Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตปุสสะ ภัลลิกะ เอตทัคคะในฝ่ายผู้ถึงสรณะก่อน ติดต่อทีมงาน

http://www.youtube.com/watch?v=J1oXq8lAccI

เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณใหม่ๆ
ณ ภายใต้ร่ม
พระศรีมหาโพธิ์แล้ว ประทับเสวยวิมุตติสุขในสถานที่ต่างๆ รวม ๗ แห่งๆ ละ ๗ วัน
และในสัปดาห์ที่ ๗ อันเป็นสัปดาห์สุดท้าย พระพุทธองค์ประทับเสวยวิมุตติสุขที่ภายใต้ร่มไม้เกตุ
อันได้นามว่า “ราคายตนะ” นั้น

ขณะนั้น สมเด็จพระอมรินทราธิราช ทรงดำริว่า
“พระผู้มีพระภาค ตั้งแต่ตรัสรู้แล้วนับได้ ๔๙ วันถึงวันนี้
พระองค์ยังมิได้เสวยพระกระยาหารและถ่ายพระบังคนเลย
สมควรที่พระองค์จะเสวยพระกระยาหารและถ่ายพระบังคน”
จึงนำผลสมออันเป็นทิพยโอสถมาจากเทวโลก
เข้าไปถวายพระพุทธองค์ทรงรับมาเสวยแล้วทำสรีรกิจลงพระบังคน
แล้วท้าวสหัสนัยน์ก็อยู่เฝ้าถวายการปฏิบัติพระพุทธองค์ด้วยกิจต่าง ๆ
มีถวายน้ำบ้วนพระโอษฐ์ เป็นต้น

ครั้งนั้น มีพ่อค้าพานิชสองพี่น้องชื่อ ตปุสสะ กับ ภัลลิกะ นำสินค้าบรรทุกกองเกวียน
เดินทางมาจากอุกกละชนบทผ่านมาทางนั้น ด้วยอานุภาพแห่งเทวดาองค์หนึ่งซึ่งเคยเป็นญาติ
กับสองพ่อค้าในอดีตชาติ เห็นสองพ่อค้าแล้วคิดว่า “พ่อค้าทั้งสองนี้พากันลุ่มหลงวนเวียนอยู่
ในสังสารวัฏสิ้นกาลช้านาน ควรที่เราจะสงเคราะห์ให้ได้รับประโยชน์สุขอันอุดม” จึงบันดาล
ให้โคพาเกวียนไปผิดทางแล้วแสดงตนให้ปรากฏ กล่าวชี้แนะให้สองพ่อค้านำสัตตุก้อนสัตตุผง
อันเป็นเสบียงทาง เข้าไปถวายพระผู้มีพระภาค สองพ่อค้าก็ปฏิบัติตามน้อมนำข้าวสัตตุก้อน
สัตตุผลเข้าไปถวาย พบพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ภายใต้ร่มไม้เกตุ
ประกอบด้วยทวัตติงสมหาปุริสลักษณะ มีพระรัศมีรุ่งเรืองไม่เคยพบเห็นมาก่อน

จึงคิดว่า “พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก
ซึ่งนับว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐของพวกตนยิ่งนักแล้วเข้าไปกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงทรงอนุเคราะห์รับบิณฑบาตไทยทาน
เพื่อประโยชน์สุขแก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสอง ตลอดกาลนานเถิด”
พระผู้มีพระภาคทรงดำริว่า “บาตรของตถาคตได้หายไปก่อนวันตรัสรู้
ต้องรับข้าวมธุปายาสของนางสุชาดาด้วยพระหัตถ์
หลังจากนั้นมายังมิได้เสวยกระยาหารเลย
บัดนี้สองพานิชนำอาหารมาถวาย ตถาคตจะได้บาตรมาแต่ที่ไหน”
เมื่อพระพุทธองค์ทรงดำริอย่างนั้น ทันใดนั้น ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔
ได้นำบาตรศิลาสีเขียวองค์ละใบ มาจากทิศทั้ง ๔ น้อมเข้าไปถวาย

พระผู้มีพระภาค ทรงดำริว่า “บรรพชิตรูปหนึ่งไม่ควรมีบาตรเกินกว่า หนึ่งใบ”
จึงทรงอธิษฐานให้บาตรทั้ง ๔ ใบนั้นประสานเข้าเป็นใบเดียวกันแล้วทรงรับข้าวสัตตุก้อนสัตตุผล
ของสองพานิชด้วยบาตรนั้น เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว นายพานิชสองพี่น้องกราบทูลแสดงตนเป็น
อุบาสก ขอถึงพระพุทธกับพระธรรมเป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกตลอดชีวิต เนื่องด้วยขณะนั้นยัง
ไม่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นในโลกอุบาสกทั้งสองจึงได้นามว่า “เทววาจิกอุบาสก” นับเป็นอุบาสกคู่
แรกและคู่เดียวในโลก ผู้ถึงรัตนะสองประการ

ก่อนที่อุบาสกทั้งสองจะกราบทูลลากลับไปนั้น ได้ทูลขอสิ่งอันเป็นปูชนียวัตถุ
เพื่อนำไปประดิษฐานเป็นที่สักการบูชายังบ้านเมืองของตนสืบไป
พระพุทธองค์ ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระเศียร พระเกษา ๘ เส้นติดพระหัตถ์ออกมา
จึงประทานให้แก่สองพ่อค้านั้นตามประสงค์
พ่อค้าทั้งสองได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดา
ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่า
อุบาสกทั้งหลาย ในฝ่ายผู้ถึงสรณะก่อน...

จากคุณ : นัยนะ
เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 20:12:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com