คำถามแบบนี้ผมผ่านมาเยอะ สมัยยังรุ่นๆจะมีคนมาปรึกษาเรื่องพวกนี้เยอะ เยอะจน... เอ.. นี่น่าจะเก็บเงินกันบ้างนะ ๕๕๕
จะมีำคำพูดแบบนี้แหละ เจอแล้ววูบวาบ เจอแล้วสะท้านใจ ก็ว่ากันไป ใครจะว่าอย่างไรผมก็ไม่ขัด แต่ไอ้และอีคนเดียวกันนี่แหละ ที่มันบอกว่ามันวูบวาบสะท้านใจ มันก็มาปรึกษาเรื่องคนๆเดิมที่มันเคยวูบวาบเสียวซ่านใจ แต่คราวนี้มันบอกว่าไม่วูบวาบไม่สะท้านใจแล้ว แต่มันท้อแท้ใจ มันทุรนทุราย มันกระวนกระวาย มันสับสนอลหม่าน ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น ทำไมเขาพูดอย่างนี้ ทำไมเขาทำกับหนูอย่างนี้ ทำไมทำกับเราอย่างนั้น ทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ทำไมเขาใส่กางเกงในขาบานบ้าง นี่.. มันลงเอยกันอย่างนี้เกือบทุกคน
จะชาติก่อนชาติไหนทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันมาก็ไม่ขัดหรอก จะไปขัดได้อย่างไร ถึงรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ใจเขาคิดว่าใช่ซะแล้ว เถียงไปก็เท่านั้น จะรำคาญใจกันเปล่าๆ จะชาติก่อนเป็นอย่างไร ร่วมเรียงเคียงหมอนมายังไง มันไม่สำคัญเท่าปัจจุบันนี้ มันดีเราก็สบาย มันเลวเราก็ซวย จริงๆแล้วมันจะดีหรือเลวนี่มันก็เป็นเรื่องของมัน แต่ที่สำคัญคือใจเราที่มันอยากให้มันดีหรือเลวนี่แหละที่ทำให้ซวย
จากคุณ |
:
sirnitfi
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ค. 54 07:37:22
|
|
|
|