....
เปรต เป็นผีตามความเชื่อไทย มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญในงานบุญต่างๆ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งจากลักษณะนี้ทำให้คำว่า เปรต กลายมาเป็นคำด่าในภาษาไทยที่หมายถึง คนที่อดอยากผอมโซ เที่ยวรบกวนขอเขากิน หรือเมื่อมีใครได้โชคลาภก็เข้ามาขอแบ่งปัน ความหมายคำว่า เปรต แปลว่า ผู้ตายไปแล้ว ในทางพุทธศาสนาหมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่ที่เกิดในเปตสิสัยซึ่งเป็นอบายภูมิ ๑ ใน ๔ ซึ่งประเภทของเปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต
การทำพลีกรรมแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายว่า เปตพลี หรือ บุพเปตพลี
แบ่งตาม เปตวัตถุอรรถกถาแบ่งได้ 4 ประเภท
ปรทัตตุปชีวิกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ จากอาหารที่มีมนุษย์ให้ เช่น การเซ่นไหว้ เป็นต้น ขุปปีปาสิกเปรต คือ เปรตที่อดอยาก ทุกข์จากความหิวโหยอยู่เป็นนิจ นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ กาลกัญจิกเปรต คือ เปรตในจำพวกอสุรกาย
แบ่งตาม คัมภีร์โลกบัญญัตติปกรณ์ และ ฉคติทีปนีปกรณ์แบ่งได้ 12 ประเภท
วันตาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร กุณปาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินซากศพคนหรือสัตว์ เป็นอาหาร คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระต่าง ๆ เป็นอาหาร อัคคิชาลมุขเปรต คือ เปรตที่มีเปลวไฟลุกทั่วในปากตลอดเวลา สุจิมุขเปรต คือ เปรตที่มีปากเท่าเล็กขนาดเท่ารูเข็ม ตัณหัฏฏิตเปรต คือ เปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียนจนเกิดทุกข์จากความหิวข้าวหิวน้ำอยู่เสมอ สุนิชฌามกเปรต คือ เปรตที่มีตัวดำเหมือนตอไม้ที่ถูกเผา สุตตังคเปรต คือ เปรตที่มีเล็บมือเล็บเท้ายาวและคมราวกับมีด ปัพพตังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายสูงใหญ่เท่าขนาดของภูเขา อชครังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายราวกับงูเหลือม เวมานิกเปรต คือ เปรตที่ต้องเสวยสุขเป็นเทวดาเฉพาะในเวลากลางวัน แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวยทุกข์เป็นเปรตกินเนื้อตัวเอง มหิทธิกเปรต คือ เปรตที่ถวายสิ่งของให้แก่พระสงฆ์ไม่ว่าจะเป็น ช้าง ม้า หรือเกวียน ซึ่งเป็นการถวายเพื่อเอาหน้าแต่ลับหลังขอคืน เมื่อตายไปเป็นเปตรที่ขี่ช้าง ม้า ไม่ก็นั่งเกวียน
แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลีแบ่งได้ 21 ประเภท
อัฏฐีสังขสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่กระดูกติดกันเป็นท่อน ๆ มังสเปสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่เนื้อเป็นชิ้นๆ มังสปิณฑเปรต คือ เปรตที่มีเนื้อเป็นก้อน นิจฉวิปริสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม อสิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์ สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็ม ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ ๒ กุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี สิกขมานเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี
จะเห็นได้ว่า เปรตมีหลากหลายประเภทเลยครับ นั้นทำอะไรก็อย่าทำชั่วก็แล้วกัน เพราะมีโอกาสเกิดไปเป็นเปรตได้เกือบทุกประเภท
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 04:09:55
จากคุณ |
:
สองนิ้วชี้
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ก.ค. 54 04:08:56
|
|
|
|