ความคิดเห็นที่ 1 ...      กล่าวได้ถูกต้องครับ ตามอริยสัจสี่ คือ ต้องค้นพบวิธีการดับทุกข์ก่อน จึงจะ ลงมือปฏิบัติ หากยังไม่รู้ว่า สมาธิ ต้องเกิดมาจากปัจจัยอะไรบ้าง แต่ลงมือปฏิบัติก่อน โดยหวังว่าวันหนึ่งจะต้องสำเร็จโดยความพากเพียร และคิดว่าฟ้าจะเห็นใจ เป็นความคิด ที่ผิดครับ เพราะยิงธนูไปในความหมืด ไม่เห็นเป้าหมาย      ผู้ที่ฝึกสมาธิใหม่ จึงจำเป็นต้องรู้นิยามของคำว่าสมาธิก่อน และต้องรู้วิธีการ ปฏิบัติซึ่งได้มาของสมาธิก่อน จึงจะลงมือปฏิบัติครับ       สมาธิ หมายถึง การมีสติต่อเนื่องอยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้น หากภาวนาพุทธ-โธ พร้อมกับ รู้ลมหายใจเขัาออก อย่างนี้ถือว่าเป็นสองอารมณ์ครับ ในตอนเริ่มต้น ขณะที่ จิตยังฟุ้งซ่านอยู่ อาจจะต้องมีคำภาวนา หรือการเพิ่มจำนวนสติ เพื่อให้จิตไม่ฟุ้งซ่านนั้น ถูกต้องครับ คือมีสติในหลายอารมณ์ เช่น คำภาวนากับรู้ลมเข้าออก แต่เมื่อรู้ว่า ความ ฟุ้งซ่านหายไปแล้ว ก็ต้องโฟกัสจิตลงไปในอารมณ์เดียว คือลมหายใจเท่านั้น เป็นต้น ครับ หากต้องการเข้าสู่สมาธิขั้น อัปปนา ก็ต้องกำหนดจุดรวมจิตบริเวณส่วนหนึ่งส่วนใด ของร่างกาย ให้รู้สึกเพียงตรงจุดนั้นที่เดียว จิตที่กระจัดกระจายอยู่ ก็จะวิ่งไปรวมตัวที่ ตำแหน่งนั้น เกิดภวังค์ขึ้น เป็นต้นครับ                                                                                                             ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 08:01:29

ความคิดเห็นที่ 2 ผมคิดอีกอย่างครับ ถ้าจะปฏิบัติกันจริงๆ ให้หลีกๆอภิธรรมไว้ก่อนเลย ให้สนใจพระสูตรเทียบกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนและวิสุทธิมรรคเป็นแนวทางปฏิบัติ และเอาจริงๆนะ ไม่ต้องรู้อะไรมากจะทำได้ดีด้วย ที่ผมกล่าวอย่างนี้ก็เพราะว่า ตอนสมัยเด็กผมฝึกสมาธิแบบไม่รู้เรื่องห่านอะไรเลย รู้แค่ว่า ลมหายใจเข้าภาวนาว่าพุท ลมหายใจออกภาวนาว่าโธ ผมรู้แค่นี้แหละ ผมไปลิ่วๆเลย พอว่างจากอารมณ์อื่นเมื่อไหร่จิตนึกจะนับลมหายใจเมื่อไหร่ก็ได้ทันที อยู่อย่างนั้นจนไปหาอารมณ์อื่นไม่ได้เลย แต่เมื่อโตขึ้นด้วยความโง่ก็เลยทิ้งเรื่องนี้ไปนาน เจ้าตำรับตำรา เป็นนักปาดซ้ายปาดขวา พอจะกลับไปทำสมาธิก็ไปนั่งอ่านตำรา อ่านจนพอทำสมาธิก็ไปนั่งดูว่าตรงนี้ยังไงถึงไหนแล้วนะ จิตไปจับอย่างนั้นอย่างนี้ ฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ คิดเองเออเอง จิตไม่เป็นสมาธิ แต่คิดว่ารู้ซะแล้ว คิดว่ารู้มาก แต่จริงๆแล้วไม่ได้อะไรเลย พอดีได้คำเตือนแนะนำมาจากครูบาอาจารย์ว่า ทำกรรมฐานให้ได้ดี ขอให้ทำแบบโง่ๆ อย่าไปอวดรู้อวดดี รู้มากมันปรุงแต่ง เลยไม่เจอของดีจริงๆสักที ก็ลองทำแบบโง่ๆดู ก็พบว่าอารมณ์มันเหมือนตอนเด็กอีกครั้ง จิตใจดีกว่าเดิมมาก ตรวจสอบอารมณ์ไปมาพบว่าตอนเด็กอารมณ์ดีกว่านี้อีก เห็นความธรรมดามากกว่าตอนนี้มาก แต่ขี้เกียจเล่านะ ศึกษาไปเรื่อยๆพบว่า ศึกษาจากพระสูตรพระพุทธเจ้าท่านก็สอนพอเข้าใจอยู่ ท่านไม่สอนอะไรมาก ท่านไม่เห็นสอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้วุ่นวาย วิธีปฏิบัติวิสุทธมรรคท่านอาจารย์ก็รจนาได้เหมาะสม แต่ผมว่า ผมไม่ใช่แบบอย่างอะไรของใครนะครับ ถ้าคิดว่าอ่านอภิธรรมแล้วดี ผมไม่ขัด เพราะนั่นก็พระไตรปิฏก (ผมก็อ่าน) แต่ขอสักทีเรื่องคิดว่าบุญน้อย นิพพานชาตินี้ไม่ได้ อย่าไปตัดรอนความดีของตัวเองอย่างนั้น ถ้าคิดว่าไม่ได้ จะไม่มีทางได้ (และถามจริงๆ คิดอย่างนี้มากี่ชาติแล้ว) แต่ถ้าคิดว่าได้ มันอาจจะมีทางได้ เราอาจจะตายได้ภายในวันนี้ ทำสมาธิทำความดี รีบๆทำครับ แต่อย่าไปทำแบบสุดโต่งสองอย่างก็แล้วกัน จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 08:01:46

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบอกก่อนน่ะครับว่าผมก็ยังไม่ได้ปฏิบัติอะไรซักเท่าไหร่ ด้วย เหตุ ที่ บ่วง ยังผูกติดกับตัวเยอะ (เอาออก ยาก) เหตุ  ตาม ที่เสนอ แล้ว อาศัย "อะไร" "ที่เนื่องกับ เหตุ ดังกล่าว" ตั้งกระทู้ว่า ---"อยากจะแนะนำอย่างนี้น่ะครับผู้ที่จะทำสมาธิ หรือ ศึกษาการทำสมาธิ " ********************************************************** อ้อ --- เสนอคือ --- แนะนำให้ ศึกษา พระอภิธรรม ก่อนครับ (๑) พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์  ปิฎกหนึ่งแห่ง พระไตรปิฎก  ใช่ไหมครับ (๒) ทราบหรือไม่ว่า "ใช้เวลา กี่ปี" เพื่อ เรียน + ทรงจำ "พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ " ? (๓) ทราบหรือไม่ว่า " นักอภิธรรม ผู้เรียน พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ "  ----ท่านใด " เมื่อเรียนจบแล้ว  --- ก็ "เจริญ สมาธิ ตามพระสูตรนี้"                                           พระบาลี ปญฺจก อํ 22/25/27 สมาธิของผู้มี สติ ปัญญา รักษาตน ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเจริญสมาธิ มีคุณอันไม่มีประมาณ เป็น ผู้ มี ปัญยา รักษา ตน มีสติ เฉพาะหน้า  อยู่เถิด ฯ เมื่อ เธอเจริญ สมาธิ มีคุณอันไม่มีประมาณ เป็นผู้มีปัญญา รักษาตัว มีสติเฉพาะหน้าอยู่ ญาณ  ๕ ประการ  (ญาณ  ไม่ใช่ ฌาน) ย่อมเกิดขึ้น  เฉพาะตน นั่นเทียว (๑) ญาณ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว  ดังนี้ว่า สมาธินี้ ให้เกิด สุขในปัจจุบนด้วย มีสุขเป็น วิบาก ต่อไปด้วย (๒) ญาณ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว  ดังนี้ว่า สมาธินี้  เป็นธรรมอันประเสริฐ   ปราศจากอามิส (๓) ญาณ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว  ดังนี้ว่า สมาธิ นี้  คนชั่ว คน ถอ่ย  เสพ ไม่ได้ (๔) ญาณ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว  ดังนี้ว่า สมาธินี้ รำงับ ประณีต ได้แล้วด้วย  ปฏิปัสสัทธิ ถึงทับแล้ว ด้วย เอโกทิภาวะ ---- จิตมีธรรม  อันเอก ไม่ใช่บรรลุได้ เพราะ ข่มขี่  และ การห้ามด้วย สสังขารธรรม (๕) ญาณ ย่อมเกิดขึ้นเฉพาะตนนั่นเทียว  ดังนี้ว่า เรามี สติ  เข้าถึง สมาธินี้  มี สติ ออกจากสมาธินี้ ----- ********************************************************* แล้ว เจริญ สมาธิ ตาม พระบาลี ปญฺจก อํ 22/25/27 นั้น เจริญ สมาธิ ตาม พระสูตรไหน? (๑) อานาปานสติสูตร -- วัตถุ ๑๖ หรือ เจริญ สมาธิ ตาม (๒) ที่ตรัส อานาปานสติสมาธิ เป็นธรรมอันเอก คือ สมาธิ ที่เจริญ ตามพระสูตรไหน? หรือ เจริญ สมาธิ ตาม (๓) แบบ ที่ สาวก ใดนั้น -- บัญญัติสอน + อ้าง พระพุทธวจนะใดนั้น (แต่ ไม่อ้าง ที่ตรัสคำว่า --- ฉินน ปิโล ติโก --แปลจากความจำคือ --อันตถาคต เฉือนขี้ริ้วทิ้งออกให้หมดแล้ว หรือเจริญ สมาธิ ตาม (๔) อยู่ๆ  ก้ ค้นพบ  สมาธิ วิชา ธัมมกาย ฯ หรือ ฯลฯ **********************************************************                                                    สรุป คุณโอ๊ตอ่าน่ะ   อาสัย ความรู้ อะไร + อ้างอิง องค์ความรู้่ ของท่านใด  (ไม่ใช่ คิดนะครับ) เป็น พื้นฐาน  ในการ เสนอว่า --- --- อยากจะแนะนำอย่างนี้น่ะครับผู้ที่จะทำสมาธิ หรือ ศึกษาการทำสมาธิ + แนะนำให้ ศึกษา พระอภิธรรม ก่อนครับ -- ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 08:17:13

ความคิดเห็นที่ 4 รู้มากยากนานนะครับท่าน ,รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม แต่จะกลายเป็นว่าแบกไว้ตลอด ไม่ยอมเอาลงสักทีนะครับ ท่านเซนฯ เสนอ แบบ เบรค ไม่มี ABS เลยนะครับท่าน แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 08:25:07 จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 08:20:49

ความคิดเห็นที่ 5 ท่านเซนฯ เสนอ แบบ เบรค ไม่มี ABS เลยนะครับท่าน ********************************************************** ในฐานะเคย แต่งรถวิ่ง ในอดีต มาบ้างแล้ว ฯ เบรค ไม่มี ABS ----- ย่อมทำให้ ระยะเบรก ยาวกว่า เบรกมี ABS (เพราะ ล้อล๊อคตาย ไถลไป) ดังนั้น ผล ที่เกิดจาก เบรค ไม่มี ABS  -- ย่อม "เสียหายมากกว่า" เบรก ที่มี ABS  (ใช่หรือไม่ ท่าน ศึกษาเอง  ตาม กาลามสูตร  ครับ)                                                ดังนั้น                                            ที่ผมเสนอ ฯ                         น่าจะ =  เสนอ แบบ เบรก ที่มี ABS ครับ กล่าวคือ ข้อความที่ผมเสนอ = "เบรก" (แล้ว น่าจะ เป็นเบรก แบบ (๑) จานเบรกเป็น เซรามิค ไม่ใช่เหล็กหล่อ + (๒) ผ้าเบรกที่ สมพงษ์กับ จาน และ (๓) ยาง  --- เช่น ชุดที่ F 1  ใช้ กัน ฯ) ส่วน "ABS" ---- คือ พระพุทธวจนะใดนั้น ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา  (ไม่ ปฏิเสธ อื่นจากนี้  แต่ อย่าเพลิน เอามา บดบังฯ) --ตาม สำนวนภาษาที่ผม อ้าง นั้น ********************************************************** หมายเหตุ ผมมี สหายธรรม  ที่ ศึกษาทั้ง พระอภิธรรมปิฎก  และ อภิธัมมัตถสังคหะ "ไม่ใช่เพียง ๑ ท่าน" เท่านั้น สหายธรรม คือ เรา ต่าง อาสัย การตรัสรู้ของพระบรมศาสดา พระองค์นี้ เหมือนๆ กัน อีกทั้ง สหายธรรม "บางท่าน" (ที่ไม่ นิยม อภิธรรม) -- มีลีลา "ไม่เห็นด้วยกับ สหายอภิธรรมของเขา ที่เข้าใจ ธรรม เรื่องใดนั้น" -- เช่น ภวังคจิต -- เขา เสนอว่า คือ จิต ที่ยังไม่ อะไรๆ กับอารมณ์ ฯลฯ แต่ ภวังคจิต -- นักอภิธัมมัตถสังคหะ -- กำหนด ตาม ตำรา แป๊ะๆๆๆๆ ส่วนผม อ้าง พุทธประวัติ คือ ตอน 7 ขวบ เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงได้ ปฐมฌาน ภวังคจิต  ผม จึง เสนอว่า คือ  จิตที่เป็นองค์แห่งภพ (กามภพ รูปภพ อรูปภพ) -- ไม่ ควร กำหนว่า คือ จิตที่ยังไม่เนื่องกับ อารมณ์ และคือ จิตแรกสุด (ตาม วิญญาณกิจ ๑๔ ใน วิสุทธิมัคค์)  คือ จิต ๑๙ ประเภท (ปฏิสนธิ - ภวังค์ -จุติ) ---- ที่ เกิดในครรภ์มารดา (กามภพ) แห่ง ชาตินี้ (ชาติแบบวิสุทธิมัคค์  ที่อธิบายปฏิจจสมุปบาท แบบ อัทธา ๓   ฯ) ภวังคจิต แบบ ที่ีผม เสนอ --- จิตเป็นองค์แห่งภพ --- ในกรณีที่อ้าง เจ้าชายสิทธัตะ ตอน7 ขวบ ได้ ปฐมฌาน หรือ รูปาวจรจิต (โลกียจิต เพราะยัง ไม่ สิ้น สังโยชน์ ๑๐ = โลกุตตระ) นั้น --- จึง ต่างไปจาก ภวังคจิต  ๒ แบบ ดังกล่าว ---- ถามว่า   ที่ผม เสนอ ความหมาย ของ ภวังคจิต (ตาม พยัญชนะ คือ ภว + องค์ + จิต = ภวังคจิต) นั้น + อ้างอิง + พรรณาความ หรือ ตีความก็ตาม = ผมเสนอแบบ (๑)  เสนอ แบบ เบรก ที่มี ABS หรือว่า (๒)  เสนอ แบบ เบรก ที่ไม่มี ABS ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 09:25:41

ความคิดเห็นที่ 6 แบบนี้คนอ่านหนังสือไม่ออกก็ลำบากต่างเชื้อชาติต่างภาษา แยกออกก่อนดีกว่าครับ ระหว่างปัญญาในกับปัญญานอก ศึกษาอภิธรรมเป็นเพียงปัญญานอก การปฏิบัติเพื่อให้เกิดปัญญาในเพืี่อให้เห็นธรรมชาติของจิตจะได้รู้เท่าทัน ให้รู้อภิธรรมแตกฉานยังไงถ้าปฏิบัติไม่จริงจัง ก็โดนกิเลสเล่นงาน เข้าไม่ถึงธรรม การปฏิบัติต้องวางทั้งหมดถึงจะรู้ไม่รู้อภิธรรมก็ตาม แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 10:59:15 จากคุณ : 17247c เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 10:51:44

ความคิดเห็นที่ 7 คห 5 อ่านแล้วขำครับ ได้ความรู้อีกแล้ว จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 11:30:21

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบคุณ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) ผมอ้างอิงอย่างนี้ครับ ผมจำได้ถึงว่า ผมอ่านเรื่อง ของภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อบวช เนี้ย ท่านเป็นคนมีปัญญามามาก เรียนอะไรรู้ไวไปหมด คือประมาณว่า เก่งอะน่ะครับ พอบวช ในสำนักของภิกษุรูปหนึ่ง ท่าน เจ้าสำนักเนี้ย ท่านให้เรียน พระอภิธรรมก่อน บังเอิญ ว่าท่าน ก็ตั้งใจเรียนอะน่ะครับ แต่ท่านก็คิดในใจว่า เราเป็นผู้มีปัญญามาก ทำไมถึง ไม่ให้ฝึกสมาธิ ก่อนไปเลย จะได้จบ ไวๆ ได้นิพพานไวๆ  แต่ท่านก็ทำได้ครับ ศึกษาตามที่อาจารย์ บอก ถามว่าทำไมต้องอภิธรรมก่อน อภิธรรมนั้น ไม่ใช่ สัก 7 คัมภีร์ อย่างเดียวน่ะ มีเยอะกว่านี้ แต่ทำไมต้อง อภิธรรมก่อน เนี้ยแหละปัญหา เก่งแล้วไม่ศึกษาได้มั้ย (ตัวผมเองตอบไม่ได้) ส่วนตัว 7 คัมภีร์ เนี้ย มันจะบอกถึง กรรมที่เป็นกุศล กรรมที่เป็นอกุศล และ กรรมที่เป็นอัพยากฤต คือ กรรมที่ไม่ก่อให้เกิด กุศลและอกุศล ส่วนตัวนี้ท่านคงจะศึกษามามากพอ ผมจะไม่อธิบายลึกน่ะครับ มันเป็นอย่างนี้น่ะครับ การจะเข้าให้ถึงนิพพาน ไม่ใช่ผมตัดทิ้งทีเดียวในชาตินี้ แต่ผมเน้นทำไปเรื่อยๆครับ เป็น ขั้นเป็นตอน เรื่อยๆ ไม่รีบ ถึงไม่ถึงช่างมัน สะสมบุญ ไปเรื่อยๆครับ ส่วนที่จะศึกษา พระอภิธรรมนั้น ผมให้ศึกษาอย่างนี้ เรื่องเรื่องที่เหมาะกับตัวเอง แค่นั้นครับ อย่างไปศึกษามันทั้งเล่ม ถ้าศึกษามันทั้งเล่มทีเดียวจบเลย ก็ แย่ ครับ ส่วนเจ้าสำนักที่ว่าเนี้ย ท่านเป็นพระอรหันต์ ผม จำชื่อ ของ ท่านไม่ได้ ทั้งสองท่านเลย ด้วยที่ว่าง บ่วง ของผมตอนนี้คือ ศึกษา ศิลปการดำเนินชีวิต(ไม่แน่ใจว่าใช้คำถูกหรือเปล่า) อธิบายง่ายคือ เรียน หนังสือ นั้นแหละครับ เรียนเพื่อไปประกอบอาชีพ ต้องดูแล พ่อ แม่ ยัง แยกออกจาก ท่านไม่ได้ เพราะห่วงนั้นแหละ  เพราะพ่อแม่ผมนั้น ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองมากมาย เหมือน เจ้าชายสิทธัตธะ ที่ หนี บวชได้เลย ไม่ต้องสนใจใคร ส่วนตัวองค์ความรู้ ใครรู้มากรู้ น้อยก็ว่ากันไปครับ อันนี้ แบ่งให้ไม่ได้ เพราะเป็น สิ่งที่รู้เฉพาะตน จากคุณ : โอ๊ตอ่าน่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 12:34:19

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบ คุณ17247c แต่ก่อนนี้ ก็ ศึกษาจาก ปากต่อปากครับ ถ้าท่านใดไม่รู้หนังสือ ก็ จะได้เรียนหรือศึกษาจากคนที่รู้หนังสืองัยครับ ตัวเนี้ยแหละที่สำคัญว่าทำไมถึงต้อง อภิธรรมก่อน ถ้าเรานั่งสมาธิทีเดียวเลย จะรู้อะไรมั้ยละครับ ผมตอบได้เลยว่าไม่รู้แน่ ขนาดว่าพระอรหันต์ ยังไม่รู้ทุกเรื่องเลยครับ เพราะท่าน ไม่ใช่ สัพพัญญู ที่จะรู้เรื่องไปหมด เหมือนดัง พระพุทธเจ้าของเรา แล้วถ้าไม่มีใครศึกษาตัวอภิธรรมเลย ทำงัยทีนี้ ก็ จะไม่มีใครรู้ว่า กรรมแบบใหน ที่ก่อ ให้เกิด กุศล และ อกุศล งัยครับ (ในความคิดของผมน่ะจึงจำเป็นมากที่จะต้องเรียนเรื่องนี้ก่อน เพราะเมื่อนนั่งสมาธิไป เกิด นิมิต เราจะรู้ไหมว่า นิมิตที่เห็นเนี้ย เป็น กุศลหรือ อกุศล เพราะถ้าไม่รู้ จะแยกไม่ออกงั้ยครับ) จากคุณ : โอ๊ตอ่าน่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 12:42:37

ความคิดเห็นที่ 10 ตกลงจะเป็นพระอรหันต์ หรือจะรู้ทุกเรื่อง จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 13:15:52

ความคิดเห็นที่ 11 ....          เจอปริยัติของท่านเซนฯเข้าไป ไปไม่เป็นเลยที่นี้ แม่นจริงๆ                                                                                             ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 13:34:58

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเข้าใจว่าการฝึก นั่งสมาธิ เพื่อจะให้สำเร็จบรรลุได้มรรค ได้ผลนั้นยาก ก ก ครับ เพราะมักจะหลงไปทางฤษีกันเป็นส่วนมาก  ทางที่ถูกน่าจะเป็น จรณะ ๑๕ ที่ประกอบไปด้วย ศีลสัมปทา เป็นเหตุ(Input) + อปัณณกปฏิปทา ๓ เป็นนิทาน(Process) + สัทธรรม ๗ เป็นสมุทัย(Output) + ฌาน ๔ เป็นปัจจัย(Out come) พระไตรปิฎก อัมพัฏฐสูตร เล่มที่ ๙  ข้อที่ ๑๖๓-๑๖๗ ซึ่งจะได้ผล(Impact) ออกมาเป็น   วิชชา ๘ ที่จะพาให้บรรลุธรรมได้โดยไม่หลงไป เป็นสมาธิแบบฤษี วิชชา ๘ แบบพุทธ ในปัจจุบันคุณจะหาฟังที่ใหนได้บ้าง ที่จะไม่โดนกลบด้วย อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์พระไตรปิฎกเล่ม ๙  ข้อ ๑๒๗ - ๑๓๘ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 13:35:35

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 10     ตกลงจะเป็นพระอรหันต์ หรือจะรู้ทุกเรื่อง จากคุณ : sirnitfi   เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 13:15:52 --------------------------------------------------------------------------------- แหม๋ คุณก็พูดไป ถ้าผมเลือกได้ ก็อยากจะรู้ทุกเรื่องนั้นแหละ แต่อยู่ที่ว่า รู้แล้ว ก็ ไม่ใส่ใจมันมากไงครับ เพราะ มัน ไม่เป็นสาระ จากคุณ : โอ๊ตอ่าน่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 13:41:57

ความคิดเห็นที่ 14 แม่น เหมือนจับวางเนาะท่าน เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) จากคุณ : โอ๊ตอ่าน่ะ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 13:47:47

ความคิดเห็นที่ 15 ก็ว่ากันไป จากคุณ : 17247c เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 15:14:40

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาขำคุณโชติกับคุณโอ๊ต 555 อ่านคหคุณโชติแล้วเราก็คิดว่าเป็นการเบรกไม่ใช่การ กระตุกเหมือนกระทู้อื่นๆ มาเจอคหคุณโอ๊ตเรื่องเบรก คุณโชติคะ เรายังไม่เข้าใจเรื่องภวังคจิตที่คุณโชติพูดถึงอะ ที่คุณโชติบอกเป็นจิตดวง แรก ที่เพิ่งอ่านมา ก็ปฏิสนธิจิตไม่ใช่เหรอคะ ภวังคจิต  ผม จึง เสนอว่า คือ  จิตที่เป็นองค์แห่งภพ (กามภพ รูปภพ อรูปภพ) -- ไม่ ควร กำหนว่า คือ จิตที่ยังไม่เนื่องกับ อารมณ์ และคือ จิตแรกสุด (ตาม วิญญาณกิจ ๑๔ ใน วิสุทธิมัคค์)  คือ จิต ๑๙ ประเภท (ปฏิสนธิ - ภวังค์ -จุติ) ---- ที่ เกิดในครรภ์มารดา (กามภพ) แห่ง ชาตินี้ (ชาติแบบวิ สุทธิมัคค์  ที่อธิบายปฏิจจสมุปบาท แบบ อัทธา ๓   ฯ) ข้อความข้างบนของคุณโชติแย้งกันหรือเปล่าคะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 20:23:50 จากคุณ : คุณป้าจำเป็น เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 20:23:17

ความคิดเห็นที่ 17 คุณป้าจำเป็น เข้าไปดูที่นี่ครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10845553/Y10845553.html จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 20:33:16

ความคิดเห็นที่ 18 คคห 8 (๑) ผมจำได้ถึงว่า ผมอ่านเรื่อง ของภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อบวช เนี้ย ท่านเป็นคนมีปัญญามามาก เรียนอะไรรู้ไวไปหมด ครับ ไม่มี ชาวพุทธใด ไม่อ้างอิง หลักฐานฯ และหลักฐานนั้น ห้มี หลายชั้น เช่น หลักฐานชั้น ปฐมภูมิ (พระพุทธวจนะแปลไทย) หลักฐานชั้น ทุตยภูมิ (เช่น อรรถกถา ที่แปลที่ลังกา สมัยราวๆ พ.ศ. 900 ฯ) หลักฐานชั้น ตติยภูมิ ฯ รวมทั้งหลักฐาน  ที่ อ้าง "วาทะกรรม ใดนั้น"  เช่น คำว่า ภาษาของนักปฏิบัติ ฯ (๒) กระทู้ --- อยากจะแนะนำอย่างนี้น่ะครับผู้ที่จะทำสมาธิ หรือ ศึกษาการทำสมาธิ ตกลง ความอยาก แนะนำ ที่สำคัญว่า เป็น ฝ่ายกุสล (ที่เนื่องด้วย -- ขอบอกก่อนน่ะครับว่าผมก็ยังไม่ได้ปฏิบัติอะไรซักเท่าไหร่ ) --- ท่าน จขกท "รับชอบ อย่างเดียว หรือครับ" เมื่อ มี มุมมอง ต่าง  เสนอเข้ามา ฯ จึง เสนอว่า -- ดัุง พรรณาความ ตาม คคห 8 ฯ                   ตกลง คำว่า -- แนะนำให้ ศึกษา พระอภิธรรม                                              อภิธรรม ใดครับ (๑) อภิธรรม ๗ คัมภีร์   ที่ มีมาก่อน อภิธัมมัตถสังคหะ (น่าจะหลายพันปี) หรือว่า (๒) อภิธัมมัตถสังคหะ  ที่ เกิดที่ลังกา โดยภิกษุลังกา คือ พระอนุรุทธาจารย์ (ราวๆ พ.ศ.1200) แล้ว ไม่ว่า จะ เสนอ อภิธรรม ใด ก็ เนื่องกับ "ข้อความ" --- คุณโอ๊ตอ่าน่ะ   อาสัย ความรู้ อะไร + อ้างอิง องค์ความรู้่ ของท่านใด  (ไม่ใช่ คิดนะครับ) เป็น พื้นฐาน  ในการ เสนอว่า --- --- อยากจะแนะนำอย่างนี้น่ะครับผู้ที่จะทำสมาธิ หรือ ศึกษาการทำสมาธิ + แนะนำให้ ศึกษา พระอภิธรรม ก่อนครับ -- ครับ สรุป คุณโอ๊ตอ่าน่ะ  สื่อสาร แล้ว ตาม กระบวนทัศน์ ใดนั้น ผม ฯ ก็ สื่อสารแล้ว  ตามกระบวนทัศน์ใดนั้น เราต่าง สื่อวาร ใน กระดานสาธารณะ  ที่มี สโลแกนว่า -- เพื่อสังคมออนไลน์ คุณภาพ คุณภาพ --- น่าจะมี หลาย คุณะ แห่ง ภาวะ นั้น  --- มิใช่หรือครับ ใช่ไม่ใช่  ท่าน ควร ต้อง สามารถ กำหนด ได้เอง มิใช่หรือ + ไม่ประมาท ว่า พระพุทะเจ้า  ยังทรงยังอยู่ "ด้วย" ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 08:16:50

ความคิดเห็นที่ 19 "มีปัญญามาก จึงให้เรียน อภิธรรม ก่อน" แล้ว ถ้าปัุญญา น้อย อย่างผม ก็ไม่ต้อง เรียน อภิธรรม ก่อน ใช่ หรือไม่ครับ เน้น ครับ เพราะ มี "ปัญญามาก" จึง ให้เรียน อภิธรรม ก่ีอน นั้น ไม่ หมาย เอา หรือว่า ถ้า โง่ นัก ก็ ไม่ต้องเรียนหรอก อภิธรรม นะ แบบนี้ หรือ เปล่า ครับ ท่าน จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 25 ก.ค. 54 18:54:47