นแล้ว ค่อยโล่งอกว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียว ต่อไปจะพยายามอ่านความเห็นคุณเซ็นอย่างตั้งใจมากขึ้น เอ หรือว่าคุณเซ็นจะใส่รหัสลับแทรกไว้ระหว่างคำพูด ถ้าใครตี code นั้นออก ก็จะปิ้งบรรลุธรรมแบบเซ็นทันที. แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 10:53:44 จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 21:43:26

ความคิดเห็นที่ 39 แต่คุณเซ็นเขากระตุกเอาไว้ก่อน แล้วก็ไม่บอกด้วยนะว่ากระตุกทำไม แค่บอกว่า เทียบกับ พุทธวัจนะหรือยัง ถามอยู่ประโยคเดิมๆ คุณventure -- สรุปใน คคห 27 มีใคร อ่าน ที่คุณventure -- เสนอไว้ ---- ไม่รู้เรื่อง (ตามข้อความนั้น) บ้างครับ ********************************************************* สำหรับ บางท่าน ที่ เสนอว่า ซึ่งผมก็อยากจะอ่านให้เข้าใจ ว่าคุณเซนจะอธิบายหัวข้อธรรมนั้นอย่างไร (๑) ผม เสนอไว้ "ในสำนวนคำว่า "ผมเสนอป่า + ต้นไม้ คือ พระพุทธวจนะ" (ที่เนื่องกับ ประเด็น ข้อธรรมะนั้น) --คุณventure น่าจะ ละไว้ ไม่ QUOTE ใน คคห 27 (๒) ผม เสนอ เสมอๆ บ่อยๆ ว่า พระพุทธองค์ ยังทรงยังอยู่ ฯ คุณventure QUOTE ใน คคห 27 (๓) ผม ไม่ คิด หรือ สำคัญตน + ตั้งตนเป็น ผู้รู้  ไม่ว่า ฐานะอะไรๆ รวมทั้ง กัลยาณมิตร เพราะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า --อาสัยเราตถาคตเป็นกัลยาณมิตร สัตว์ที่มีความเกิดเป็นธรรมดา ย่อม พ้นจากความเกิด (คือ ชาติ ได้แก่ อาการที่ ๑๑ แห่ง กระแสปฏิจจสมุปบาทสายเกิด ทุกข์อริยสัจ) นั้น ฯ (๔) แล้ว ท่านเหล่านั้น (เช่น ท่าน จขกท เป็นต้น) -- ล้วน มี ผู้รู้ ของตนเอง (มิใช่หรือ?) ซึ่ง ผม "หมายได้" (ผิดได้ เสมอนะครับ)  เมื่อ อ่าน สิ่งที่ท่านเสนอฯ" ว่า ---น่าจะไม่ เนื่องกับ "ธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง ตาม พระสูตรแปลไทย ใดนั้น ใน พระัไตรปิฎกเถรวาทไทย  ฯ (๕) แล้ว ห้องนี้ เป็นห้อง ศาสนา  -- ไม่ใช่ ห้อง "สนุกตามใจ โดยเนื่องกับ พุทธศาสนา" ใช่ไหมครับ ฯ เมื่อเนื่องกับ พระพุทธศาสนา  ก็ ต้อง สอดคล้องตรงตาม "หลักฐานชั้นพระพุทธวจนะ แปลไทย สำนวนแปลใดนั้น (ยกเว้นบางสำนวนแปลด้วย ตาม กระบวนทัศน์ของผม) -- ไม่ใช่ เพลิน เมามันอยู่กับ "อื่นจาก พระพุทธวจนะฯ"  มิใช่หรือครับ ถ้า ที่ผมเสนอ -- ไม่ผิด  ทั้ง ๕ ข้อ ผู้อ่าน ---- เมื่ออ่านที่ผมเสนอ รู้เรื่องแน่ (แต่ รู้เรื่องแบบไหน ต่างหาก) -- แต่ เมื่อ สรุปไม่ได้ความว่า ข้อความที่ผมเสนอนั้น = ผมจะอธิบายหัวข้อธรรมนั้นอย่างไร หรือจะแสดงความเห็นในกระทู้นั้นว่าอย่างไร (ผมแสดงความเห็น แบบหนึ่ง  ที่ไม่ ตรงกับ ที่ผู้นั้น ต้องการ และหรือเข้าใจ ฯ ก้เป็นไปได้ฯ) เช่น ที่ กำลัง อ่าน  ตามที่ผม เสนอ มาถึงตรงนี้ ท่าน จขกท --- งง ตรงไหนครับ ? หมายเหตุ นะครับ กรณี คคห 24 ผมจำไม่ได้ (เพราะไม่สนใจ + เจตนา จะจำ) ว่า "ได้ กระทำเช่นนั้นในกระทู้ไหน" เมื่อคุณรุ่งฟ้าสาง  อ่านกระทู้นี้ เห็น ชื่อ "เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) "  แล้ว เข้ามา แสดง คคห ฯ -- เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน บัดนี้ ก็ ไม่รู้จัก หน้าตากัน แม้นชื่อตามทะเบียนบ้านก็ด้วย ฯ และ อนาคต ก็ น่าจะ ไม่รู้จักกัน หรือไม่ก้ตาม แต่ แต่ ข้อความที่คุณคุณรุ่งฟ้าสาง เสนอ ---- บ่งชี้ อะไรๆ  เนื่องด้วย " ข้อความที่ ผมสื่อสาร" (แปลว่า  ผม สื่อสารได้หลายแบบ  แต่ โดยมาก แบบ สื่อสารแล้ว เป็นแบบ เช่นที่ท่าน จขกท ไม่ถูกใจ เพราะ ไม่สนองตอบ -- ผมจะอธิบายหัวข้อธรรมนั้นอย่างไร หรือจะแสดงความเห็นในกระทู้นั้นว่าอย่างไร --- ขณะเดียวกับ ข้อความอื่นเช่นที่คุณventure เสนอ ได้ บ่งชี้อะไร (ดูเหมือน ผมเข้าไป แสดงอะไร ใน บาง คคห ที่คุณventure เสนอเมื่อไม่นานมานี้ ใช่หรือไม่ น่าจะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10760091/Y10760091.html) รวมความว่า บางกรณี -- ผม สื่อสารแบบ --- เช่นที่คุณP2wichai --ได้ เสนอไว้นั้น ซึ่ง "ถ้าคุณP2wichai ได้ ประโยชขน์ ใน แบบ ที่คุณรุ่งฟ้าสาง ได้ ฯ ---- คุณP2wichai "น่าจะ" "thanks"  ผม ที่ผม สื่อสารด้วยแบบนั้น (เพราะ เมื่อคุณP2wichai เข้าใจ สิ่งนั้น ความรู้ความเข้าใจนั้น มันเกิดมาจาก ศักยภาวะ ของคุณเอง ไม่ได้เกิดจาก ผม และหรือ ข้อความที่ผม เสนอฯ -- หรือ ที่ผม ใช้คำว่า ตัวไม้ สอน ช่างไม้ ฯ บางกรณี -- ผม สื่อสารแบบ --เช่นที่คุณรุ่งฟ้าสาง  เสนอ ใน คคห  24 --ถ้า ผมจำไม่ผิด (เท่าที่ สัญญา มันยังหลงเหลืออยู่ในตอนนี้)  -- ที่ผมเสนอ เช่นนั้น -- ผม เสนคุณรุ่งฟ้าสาง  เสนอ -- ผม ก็  สื่อสาร + ภาษา เช่นนั้น --- แบบนั้น  ไปยังคุณ "ในกรณีนั้น" (วึ่ง ไม่ ใช่ ต้อง เสมอไป) สำหรับท่านอื่นๆ เช่นคุณswinger (swinger) คุณฟากฟ้าฝั่งฝัน และ ท่านอื่นๆ  ที่ผมไม่ได้ ก๊อปปี้ นามท่าน ทุกๆ ท่าน (ขออภัยนะครับ) ---- ผม ขอขอบคุณ ที่ ท่าน จขกท ตั้งกระทู้นี้ และ ท่านที่เข้ามา แสดงความ เห็น ฯ เพราะ เป็นดุจ กระจกเงา (ส่วนจะ เงาแบบไหน ยกไว้) ให้ ผม เห็น เงาของผม ว่า เป็น อย่างไร? ตาม มุมมอง หรือ ทิฏฐิ อันเกิดมาจาก ปัญญาใดนั้น ของท่านนั้นๆ ฯ เมื่อผม ติดบุญคุณของทุกๆ ท่าน ผม ควร ตอบแทนบุญคุณเหล่านั้น -- แบบ "เซน" (คำจีน ออกเสียง ฌาน (ชาน หมายถึง อาการแห่ง สมาธิฯ) แผลงเป็น "เพ่งพินิจ" พระพุทธวจนะ แปลไทย ตามที่ พระ "เถระครั้งปฐมสังคายนา ท่านรักษามา = เถระวาทะ + นิยม คือ แนวทางที่พึงพอใจ --- คุณสุขใดยิ่งกว่าความสงบย่อมไม่มี (นิยมวัตถุ)  เข้าใจ คำว่า เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม  แบบ นี้ จะตรงกับ ที่ผม กำหนดหมาย ครับ -- ที่คุณกำหนดนั้น  ไม่ตรงกับ นามแฝงที่ผมใช้ครับ สำหรับคุณ -- Smiling-girl  คำว่า มโนทวาร  ไม่ใช่แปลว่า "มโน + ตู ด" นะขอรับ (แปลว่า ช่องทาง ฝ่ายใจ / แล้ว คืออะไร หาความหมายเองนะครับ) ********************************************************** คคห 26 คุณ: OnceWakeUp  --เสนอไว้ --- นั้น ก็เพราะ -- อนุสัย คือ ตามที่เสนอแบบแรกสุดๆ นั้น -- มัน ไม่ได้ กรอง หรือ Edit เพื่อให้ อ่านง่ายๆ (ตาม วิสัย ผู้ อ่านใดนั้น ฯ) -- ผม อ่านปั๊ป จับความปุ๊ป -- ก็ เสนอ แบบนั้น (คือ สดๆ ออกมาจากใจ ฯ) --แล้ว เนื่องกับ ข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ข้างบน ด้วย ฯ ทีนี้ เมื่อท่าน ถาม ฯ ผม อ่านแล้ว สมควร ต้อง ตอบ  ก็ ตอบแบบนั้น (เช่นนั้นเอง) รวมความว่า ผม ก็ยัง มีอนุสัย แบบใดนั้นอยู่ นั่นเอง มั๊ง ครับ ********************************************************** คคห 30 คุณDetente ครับ ข้อความที่ เสนอว่า ข้าพเจ้าได้เรียกร้องมานานแล้วว่า.....หากท่านใดๆในห้องนี้ ( ก็คนพุทธนี่แหละ...ศาสนาอื่นๆ  เขาไม่มีดอก ) หากต้องการแสดงภูมิรู้ใดๆ  ในทางพระพุทธศาสนา... ก็ได้โปรดแสดงภูมิออกมาด้วยความรู้จริงทีท่านมีอยู่.........โดยมิจำเป็นต้องอ้างพระคัมภีร์  หรือภาษาบาลีแต่อย่างใด... พระพุทธวจนะแปลไทย ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา ท่านรักษามานั้น กับ คำที่ออกมาจากปาก หลวงพ่อ หลวงปู่ ไม่เว้นท่านพุทธทาส ฯลฯ รวมทั้ง ปากของฆราวาส ใดนั้น คุณDetente --- เห็นว่า เหมือน หรือ ต่างอย่างไร? ครับ บอกคุณDetente  (คนเดียว) นะครับว่า -- ผม นั้นได้ปฏิบัติ อานาปานสติสมาธิ แบบ อานาปานสติสูตร (วัตถุ ๑๖ โดยไม่ข้าม กายา อานาบรรพ ) -- แบบ "คลำเอาเอง โดยมี อานาปานสติแปลไทย โดยท่านพุทธทาส" มาแล้ว ฯ แล้ว --- กลับ ไปสอบ สภาวะ ตามที่ประจักษ์ กับ  พระพุทธวจนะแปลไทย พระสูตรที่เนื่องกับ สติปัฏฐานสี่ ฯ สัมมาสมาธิ ฯ --- เพราะ ไม่ หมายมั่นว่า "ท่านใดนั้น คือ สุดยอดนัก อานาปานสติสมาธิ หรือ นักสติปัฏฐานสี่" --เทียบเท่า พระบรมศาสดา ฯ เท่ากับ --พระพุทธเจ้า ยังทรงยังอยู่ นักปฏิบัติ อานาปานสติสมาธิ ฯ แบบผม "เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม"  จึง เสนอ พระพุทธวจนะ เสมอ ฯ น่าจะต่างกับ นักปฏิบัติแบบ สมัยนี้ "ใครใดนั้น" ที่ มักมีวาทะกรรมว่า --- ....หากท่านใดๆในห้องนี้ ( ก็คนพุทธนี่แหละ...ศาสนาอื่นๆ  เขาไม่มีดอก ) หากต้องการแสดงภูมิรู้ใดๆ  ในทางพระพุทธศาสนา... ก็ได้โปรดแสดงภูมิออกมาด้วยความรู้จริงทีท่านมีอยู่.........โดยมิจำเป็นต้องอ้างพระคัมภีร์  หรือภาษาบาลีแต่อย่างใด... ดังนั้น --- วาทะกรรมของท่านที่เสนอแบบนี้ เข้าข่าย "สำคัญว่า (ฉันเป็น)นักปฎิบัติ (แบบที่เป็นเช่นนั้น) ---- วิเศษ กว่า การอ้างอิง พระพุทธวจนะ  ใช่หรือไม่? ครับ ไม่ใช่คำถามนะครับ คำว่า ใช่หรือไม่ นั้น ********************************************************** คคห 11 ผมก็อยากจะอ่านน่ะแต่พอแกอ้างอาจารย์แกทีไรผมอ่านไม่ลงเลยจริงๆ จากคุณ : Brutal PoP ใคร คือ อาจารย์ ผม ครับ ---- ท่านพุทธทาส หรือครับ? ท่านพุทธทาส ที่ผม เห้น ต่อหน้าต่อตา มากกว่า นิ้วทั้งสองมือรวมกันนั้น --- ผม เคย เสนอว่า ผม ไม่เคย ขอให้ท่าน เป็นอาจารย์ผม ท่านก็ไม่เคยรับผมเป็นศิษย์ ถ้า การที่ผม อาสัย พระบาลีแปลไทย สำนวนแปลท่าน ต้อง = ท่านพุทธทาสเป็นอาจารย์ผม -- ตาม กรอบความคิดเช่นนั้น -- ผม ยอมรับว่า โอเค ครับ  ท่านเป็นอาจารย์ผม --- แล้ว ผม ผิดตรงไหน  ชนิดที่ คุณ Brutal PoP   -- รับไม่ได้ คือ ผมอ่านไม่ลงเลยจริงๆ หรือว่าคุณ Brutal PoP  เป็น ฝักฝ่าย นิยม พระอภิธัมมัตถสังคหะ + ท่านพุทธโฆษาจารย์ จึง ---- แอนตี้ท่านพุทธทาส เช่น คุณฯ ครับ ********************************************************** ความคิดเห็นที่ 21 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน กระทู้นี้อยากเห็นคุณ เซนเถรวาทปฐม เข้ามาตอบที่สุด จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 15:59:58 [แก้ไข] ผม เข้ามาตอบ เสมอครับ แม้น  คุณสิงห์ขี้เมา จะ ไม่ เข้ามา เสนอ คคห 21 อ่านที่ผม ตอบ คุณ สิงห์ขี้เมา -- มี อะไร จะ สะท้อน ถึงผมไหมครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 21:58:01

ความคิดเห็นที่ 40 บางครั้งความคึกคะนองขาดสติปัญญารู้ไม่เท่าทันกิเลสอย่างละเอียดก็สร้างอกุศลกรรมได้โดยไม่รู้ตัว จากคุณ : swinger (swinger) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:05:14

ความคิดเห็นที่ 41 กร๊ากกกก  มโนตรูด   55555   เข้าใจแบบนั้นล่ะค่ะ   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:10:20

ความคิดเห็นที่ 42 ไหนไหน ก็ไหนไหน  นะครับ (จะสื่อสารแบบ สำนวนยุทธจักรบู้ลิ้ม ยุค ฤทธิ์มีดสั้น -- เกิดทัน ทันอ่านไหม  ผมอ่านมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 3 ช่วงอายุ ฯ รวมทั้งเพชรพระอุมาด้วย ฯ) ลี้คิมฮวง (ลี้น้อยมีดบิน) หลังจากปราบจอมมารที่ยิ่งใหญ่ได้แล้ว (เพราะความประมาทของจอมมารเอง เมื่อดวลกันในห้องลับ) ล้างมือจากยุทธจกร์ นั่งดื่มชาในตอนเช้ากับ นางเอก (อายุน้อยกว่า) --- พลันเห็น + ได้ยิน  จอมยุทธวัยหนุ่มคะนอง บอกลาสาวเจ้าว่า พี่จะกลับมาเมื่อพี่ปราบมือหนึ่งของแผ่นดินได้แล้ว (นะจ๊ะ) เจ้าจงรอพี่ไม่นานเกินรอ (แต่ดันไม่รู้จัก มือหนึ่งของแผ่นดิน ที่นั่งจิบชาที่หน้าโรงเตี๋ยมที่ตนเข้ามาดื่มก่อน แล้ว กำลังจะออกไปประกับ มือหนึ่งของยุทธจกร์ ฯ ******************************************************** ผม ไม่ใช่ ลี้คิมฮวง ฯ ผมมันแค่ "เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม" ผู้ พอมีประสบการณ์ซึ่ง อานาปานสติสมาธิแบบ อานาปานสติสูตร หมวด กายาฯ ๔ ข้อ ฯ แบบ  มี อาจารย์ คลำ  เป็นอาจารย์ (แล้ว สอบทานกับ พระพุทธวจนะแปลไทย สำนวนแปล ของท่านพุทธทาสฯ) จึงน่าจะต่างกับ "จอมยุทธ์" ท่านใดนั้น (น่าจะเช่น จอมยุทธ์ท่าน Detente และหรือ อาจารย์ของท่านฯ ด้วย) ที่ เข้ามา แสดง ตน ใน ห้องนี้ ฯ ดังนั้น เวลา ถามผมว่า นั่นอะไร? ---- ก็เมื่อ พระพุทธองค์ ยังทรงยังอยู่" + พระองค์ เป็นพระประมุข + บรมครูฯ --- แล้ว ทำไม ผม จะไม่ อาสัย "ตามที่ท่านตรัส" ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา ท่านรักษามาเล่า? (ซึ่ง น่าจะแปลว่า ข้อความที่ตรัสนั้น ตามที่ผมอ้าง นั่นแหละ คือ สภาวะที่ผม ได้เห็นๆ มาแล้ว เห็นแบบไหนก็ตามฯ -- มันก้ เนื่องกับ สิ่งที่ผมปฏิบัติมา มิใช่หรือฯ) ********************************************************* ยกตัวอย่าง เช่น คุณchaosy เสนอว่า -- คุณเซนรักพระพุทธเจ้ามากๆๆๆๆๆ   ท่านก็แสดงความรักผ่านการแสดงพุทธพจน์ (ตามแนวอาจารย์ของท่านที่ยึดพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ)   บางทีก็คิดว่า..อะไรจะยึดขนาดน้าน... ผมถามกลับ หว้งว่า จะมี สติในสมาธิ + +  นะครับ "ขนาดน้าน" -- นั่นนะ  มัน เนื่องกับ ปัญญาอะไร ที่คุณคุณchaosy มีอยู่ ในขณะ มนสิการแล้ว พิมพ์คำว่า -- อะไรจะยึดขนาดน้าน --- (ก่อน 4 ก.ค. 54 21:34:02 ) (๑) สุตมยปัญญา ที่เนื่องกับ ฯลฯ   หรือว่า (๒) จินตามยปัญญา  ที่เนื่องกับ ๑ + การปฏิบัติ แบบที่คุณฯปฏิบัติ แล้ว สอบทานกับ ฯ  หรือว่า (๓) ภาวนามยปัญญา ที่เนื่องกับ จิตตภาวนา แบบที่ "ทรงเฉือนขี้ริ้วทิ้งออกให้หมดแล้ว" ด้วย พุทธเมตตา พุทธกรุณา ของ จอมศาสดา "ตามที่ตรัส พระสูตรใดนั้น" กรุณาอย่า ย้อนถามกลับว่า แล้วผมละ ปัญญาใด เมื่อเนื่องกับ -- คุณเซนรักพระพุทธเจ้ามากๆๆๆๆๆ   ท่านก็แสดงความรักผ่านการแสดงพุทธพจน์ (ตามแนวอาจารย์ของท่านที่ยึดพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ)   ประเด็น อาจารย์ผม ตามที่คุณ ฯ เสนอ หมายถึง ท่านพุทธทาส ใช่หรือไม่? ถ้าใช่ (๑) ท่านพุทธทาส ไม่เคยรับผม เป็นศิษย์ = ท่านพุทธทาสไม่ใช่ อาจารย์ผม (๒) ผมไม่เคย ไปขอให้ท่านเป็นอาจารย์ผม = ท่านพุทธทาสไม่ใช่ อาจารย์ผม ทีนี้ ถ้า อาจารย์ หมายถึง ผู้มีพระคุณให้ความรู้ สิ่งนั้นๆ ฯ --- ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่บุคคลใดนั้น -- แบบนี้ ทุกๆ ท่าน เป็นอาจารย์ผมทั้งนั้น -- รวมทั้งท่านพุทธทาสด้วย และต้องรวมถึงทุกๆ ท่าน ใน คคหนี้ กระทู้นี้ด้วย  ครับ ผมจะไม่ยกพระสูตร  ที่ตรัสเนื่องด้วย --- ความไม่หวั่นไหว (แปลว่า รัก ก็ได้ แต่ รักแบบ ไหนละ พิจารณาเอง) ในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ (กำหนดพระสงฆ์องค์แรกสุดๆ ในธรรมวินัยนี้ คือ ------ (ไม่ใช่พระปัญจวัคคีย์ ท่านโกณฆัญญะ นะครับ ตามมุมมองผม) นะครับ  เพราะจะเข้าข่าย  เอามารองรับ อะไรๆ ของผู้ยกอ้าง ********************************************************** จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:33:34

ความคิดเห็นที่ 43 พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ = พระรัตนไตร แบบ เซนเถรวาทฯ (คคห  42) หมายถึง ไม่ว่า "พระพุทธเจ้า" พระองค์ใดๆ ฝ่ายอดีต ฝ่ายอนาคต และ ปัจจุบัน (ที่ยังทรงยังอยู่) นั่นแหละคือ ตัว "พระธรรม" (ที่ เช่นนั้นเอง แบบเดียวกันเสมอๆ) ซึ่ง ก็ คือ "พระสงฆ์" แห่ง พุทธวงศ์ นั่นเอง พุทธวงศ์  จึง คือ พระรัตนไตร (ไม่ว่าจะคือ จอมศาสดา และหรือ พระอรหันตสาวก) ไม่ ขึ้นกับ กาล ฝ่ายอดีต อนาคต เพราะ คือ ปัจจุบันธรรม ที่ "เช่นนั้นเอง" คือ ไม่เป็นไปโดยประการอื่น + ไม่ ผิดไปจากความเป็นอย่างนั้น ----และ "ไม่มี อัตตา" "อยู่ใน ปัจจุบันธรรม ที่ไม่ใช่ อัตตา" ด้วย ความ มีอยู่ "แห่ง พระรัตนไตร" "เช่นนี้" --- ไม่เกี่ยวกับ จะมี ขึ้นมา ของ สากลจักรวาลตามทฤษฎีใดๆ นั้น หรือไม่ ความ มีอยู่ "แห่ง พระรัตนไตร" "เช่นนี้" --- ไม่เกี่ยวกับ มีพระเจ้า ผู้บันดาล ผู้รักษา ผู้ ทำลาย ฯ หรือไม่ ความ มีอยู่ "แห่ง พระรัตนไตร" "เช่นนี้" --- ไม่ เป็น ทั้ง สัสสตทิฏฐิ และ ไม่ สูญเปล่าหมด (อุจเฉททิฏฐิ) ความ มีอยู่ "แห่ง พระรัตนไตร" "เช่นนี้" --- ไม่เกี่ยวกับ "ปรมัตถ์ ที่มีอยู่จริงแบบ ที่นักอภิธัมฯ ว่าวง่า" กัน พระรัตนไตร แบบ ที่ผมเสนอ (ผิดได้เสมอด้วย) ---- ท่าน รู้เรื่อง ไม่ งง ไหมครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:46:08

ความคิดเห็นที่ 44 พระรัตนไตร แบบ ที่ผมเสนอ (ผิดได้เสมอด้วย)   ลองสอบทานกับ "สยามสามไตร" ดู ครับว่า (๑) เหมือน ต่างกัน ตรงไหน --- ตาม กาลามสูตร + ธัมมวิจยะแบบ โยนิโสมนสิการ  โดยมี พระพุทธวจนะ หลายๆ พระสูตร เป็น แผนที่ สอบทานด้วย จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:49:43

ความคิดเห็นที่ 45 คืนนี้ ลุงโชติ อารมณ์ดีแฮะ   สื่อสารแบบสำนวนบู้ลิ้มอีกสิคะ   ไม่เป็นลี้คิมฮวง  งั้นเป็นรพินทร์ก็ได้  สาวปลื้มเยอะอยู่ค่ะ  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:55:03

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ สื่อสาร ปรับ กระบวทัศน์ กันแล้ว --- อย่า คาใจ นะครับ -- เพราะ มันจะเพิ่ม ความเคยชิน ให้แก่ อนุสัย ใดนั้น จริงๆ แล้ว --ถ้าผม ขานนาค บวชเป็นภิกษุ ของพระพุทธองค์ เฉกเช่น ครั้งพุทธกาล แล้ว ผม ยัง สื่อสารแบบ ที่ทำให้คุณฯ งง หรือ ฯลฯ อันจะทำให้ พระสัทธรรม ไม่ งามในเบื้องต้น ไม่งามในท่ามกลาง ไม่งามในเบื้องปลาย ผม คงได้ รับ คำ ตำหนิ จาก "ท่าน" ว่า --- โมฆบุรุษ เธอจงเลิกเสีย จากความเป็นเช่นนั้น ฯ ตกลง ผมไม่เลิก  แล้ว ท่าน ก็ ไม่เหมือนเดิม นั่นแหละ ดีกว่าประเสริฐกว่า หรือว่า ผมเลิก แล้วท่านก็เหมือนเดิม ดีกว่า ประเสริฐกว่า หรือว่า ต่างฝ่าย เปรียบเหมือน ลิ้นงูจงอาง  ที่ไม่เคยโดน พิษร้ายจากเขี้ยวได้ ? แล้ว ต่างนั่งล้อม พระพุทธองค์ เหมือนๆ กัน ต่อไป ท่าน ว่าอย่างไร? ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:59:20

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 45 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน คืนนี้ ลุงโชติ อารมณ์ดีแฮะ   สื่อสารแบบสำนวนบู้ลิ้มอีกสิคะ   ไม่เป็นลี้คิมฮวง  งั้นเป็นรพินทร์ก็ได้  สาวปลื้มเยอะอยู่ค่ะ  อิอิ จากคุณ : Smiling-girl [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 22:55:03 [แก้ไข] จะให้ผม เป็น รพินทร์ ไพรวัลย์  "บรรทัดไหนครับ" ? --- ใน ตอนนี้ พ.ศ.นี้ เวลา 23.10 นี้ (ที่จำชื่อฝรั่งสาวนั้นไม่ได้แล้ว นึกไม่ออกว่า ชื่ออะไร  + รวมทั้ง นางเอกด้วยว่า ชื่อ?) อ้อ --ผมอ่านภาคแรก เท่านั้น (เช่ามาอ่าน ส่วนภาคหลัง อ่านไม่ครบ เพราะ ไปปกิบัติอานาปานสติสมาธิครับ ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 23:04:17

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นรพินทร์ ตอนเสนอ ป่าๆ  ไงคะ  อิอิ แหม่มชื่อมาเรีย  นางเอกชื่อ ม.ร.ว. ดาริน ค่ะ  :-) จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 23:08:04

ความคิดเห็นที่ 49 หลักในการดูว่าใครเป็นคนดี - คนไม่ดี พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต สัปปุริสสูตร อสัตบุรุษ-คนไม่ดี [๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความเสียหายของผู้อื่น จะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า และเมื่อถูกถามเข้าก็แก้ปัญหาโดยตรง ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความเสียหายของผู้อื่นเต็มที่อย่างกว้างขวาง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่าท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความดีของผู้อื่น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม และเมื่อถูกถามแล้ว ก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรงอ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวสรรเสริญคุณผู้อื่นโดยย่อ ไม่เต็มที่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความเสียหายของตน จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม และเมื่อถูกถามแล้ว ก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรง อ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความเสียหายของตนโดยย่อ ไม่เต็มที่ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความดีของตน จะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า และเมื่อถูกถามแล้วก็แก้ปัญหาโดยตรง ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความดีของตนเต็มที่อย่างกว้างขวาง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล พึงทราบว่า เป็นอสัตบุรุษ ฯ ----------------------------------------------------- สัตบุรุษ-คนดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความเสียหายของผู้อื่น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้า ก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรง อ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว กล่าวความเสียหายของผู้อื่นโดยย่อไม่เต็มที่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษในโลก แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความดีของผู้อื่นจะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้าก็แก้ปัญหาโดยตรง ไม่อ้อมค้อม ไม่ หน่วงเหนี่ยว กล่าวความดีของผู้อื่นเต็มที่อย่างกว้างขวาง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่าท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษในโลกนี้ แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความเสียหายของตน จะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้าก็แก้ปัญหาโดยตรง  ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความเสียหายของตนเต็มที่อย่างกว้างขวางดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความดีของตนจะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้าก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรง อ้อมค้อมหน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความดีของตนโดยย่อ ไม่เต็มที่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นสัตบุรุษ ฯ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 23:19:20

ความคิดเห็นที่ 50 ผม ลบคำว่า "+ ชื่อดาริน ใช่ไหม" --- ออกไป จากข้อความ -- (ที่จำชื่อฝรั่งสาวนั้นไม่ได้แล้ว นึกไม่ออกว่า ชื่ออะไร  + ชื่อดาริน ใช่ไหม + รวมทั้ง นางเอกด้วยว่า ชื่อ?) แปลว่า ผม มีสัญญาไม่ถูกฝาถูกตัว  เอาชื่อ นางเอก ม.ร.ว. ดาริน มาเป็น ชื่อสาวฝรั่งหุ่นเซ็กซี่ (ผู้เขียน น่าจะอ่าน+ ดูภาพ play boy หรือ penthouse หรือ ฯ ก็ เป็นไปได้ "มั๊ง" เป็นรพินทร์ ตอนเสนอ ป่าๆ  ไงคะ  อิอิ ไม่ ตรงกับ รพินทร์ ในนวนิยาย มั๊งครับ --พระเอกรพินทร์ (จากความจำอันเลือนลาง) -- เวลา นำทางในป่า ในฐานะ พราน +ผู้มีความรักในนายจ้าง "ที่รักแรกพบ มั๊ง" --- เต็มไปด้วย ปฏิภาณปัญญาแบบ สัญชาตญาณพรานป่าผู้มีการศึกษาวิญญูชนที่ "รู้ไม่ต้องคิด" จึงแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ --- ตามที่ท่านผู้แต่งเขากำหนดไว้ ผม เสนอป่า = ผมเป็น แบบ รพินทร์ หรือครับคุณSmiling-girl --- ไม่มั๊ง (กระทู้นี้ เป็นข้อยืนยันว่า ไม่ใช่ เป็นรพินทร์ ตอนเสนอ ป่าๆ มิใช่หรือครับ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 23:26:45

ความคิดเห็นที่ 51 แล้วก็จะยังมีกระทู้แบบนี้เสมอๆไปในห้องศาสนาแห่งนี้ ตราบใดที่ คุณเซนฯ ยังคอยชี้แนะ ตักเตือน ตามแนวทางและสไตล์ รสต้นตำรับแบบนี้ แต่...วันนี้คุณเซนเหมือนจะอารมณ์ดีกว่าปกตินะครับ ^^ จากคุณ : รวดเดียว เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 00:18:10

ความคิดเห็นที่ 52 555555 ผมคนนึงล่ะครับ เหมือนท่านเจ้าของกระทู้ หลังๆเลยเลิกอ่านไปเลยครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 00:51:18

ความคิดเห็นที่ 53 พยายามอ่านทุกตัวอักษรที่ท่านเขียนในกระทู้นี้ แต่ผมก็ยังเข้าใจยากเหมือนเดิม.... คงเป็นเพราะผมเพิ่งเข้ามาในห้องศาสนานี้ไม่นาน(แต่ติด แล้วต้องตามมาตลอด) ผมยังอ่านความเรียงแบบมีคำยากๆที่คนปกติทั่วไปไม่ใช้  หรือคำบาลีมาประกอบไม่รู้เรื่อง  ผมยังคงสมาธิไม่ดีพอ (เพราะจนป่านนี้ยังไม่เคยนั่งสมาธิได้นานถึง 1 ชม.เลย) แต่ถ้าท่านยังถนัดแบบนี้ ก็เขียนเถอะ ยังอยากเห็นอยู่เสมอเหมือนว่า ไม่ทิ้งกัน ด้วยความเคารพท่านจริงๆ จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 01:20:28

ความคิดเห็นที่ 54 เข้าใจยาก (เมื่อ ตา เห็น พยัญชนะภาษาไทย แบบ ที่ผม เสนอ ตัวอย่าง เช่น พระรัตนไตร  (แล้ว ยัง + สยาม ๓ ไตร) แบบที่ผมเสนอ ----นั้น  "เป็นตัวอย่างหนึ่ง ใช่ไหมครับ จากคุณ : เ (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 07:06:46

ความคิดเห็นที่ 55 หรือว่าคุณ Brutal PoP  เป็น ฝักฝ่าย นิยม พระอภิธัมมัตถสังคหะ + ท่านพุทธโฆษาจารย์ จึง ---- แอนตี้ท่านพุทธทาส เช่น คุณฯ ครับ ----------------------------------------------------------- ครับท่านเซ็น โดยส่วนตัวของผมแล้วเห็นว่าธรรมของพระไตรปีฏกที่มีทั้ง 3 ครบองค์นั่นสามารถทำให้คนที่บรรลุธรรมได้มากว่า 2000 ปี ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยกทิ้ง การที่ท่านเซ็นฯรับแนวคิดของพุทธทาส สำหรับผมก็ถือว่าเป็นศิตย์เป็นครูกันแล้วละครับ ถึงจะไมได้เจอตัวตนกัน ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้มีอาจารย์เป็นบุคคล แต่อาจารย์ผมเป็น CD เป็นหนังสือคำสอนของครูอาจารย์ก็ยังถือว่าผมมีครูครับ อีกอย่างผมไม่ใช่ผู่ฝักไฝ่อภิธรรมแต่เห็นว่าสิ่งที่ดีอยู่แล้วใยจะไปตัดออกด้วยเล่า ตัดออกไปเพื่อ............การใดหรือ และสุดท้ายผมก็คิดว่าผมเคารพในพระรัตรไตรไม่แพ้ท่าน เซ็นฯ หรอกครับโดยเฉพาะการเคารพพระพุทธเจ้า นี่เคารพยิ่งชีวิต กรรมฐานที่ผมถนัดที่สุดก็พุทธานุสติกรรมฐาน ก็ด้วยความเคารพพระพุทธเจ้ายิ่งชีวิตนี่แหละจึงทนเห็นคนมาย่ำยี(สำหรับผมการตัดพระอภิธรรมออกไปเรียกว่าการย่ำยีพระธรรม) ไม่ค่อยจะได้โปรดเข้าใจด้วยเพราะผมยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาครับ กิเลศยังมีครบถ้วน สรุปผมยังเลวอยู่ ก็อย่าได้ถือสาคนเลวๆแบบผมเลย ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 07:50:45 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 07:49:50 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 07:48:52 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 07:45:01 จากคุณ : Brutal PoP เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 07:42:04

ความคิดเห็นที่ 56 ตัวอย่างง่ายๆเลยครับท่านเซน แค่คห.54 ของท่านผมก็ไม่เข้าใจแล้ว ทำไมพระรัตนไตร(เคยเห็นแต่พระรัตนตรัย) แล้วในวงเล็บน่าจะเป็นคำอธิบาย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร จริงๆนะครับ  ด้วยความเคารพ จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 07:51:50

ความคิดเห็นที่ 57 คคห 55 ครับท่านเซ็น โดยส่วนตัวของผมแล้วเห็นว่าธรรมของพระไตรปีฏกที่มีทั้ง 3 ครบองค์นั่นสามารถทำให้คนที่บรรลุธรรมได้มากว่า 2000 ปี ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยกทิ้ง คุณBrutal PoP --- เสนอข้อความข้างบน "ด้วย ทิฏฐิ" เช่นนั้น + ปัญญา ใด ก็ตามที ฯ สาระ อยู่ที่ คำว่า "ต้องยก พระไตรปิฎกทิ้ง"   ใช่หรือไม่? ถ้าใช่ (๑) คุณBrutal PoP  ได้ ศึกษา ผลงาน รวมทั้ง "ข้อความที่ท่านพุทธทาสเสนอไว้" เนื่องด้วย อภิธรรมคืออะไร ก้ดี  หรือ "ข้อความในพระไตรปิฎก พระสูตรนั้น นี้ ก็ดี  "ตามที่ ท่านพุทธทาส" --- เสนอไว้  ใน ฐานะ "ทาสของพระพุทธองค์ +  อ้าง กาลามสูตรที่ตรัสไว้ + ในฐานะนักอานาปานสติ และหรือ อานาปานสติสมาธิภาวนา ตาม "ลายมือของท่าน (ดูภาพ) " แค่ไหน เพียงไร?  ตาม นิยามคำพระบาลี ๒คำ คือ "สันทัสเสตัพพะ"  แปลว่า ---  เป็นวิญญูชนปัญญาชน ตามที่ นานาอารยประัเทศ รับว่า เช่นนี้คือ วิญญูชนผู้ปัญญาชน  จึง ควรสอบสวน "เรื่องนั้นๆ" ให้ทั่วถึงโดยรอบด้าน ไม่ เพลินเมาหมกอยู่กัย แค่ อภิธัมมัตถสังคหะะ + วิสุมธิมัคค์ + นักอภิธัมไทย ใดนั้น ไม่ว่าจะ ในฐานะ ฆราวาส และหรือ ภิกษุสงฆ์ฯ" กับ คำว่า โอสาเรตัพพะ -- แปลว่า เป็นวิญยูชนฯ แล้ว จึง "หยั่งลงให้ถึงใจความในด้านลึก  ทั้ง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ โดย อาศัย "หลักฐานชั้น ปฐมภูมิ คือ พระพุทธวจนะแปลไทย"  เป็น ลำดับต้นสุดใน การ สันทัสเสตัพพะ +โอสาเรตัพพะ คุณBrutal PoP  ---- เวลา คิด  ด้วย ทิฏฐิ เนื่องกับ "อภิธรรมคืออะไร" + "พระสูตรบางพระสูตรในพระไตรปิฎก"  ที่ ท่านพุทธทาส "เสนอว่า อย่างไรนั้นฯ" -- ถ้า อ้างอิง "ความ เป็น ชาวพุทธ  รัก พระพุทธเจ้า รักพระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ไม่เคยฟังจากใครมาก่อน รักพระสงฆ์ ลูกชาวบ้าน (ไม่เว้น "เงื่อม พาณิช"  ที่คือ ท่านพุทธทาส อินปปัญโญด้วย) ที่ ขานนาค เป็นภิกษุสงฆ์ "สมัยนี้" -- ทั้งหมด -- โดยเฉพาะ "ท่านที่คุณBrutal PoP   นับถือ ยิ่ง" ท่านใดนั้น (ที่คือ หนึ่งใน พระรัตนไตร แบบใดนั้น) 4 บรรทัดบน = คุณBrutal PoP  -- ไม่ คิดหรือว่า "ท่านพุทธทาส ก็ รัก "พระรัตนไตร" ไม่ ยิ่งหย่อนไปกว่า" คุณBrutal PoP ? (ปัญหามีว่า คุณBrutal PoP   กำหนด นิยาม คำว่า พระรัตนไตรแบบไหน เช่นที่คุณสิงห์ขี้เมา เสนอไน คคห 56 นั่น) ดังนั้น คำว่า -- สำหรับผม (คุณBrutal PoP) การตัดพระอภิธรรมออกไปเรียกว่าการย่ำยีพระธรรม ---- -- แล้ว ไม่ ลอง คิดดูว่า "ทาสของพระบรมศาสดา ที่ เสนอ อภิธรรมคืออะไร" นั้น = ไม่เป็นการย่ำยี พระธรรม  ที่คือ พระพุทธวจนะ ที่ตรัสไว้ ตามที่พระเถระครั้งปบมสังคายนารักษามา ตัวอย่าง พระพุทธองค์ตรัสคำว่า อภิเจตสิก ไว้ ---- (พระสูตรไหน หาเอง ถือถาม นักอภิธรรม ฯ นะครับ) แล้ว คำว่า อภิเจตสิก --- ปรากฎใน อภิธัมมัตถสังคหะ ไหม? --(อภิธัมมัตถสังคหะ --แต่งโดย สาวก สมัยพ.ศ. 1200 ที่ ลังกา ฯ) ********************************************************** ประเด็น -- การที่ท่านเซ็นฯรับแนวคิดของพุทธทาส  -- ข้อความนี้  คุณBrutal PoP   คิดเอง สรุปเอง --เพียงเพราะ ผม (๑) อาศัย พระบาลีแปลไทย สำนวนแปล ท่านพุทธทาส "หรือครับ"  หรือว่า (๒) เพราะผม เสนอ ข้อความใดนั้น  ที่เนื่องกับ อภิธัมมัตถสังคหะ และหรือ วิสุทธิมัคค์ --- ตาม เหตุผลนั้น  ตามที่ผมเสนอ  ด้วย วิจารณญาณ ของผม คุณBrutal PoP   คิดเอง สรุปเอง  จึง สรุปว่า --- เซ็นฯรับแนวคิดของพุทธทาส  หรือครับ สรุป กระทู้นี้ ว่าด้วย ประเด็น -- มีใครอ่านความเห็นของคุณ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) แล้วเป็นอย่างผมบ้าง คุณBrutal PoP  อ่าน ที่ผมเสนอ คคห นี้ ----- แล้ว เป็นอย่าง หัวข้อกระทู้ ไหมครับ (๓) ส่วนคุณBrutal PoP เอง  --- ได้ ศึกษา ปฏิบัติ สอบทาน กับ พระพุทธวจนะ อย่างน้อนก็ เท่าๆ กับ ที่ผม กระทำมา ซึ่งในอดีต กระทู้เก่าๆๆๆ ผมเอง ก็เสนอว่า ผมจับผิดท่านพุทธทาส อยู่เสมอมา นะครับ --- แต่ ยัง จับว่า ผิด ตรงไหน ไม่ได้ ---- ฯ ดังนั้น คำว่า "การที่ท่านเซ็นฯรับแนวคิดของพุทธทาส " จึง = เป็นการกล่าว ตู่ ผม -- ซึ่ง ไม่ตรงตามที่เป็นจริงครับ แน่นอน  ผม ผิดได้เสมอ  แม้นใน เรื่อง -- แต่ ยัง จับว่า ผิด ตรงไหน ไม่ได้ แล้ว ผม ก็ หวังว่า ชาวพุทธท่านอื่น จะ สามารถ จับผิด ท่านพุทธทาสได้ ใน เรื่องนั้นๆ --- เช่น เรื่อง อภิธรรม คืออะไร  และ พระสูตรบางพระสูตร  ที่ปรากฎในพระไตรปิฎกนั้น ฯ สรุป ในชั้นนี้ (โหมโรง)  เหตุผล ระหว่างเรา คุณBrutal PoP  อ่าน ไม่รู้เรื่อง ตรงไหนไหมครับ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 09:20:42

ความคิดเห็นที่ 58 ความคิดเห็นที่ 56 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ตัวอย่างง่ายๆเลยครับท่านเซน แค่คห.54 ของท่านผมก็ไม่เข้าใจแล้ว ทำไมพระรัตนไตร(เคยเห็นแต่พระรัตนตรัย) แล้วในวงเล็บน่าจะเป็นคำอธิบาย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร จริงๆนะครับ  ด้วยความเคารพ จากคุณ : สิงห์ขี้เมา เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 07:51:50 [แก้ไข] ********************************************************* คำว่า ไตร แปลว่า ๓  เช่นคำว่า พระไตรปิฎก คุณสิงห์ขี้เมา เคยเห็นคำว่า พระตรัยปิฎก  ไหมละครับ คำว่า พระรัตนตรัย ---- กับ คำว่า พระรัตนไตร  (ที่ผมพิมพืเสนอนั้น) ----ต่างกัน โดย คำหรือ ภาษา คือ ตรัย - ไตร  ใช่ไหม ความคิดเห็นที่ 44 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน พระรัตนไตร แบบ ที่ผมเสนอ (ผิดได้เสมอด้วย)  ลองสอบทานกับ "สยามสามไตร" ดู ครับว่า ฯลฯ คำว่า สยามสามไตร  ลอง ดูตามลิงค์ http://www.google.co.th/search?q=%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A2&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a หรือ สยามสามไตร...ภารกิจเพื่อลูกหลานไทย http://www.youtube.com/watch?v=njKWdUUN6J0 ตกลง คุณสิงห์ขี้เมา "ที่" --- เคยเห็นแต่พระรัตนตรัย -- งง กับ "สยามสามไตร"  ตรงไหนครับ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 09:27:33

ความคิดเห็นที่ 59 เอ...ขอถามหน่อยสิคะ ลุงโชติไม่ยอมรับ ไม่ชอบใจ พระอภิธรรม หรือคะ  หากใช่  เพราะอะไรคะ ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมมากกว่าพระสูตร ... กว่ามากๆ คุยเบาๆ ....  มโนทวาร อะไรไม่เอานะคะ   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 09:31:04

ความคิดเห็นที่ 60 คคห 55 โดยเฉพาะการเคารพพระพุทธเจ้า นี่เคารพยิ่งชีวิต แล้ว ที่คุณBrutal PoP  เสนอว่า --- โดยส่วนตัวของผมแล้วเห็นว่าธรรมของพระไตรปีฏกที่มีทั้ง 3 ครบองค์นั่นสามารถทำให้คนที่บรรลุธรรมได้มากว่า 2000 ปี ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยกทิ้ง นั้น ตกลง พระพุทธเจ้า ได้แก่ ?  ใน "พระไตรปีฏกที่มีทั้ง 3 ครบองค์นั่น" --กำหนด ตาม หลักฐาน --ปฐมสังคายนา นะครับ คุณBrutal PoP 2 บรรทัดบน น่าจะ = ถ้า กลัดกระดุมเม็ดแรก ผิดรังดุม  เม็ดอื่นๆ  ก็ ผิด ตาม ในเมื่อ ปฐมสังคายนา  ยังไม่มี พระไตรปิฎก มีแต่ ธรรม (ที่ตรัส พระอานนท์ทรงจำไว้) + วินัยที่บัญญัติ (พระอุบาลี ทรงจำไว้ จากความจำ) ว่าอย่างไรครับ คุณBrutal PoP -- ในประเด็น เคารพพระพุทธเจ้ายิ่ง VS พระไตรปิฎก (ที่ปรากฎใน สมัยนี้) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 09:34:01

ความคิดเห็นที่ 61 คคห 59 ลุงโชติไม่ยอมรับ ไม่ชอบใจ พระอภิธรรม หรือคะ ประเด็น นี้ -- ควร พิจารณา เป็นส่วนๆ แล้ว จึงตอบ แล้ว จึงสรุปว่า ยอมรับ หรือไม่ยอมรับ ฯ  นะครับ พระอภิธรรม  ตาม พระไตรปิฎก กำหนด พระไตรปิฎก 45 เล่ม ที่ปรากฎในเมืองไทย --- กำหนดที่ แปลไทย สำนวนแปลใดนั้น กันนะครับ (๑) พยัญชนะ คือ ภาษา เช่นนั้น "ใช่ คือ อยู่ในรูป เป็นพระพุทธวจนะ ไหมละครับ" เมื่อ เทียบกับ พยัญชนะ คือ ภาษา เช่นนั้น ที่ คือ พระสูตร (๕ อาคม ได้แก่  ที มะ สัง อัง ขุ) ยกตัวอย่าง ให้ เห็นฯ พระสูตร คือ ภาษา ที่อยู่ในรูป เป็นพระพุทธวจนะ เช่น คำว่า "อภิเจตสิก" นั้น ใน พระอภิธรรมปิฎก "๗ คัมภีร์" ได้แก่ ? ---- (มีไหมครับ ถ้ามี) พระอภิธรรม คือ ภาษานั้น = อยู่ในรูป ตรงตาม ที่อยู่ในรูป เป็นพระพุทธวจนะ  ไหม? (๒) ผม วินิจฉัย "กรณี คำว่า อภิเจตสิก" โดย สติในสมาธิปัญญาสัมปชัญญะ ตามที่ผม มี ด้วยผลของ อานาปานสติสมาธิภาวนา + สอบทานกับ พระสูตรนั้น นี่ แล้ว --- พบว่า ผม ยังหาไม่เจอ ว่า ใน อภิธรรมปิฎก ๗ คัมภีร์ (พระอภิธรรมปิฎก นั่นแหละ ที่คือ พระไตรปิฎกนั่นแหละ)  -- มี พยัญชนะ ใด ตรงกับ พยัญชนะ ในพระสูตร -- ที่ ตรัส คำว่า อภิเจตสิก (๒) ดังนั้น  เมื่อ ท่านพุทธทาส เสนอว่า "พระอภิธรรม ไม่อยู่ในรูปเป็นพระพุทธวจนะ" (รู้หรือไม่ว่า ท่านพุทธทาส สนใจอภิธรรม ก่อน บวชแล้วไม่สึก ฯ) ผม ก็ ย่อม จับ ผิด ท่านพุทธทาสไม่ได้ --แต่ ผมถูกกล่าว ตู่ว่า -- การที่ท่านเซ็นฯรับแนวคิดของพุทธทาส สำหรับผมก็ถือว่าเป็นศิตย์เป็นครูกันแล้วละ -- ฯลฯ คุณSmiling-girl จะ "สนุก ด้วย เจตสิกฝ่าย โสภณะ หรือ ฝ่าย กุศล อะไร? ใน กรณี -- ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมมากกว่าพระสูตร . ---- ก็ อย่าลืม (ด้วย ถีรสัญญา ที่เนื่องกับ จิตนี้ เข้าถึงความเศร้าหมองแล้ว เพราะอุปกิเลส อันเป็นดุจ อาคันตุกะ จรมา ตามพระสูตรนั้น ฯ) คือ "หมายรู้ด้วย สัญญาปรมัตถ์"  ว่า " ตนเอง เป็น ชาวพุทธ  และหมายรู้ว่า เป็น ชาวพุทธแบบไหน? เช่น แบบที่ นั่งล้อม พระรัตนไตรแบบ ที่ผม เสนอ หรือว่า แบบ อื่น จากที่ผมเสนอ นะครับ                                                        ตกลง ที่ถามว่า ลุงโชติไม่ยอมรับ อภิธรรมปิฎก (และหรือ อภิธัมมัตถสังคหะ) หรือ? ยอมรับ แบบไหน ละครับ คุณSmiling-girl ที่ถามว่า ไม่ชอบใจ พระอภิธรรม หรือคะ ชอบใจแบบไหนละครับ คุณSmiling-girl บางกรณี ผม ยัง อ้างเลยว่า พระอภิธรรม มีประโยชน์ ---- (แต่ไม่บ่อยครั้ง ฯ) แบบนี้ = ชอบใจน้อยๆ จึง = ไม่ชอบใจ หรือ? ผมยังเคย พูดสั้นๆ "ใส่หน้า นักอภิธัมมัตถสังคหะ --  ไม่เคย ผ่าน พระอภิธรรมปิฎก เฉกเช่น สหายธรรมผมบางคนฯ) และ "ไม่รู้ว่า พระพุทะเจ้าตรัสเรื่อง วิญญาณบิติ ๔ (รู้แต่ วิญญาณบิติ ๗ อายตนะ ๒) ว่า "ปัญหาที่แท้จริง ของความ เสื่อมแห่ง กระแสอภิธรรมนิยม"  เกิดมาจาก "นักอภิธรรม สมัยนี้ (ผู้ใดนั้น) เองมั๊ง"  ที่ เป็นเหตุใกล้ให้ --- เป็นอย่างที่เป็นไง -- เป็นอย่างไร? ผม ก็ ย้อนว่า "คุณไม่รู้เองหรือว่า "ปรมัตถ์" เป็นอย่างไร? คุณSmiling-girl "ลองเอาแว่นตาดำ (คือ ข้าพเจ้ารู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมมากกว่าพระสูตร) ออก "สักครู่ ไหมละครับ --- จะได้ เห็น สิ่งที่ ต่างไปจากที่ เคย หมายรู้ ฯ สรุป นักอภิธรรม คือ พระญาณดิรก สมัยฆราวาส เป้นชาวเยอรมัน บวชไม่สึกที่ลังกา มีชื่อเสียงมากในลังกา ท่านพุทธทาส อ้างไว้ ในอภิะรรม คืออะไรฯ พระญาณดิรก นิยม รัก อภิธรรม มากกกกก แต่ ท่านได้ เสนอความเห็นไว้ว่า ผุ้ที่จะ เนื่องกับ อภิธรรม ต้อง รู้ พระสูตรมาแล้ว "อย่างถุกต้อง เพียงพอไ ฯ  หาอ่านเองใน อภิธรรม คืออะไร ผม เสริม นะครับ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า -- ศาสดาและสาวก ย่อมกล่าวตรงกันใน ปฏิจจสมุบาท ซึ่งจะเนื่องกับ -- ผู้ใดเห็นธรรม (ปฏิจจสมุปบาทนี้) ผู้นั้น เห็น เรา ตถาคต อภิธรรมปิฎก และหรือ อภิธัมมัตถสังคหะ --- แสดง ปฏิจจสมุบาท --- ตรงกับ "อยู่ในรูป เป็น พระพุทธวจนะ ไหมครับ" ? แล้ว นักอภิธรรม เห็น ปรมัตถ์ (ด้วยอะไรนั้น) ตรงกับ -- -- ผู้ใดเห็นธรรม (ปฏิจจสมุปบาทนี้) ผู้นั้น เห็น เรา ตถาคต --ไหม? สรุป ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมมากกว่าพระสูตร ... กว่ามากๆ                                                ครับคุณSmiling-girl แต่ อย่าลืม สนุก จน เมาหมกใน อภิธรรม จนลืม --- -- ผู้ใดเห็นธรรม (ปฏิจจสมุปบาทนี้) ผู้นั้น เห็น เรา ตถาคต --นะครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 10:04:15

ความคิดเห็นที่ 62 เราว่า คนที่กล่าวหาว่า คุณเซน ประมานว่า พูดไม่รู้เรื่อง ดิฉันก็ว่า ไม่ค่อย ยุติ และ ไม่เป็นธรรมนะคะ หากมีการกล่าวหา เช่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่หาข้อยุติได้ยาก สาเหตุ เพราะ ไม่มีความเป็นธรรมในใจนั่นเอง เรื่องการเข้าข้างนั้น ดิฉันก็เข้าข้างค่ะ เข้าข้างความถูกต้อง คำว่า ความถูกต้องนั้น มันอาจจะถูกของดิฉัน แต่ไม่ถูกกับของท่านอื่นๆ ก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโลก ก็ต้องยืนยันตามนั้น ว่า ดิฉันไม่เคยรู้จัก คุณ เซน ท่านนี้เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด เหมือนที่ไม่เคยรู้จัก ท่านอื่นๆ ด้วย เรารู้จัก ตัวตนบางส่วนของแต่ละ Log in ผ่านตัวอักษรใช่หรือไม่ นั่นก็ชัดเจน เป็นเรื่องจริง แต่การเขียนใน ความเห็นที่ 24 ที่การแสดงความเห็นออกมาในลักษณะนั้น ก็เป็นการพูดความจริง จากประสบการณ์ ตรง ซึ่ง Log in ใดก็แล้วแต่ ที่เข้ามาแสดงความเห็นในกระทู้ดิฉันนั้น หากความคิดเห็นของใครเป็นประโยชน์เราย่อม ต้องจดจำเป็นธรรมดา เป็นธรรมดา คนที่ทำประโยชน์ให้คนอื่น จำไม่ได้ ก็เป็นเรื่องปกติ อย่างเช่น เราจะให้อะไรใคร เราไม่มานั่งจำว่าให้อะไรไป ยกตัวอย่างเช่น ให้ ธรรมกับใคร ผู้ให้ ย่อมจำไม่ได้ แต่ผู้ได้รับ เป็น ปกติว่า ต้องจำได้ และต้องถือคติว่า ใครทำไม่ดีกับเรา ก็อย่าไปจดจำ ให้อภัยได้ ก็ให้ ให้ไม่ได้ ก็รอโอกาสที่จะให้อภัย ในขณะเดียวกัน ใครทำคุณกับเรา ให้น้ำใจกับเรา แม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องจดจำ ไม่ได้ จดจำที่ตัวตนของใคร ต้องจดจำสิ่งที่เขาทำ หรือจดจำความดีของคนนั้นไว้ เพื่อที่ว่า เราจะได้ ให้ผู้อื่นต่อไปได้เช่นกัน ผู้ที่เคยได้รับสิ่งดีๆ จากใคร ผู้นั้นถึงจะรู้จักให้คนอื่นต่อได้ นั่นเอง ผู้ร่วมตอบกระทู้ การเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความเห็นในกระทู้ ก็ถือเป็นการให้เกียรติ จขกท.เอง ทั้งนั้น เพราะ คนตอบเขาอุตส่าห์ สละเวลาอันมีค่า มาตอบคำถามเรา เราเคารพตัวเองได้ฉันใด ก็ต้องเคารพผู้อื่นได้ฉันนั้น   ไม่จำเป็นว่า รู้จักกัน หรือไม่รู้จักกัน ประเด็นมันไม่ได้ อยู่ตรงนั้น ไม่จะเป็นต้องมาอวย ใครเป็น กรณี พิเศษ คิดว่า ไม่จะเป็นค่ะ ดิฉันไม่ได้รู้จักตัวตนคุณเซน แต่ครั้งหนึ่ง เคย absorb ธรรมะของคุณ เซนไว้ได้มันก็เท่านั้น เรียกว่าได้เคยรู้จัก ธรรมของคุณเซนได้ และหวังว่า ในโอกาสต่อๆ ไป คงจะ ซึมซับธรรมะ อะไรดี ได้บ้าง เช่นกัน การสื่อสารระหว่างคนหมู่มากนั้น หากเราจะเอาแต่ใจเราอย่างเดียว เมื่อมีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นนั้น ระหว่างคนอ่านหรือฟัง กับคนเขียนหรือพูด เราก็จะตีความตามกิเลสของเรา ตีความเข้าข้างตัวเองว่า เขาพูดหรือเขียนไม่รู้เรื่อง นักปฏิบัติที่แท้จริง ก็อย่าไปเพ่ง โทษ คนอื่น ให้มองย้อนมาที่ตัว ย้อนมาที่ตัวเอง ทั้งที่จริงแล้ว เราเองต่างหาก ที่ ไม่ฉลาดพอที่จะ ฟังใครเขาเข้าใจเองก็เป็นได้ เป็นเรื่องง่ายที่ดิฉันจะยอมรับว่า ตัวเอง นั้นยังโง่อยู่มาก โง่อยู่หลายเรื่อง และในโลกนี้ยังมีอีกหลายอย่างมากที่ไม่เข้าใจ โดยเฉพาะความจริง ใน กาย ใน ใจตัวเอง ค่ะ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 10:07:18

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบพระคุณ (หรือ ต้องใช้ ขอบใจ เพราะไม่รู้อายุคุณเซนๆ) ท่าน  เซน (ถ้าจะเป็น/และ หรือ มิใช่?? เถรวาท เพราะเซนเป็นนิกายหนึ่งของมหายาน ใช่หรือไม่)เถรวาท (+)ปฐมสังคายนานิยม (หลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพาน ?) (F=9b) ((F=9b)=โชติ?) ที่มาแสดงความคิดเห็น (รวมสั่งสอน) ด้วยตนเอง (หรือคำพูดที่พิมพ์ด้วยตนเอง  ใช่หรือมิใช่? คือไม่ได้มาปรากฏเอง แต่พิมพ์เอง) (น่าจะใช่ งง??) เขียนไปเขียนมา จขกท ก็เริ่มจะงงเอง หรือมิใช่ จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 10:53:05

ความคิดเห็นที่ 64 -------- โดยเฉพาะความจริง ใน กาย ใน ใจตัวเอง ค่ะ ------ (๑) กาย ใจ  แบบ ที่ ว่าว่ากัน ในเวลานี้ กับ (๒) กาย ใจ ตาม อัสสุตวตาสูตร อัสสุตวตาสูตรที่ ๒ [๒๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้สดับ จะพึงเข้าไปยึดถือเอาร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ โดยความเป็นตน ยังชอบกว่า  แต่จะ เข้าไปยึดถือเอาจิตโดยความเป็นตน หาชอบไม่ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ ร่างกาย อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ปีหนึ่งบ้าง สองปีบ้าง สามปี บ้าง สี่ปีบ้าง ห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง สามสิบปีบ้าง สี่สิบปีบ้าง ห้าสิบปีบ้าง ร้อยปีบ้าง ยิ่งกว่าร้อยปีบ้าง ย่อมปรากฏ แต่ ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้น(ดังที่กล่าว)นั้น  ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป  ในกลางคืนและในกลางวัน ฯ            [๒๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมใส่ใจด้วยดี โดยแยบคายถึงปฏิจจสมุปบาทธรรม ในร่างกายและจิตที่ตถาคตกล่าวมานั้นว่า เพราะเหตุดังนี้ เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี               เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ จึงไม่มี      เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ  (หลักอิทัปปัจจยตา) เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งสุขเวทนา จึงเกิดสุขเวทนา เพราะผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งสุขเวทนานั้นดับไป สุขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งสุขเวทนา จึงดับ จึงสงบไป เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งทุกขเวทนา จึงเกิดทุกขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งทุกขเวทนานั้นดับไป ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งทุกขเวทนานั้น จึงดับ จึงสงบไป เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งเวทนาที่ไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์ จึงเกิดอทุกขมสุขเวทนาขึ้น เพราะ ผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้นดับไป อทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งอทุกขมสุขเวทนา นั้น จึงดับ จึงสงบไป ฯ            [๒๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะไม้สองอันครูดสีกัน จึงเกิดไออุ่น เกิดความร้อน แต่ถ้าแยกไม้ทั้งสองอันนั้นแหละออกเสียจากกัน  ไออุ่นซึ่งเกิดจากการครูดสีกันนั้น ก็ดับไป สงบไป แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งสุขเวทนา จึงเกิดสุขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็น ปัจจัยแห่งสุขเวทนานั้นดับไป สุขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็น ปัจจัยแห่งสุขเวทนานั้น จึงดับ จึงสงบไป เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งทุกขเวทนา จึงเกิดทุกขเวทนาขึ้น เพราะผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งทุกขเวทนานั้น ดับไป ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งทุกขเวทนานั้น จึงดับ จึงสงบไป เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งเวทนาที่มิใช่ทุกข์ มิใช่สุข จึงเกิดอทุกขมสุขเวทนาขึ้น เพราะ ผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้น ดับไป อทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยผัสสะอันเป็นปัจจัยแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้น จึงดับ จึงสงบไป ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ            [๒๓๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ มาพิจารณาอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายแม้ในผัสสะ ย่อมหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อ หน่าย ย่อมคลายกำหนัด  เพราะคลายกำหนัดจึงหลุดพ้น  เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็เกิดญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว และย่อมทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้แล ฯ ********************************************************** นักอภิธรรม โดยเฉพาะ นักอภิธัมมัตถสังคหะ (ปรัยติ มี ๙ ปริเฉท) -- ที่ เข้าใจ ปรมัตถ์ ๔ และ นักปฏิบัติ  ที่ไม่สนใจ ปริยัติ พระพุทธวจนะ --- แต่ ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้น(ดังที่กล่าว)นั้น  ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป  ในกลางคืนและในกลางวัน ฯ -- นี้  ทรง หมายถึง ? ซึ่ง จะต้องไม่ขัดกับ กับ ที่ตรัสว่า (ธาตุวิภังคสูตร) บุรุษนี้ ประกอบอยู่ด้วยธาตุทั้งหลาย ๖ ประการ ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไป ธาตุช่องว่าง วิญญาณธาตุ                                                     ตกลง แต่ ว่าตถาคตเรียกร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ว่า จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง จิตเป็นต้น(ดังที่กล่าว)นั้น  ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป  ในกลางคืนและในกลางวัน ฯ ------ นั้น = ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไป ธาตุช่องว่าง วิญญาณธาตุ ใช่หรือไม่? ถ้าใช่ จิต มโน วิญญาณ คือ ? ตาม พระสูตรใดนั้น? ที่ ไม่เกินไปจาก "กายนี้" คือ ธาตุ ๔                                                          หมายเหตุ คคหนี้ ผม กำลัง เสนอ (บอก) อะไร แก่ คุณรุ่งฟ้าสาง ใน ประเด็น "โดยเฉพาะความจริง ใน กาย ใน ใจตัวเอง ค่ะ" หรือ? ถ้า ท่านใด อ่านแล้ว = ผมไม่ได้บอกอะไร ตามที่ผมรู้ ผมเข้าใจ  แก่ คุณรุ่งฟ้าสาง นี้ แค่ อ้าง พระสูตร ๒ พระสูตร เท่านั้น เสนอเช่นนี้ = เป็น การแสดงความเห้น อะไร ของตนเองเล่า = อยากจะอ่านให้เข้าใจ ว่าคุณเซนจะอธิบายหัวข้อธรรมนั้นอย่างไร หรือจะแสดงความเห็นในกระทู้นั้นว่าอย่างไร ตามที่ ท่าน จขกท เสนอ นั่น --- ใช่ไหม คุณเซนเถรวาทฯ? (ถามเอง ตอบเอง ใช่ไหม? ใช่ครับ) ใช่ครับ ที่ผมเสนอนั้น ผม ไม่ได้บอกว่า ผู้ รู้อะไร ที่เกี่ยวกับ เรื่องนั่น  แก่ คุณรุ่งฟ้าสาง แต่  ผม รู้ว่า ๒ พระสูตร  (อัสสุตวตาสูตร + ธาตุวิภังคสูตร) นั้นแหละ "ตามที่ผมรู้ ผมเข้าใจ" พระบาลีแปลไทยสำนวนแปลนั้น --- นั่นคือ คำตอบว่า "โดยเฉพาะความจริง ใน กาย ใน ใจตัวเอง"  ตาม พุทธปัญญา นั้น -- ผมสามารถ หา คำตอบได้ จาก สำนวนแปลนั้น ฯ ผมจึง "เอาภาษาที่ตรัสนั้น (สำนวนแปลนั้น)  เสนอแก่คุณรุ่งฟ้าสาง --= บอกแบบหนึ่ง ตามที่เข้าใจแบบหนึ่ง (ที่ตรงกับ คำว่า -- มันอาจจะถูกของดิฉัน แต่ไม่ถูกกับของท่านอื่นๆ ก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโลกฯ) แปลอีกที คือ (๑) ถ้าคุณรุ่งฟ้าสาง อ่าน ที่ผมเสนอเข้าใจ = อาสัย การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า แล้วเข้าใจได้เอง ก้ตรงกับ หรือ = พระพุทธเจ้า ยังทรงยังอยู่ (๒) ผมเอง ก็ แค่ สาวก หรือผุ้นั่งใกล้ พระบรมศาสดาเช่นเดียวกับคุณรุ่งฟ้าสาง -- หาได้ ไม่ธรรมดา คือเกินไปจาก ความเป็นธรรมดา จากความสาวกของพระพุทธองค์ไม่ --- กิเลสชั้นลึก เช่น มานานุสัยอันเป็นสังโยชน์ ---- ก้ น่าจะ ถูก เพ่ง พินิจว่า "ยังเหลือกซากอยู่หรือไม่"  เป้นต้น เท่ากับ  เป็นการ เจริญสติปัฏฐานแบบ นอกตำรา -- ตามที่ตรัสไว้ว่า (โดยไม่กลั้นหายใจ = อานาปานสติ ฯ) ฯลฯ ความเกิดแห่งจิตมี เพราะความเกิดแห่ง นามรูป ความดับแห่งจิตมี เพราะความดับแห่ง นามรูป ความเกิดแห่ง ธรรม (เช่นสติปัฏฐานสี่) มี  เพราะ ความเกิดแห่ง มนสิการ (แบบ? ละ) ความดับแห่ง ธรรมมี เพราะมีความดับแห่ง มนสิการ (แบบไหนละ?) สรุป มนสิการ = "มน" (มโน (ในฐานะ จิตแบบนั้น) ในฐานะ มนายตนะ) ที่ "ส" คือ ประกอบด้วย "อาการ" กระทำ "การ" เช่นนั้น เช่น ขณะแห่งการเจริญ สติปัฏฐานทั้งสี่ หรือ ขณะแห่ง อริยมรรคสมังคี (มรรคจิต ผลจิต นั่นแหละ) -- ล้วน เนื่องกับ ความเกิดแห่ง ธรรม (เช่นสติปัฏฐานสี่) มี  เพราะ ความเกิดแห่ง มนสิการ (แบบ? ละ) ส่วน คำว่า แบบไหน? ก้เช่น แบบ ที่ นักอภิธรรม ว่า ---- ตามตำรา หรือ ความเชื่อ ความเห็น ฯ แบบ ที่อ้าง พระป่าสายปฏิบัติ ฯ แบบ ที่อ้าง สมาธิเพ่งลูกแก้วฯ ไม่เว้น แบบ ที่ อ้าง พระพุทธวจนะด้วย ว่าแต่ว่า ตามพระพุทธวจนะนั้น ไม่ใช่ แบบ ของจอมศาสดา ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา หรือ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 11:14:32

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านเนื้อความเข้าใจครับ แต่ตาลายเพราะวิธีการเว้นวรรคของแก >_< จากคุณ : Hippokib เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 11:31:18

ความคิดเห็นที่ 66 กระทู้นี้ คุยสนุกๆเรื่องเกี่ยวกับคุณเซนๆ แต่อยู่ๆคุณ เนตังมมก็ยกพระสูตรมาลงไว้โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหากระทู้ และก็ไม่มีใครถามเกี่ยวกับพระสูตรนี้ ผมเข้าใจว่าคุณเนตังมมจะยกไว้เตือนใจตัวเอง ก็ขอยินดีกับคุณ เนตังมม ด้วยที่สำนึกได้ จึงได้เข้ามาโพสต์เตือนตัวเองในกระทู้นี้ต่อหน้าเพื่อนๆจะได้เป็นพยาน ขอสาธุ อนุโมทนาด้วยครับ จะขอนำพระสูตร ที่คุณเมตังมม ลงไว้ มาโพสต์อีกครั้ง คุณเมตังมม อ่านบ่อยๆ เตือนตัวเองบ่อยๆ นะครับ โดยเฉพาะที่ขีดเส้นใต้เอาไว้ จะได้ก้าวหน้าทางธรรม ความคิดเห็นที่ 49 MsgStatus(Msv[49], 49); หลักในการดูว่าใครเป็นคนดี - คนไม่ดี พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต สัปปุริสสูตร อสัตบุรุษ-คนไม่ดี [๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความเสียหายของผู้อื่น จะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า และเมื่อถูกถามเข้าก็แก้ปัญหาโดยตรง ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความเสียหายของผู้อื่นเต็มที่อย่างกว้างขวาง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่าท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความดีของผู้อื่น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม และเมื่อถูกถามแล้ว ก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรงอ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวสรรเสริญคุณผู้อื่นโดยย่อ ไม่เต็มที่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความเสียหายของตน จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม และเมื่อถูกถามแล้ว ก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรง อ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความเสียหายของตนโดยย่อ ไม่เต็มที่ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษในโลกนี้ แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความดีของตน จะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า และเมื่อถูกถามแล้วก็แก้ปัญหาโดยตรง ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความดีของตนเต็มที่อย่างกว้างขวาง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล พึงทราบว่า เป็นอสัตบุรุษ ฯ ----------------------------------------------------- สัตบุรุษ-คนดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ สัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความเสียหายของผู้อื่น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้า ก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรง อ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว กล่าวความเสียหายของผู้อื่นโดยย่อไม่เต็มที่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษในโลก แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความดีของผู้อื่นจะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้าก็แก้ปัญหาโดยตรง ไม่อ้อมค้อม ไม่ หน่วงเหนี่ยว กล่าวความดีของผู้อื่นเต็มที่อย่างกว้างขวาง ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่าท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษในโลกนี้ แม้ไม่ถูกถามก็เปิดเผยความเสียหายของตน จะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้าก็แก้ปัญหาโดยตรง  ไม่อ้อมค้อม ไม่หน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความเสียหายของตนเต็มที่อย่างกว้างขวางดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ฯ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษในโลกนี้ แม้ถูกถามก็ไม่เปิดเผยความดีของตนจะกล่าวอะไรถึงถูกถามเล่า แต่เมื่อถูกถามเข้าก็ไม่แก้ปัญหาโดยตรง อ้อมค้อมหน่วงเหนี่ยว แล้วกล่าวความดีของตนโดยย่อ ไม่เต็มที่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พึงทราบว่า ท่านผู้นี้เป็นสัตบุรุษ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นสัตบุรุษ ฯ จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 54 23:19:20 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 12:20:37 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 12:18:32 จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 11:32:14

ความคิดเห็นที่ 67 คคห 63 ขอบพระคุณ (หรือ ต้องใช้ ขอบใจ เพราะไม่รู้อายุคุณเซนๆ) ท่าน  เซน (ถ้าจะเป็น/และ หรือ มิใช่?? เถรวาท เพราะเซนเป็นนิกายหนึ่งของมหายาน ใช่หรือไม่)เถรวาท (+)ปฐมสังคายนานิยม (หลังพระพุทธเจ้า ปรินิพพาน ?) (F=9b) ((F=9b)=โชติ?) ที่มาแสดงความคิดเห็น (รวมสั่งสอน) ด้วยตนเอง (หรือคำพูดที่พิมพ์ด้วยตนเอง  ใช่หรือมิใช่? คือไม่ได้มาปรากฏเอง แต่พิมพ์เอง) (น่าจะใช่ งง??) เขียนไปเขียนมา จขกท ก็เริ่มจะงงเอง หรือมิใช่ ********************************************************** (๑) เซน (ถ้าจะเป็น/และ หรือ มิใช่?? เถรวาท เพราะเซนเป็นนิกายหนึ่งของมหายาน ใช่หรือไม่) คำว่า เซ็น  ผมไม่ได้ใช้คำว่า พุทธศาสนานิกาย ธฌาน (ฌาน) ที่ คือ เซน ไม่ว่าแบบ ท่านเว่ยหล่าง หรือ แบบท่านชินเชา (๒) เมื่อ คำว่า "เซน" คือ เสียงที่คนจีน ออกเสียงคำว่า "ฌาน" ไม่ไดเแบบคนไทย หรือคนสมัยโน้น  แล้ว ฌาน คือ รูปเานทั้งสี่ ตาม อุเทสแห่ง สัมมาสมาธิ (อัปปนาสมาธิ)ที่ตรัสไว้ ถ้าผมใช้ --ฌานเถรวาทปฐมสังคายนานิยม หรือว่า ถ้าผมใช้ --สมาธิเถรวาทปฐมสังคายนานิยม นั้น หรือว่า ถ้าผมใช้ --เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม ใน ๓ คำนี้ -- ผม เลือก เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม ซึ่ง แปลว่า ไม่ใช่ เซนมหายาน --มิใช่หรือครับ เพราะ มีคำว่า เถรวาทะ + ปฐมสังคายนา + นิยม  ด้วย ดังนั้น คุณอย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม ยังจะมีเหตุผลใด ที่จะ กำหนดอยู่ต่อไปอีกว่า --- (ถ้าจะเป็น/และ หรือ มิใช่?? เถรวาท เพราะเซนเป็นนิกายหนึ่งของมหายาน ใช่หรือไม่) อ่านที่ผมเสนอ ฯ สรุปเอง ไม่ได้หรือครับว่า เป็น เซน ฝ่ายไหน -- แล้ว ใช่ฝ่ายไหนนั่น ไม่ใช่ฝ่ายไหนโน้น? ในเมื่อ ผมคือ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม  ไม่ใช่ เซนอาจารวาทมหายานนิยม ไม่ว่านิกาย ฉับพลัน (ท่านเว่ยหล่าง) หรือฝ่าย เชื่องช้า (ท่านชินเชา) ยัง งง  ตรงไหนครับ ประเด็น -- ที่มาแสดงความคิดเห็น ฯ ต้นไม้ ยังทำหน้าที่ คายอากาศเช่นนั้น ในเวลานั้นๆ ฉันใด ผม น่าจะ ดีกว่า ต้นไม้หน่อย คือ ยัง ไปไหนๆ มาไหนได้ + แสดงอะไรๆ ได้ + ไม่ประมาทว่า --เรื่องนั้น พระพุทธองคืตรัสไว้ อย่างนั้นๆ ฯ เหตุง่ายๆ ดังกล่าว และ แน่นอน เป็นการ รับใช้ ผู้มีพระคุณฯ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เป็นประธาน ผม จึง  เสนอ ความคิดเห็น --- ดังที่เสนอ แน่นอน  ตาม ลายมือ หรือข้อความที่สื่อสารนั้น --แบบนั้นๆ (ซึ่ง แล้วแต่ เหตุ ปัจจัย ฯ สรุป ถ้า ท่าน จขกท กำหนด ความหมาย ของคำว่า มนสิการ = จิตมีอารมณ์ (คำฝ่ายพระสูตร = คำฝ่ายพระอภิธรรมฯ) จิต มีอารมณ์แบบไหนละครับ ตัวอย่าง เช่นคำว่า ถีรสัญญา คือเหตุใกล้ของสติ (แบบปุถุชน หรือ เลยไปจากปุถุชนแล้ว?) ตกลง ถีรสัญญา (แบบดูจิตใดนั้น)  แบบที่ว่าว่านั้น เป็น ผลชมาจาก มนสิการแบบไหน ตามพระสูตรไหน จึง = จิตมีอารมณ์ แล้ว สอดคล้องกับ ที่ตรัส เรื่อง จิตนี้เป็นประภัสสร (พระสูตรนี้ ยกไว้ ฯเคยอ้างบ่อยๆ) ซึ่ง คือ --- ความรู้ที่ทำให้ อริยสาวกเป็นผู้มีการอบรมจิต (อริยสาวกนั้น อดีตคือ ปุถุชน มีการสดับแล้ว ฯ ) จิตตภาวนา ย่อมมีแก่ อริยสาวก (ที่อดีตคือปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ แล้วมีการสดับ) ฯ ถีรสัญญาของ ปุถุชนที่ปฏิบัติดูจิต หรือ ศึกษาอภิธัมฯ นั้น ถีรสัญญา เหตุใกล้ของสติ มัน คือ จิตตภาวนา ตามที่ตรัสไว้ ด้วย พุทธปัญญา หรือว่า มันคือ สาวกปัญญาที่อ้างพระพุทธวจนะใดนั้น กันแน่? ---- ประเด็นนี้  ผม เสนอให้ แต่ละท่าน พิจารณาจาก พระพุทธวจนะใดนั้นเอง ครับ   เพราะ ผม เสนอ แบบ  เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม เพราะ ผม ไม่ใช่ ---- เซนพระอาจารย์วาทสมัยนี้ นิยม ครับ สรุป อ่านทีละ เรื่อง นะครับ จบเป็นเรื่องๆ เรื่องสุดท้าย --- คือ ผม ไม่ใช่ ---- เซนพระอาจารย์วาทสมัยนี้ นิยม ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 11:39:46

ความคิดเห็นที่ 68 คคห 65 อ่านเนื้อความเข้าใจครับ แต่ตาลายเพราะวิธีการเว้นวรรคของแก สมัยโน้น ยังประกอบอาชีพ ฯ ผมเขียนสั้นกระชับกว่านี้มาก (และ?) เช่น มีวาจาบางประการ ที่ต้องใช้ตาฟังด้วย (แผลงมาจาก คำคมใน ฤทธิ์มีดสั้น) เป็นก๊อปปี้ ในเคตาล๊อกแฟชั่น ฯ (ฮือฮากันทั่วยุทธจักร แอเจนซี่ มั๊ง ว่า ฯลฯ) ครั้นมาสมัยนี้ --- ยกตัวอย่าง คำว่า มนสิการ = จิตมีอารมณ์ (แบบไหน? แบบ ปุถุชนหรือแบบ อริยชนฯ)  มันก็ สั้น แต่ อมใจความ สรุปว่า อนุสัย การเขียนสั้นๆ แล้ว มี วรรค มาก  ยัง เหลืออยู่ มีวาจาบางประการ ที่ต้องใช้ตาฟังด้วย --- แปลว่า ต้อง ไปอ่าน พระสูตรแปลไทย นั้นเอง ด้วยครับ ไม่ใช่ แค่ อ่าน ที่ผม เสนอ (ไม่อยากใช้คำว่า อย่ามักง่าย เพราะ ผมเอง ก็ มักง่ายได้เช่นกันแหละ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 11:49:36

ความคิดเห็นที่ 69 คุณรุ่งฟ้าสาง ... ไม่เอาน่าาาา อย่าคิดมาก  เอ๊ย  อย่าซีเรียส  อิอิ บรรยากาศของกระทู้ relax ออกค่ะ ดูสิ  ท่านเซน เป็น ลี้คิมฮวง ผู้ชื่นชอบการร่ำสุรา ก็ได้  เป็นพ่อพรานใหญ่ รพินทร์ ไพวัลย์ ก็ได้ กระทู้นี้เป็นสีสันดีค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนตั้งกระทู้คุยในประเด็นนี้ นานๆ ก็ตั้งกันที ใครๆ ก็เข้ามาแจม  ลุงโชติ ก็เข้ามาตอบ หยอกเอินกันไป เรตติ้งกระฉูด  :-) บอกว่าเขียนไม่รู้เรื่อง หรือ อ่านไม่เข้าใจ  ไม่แปลกหรอกค่ะ เมื่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ก็ควรต้องสื่อออกไปแบบนั้น ตามที่รู้สึกน่ะค่ะ เหมือนเราฟังฝรั่งพูดไม่รู้เรื่อง  เราก็บอกว่า ฝรั่งพูดอะไร ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง เช่นกันกับลุงโชติ บางทีอยากเถียงด้วย แต่อ่านไม่รู้เรื่อง พาให้เราหงุดหงิด บ่นในใจ เขียนบ้าอะไรเนี่ย อ่านไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย  เอิ๊กกก วันดี คืนดี เราก็ชอบเข้ามาแหย่ท่านเซนในกระทู้ แต่เสน่ห์ของลุงโชติ คือ ไม่เคยโกรธตอบ (เราไม่เห็นนะคะ อาจจะมีก็ได้ หุ หุ) แล้วกระทู้แบบนี้ ลุงโชติก็ได้ relax ด้วยละมั๊ง ประมาณกระทู้เปิดใจ ^^ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 11:52:22

ความคิดเห็นที่ 70 นั่นสิครับ ผมว่าบรรยากาศกระทู้นี้ relax สบายๆ มีหยอกเอินคุณเซนๆเล็กน้อยด้วย อิอิ ไหนๆก็ไหนๆ ขอกระทู้นี้ เป็นกระทู้เปิดใจ คุณเซ็นๆ ดีมั้ยครับ เห็นว่าอยู่ห้องนี้มานาน อยากรู้แนวทางปฎิบัติของท่าน ปัญหาที่พบ ประสบการณ์ ๆลๆ ผมว่าน่าจะทั้งสนุกและมีประโยชน์ จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 12:14:58

ความคิดเห็นที่ 71 ความคิดเห็นที่ 66 ใช่ค่ะเอาไว้ดูตนเองเพราะธรรมะของพระพุทธองค์สอนไว้เพื่อให้ระลึกเตือนสติตนเองและก็เป็นสิ่งที่มีไว้เผยแผ่เพื่อให้ผู้อื่นให้เข้ามาดูในบทแห่งธรรมนั้น  แต่ ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องรู้ด้วยตนเองและเรียกผู้อื่นให้มาดู  อีกอย่างพุทธวจนะทำให้เห็นทั้งสองด้าน ในข้อดีและข้อเสียอย่างข้อนี้ทำให้เห็นถึงคนดีและคนไม่ดีว่ามีควรมีลักษณะอย่างไร ก็เอาshare ไว้ให้ดู ก็ห้องศาสนาน่ะ ไม่ให้ธรรมะแล้วจะให้คำนินทาคนอื่นหรือ   อีกครั้งธรรมะเป็นปัจจัตตังและควรชักชวนผู้อื่นให้เข้ามาดูเถิด แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 12:30:06 จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 12:24:21

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 56 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ตัวอย่างง่ายๆเลยครับท่านเซน แค่คห.54 ของท่านผมก็ไม่เข้าใจแล้ว ทำไมพระรัตนไตร(เคยเห็นแต่พระรัตนตรัย) แล้วในวงเล็บน่าจะเป็นคำอธิบาย แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร จริงๆนะครับ  ด้วยความเคารพ จากคุณ : สิงห์ขี้เมา ********************************************************** พระรัตนไตร ทั่วไป หมายถึง พระพุทธเจ้า  ที่ ปรินิพพานไปแล้วเมื่อ 2554 + 45 ปี พระธรรม คือ พระไตรปิฎก พระสงฆ์ คือ ลูกชาวบ้าน ขานนาค บรรพชา เป็น ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้ "ตามที่แต่ละ พุทธศาสนานิกายนั้นๆ กำหนดขึ้น" + อ้าง พระไตรปิฎก ฯ พระรัตนไตร (หรือ พระรัตนตรัย) แบบ ข้างบน -- ผมรู้จักเมื่อสมัย เรียนวิชา ศีลธรรม โน้น (สมัยนี้ ยังเรียนกันไหม? คงไม่ฯ) ส่วน พระรัตนไตร ที่ผม เสนอ ใน คคห 43 พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ = พระรัตนไตร แบบ เซนเถรวาทฯ หมายถึง ไม่ว่า "พระพุทธเจ้า" พระองค์ใดๆ ฝ่ายอดีต ฝ่ายอนาคต และ ปัจจุบัน (ที่ยังทรงยังอยู่) นั่นแหละคือ ตัว "พระธรรม" (ที่ เช่นนั้นเอง แบบเดียวกันเสมอๆ) ซึ่ง ก็ คือ "พระสงฆ์" แห่ง พุทธวงศ์ นั่นเอง "พระสงฆ์" แบบนี้คือ จอมอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ รวมทั้ง พระอรหันตสาวกของพระอรหันตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดนั้นด้วย ซึ่ง ไม่ต่างไปจาก พระรัตนไตรแบบ ทั่วไป ด้วย  มิใช่หรือครับ ทีนี้ -- เมื่อ อ่าน ที่ผมเสนอ แล้ว --  แต่ก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร นั้น คุณสิงห์ขี้เมา   ไม่ เข้าใจ ตรงไหน ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 12:36:30

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่มี เจโตปริยญาณ ย่อม รู้ ตามที่เป็นจริงซึ่ง "การปรุงแต่งทางมโนทวารของผู้ใดนั้น" ไม่ได้ มิใช่หรือครับ ก็ได้แต่ "อนุมาน" หรือ "คิด (เจเตติ) เอา หรือ ฯลฯ --- ตาม ที่ ปรุงแต่งทางมโนทวารนั้น ในสมัยนั้น กรณีนั้น (มนสิการ หรือ จิตมีอารมณ์ นั่นแหละ) ดังนั้น สิ่งที่ ปรากฎ "หน้าจอ" ตามที่บุคคลนั้น ทำให้ ปรากฎขึ้นมา นั่นแหละ คือ ครู หรือ อาจารย์ของตนเอง หรือ กระจกเงา สะท้อน "ผลของการปรุงแต่ง ทางมโนทวารแล้วนั้น" ว่า --เพราะ มนสิการแบบนั่น (คือเหตุ) ผล จึง เกิด (เช่นนั้น) เมื่อ รู้จักอาจารย์แห่งตนเองแล้ว (แบบนี้ คุณสิงห์ขี้เมา เข้าใจ นะครับ) ก็อย่าลืม บรมาจารย์ คือ พระพุทธองค์ นะครับ แปลว่า -- พระสรุเสียงที่ตรัสแก่ ใครนั้น  = ท่านอาจารย์ของ พระพุทธองค์ นั่นเอง                                   แล้ว ก้ ยัง = ธรรมทั้งปวง อนัตตา คคห 62 ดิฉันไม่ได้รู้จักตัวตนคุณเซน แต่ครั้งหนึ่ง เคย absorb ธรรมะของคุณ เซนไว้ได้มันก็เท่านั้น เรียกว่าได้เคยรู้จัก ธรรมของคุณเซนได้ และหวังว่า ในโอกาสต่อๆ ไป คงจะ ซึมซับธรรมะ อะไรดี ได้บ้าง เช่นกัน ผม ทำสิ่งใดได้ ก็สักว่าทำได้เท่าที่ ทำได้ ใน ตอนนั้นๆ เสมอ จริงไหมครับคุณรุ่งฟ้าสาง ไม่ น่าจะต่างไปจาก กรณี "เยี่ยง" พระอัสสชิ  ท่านกล่าว เช่นนั้นแก่ อุปติสสะ (ซึ่ง ยังไม่ใช่ พระสารีบุตร อัครสาวกผู้มีปัญญามาก ฯ ด้วย) (ผมไม่ได้ ตั้งตน เทียบพระอัสสชินะครับ  ทำเยี่ยง  ไม่ใช่ ทำอย่าง ฯ) ดังนั้น ถ้า สิ่งไหน ผมทำไปแล้ว เกิดผล ฝ่าย กุศล หรือ โสภณะ  นั่นก้เพราะ ท่านนั้น ท่านทำเอง เสวยผลเอง ดังคำว่า "ตัวไม้สอนช่างไม้" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:06:25

ความคิดเห็นที่ 74 ผมก็เคยเจอครับ ครั้งหนึ่ง ถกเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว ผมกล่าวถึง มหาประเทศสี่ มีสมาชิกเขียนเยาะเย้ย จากหนึ่งท่าน เป็นสองท่าน ตามๆกันไป ว่าไม่มี มีแต่มหาปเทสสี่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ถกแต่ประการใด ผมจึงยกพระสูตรมาให้ดู โดยขีดเส้นใต้ มหาประเทศสี่ จบครับ หายหัวไปเลย แปลกดีแฮะขอรับ ป.ล. ท่านFขอรับ ผมขออภัยท่านที่ใช้เวลาส่งหนังสือนาน บ่ายนี้เมสเซนเจอร์จะส่งไปรษณีย์ไป สองสามวันคงถึงครับ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:11:35

ความคิดเห็นที่ 75 ********************************************************** คคห 70 อยากรู้แนวทางปฎิบัติของท่าน ปัญหาที่พบ ประสบการณ์ ๆลๆ อ่านมาก แล้ว ก็ เลือก ทำ สมาธิ แบบ อานาปานสติสมาธิ โดย ตั้งต้นที่ อานาปานสติสูตร มี ๔ หมวด หมวดละ ๔ ข้อ ตั้งต้นที่ หมวดแรก ข้อที่ ๑ ๒ --- โดย อาสัย ข้อความที่ท่านพุทธทาส อ้าง พระอรรถกถาจารย์ ไว้ใน หนังสือ อานาปานสติภาวนา คำว่า "อนุฯ" อะไรนี้ แหละครับ ไม่ได้ ทำแบบ ที่ อาจารย์ท่านใดนั้น สอน (ไม่ว่าสมัยนั้น หรือสมัยนี้) ทำแบบ "คลำเอาเอง" เช่น เมื่อ หายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว เมื่อ หายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว ก็เอาไป ทำเมื่อ ตีเทนนิส ดังนี้ มีสัญญา + สติ ใน สภาวะรวมๆ คือ --- ตาดูลูกนับตั้งแต่กระทบหน้าไม้ สวิง ลูกข้ามเนต ไปถึงคู่เล่น ฯลฯ ---  ไม่คลาดสายตา พร้อมกับ ปรับท่าสวิง ตั้งแต่สวิงโฟแฮนด์ ไปจนจบวงสวิงฯ ให้ สอดคล้องกับ หายใจ ยาว  ---- หายใจออกสิ้นสุด ตรง ตาเห็นลูกกระทบ แล้ว คาไว้ครู่หนึ่ง ก่อน ดู ลูกข้ามเนต ฯ -- ตอนนั้น หายใจออกแล้ว -- แล้ว เริ่มหายใจเข้าใหม่ ตอน ตาเห็นลูกออกจากหน้าไม้คู่เล่น ฯ นี้คือ การฝึก อานาปานสติสมาธิ โดย ตั้งต้นที่ อานาปานสติสูตร มี ๔ หมวด หมวดละ ๔ ข้อ แล้ว ทำให้มาก ที่ ข้อที่ ๑ และ ๒   อ้อ เล่นเทนนิส  ผม ก็ แอบดู วิธี จับไม้ สวิง ท่าท้าว ฯ เอง  ไม่ได้ มีอาจารย์ใดสอน (เล่นแบบนี้ รู้ว่า ถ้าให้ดีขึ้น  ก็ต้องมี ผู้ชี้แนะ ผมจึงเสียเงินตีกับ  ผู้ที่มีครู ฯ) ปัญหาที่พบ หลังจาก มี สัญญา ในสภาวะธรรม ที่ "ไม่เคยรู้มาก่อน" (รู้สภาวะธรรมทาง มโนทวาร ใดนั้น) ผม ก็ หสอบทาน เท่าที่ สติ จะ ระลึกถึง สิ่งที่ท่านใดนั้น กล่าวไว้  แน่นอน รวมทั้ง สอบทานกับ พระพุทธวจนะแปลไทย ฯ ประสบการณ์ ๆลๆ การเสนอ พระรัตนไตร แบบ ที่ผม เสนอ (คคห 72) --- เกิดมาจาก ประสบการณ์อะไรก็ตาม ที่ผม ผ่านมันมา --  ย่อมไม่พ้นไปจาก มนสิการแบบใดนั้น หรือ = จิตมีอารมณ์ (แบบใดนั้น) ถ้า คุณ อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เที่ยวป่า (สิ่งที่ผมเสนอ) แล้วสนุก -- สนุก ด้วย เหตุ ปัจจัยอะไร ละครับ (มนสิการ = หรือ = จิตมีอารมณ์  เช่นนั้น แล้ว สนุก (แบบ ธัมมนันทิ หรือ แบบ ตัณหาในอารณ์นั้น ที่ กำลัง มนสิการ --- มีสติ + สัญญา ก็ หมายรู้ได้ มิใช่หรือครับ แล้วยัง รู้ว่า ยังมี สังโยชน์ อะไรเหลืออยู่ ใน สมัยนั้น ด้วย มิใช่หรือ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:14:08

ความคิดเห็นที่ 76 คคห 74 ขอบคุณ คุณJitZungkabuai ครับ ********************************************************** บ้านนี้เมืองนี้ "หลากลายทางภาษา" มั๊งครับ เรื่องคำ เรื่องภาษา ก็เนื่องกับ คำบาลี กับ คำสันสกฤติ นั่นแหละ พระพุทธองค์ ทรงบัญญัติให้ ภิกษุใช้ คำบาลี "คำที่ชนส่วนใหญ่ ใช้" ใช้สื่อสาร ธรรม วินัย นี้  เช่น คำว่า นิพพาน  หรือคำว่า ธรรม ห้ามใช้ คำสันสกฤษ คำหรือภาษาที่ชนส่วนน้อย (วรรณสูงๆ โดยเฉพาะ พราหมณ์ฯ) ใช้สิ่อสาร เช่นคำว่า นิรวาณ หรือ ธัมม คำว่า - ไตร น่าจะ บาลี คำว่า - ตรัย น่าจะ สันสกฤติ (ถ้าสลับกัน ติง นะครับ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:25:14

ความคิดเห็นที่ 77 Y10758609 มีหนังสือหลวงพ่อเทียน พอสำหรับอีกสิบท่านครับ JitZungkabuai (23 - 2 ก.ค. 54 21:50) http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10758609/Y10758609.html Y10769166 หนังสือหลวงพ่อเทียน พร้อมส่งพรุ่งนี้ครับ :) JitZungkabuai (7 - 4 ก.ค. 54 15:00) http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10769166/Y10769166.html แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 13:37:28 จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:25:34

ความคิดเห็นที่ 78 ภาษาไทยเท่าที่ผมทราบใช้ปนๆกันทั้งบาลีและสันสกฤต ผมใช้ปนๆกันไปครับ ไม่ทราบเท่าไหร่ว่าคำไหนเป็นบาลีหรือสันสกฤต ขอตัวเลยครับเรื่องนี้ เคยเจอมาครั้งหนึ่งจังๆตอนสูตรมหายานครับ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:33:36

ความคิดเห็นที่ 79 ไม่มีปัญหาครับ พิมพ์เช่นไรก็อ่านเช่นนั้น ไม่มีอะไรมากครับ จากคุณ : -tak- เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:40:36

ความคิดเห็นที่ 80 นั่นๆ  กระทู้เปิดใจ ดีแบบนี้นี่เอง  ได้รู้ว่าลุงโชติตีเทนนิสก็กระทู้นี้แหละ  เอ้   คำถามถึงลุงโชติ ใครอุทานคำว่า "เอ้ - eh" เวลาที่สะใจคะ อิอิ หวังว่านักเทนนิสคนโปรดของลุงโชติจะไม่ใช่ "แอนนา" เหมือนของใครบางคนนะคะ :-) จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 13:48:50

ความคิดเห็นที่ 81 เดาว่า บียอร์น บอร์ก กับ คริส เอฟเวิร์ด ลอยด์ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:09:28

ความคิดเห็นที่ 82 นักเทนนิสคนโปรดผม เช่น "ไมเคิล ชาง" เป็นต้น คุณSmiling-girl  รู้จักไหมครับ ผมตีเทนนิส ด้วย เหตุผล --เพื่อสุขภาพกาย (ที่ไม่น่าจะ ดี เพราะทั้งดื่มเอททิลแอลกอฮอล์ทุกๆ แบบ เช่น เหล้าป่า ใสเป็นตาตั๊กแตนกับ กะปิ หรือ ตะลิงปิง สูบควันทุกอย่างยกเว้น ฝิ่น เฮโรอีน  (ฝิ่นใส่กาแฟ ลองแล้ว) ก่อนมียาไอซ ยาอี โคแคน ฯ แล้ว เลย เอา มาเป็น คู่มือฝึก หายใจออก เข้า ยาว ครับ ********************************************************** ผมไม่ถือว่า เป็นกระทู้เปิดใจ --- ใจ (จิต มโน วิญญาณ)  มัน ไม่ได้ เหมือนประตู ที่เปิดได้ ปิดได้  ตาม ที่ผม เข้าใจ หรือ เหมือน 0 -1 (ดิจิตอล) ถ้าเข้าใจ ที่ตรัสว่า (ความเกิด ความดับ แห่ง สติปัฏฐานสี่) ข้อ ความเกิดแห่ง ธรรม มี เพราะความเกิดแห่ง มนสิการ ความดับแห่งะรรมมี เพราะความดับแห่งมนสิการ คำว่า มนสิการ มันไม่ใช่ จิต หรือ มโน หรือ วิญญาณ "เดี่ยวๆ โดด" มั๊ง มนสิการ  เกิด ทีหลัง  อาการ ที่ตรัส ต่อไ/ปนี้ มั๊งครับ ถ้าบุคคลไม่คิด (เจเตติื)ถึุงสิ่งใดอยู่ ย่อม ไม่ดำริ (ปกัปเปติ)ถึงสิ่งใดอยู่ (เช่น มี สติ ไม่ฟุ้งไปอื่นเมื่อเจริญ 14 จังหวะ แบบที่หลวงพ่อเทียนบัญญัติสอน ที่ผม เคยลอง ทำกับ ภิกาุท่านที่อยู่ที่ชัยภูมิ หลายปีแล้วฯ ---- ขณะเช่นนี้ ไม่ คิด ไม่ ดำริ ใช่ไหมครับ) แต่ ยังมี จิต อนุเสติ (ปักฝังลงไป) ในสิ่งใด --- (สภาวะนี้ ยังไม่ใช่ มนสิการแบบที่ว่าว่ากัน  แต่ มนสิการ แบบ อนุเสติ ไหม?  น่า เพ่งพินิจ --- เสนอแบบนี้ จึง เข้าใจ ???) แต่ ยังมี จิต อนุเสติ (ปักฝังลงไป) ในสิ่งใด สิ่งนั้น (ที่ จิต อนุเสติแล้ว แล้วกำลัง ต่อเนื่องต่อๆๆมา) ย่อมเป้น อารมณ์ เพื่อความตั้งอยู่แห่ง วิญญาณ 3 บรรทัดบน มัน เนื่องกับ  มโนทวาร  ใช่ หรือ ไม่? หรือ เนื่องกับ ทวารหก ก็ได้ ใช่หรือไม่? (มโนทวาร ไม่ใช่ มโน + ตรู  ด นะครับ) ที่เสนอ ตรงนี้ เพื่อ เสนอป่าว่า -- อนุเสติ  อาจจะ เกิดก่อน --- คำว่า จิตส่งออกนอก ฯ เพื่อ เสนอป่าว่า -- อนุเสติ  อาจจะ เกิดก่อน --- คำว่า คำนำหนังสือ แด่เธอผู้รู้สึกตัว(To one that feels) โดยหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ที่ เราเอามาเป้น ปัญญา หรือทิฏฐิของเรา ในขณะที่ หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ  ที่กล่าวคำว่า แด่เธอผู้รู้สึกตัว นั้น  "พ้นวิเศษแล้วจาก "จิต อนุเสติในสิ่งใด (น่าจะ = อตัมมยตามั๊ง) นัุ่นคือ "ผู้รู้สึกตัว" ท่านใด "นั่น" -- มีดวงตาเห็น สัจจะ คือ -- "พ้นวิเศษแล้วจาก "จิต อนุเสติในสิ่งใด "ตรงตามที่ตรัสไว้ ********************************************************** สมัยที่ท่าน หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ยังอยู่  เราก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอท่าน ครั้นเราพร้อมบ้างแล้ว เราก็ไม่อาจเจอท่านเสียอีก เจอแต่ศิษย์ท่าน (รวมทั้ง ท่านพุทธทาสด้วย) ก็ได้แต่ กลับไปทูลถามพระพุทธองค์ ตามกาลอันควร ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:18:01

ความคิดเห็นที่ 83 โหหห   คุณจิตซัง   เล่นรุ่นตำนานเลยเหรอคะ   :-) คนนี้เค้ายังเล่นอยู่นะคะ  ยังไม่แขวนแร็กเก็ตค่ะ   (บอกงี้ ท่านเซนรู้แน่เลยอ่ะ) จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:21:18

ความคิดเห็นที่ 84 บียอร์น บอร์ก  มือหนึ่ง ดังกว่า "ไมเคิล ชาง" (ฮ่องกง มั๊ง) ที่ชอบ "ไมเคิล ชาง" มากกว่า บียอร์น บอร์ก   เพราะ ผมตีไสตล์เดียวกัน  เท้าไม่นิ่ง วิ่งเก็บทุกๆๆๆ ลูก ส่วน เพสหญิง คริส เอฟเวิร์ด ลอยด์  สวย (สมัยนั้น) คุณJitZungkabuai ตีเทนนิส เหมือนกัน หรือครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:27:46

ความคิดเห็นที่ 85 คนนี้เค้ายังเล่นอยู่นะคะ  ยังไม่แขวนแร็กเก็ตค่ะ   ใครครับ?   ผม ห่างเหิน เทนนิสมานานมากกก แล้ว จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:29:19

ความคิดเห็นที่ 86 เคยเรียนตอนเด็กๆ แต่เข็นไม่ขึ้นครับ จะไปตีแต่แบด ลูกขนไก่ วิ่งไปวิ่งมากระโดดเป็นลิง ไม่มีอะไรจะเหมาะยิ่งไปกว่านี้ ตอนหลังนี่ว่ายน้ำ เดินเร็ว ครับ จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:40:13

ความคิดเห็นที่ 87 ไมเคิล ชาง เป็นฮ่องกง สัญชาติอเมริกัน ค่ะ   ตามฐานะเค้าคือ คนอเมริกัน ค่ะ คนที่ร้อง เอ้-eh  ก็คือ  โรเจอร์ เฟดเดอเร่อ ค่ะ  ร้องน่ารักดี ^^ นักเทนนิสสาวรุ่นใหม่ก็มีชื่อมาเรียนะคะ ท่านพรานใหญ่ โชติรพินทร์ น่าจะชอบ   ข้างล่างนี้เลยค่ะ อิอิ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 14:47:55

ความคิดเห็นที่ 88 โดยรวม  ให้ภาพ ดังที่เสนอ แล้ว = สวยน้อย หรือว่า สวย  หรือว่า สวยมาก หรือว่าสุดสวย ก็ตาม ผม ดู แล้ว อายจะ สวนมากแต่สวยแบบ --- สวยแต่รูป แต่ จูบ (ไม่ใช่ต้องแปลว่า เอาปาก มาโดนกันนะครับ อื่นจากปาก ยกไว้) ไม่หอม  (คือ ไม่ ชื่นใจ แบบ ไหน ยกไว้ มันมีหลาย หอม) ทีนี้ ลองแยกส่วนดูว่า  -- ที่ว่าสวยนั้น "ตรงนี้สวยไหม? ภาพที่ ๑ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:17:22

ความคิดเห็นที่ 89 ภาพที่ ๒ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:17:56

ความคิดเห็นที่ 90 ภาพที่ ๓ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:18:38

ความคิดเห็นที่ 91 ภาพที่ ๔ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:19:15

ความคิดเห็นที่ 92 ภาพที่ ๕ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:19:44

ความคิดเห็นที่ 93 ผมว่าแยกแล้วก็ยังสวยทุกรูปครับ เอ่อ ว่าแต่มีรูปถัดจาก ภาพที่ ๕ ลงมาหรือเปล่าครับ จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:51:00

ความคิดเห็นที่ 94 นอกจากแอนนาแล้วก็ชอบสาวหมวยหลี่นา :) รู้สึกว่าแอนนาก็ร้องเสียงดังนะครับบ แหะๆ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 54 15:57:24 จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:53:05

ความคิดเห็นที่ 95 อ่อ..ลืมไป กระทู้และความเห็นของท่านเซ็น ผมอ่านแล้วต้องพิจารณา พิจารณา มหาพิจาาณาเป็นอันมากจึงจะเข้าใจ จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 15:55:23

ความคิดเห็นที่ 96 ท่านเซน เหมือนพวก ฆ่า หั่นศพ ไงก็ไม่รู้     จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 16:05:06

ความคิดเห็นที่ 97 ไม่นะคะ  แอนนาไม่ร้องค่ะ  มาเรียดิ  โหยยย  บางทีถึงกับต้อง mute เสียง   อ่ะ  คนนี้ของศิษย์พี่ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 16:10:01

ความคิดเห็นที่ 98 พอละ  กลับเข้าฝั่ง  ถามท่านเซนต่อดีกว่า   เวลาถูกยั่วยุ หยอกเย้า กวนประสาทที่หน้ากระทู้ ลุงโชติ มีวิธีคุมอารมณ์ยังไงคะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 16:12:10

ความคิดเห็นที่ 99 นี่..ฮีโรของผม พีต แซมพราส ยิ่งใหญ่ตลอดกาล จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 16:12:38

ความคิดเห็นที่ 100 เสียดาย โฟโต้ชอบ ยังพัฒนาได้แค่ ตัดเป็นชิ้นๆ ไม่สมจริงเท่าไหร่ เลือดก็ไม่มี เลยดูยังสวยอยู่ ผมว่าน่าจะมีโฟโต้ช๊อบเวอร์ชั่นแยก ถลกเป็นหนัง เป็นฟัน เป็นไขมัน ๆลๆ ถอดเป็นเนื้อ กระดูก น่าจะปลงได้ว่าไม่สวย อิอิ จากคุณ : อย่ามารู้จัก เดี๋ยวจะหลงรักผม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 54 16:13:12