Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"ความจนเงินทองเป็นเรื่องเล็ก ความจนปัญญาเป็นเรื่องใหญ่" ติดต่อทีมงาน

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้เราให้ความสำคัญกับทางธรรมมากกว่าทางโลกในทุกกรณี บางท่านอาจจะท้อใจ น้อยใจว่าเรามีเงินทองเล็กน้อย มียศมีลาภไม่้เท่าคนอื่น แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทรัพย์แท้ เพราะไม่เป็นสาระแก่นส่าร เราไม่ต้องแคร์  สิ่งที่ควรแคร์ให้มากที่สุด ณ วินาทีนี้ก่อนที่จะหมดชีวิตลงคือ


            [๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมญาติมีประมาณน้อย(หมายถึงเป็นของเล็กน้อย) ความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย

            [๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยญาติมีประมาณน้อย ความเจริญ
ด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจะเจริญโดยความเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล ฯ

            [๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมแห่งโภคะ(ทรัพย์สมบัติ)มีประมาณน้อย ความเสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ฯ

            [๘๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล ฯ

            [๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมยศมีประมาณน้อย ความเสื่อมปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ฯ

            [๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยยศมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ

            [๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ เหมือนความประมาท ดูกรภิกษุทั้งหลายความประมาท ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่ ฯ


************************

คำอธิบายพระพุทธดำรัสตอนนี้บางส่วนจากอรรถกถา

              อรรถกถาสูตรที่ ๗              
             
              ได้ยินว่า บรรดาภิกษุสงฆ์ผู้นั่งประชุมกันในโรงธรรม บางพวกกล่าวอย่างนี้ว่า ตระกูลชื่อโน้น เมื่อก่อนมีญาติน้อย พวกน้อย บัดนี้ตระกูลนั้นมีญาติมาก มีพวกมาก หมายเอาตระกูลนั้น จึงกล่าวอย่างนี้แล.
              คือ หมายถึงนางวิสาขาอุบาสิกาและเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลี.

              พระศาสดาทรงทราบวาระจิตของภิกษุเหล่านั้นจึงเสด็จมาโดยนัยก่อนนั่นแล ประทับนั่งบนธรรมาสน์ ตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร?
              ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบตามความเป็นจริงแล้ว.
              พระศาสดาทรงเริ่มพระสูตรนี้เพื่อเหตุเกิดเรื่องนี้.

              บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปฺปมตฺติกา ความว่า ชื่อว่าน้อย เพราะไม่มีผู้อาศัยสมบัตินั้นแล้ว ถึงสวรรค์หรือมรรคได้.

              บทว่า ยทิทํ ปญฺญาวุฑฺฒิ ได้แก่ ความเจริญแห่งกัมมัสสกตปัญญาเป็นต้น.
              บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะชื่อว่าความเจริญแห่งญาติเป็นเพียงปัจจุบันเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สามารถให้ถึงสวรรค์ หรือมรรคได้.
              บทว่า ปญฺญาวุฑฺฒิยา ได้แก่ ด้วยความเจริญแห่งปัญญามีกัมมัสสกตปัญญาเป็นต้น.
              จบอรรถกถาสูตรที่ ๗          


(ในเรื่องของยษและทรัพย๋สมบัติก็ีีมีเนื้อหานัยเดียวกันนี้)
   
**************************

คัดลอกจาก
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=291&Z=331&pagebreak=0

แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 08:08:22

จากคุณ : Serene_Angelic
เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 08:07:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com