ความคิดเห็นที่ 1 มีบุญครับ สุขใดเท่าความสงบไม่มี จากคุณ : สระนาฬิเกร์ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:16:12

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงมีคู่   ในบั้นปลายชีวิต  ก็อาจไม่แน่ว่า  จะไม่ได้อยู๋บ้านพักคนชรา มันไม่แน่ มันไม่แน่ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:20:44

ความคิดเห็นที่ 4 ที่บอกว่ารู้ อาจจะรู้ในสิ่งที่ลวง  ที่รู้แต่ปล่อยผ่าน อาจจะรู้ในสิ่งที่เป็นจริง    เหตุปัจจัยในอดีต  ช่างมันเถอะครับ ยึดไปก็ทุกข์       ทำเหตุปัจจัยปัจจุบันให้ดี และ อยู่กับปัจจุบนขณะดีกว่า : ) จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:34:30

ความคิดเห็นที่ 5 คิดว่าเป็นคนมีบุญนะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:48:30

ความคิดเห็นที่ 6 ถามบ้างครับ คนมีคู่ไม่รู้ชาติก่อนสร้างกรรมอะไรมา ชาตินี้จึงต้องมีคู่ครับ จากคุณ : 17247c เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 20:49:11

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีกรรมให้ใช้กับใครมังคะ..... ขันธ์5ของเรา พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าเป็นภาระ เป็นของหนักเน้อ การภาวนาก็เพื่อละอุปาทานการยึดติดขันธ์5นี้ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราแต่ก็ต้องแบกไปจนกว่าจะละสังขาร แล้วประสาอะไรกับขันธ์5ของคนอื่นที่จะเอามายึดเล่าคะ ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์จริงๆค่ะ (ตั้งแต่ความเป็นห่วง ความคิดถึง ความหึงหวง ความพลัดพราก) อนาคตยังมาไม่ถึง เราอาจตายก่อนจะแก่งั่กก็ได้นะคะ คนมีลูกมีหลานเดี๋ยวนี้บั้นปลายก็อยู่คนเดียวเหมือนกันค่ะ(ลูกหลานเขาออกไปทำงานกันหมด) ชีวิตบั้นปลายมันเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆค่ะ (แอบหวั่นอยู่เหมือนกันว่าจะอยู่อย่างไร) ไม่เป็นไร ท่าน จขกท.จองโฮมสเตย์อยู่แถวไหน ถ้าตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่เดี๋ยวไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกันค่ะ555 จากคุณ : หมาชายหาด เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:05:17

ความคิดเห็นที่ 8              ตอบคุณ blue_angle เจ้าของกระทู้  21 ก.ค. 54 20:09:24              ตอบโดยสันนิษฐานว่า              1. ในปัจจุบัน คุณเจ้าของกระทู้อาจไม่ได้เจริญสังคหวัตถุ 4 อย่างเหมาะสมก็ได้              2. ในอดีต คุณเจ้าของกระทู้อาจให้ทานโดยไม่ได้พิจารณา กาลอันควร เช่น              ใส่บาตรตอนเย็น พระภิกษุจึงไม่รับ,              ปรับใหม่เป็นใส่บาตรตอนบ่าย พระภิกษุก็ยังไม่รับ,              ปรับใหม่เป็นใส่บาตรตอนเที่ยง พระภิกษุก็ยังไม่รับ,              ปรับใหม่เป็นใส่บาตรตอนเพล พระภิกษุก็อนุโลมรับบิณฑบาตนั้น แต่ว่าใกล้เลยเวลาจะฉันแล้ว. หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง              เมื่อพระภิกษุเจ็บไข้ ทายกทายิกาไม่ขวนขวายในการถวาย คิลานปัจจัยเภสัช (ยารักษาโรค)              ต่อเมื่อพระภิกษุบรรเทาจากความเจ็บไข้ หรือหายจากความเจ็บไข้ นั้นแล้ว จึงค่อยขวนขวายในการถวายคิลานปัจจัยเภสัช. หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง              ในฤดูหนาว ไม่ได้ขวนขวายในการให้หรือถวายเครื่องป้องกัน ความหนาว จนเมื่อฤดูหนาวล่วงเลยไปแล้ว จึงให้จึงถวาย.              3. อย่างไรก็ตาม คำว่า                   เวลาทำบุญก้อภาวนาขออย่าได้เจ็บไข้ได้ป่วยหนักๆ                   เพราะปั้นปลายจะลำบากเวลาอยู่คนเดียว ไม่มีคนมาดูแล                   อาจจะไปอยู่ homestay บ้านพักคนชรา กับเพื่อนๆ                   ที่ยังครองตัวเป็นโสดเช่นกัน ซึ่งก้อมีจำนวนมิใช่น้อย              แนะนำว่า ควรบริหารอิริยาบถอย่างเหมาะสม ไม่นั่งนานเกินนัก ยืนนานเกินนัก อย่าหักโหมยกหรือถือของหนัก ทะยอยได้ก็ทะยอยถือ บริโภคอาหารพอประมาณ ไม่มากเกินหรือน้อยเกิน.              เมื่อปฏิบัติอย่างนี้ น่าจะมีส่วนในมีสุขภาพแข็งแรงได้จนถึงวัยชรา.              อีกประการหนึ่ง คำว่า เพราะปั้นปลายจะลำบากเวลาอยู่คนเดียว ไม่มีคนมาดูแล              มองในแง่ดีว่า บั้นปลายก็ไม่ต้องดูแลใครๆ ก็ได้เช่นกัน.              อีกประการหนึ่ง บางคนมีทั้งลูกทั้งหลาน ที่พอจะดูแลได้ในวัยชรา แต่ก็น่าจะมีบางคนพึ่งพาได้แต่หลาน ส่วนลูกพึ่งไม่ได้ก็มี. ----------------------------------------------------------------------------------------------------              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔              อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต              สัปปุริสทานสูตร              [๑๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๕ ประการนี้              ๕ ประการเป็นไฉน คือ              สัตบุรุษย่อมให้ทานด้วยศรัทธา ๑                    ย่อมให้ทานโดยเคารพ ๑                    ย่อมให้ทานโดยกาลอันควร ๑                    เป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทาน ๑                    ย่อมให้ทานไม่กระทบตนและผู้อื่น ๑              ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษครั้นให้ทานด้วยศรัทธาแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วย ผิวพรรณงามยิ่งนัก ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล (บังเกิดขึ้น)              ครั้นให้ทานโดยเคารพแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และเป็นผู้มีบุตร ภรรยา ทาส คนใช้หรือคนงาน เป็นผู้เชื่อฟัง เงี่ยโสตลงสดับคำสั่ง ตั้งใจใคร่รู้ ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล              ครั้นให้ทานโดยกาลอันควรแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และย่อมเป็นผู้มีความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์ ในที่ที่ทานนั้นเผล็ดผล              ครั้นเป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทานแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และเป็นผู้มีจิตน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ สูงยิ่งขึ้น ในที่ที่ทาน นั้นเผล็ดผล              ครั้นให้ทานไม่กระทบตนและผู้อื่นแล้ว ย่อมเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และย่อมเป็นผู้มีโภคทรัพย์ไม่มีภยันตรายมาแต่ที่ไหนๆ คือ จากไฟ จากน้ำ จากพระราชา จากโจร จากคนไม่เป็นที่รัก หรือจากทายาท ในที่ที่ทาน นั้นเผล็ดผล              ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปปุริสทาน ๕ ประการนี้แล ฯ              จบสูตรที่ ๘ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=4024&Z=4041                            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=148              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗              สังยุตตนิกาย สคาถวรรค              โทณปากสูตรที่ ๓ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=2631&Z=2656                            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=364              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม              พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)              คำว่า “ สังคหวัตถุ 4 ” http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=สังคหวัตถุ_4 แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html                      เรื่อง                           ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                           การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                           มหาทาน                           ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                           ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                           กาลทาน ๕ อย่าง                           ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                           ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                           สังฆทาน ๗ ประเภท                           ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                           ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                                       เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                           ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔                           อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                           ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖                           ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:09:58

ความคิดเห็นที่ 9 การไม่มีคู่ ไม่ได้เป็นเรื่องอาภัพนะครับ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 21:25:30

ความคิดเห็นที่ 10 แล้ว แต่มุมมอง นะครับ เหมือน คนใน อยากออก คนนอก อยากจะเข้า น่ะ แต่ว่า การมีคู่นั้น ต้องอาศัย ว่า เรายินดี ที่จะสละ อะไร ให้กับ ผู้อื่น ได้ หรือ ไม่ น่ะ ถ้าคุณสละ ได้ เช่น เวลา คุณก็ จะมีโอกาส ที่จะมีคู่ได้ เช่น การสละเวลา ไป เชียร์ เค้า ในเวลาที่เค้า ไปทำกิจกรรม บางอย่าง นี่ ผมพูด ถึงเรื่อง ที่ไม่ ต้องใช้ ทรัพย์สินเงินทองนะ ส่วนเรื่องที่ต้องใช้เงินทอง น่ะ ก็อีกเรื่องหนึ่ง ... ถ้าเราสามารถสละ อะไร หลาย ๆ อย่าง ได้ เพื่อ คนที่เรา มีใจให้ น่ะ รับรอง ได้ ว่า ชีวิตนี้ ไม่ขาดคู่แน่นอนครับ .... อย่างไร ก็ดี หากเรายัง เกิดอยู่  การอยู่เป็นคู่ นั้น ย่อมเป็นธรรมชาติ ของชีวิต น่ะ หากมุ่งหวังจะบรรลุแล้ว การเป็นคู่ อาจจะไม่จำเป็น ก็ดูอย่างพระพุทธเจ้า ก็ได้ ตอนแรก ก็ยังต้องมีคู่เลย เพียงแต่ตอนหลัง ท่านจึง ยอมสละละ ทางโลก มุ่งสู่ทางธรรม น่ะ ... จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 22:09:51

ความคิดเห็นที่ 11 ขอตอบในมุมมองตนเอง "ว่ามีความโชคดี" จากคุณ : เนตังมม เนโสหมสมิ (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 22:54:54

ความคิดเห็นที่ 12 ภิกษุ ท. ! ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองพึงหวังพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน และในสัมปรายภพ ทั้งสองเทียว พึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพฯภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม เจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุกทั้งสองฝ่าย มีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสองเป็นผู้มีศีล และวัตรเสมอกันย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก. จตุกฺก.อํ.๒๑/๘๑/๕๖. จากคุณ : ยัยก้อย เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 23:12:34

ความคิดเห็นที่ 13 มันอยู่ที่ตัวคุณครับ ผมว่าการที่คุณไม่มีคู่มันขึ้นกับความคิดและทัศนคติของคุณเอง ลองเปลี่ยนทัศนคติดูครับ อย่างอื่นมีพร้อมแล้ว ถ้าผู้ชายรู้ว่าตัวตนคุณเป็นยังไง ผมว่าคุณไม่อาภัพคู่แน่นอนครับ คุณอย่างไปเชื่อในเรื่องชาติที่แล้วเลยครับ เพราะคุณมัวเชื่ออยู่ คุณจึงไม่มีคู่ซักที จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 09:29:56

ความคิดเห็นที่ 14 ชีวิตครอบครัวคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า ดูแล้วคุณเองถ้าเจอคนที่ใช่ก็คงโอเค ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้ามีก็คงดีกว่าน่าจะอะไรประมาณนั้น โดยทั่วไปผู้ชายไม่ได้เลือกผู้หญิงลำพังสวยอย่างเดียวเป็นภรรยาถ้าได้แล้วมาเป็นภาระเพิ่ม   แต่คุณมีพร้อมทุกอย่างไม่เป็นภาระกับใครมีคุณสมบัติเบื้องต้นที่ดี  หรือคุณเลือกมากเกินไปหรือเปล่าคะ  หรือถ้าไม่ใช่ก็ต้องค้นหาจุดอ่อนของตัวเอง อย่าเข้าข้างตัวเองเห็นแต่จุดดีไปหมด  ง่ายสุดด้วยการดูจุดแข็งของเพื่อนที่มีแฟนแล้ว ดูว่าคุณขาดอะไรเสริมเข้ามา ขอให้เจอคนที่ใช่นะคะ ชีวิตครอบครัวต้องเสียสละอย่างมาก อดทน ไม่หูเบา ไม่หวาดระเแวง มีเหตุผล ฯลฯ  คุณอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ หรืออยากได้  เมื่อได้อย่าง ก็เสียอย่าง ยกเว้นมีบุญมากถึงจะได้ครบทุกอย่างค่ะ จากคุณ : Tiger Bood เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 11:17:54

ความคิดเห็นที่ 15 แง่ว ทำไมต้องมองว่าการไม่มีคู่เป็นเรื่องไม่ดี หรืออาภัพ เหมือนปมด้อย หาแฟนไม่ได้อะไรประมาณนี้ สำหรับเรา ไม่ใช่ปมด้อยเลยนะ โชคดีซะอีก ไม่มีภาระอะไร ไม่ต้องผูกพันธ์ ก็ไม่ต้องพลัดพราก กังวลอะไรกับตอนแก่ๆ มีคู่ มีลูก ก็ใช่ว่าแก่ๆเค้าจะดูแลเรา ไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งใคร ต่อให้ลูก สามีภรรยา นิสัยดีมากๆๆ ดีเลิศ ช่วยกันดูแลครอบครัว งู้นงี้ แต่ .. คิดบ้างมั้ย วันใดวันหนึ่งอาจเหลือเราเป็นคนสุดท้ายของครอบครัวก็ได้ ใครจะรู้ มีคนที่ต้องจัดงานศพลูกตัวเอง สามีภรรยาตัวเองก็เยอะ สุดท้าย ไหนจะต้องเหลือตัวคนเดียว แถมต้องทุกข์ใจจากการพลัดพราก ของคนในครอบครัวอีก แบบไหนดูอาภัพกว่านี่.. จากคุณ : มามั่ว เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 14:51:11

ความคิดเห็นที่ 16 อนาคตไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ มีคู่หรือไม่มีคู่ ก็ทุกข์เหมือนกันค่ะ คนโสดทุกข์ก็คือ เหงา ไม่ลูกเลี้ยงยามแก่ ส่วนคนมีคู่ ทุกข์คือ..... นับไม่ไหวเลยค่ะ จากคุณ : แมวส้มตาหวาน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 15:06:09

ความคิดเห็นที่ 17 ในยุคสมัยนี้.....การไม่มีคู่ไม่ไช่ชีวิตที่น่าเบื่อเลย โลกเราเต็มไปด้วยการคมนาคม สื่อสาร สิ่งบันเทิงและไม่ับันเทิง สิ่งเหล่านี้สร้างความเพลิดเพลินได้มาก มากพอที่จะทำให้คนยุคนี้ลดความสำัคัญของการหาคู่ไป คุณน่าจะลองนึกดูว่า ที่คุณไม่มีคู่นั้นเพราะ............ 1. เพลินกับชีวิตอิสระ : จนไม่ใส่ใจเรื่องการมีคู่ครอง หรือ.... 2. ต้องการความสงบ : ซึ่งก็นับว่าคุณโชคดีแล้วล่ะ ที่ไม่เพิ่มตัวทำลายความสงบนั้น สรุปว่า ไม่ว่าปัญหาใดๆ ควรพิจารณาสาเหตุในปัจจุบันก่อนสาเหตุในอดีตชาติครับ จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 15:33:12

ความคิดเห็นที่ 18 คิดว่าตัวเองอาภัพ ลองอ่านกระทู้นี้ดูนะคะ ข้อคิดจากน้องชาย ที่ได้รับเงินเดือนครั้งแรกในชีวิต 15000 บาท http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B10789098/B10789098.html#149 จากคุณ : แมวส้มตาหวาน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:04:31

ความคิดเห็นที่ 19 บางที การมีการศึกษาดี  การงานดี หน้าตาดี นั่นแหละครับ ทำให้ผู้ชายไม่กล้าเข้ามาครับ  เพราะนึกว่า มีคู่อยู่แล้ว จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:50:29

ความคิดเห็นที่ 20 คิดว่าในนิพพานจะมีคู่ไหมล่ะครับ จะอาภัพไหมครับ หวังว่าจะเข้าใจนะครับ จากคุณ : Windows X เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:12:16

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ารวยแล้วโสด ผมว่าสุดยอดนะ เราไม่มีอะไรให้กังวล อิสระ มีเวลาใช้เงิน คล่องตัวออก เราอย่าไปคิดว่าเป็นกรรม มองว่าเรามีโอกาสมีคู่ แต่เราเลือกที่จะโสดดีกว่า จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 21:40:50