ความคิดเห็นที่ 1 ก็กล่าวเกินจริงไป ภายใต้ผ้าคลุมฮิญาบ บางครั้งก็ไม่ได้มีสิ่งสวยงามเสมอไปหรอกนั่น ควรเปลี่ยนเป็น "ดังนั้น บรรดาสตรีทั้งหลายทราบไหมว่า  ดอกกุหลาบคือใคร? และไข่มุกนั้นคือผู้ใด? หากคิดสักนิด  ก็จะทราบได้เลยว่า  ดอกกุหลาบนั้น คือ มุสลิมะที่ไม่คลุมฮิญาบ  ส่วนไข่มุกก็คือ มุสลิมะที่คลุมฮิญาบนั่นเอง... " นิทานเรื่องอาจอาจนำมาปรับใช้ในการเลือกคู่ครองเบื้องต้น (เบื้องต้นเท่านั้น) สำหรับมุสลิมมีน แต่ ไม่จำเป็นว่าคลุมฮิญาบเเล้วจะเป็นคนดี สตรีทั้งหลาย(รวมทั้งมุสลิมะ) ที่ไม่คลุมฮิญาบ ไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี ส่วนผู้ชายใด ที่ตัดสินคู่ครองแต่ภายนอก ชายนั้นก็ได้แต่หญิง พยายามสร้างภาพให้ดูเป็นคนดี แต่ข้างในดีหรือเปล่าไม่รุ็ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:10:17

ความคิดเห็นที่ 2 คลุมฮิญาบ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีครับ แต่ สตรีมุสลิมไม่คลุมฮิญาบจะเป็นคนดีได้อย่างไร ในเมื่อคนคนนั้นฝ่าฝืนบทบัญญัติ หรือคำสั่งให้คลุมศีรษะ ผิดก็คือผิดครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:50:22

ความคิดเห็นที่ 3 แต่ก็คงไม่อาจตีความได้ว่า สตรีมุสลิม ที่ไม่คลุมฮิญาบ มี เดวิล มายด์หรอกกระมัง จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:29:44

ความคิดเห็นที่ 4 เดวิลมายด์ ของคุณคืออะไรล่ะครับ ผู้ที่ฝ่าฝืนคือผู้ทำผิด แต่ไม่ใช่ผิดขั้นเลวร้าย แต่จะมาพูดกลางๆ ว่า ไม่คลุมก็ไม่ใช่คนไม่ดี ก็ถ้าจงใจฝ่าฝืน จะบอกว่าดีไม่ได้หรอกนะ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 15:48:02

ความคิดเห็นที่ 5 เดวิล มายด์ ของผม คือคนเลว คนผิดศีลธรรมขั้นรุนแรง แบบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ส่วนกรณีไม่คลุมผ้านั้น จริงการไม่คลุมนั้นผิดหลักศาสนาเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่  แต่จะไปบอกว่า ผู้หญิงไม่คลุมผ้านั้นเป็นคนเลว มันกระไรอยู่ เพราะตัวอย่างที่ จขกท. นำมาเปรียบเทียบ เป็นการเปรียบคุณค่าของผู้หญิงที่ไม่คลุมผ้าว่า ไม่มีคุณค่าอะไร ผู้ชายเชยชมร่างกายเสร็จก็โยนทิ้งถังขยะ มันดูเลวร้ายมากขนาดนั้นเลยนะครับ (และถ้ามองแบบร้ายสุดๆ ตามนิทานนั่น อาจจะมองเหมือนว่าผู้หญิงไม่คลุมผ้า เปรียบดังโสเภณี)  การเปรียบเทียบยังกล่าว จริงอยู่เป็นการยกย่องการคลุมฮิญาบ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเหล่าสตรีที่มิได้คลุมผ้าด้วย ปล.ส่งเสริมให้คลุมผ้า เห็นด้วยนะ ว่าเป็นการเรียกร้องให้ไปสู่ อัล อิสลาม แต่บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมาเปรียบเทียบกันแบบน้ี้ก็ได้ ทางใต้ก็เยอะไม่ใช่หรือครับ ขนาดคลุมผ้ากัน ก็ยังเห็นทำซินากันร่ำไป ทั้งชายหญิง จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:48:39

ความคิดเห็นที่ 6 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 16:49:38 จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:48:56

ความคิดเห็นที่ 7 คห.2 เค้าก็เปรียบเทียบให้คุณแล้ว คุณ ก็ยังไม่เคลียร์ เอาหล่ะ ฉัน สรุปว่า นิทานเรื่องนั้น ไม่ถูกจริตสำหรับคุณคนต่างศาสนิกแล้วกันค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:31:42

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้ !! ความรู้ใหม่ !!! ผู้หญิงอิสลามที่คลุมผ้า ไม่เคยมีใครถูกสามีทอดทิ้ง ??? ไม่เคยมีใครถูกผัวซ้อม ?? ผ้าคลุมจากพระเจ้ามันช่างวิเศษแท้ รีบเอามาุคลุมให้เด็กกำพร้า-คนพิการอนาถาด่วนเลย จะได้เป็นไข่มุกไวๆ จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 03:26:43

ความคิดเห็นที่ 9 นกแคปหมู ชอบมากที่จะให้ เหตุผลวิบัติ การคลุมผมนั้นคือคำสั่งของอัลลอฮฺ ถ้าไม่คลุมก็คือจงใจฝ่าฝืนนะครับ ไมไ่ด้เกี่ยวกับใส่แล้ว ไม่โดนสามีซ้อม ใช้สมองก่อนคิดสิครับคุณ นกแคปหมู จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 08:39:58

ความคิดเห็นที่ 10 อ่อส่วนคนจงใจฝ่าฝืนนั้น อาจจะไม่ผิดถึงขั้น ทำผิดประเวณี แต่แน่นอนศักดิ์ศรีเทียบผู้คลุมผ้าไม่ได้ครับ บทความก็ถูกต้องแล้ว ยิ่งพวกไม่คลุมเพราะต้องการเปิดเผยสิ่งสงวนด้วยก็แบบที่บทความว่านั่นแหละ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 08:42:43

ความคิดเห็นที่ 11 อ้าว คุณ นกแคปหมู ไปเคลียร์ กับคุณ เรมีิเรสแล้วยังคะ ประเด็น เฟสบุคอะไรนั้น ฉันว่า คุณน่าจะให้เคลียร์เรื่องนั้นก่อนดีกว่าไหมคะ จะได้ไม่สับสนอีก หรือไม่ก็จะได้ไม่ถูกท้วงติงอะไรอีก อย่างเรื่องที่คุณอ้าง ก็เข้าอีหรอบเดิมนั่นหล่ะ ไร้เหตุผลและข้อเท็จจริง เป็นการทึกทัก เช่นเคย อธิบายไปก็ไม่รู้ฟัง ปัญญาเข้าไม่ถึง ดังนั้นพอที่จะรู้ได้ว่า ไม่เกิดผลอะไรหรอกนอกจาก....ลม จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 08:56:56

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ากันคิดดีดี คิดด้วยหัวใจที่เป็นกลาง ก็พอจะมองออกว่า อิสลามกำลังจะสื่อให้ชนต่างศาสนิกให้รับรู้ว่า เรื่องของฮีญาบ การสวมฮีญาบที่ปกปิดมิดชิดนั้น มิได้ไว้เพราะให้เข้ากับหลักการที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้เท่านั้นนะ แต่มันมากกว่า การสวมปกปิดเสียอีก มันมากพอที่จะทำใ้ห้คุณ หรือ ใครคิดและพิจารณาเลือกว่า ระหว่างสิ่งที่ถูกห่อหุ้มเป็นอย่างดี กับอีกสิ่งที่ไม่มีอะไรเลย  ที่สามารถจินตนาการไปต่อไหนๆ แล้วนำมาสู่อารมณ์ใคร่ของคนหลายคนเท่านั้น ปัจจุบัน ปัญหาการขมขื่น มาจากการแต่งตัวโป๊ เปลือยๆ และถ้ามองประเทศที่ให้คลุมผม และ แต่งตัวมิดชิด ส่วนใหญ่ ก็มีสถิติการถูกขมขื่นน้อยกว่าประเทศที่เป็นเสรี หรือ จะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ ดังนั้น ถ้าฉันถามคุณว่า ถ้าคุณอยากกินลูกอม คุณจะกินที่ถูกแกะเปลือก ไม่มีเปลือกห่อหุ้ม หรือ กับลูกอมที่ที่มีเปลือกและถูกห่อหุ้มเป็นอย่างดี คุณจะเลือกอย่างไหน หรือว่าผลส้มที่ถูกแกะเปลือก ตามที่วางขาย กับที่ยังไม่แกะเปลือก คุณจะเลือกซื้ออย่างไหน นั่นหล่ะค่ะ หากคุณเอามาตรฐาน อารมณ์ คุณก็จะเลือกที่ แกะแล้ว แต่หากคุณเอามาตรฐาน สมอง คุณก็จะเลือกในสิ่งที่ถูกห่อหุ้มมาอย่างดีแน่นอน หรือมันไม่ใช่หล่ะคะ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย... จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 09:22:12

ความคิดเห็นที่ 13 คลุมฮิญาบแต่กลางคืนออนเอ็มคุยกับผู้ชายในเชิงชู้สาว กับ ไม่คลุมฮิญาบกลางคืนละหมาดครบ คลุมฮิญาบแต่กลางวันไปเที่ยวกันกับแฟนสองต่อสอง กับไม่คลุมฮิญาบกลางทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วไปเที่ยวกับเพื่อนหญิง ไม่เคยไปกับผู้ชายสองต่อสอง คลุมฮิญาบเล่นเฟคบุ๊คถ่ายรูปในขณะคลุมฮิญาบลงในเฟคบุ๊คในลักษณะเชื้อเชิญให้เข้ามาดู กับไม่คลุมฮิญาบเเต่หลีกเลี่ยงที่จะนำรูปลงในเฟคบุ๊ค คลุมฮิญาบทำตัวสวยไปวันๆๆ รอหาผู้ชายรวยๆ มาแต่งงานด้วย งานบ้านบกพร่อง ทำตัวไม่ได้เข้ารูปเข้ารอยแต่อาศัยว่า สร้างภาพให้ดูดีในสายตาผู้ใหญ่ กับ ไม่คลุมฮิญาบแต่งานบ้านไม่บกพร่อง ทำตัวทำตัวอาจจะไม่ถึงกับว่าเป็นมุสลิมะตัวอย่างแต่ก็ไม่เคยบกพร่องจากเรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติ ทำตัวคงเส้นคงว่าทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้ใหญ่ ถามว่า สองคนนี้ คนไหนดีกว่ากันครับ แต่หากใช้ตรรกกะแบบแครอท อย่างบอกได้ว่า สองคนนี้เลวทั้งคู่   ู้ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 09:22:56

ความคิดเห็นที่ 14 อ่อ เพิ่งเห็นคุณเกาะฯ อุปมาผู้หญิงกับลูกอม ผู้หญิงกับวัตถุ มนุษย์ไม่ใช่วัตถุครับ เปรียบเทียบแบบนั้นไม่ได้หรอก ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำสูงต่ำอยู่ที่ทำตัว อยากได้คนดี ภายนอกเป็นสิ่งหนึ่งในพิจารณาคู่ครอง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดนิครับ และถ้าให้เลือก ระหว่างคลุมฮิญาบแล้วตัวตัวก็งั้นๆ กับไม่คลุมฮิญาบแล้วทำตัวดีกว่า ผมก็เลือกแบบไม่คลุมครับ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 09:35:12

ความคิดเห็นที่ 15 อันนั้น ส่วนหนึ่งฉันแค่เปรียบเปรย หรือ อุปมาให้ดูในเบื้องต้นเท่านั้นคุณ น่าจะอ่านภาษาไทยเข้าใจมากกว่านี้นะคะ เพราะการอุปมา ข้างต้น มันชี้ให้คุณเลือกว่า การเลือกสิ่งที่ถูกแกะกับไม่แกะ อย่างไหนที่จะเลือกมากกว่า นั่นคือประเด็น ไม่ใช่ ไปบอกว่า ผญ มันก็เหมือนลูกอม จึงกลายเป็นว่า ไปเทียบกับวัตถุ เฮ้อ อุปมา เช่นนี้ ไม่น่่าจะเข้าใจยากนะคะ เอาหล่ะ เราลองมามองลงลึกไปมากกว่านั้นก็ได้ ก็จะอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังว่า จริงๆแล้ว มาตรฐานการมองคนในอิสลาม ก็มิได้ระบุว่าให้วัดคนกันที่ การคลุมฮีญาบหรือภายนอกแต่อย่างใดนะคะ เช่น อย่างที่ ท่านร่อซูล (ศาสดามูฮัมมัด) ได้กล่าวว่า “แท้จริง อัลลอฮไม่ทรงพิจารณาที่รูปโฉมของพวกท่าน และทรัพย์สินของพวกท่าน แต่พระองค์จะทรงพิจารณาที่หัวใจของพวกท่าน และการกระทำของพวกท่าน” ( บันทึกโดย มุสลิม ) อิสลามเองก็มิได้เอาเรื่องแค่การกระทำหนึ่งที่เป็นหลักการอิสลาม แล้วมากำหนดจำกัด เจาะจงว่า ใครดีไม่ดีนะหรอกนะคะ แต่อิสลาม เน้นหนักในเรื่องของหัวใจและการกระทำที่ออกมาจากหัวใจเป็นสำคัญด้วย แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 09:57:08 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 09:55:21 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 09:52:24

ความคิดเห็นที่ 16 จ้ะ ทราบจ้ะ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 09:58:40

ความคิดเห็นที่ 17 คห.13 หากคุณยังจะเอา ประเด็นการคลุม มาเป็นสาระโจมตี มากกว่า ที่อิสลามบอกว่า ประเด็นไม่ได้ดูที่ ฮีญาบอย่างเดียว ฉันก็อยากจะบอกคุณว่า คลุมจีวรแต่กลางคืนออนเอ็มคุยกับผู้หญิงในเชิงชู้สาว กับ ไม่คลุมจีวรกลางคืนนั่งสมาธิ คลุมจีวรแต่กลางวันโทรนัดกับแฟนสองต่อสองในวัด กับไม่คลุมจีวรกลางวันทำความสะอาดวัด คลุมจีวรเล่นเฟคบุ๊คถ่ายรูปในขณะคลุมจีวรลงในเฟคบุ๊ค ไฮไฟต์ ในลักษณะเชื้อเชิญให้เข้ามาดูในเชิงชู้สาว คลุมจีวรทำตัวเลวๆไปวันๆๆ ทำตัวไม่ได้เข้ารูปเข้ารอยแต่อาศัยว่า สร้างภาพให้ดูดีในสายตาชาวโลก กับ ไม่คลุมจีวรแต่ทำตัว อาจจะไม่ถึงกับว่าเป็นตัวอย่าง แต่ก็ไม่เคยบกพร่องจากเรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติ ทำตัวคงเส้นคงว่าทั้งต่อหน้าและลับหลังชาวโลก ถามว่า สองคนนี้ คนไหนดีกว่ากัน แต่หากใช้ตรรกกะแบบคุณ บอกได้ว่า สองคนนี้เลวทั้งคู่ หรือเปล่าคะ หากคำตอบคือไม่ ก็แสดงว่า เราจะต้องเข้าใจประเด็นที่นำเสนอนะ ไม่ใช่ มาโจมตี เพราะใส่แล้ว กระทำอย่างนั้น โอเคไหมคะ มิฉะนั้นแล้ว เราก็โจมตี ได้เช่นกัน... แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 10:43:40 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:41:30

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบนะครับ ผมเข้าใจว่า ๑.  นิทาน ที่คุณนำเสนอมานั้น ข้อดี คือ ส่งเสริมให้คลุมฮิญาบ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ๒.นิทาน ที่คุณนำเสนอมานั้น เปรียบหญิงไม่คลุมฮิญาบไร้ค่า หญิงคลุมหิญาบมีค่าสูงส่ง ซึ่งนั่น ผมมองว่านิทานเรื่องนี้ เปรียบเทียบในเชิงเหยียดหยามหญิงไม่คลุมฮิญาบให้ดู ต่ำ มากๆ แล้วยกหญิงที่คลุมฮิญาบว่า นั่นแหละหญิงที่สูงค่า ซึ่ง มันเกินจริงไป หากมองบริบทตามนิทานย่อมเป็นการตัดสินแต่เพียงภายนอก ๓.ผมมิได้โจมตีอิสลามแต่อย่างใด ในความเห็นผมทุกความเห็น ไม่เคยกล่าวว่าอิสลามสอนไว้อย่างนั้นแต่อย่างใด และผมก็ไม่ได้โต้แย้งในประเด็นว่า อิสลามไม่ได้สอนให้ดูแต่ภายนอก เพราะเป็นเช่นนั้นจริงๆ อิสลามสอนให้ดูทั้งนอกและใน หาใช้ ตัดสินเฉพาะภายนอกดังเช่นนิทานที่ จขกท. ยกมาแต่อย่างใด ดังนั้น การเปรียบเทียบในนิทาน จึงเป็นการกล่าวเกินจริง และเป็นการเหมารวม หรือตัดสินไปแล้วว่าหญิงไม่คลุมฮิญาบไร้ค่า ๔.ส่วนการยกตัวอย่างในความเห็น ๑๓ นั่น เป็นเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเราไม่สามารถมองแค่ภายนอกเพียงอย่างเดียวแล้วจะตัดสินได้ว่าใครดีหรือไม่ดี (ในบริบท ที่ไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ บริบทว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องแล้วต้องเลว) ซึ่งเ)้นไปตามหลักศาสนาอิสลามที่ต้องดูทั้งนอกและใน หากดูแต่ข้างนอก อาจจะได้ไข่มุกเน่าๆ ก็ได้ ๕.ส่วนที่ จขกท. ยกมาใน คห.๑๗ นั้น ถ้าใช้ตรรกะ แบบแครอท ย่อมตอบว่าทั้งสองเลว  แต่หากพิจารณาแล้ว การประพฤติแบบนั้น เรียกว่าปราชิก แค่ขาดจากความเป็นพระ ส่วนเลวหรือดีนั้น หากพิจารณา ตามตัวอย่างย่อมตอบได้ว่า คนที่หนึ่งเลว แม้ภายนอกจะดูดี ส่วนคนที่สองดี แม้ภายนอกจะดูเลว เห็นความต่างไม๊ครับ คลุมกับไม่คลุม ตัวอย่างที่คุณยกมาก็สื่อออกมาแบบนั้นมิใช่หรือ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 11:03:25

ความคิดเห็นที่ 19 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 11:05:03 จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 11:03:42

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นในการเปรียบเทียบที่มองอีกแง่หนึ่ง ซึ่ง "ไม่เกี่ยวกับฮิญาบ"     ความแตกต่างระหว่าง "สตรีดอกกุหลาบ"  กับ "สตรีไข่มุก"   "สวยแต่รูปจูปไม่หอม" เป็นลักษณะของ ผู้หญิงที่มีลักษณะเช่นไข่มุก    สำหรับไข่มุก ไม่มีอะไรจะต้องอธิบายเปรียบเทียบมาก เนื่องจาก    ไข่มุกไม่มีกลิ่นหอม  ยิ่งถ้าแกะออกมาจาก "เนื้อหอยมุข" สดๆ อาจ    จะมีกลิ่นเหม็นคาว ของเนื้อ หอย ตามมาด้วย  และอีกประการหนึ่ง    คุณภาพและคุณค่าของไข่มุกมองยาก มีทั้งเทียมและปลอม  ต้องใช้    การคาดเดา และความชำนาญในการ พิจารณา         ผู้หญิงประเภทไข่มุขจึงไม่มีอะไรจะอธิบายมาก..   "สวยทั้งรูปและมีกลิ่นหอม"    เป็นลักษณะของผู้หญิงที่ เปรียบเสมือน ดอกกุหลาบ  หนามแหลม    คมเปรียบเสมือน ความเฉลียวฉลาด ที่จะใช้สติปัญญาในการป้องกัน    การลวนลามของ เพศตรงข้าม   ความหอมของดอกกุหลาบเปรียบเสมือน   กิริยามรรยาท ของผู้หญิง ถ้าเปรียบผู้หญิงเป็นดอกกุหลาบ ก็คง   เป็นที่ชื่นใจของสามี, เป็นผู้หญิง ที่ มีกิริยามรรยาท สมเป็นกุลสตรี     ถ้าเป็นมุสลิม ก็เป็นสุภาพสตรี  ที่อยู่กับบ้านกับเรือน หลังจากกลับ   จากทำงานแล้ว ทำละหมาด  ศึกษา อัลกุรอาน หรือไม่ก็ใช้เวลากับ   สามี ใช้เวลาว่าง ให้เป็นประโยชน์ ในครอบครัว  ไม่ใช้เวลาในทาง   เปล่าประโยชน์ผุ้หญิงประเภทดอกกุหลาบ มองเห็น และเข้าใจคุณ   ค่าได้โดยไม่ต้องคาดเดา จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 13:53:46

ความคิดเห็นที่ 21 ก็สรุปคือ ในการกระทำเดียวกัน คนคลุมฮิญาบดีกว่า คนไม่กลุ่มก้คือจงใจฝ่าฝืนนั่นล่ะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 16:37:05

ความคิดเห็นที่ 22 ?????????????????? จากคุณ : บัวบานที่ปลายนา เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 18:13:37

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ แมทท์ ได้แสดงความเห็นในการเปรียบเทียบที่มองอีกแง่หนึ่งของ ความแตกต่างระหว่าง "สตรีดอกกุหลาบ"  กับ "สตรีไข่มุก" ซึ่งก็ไม่แปลก ที่จะได้รับทราบถึงอีกด้านหนึ่งของความคิดเห็นที่ตรงกันข้ามของคุณมาตลอด แต่ถ้าสมมุติว่าให้เลือก ฉันก็ขอเลือกเป็น ดั่งไข่มุกที่อยู่ในบทความหัวข้อของกระทู้แล้วกันนะคะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 19:33:06

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่านิทานเปรียบเทียบ เขามีมุมมองของเขา มีเจตนาให้คนเข้าใจตาม การที่พยายามคิดว่า นิทานนี้มีข้อบกพร่องตรงไหน เหมือนกับว่า เราไม่มีจินตนาการ ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่นิทานพยายามสื่อให้เราทราบ ไม่มีนิทานไหน ที่สื่อความจริงได้ครบทุกแง่มุม ถ้าเรามีใจกว้างพอก็สามารถเข้าใจสิ่งที่นิทานจะสื่อได้ ที่เด็ก ๆ ชอบนิทาน ไม่ใช่เพราะเด็กโง่กว่าผู้ใหญ่ แต่เพราะเด็กมีจินตนาการ เด็กสนุกไปกับเนื้อหาของนิทาน มากกว่ามานั่งจับผิดว่า นิทานนี้ไม่ถูกตรงไหน ควรจะแก้ไขยังไง พรมวิเศษ มนุษย์ล่องหน มนุษย์จอมพลัง นางฟ้า เจ้าชาย เจ้าหญิง เต่าที่วิ่งเร็วกว่ากระต่าย มีเรื่องไหนไม่มีข้อโต้แย้งบ้าง แต่เราเรียนรู้จากนิทานที่ไม่สมบูรณ์ได้ ในแง่มุมที่นิทานพยายามสื่อ ถ้าเราไม่ชอบนิทานเรื่องที่ยกมา เราก็แต่งเองได้ตามจินตนาการของเรา แต่การที่บอกว่านิทานนี้มีข้อบกพร่อง แสดงว่าเราไม่มีจินตนาการ กุหลาบตอบว่า  "พวกมนุษย์ได้ทำกับพวกเราอย่างมักง่าย  พวกเขาปลูกเราขึ้นมา  ไม่ใช่เพราะรักเรา  แต่เพื่อชมเชยเราเพราะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม  มีกลิ่นหอม  หลังจากนั้นก็ถูกโยนทิ้งข้างทาง  หรือถังขยะ หลังจากที่พวกเขาได้ถูกเชยชมความมีเกียรติที่เราได้ครอบครอง จากความสดใสและกลิ่นหอม พวกเขาต่างล่าตระเวนและดำน้ำในทะเลลึกเพื่อเสาะหาฉัน แต่บางครั้งเธอจะพิศวง  เมื่อฉันจะเล่าให้เธอฟังว่า ทุกครั้งที่ฉันออกห่างจากสายตาของมนุษย์ ความงดงามและความระยิบระยับของฉันจะเพิ่มทวีคูณ แต่นั่นทำให้ฉันยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นในความคิดของพวกเขา ฉันอยู่ในเปลือกหอยหนาๆ อย่างโดดเดี่ยวในทะเลที่มืดมิด ผมว่าคนเขียน เขียนได้ดีนะครับ หากคิดสักนิด  ก็จะทราบได้เลยว่า  ดอกกุหลาบนั้น คือ สตรีที่ไม่คลุมฮิญาบ  ส่วนไข่มุกก็คือ สตรีที่คลุมฮิญาบนั่นเอง...  วันนี้เราอาจะไม่สามารถเห็นพ้องกับข้อสรุปจากนิทานได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่สรุปได้จะไม่จริง นิทานที่นำเสนอมานั้น ต้องการจะบอกว่าหญิงควรจะคลุมฮิญาบ ถ้าไม่เห็นด้วย ก็น่าจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ มากกว่าบอกว่านิทานนี้ไม่ดีตรงไหน จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 08:19:24

ความคิดเห็นที่ 25  ท่าน FOB จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 09:57:24

ความคิดเห็นที่ 26 นิทานที่เสนอมานั้น ถ้าไม่มีคำสรุปข้างท้ายว่าเป็นเรื่องของหญิงควรจะคลุมฮิญาบ ผมก็คิดไปได้ว่าเป็นเรื่องของ ผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับความงามภายนอก กับผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับความงามภายใน เนื่องจากมีผู้ให้ความเห็นแล้วว่า ฮิญาบไม่ได้ทำให้ผู้หญิงเป็นใข่มุขเหมือนในนิทานทุกคน (อยู่ที่ความประพฤติ) "ผมเห็นด้วยกับนิทานแต่ไม่เห็นด้วยกับบทสรุปครับ" จากคุณ : โปรยปราย เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 13:39:08

ความคิดเห็นที่ 27 ผมคิดว่า ถ้ากระทู้นี้ Post ในห้องโต๊ะเครื่องแป้ง คงจะ Get ง่ายกว่านี้ เด็กหญิงคนหนึ่ง ร้องให้งอแงบอกคุณแม่ว่า หนูอยากสวย ไม่อยากคลุมฮิญาบ บดบังความสวย แล้วอีกอย่างเพื่อน ๆ ก็ไม่คลุมด้วย แม่ก็เล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังว่า ... แล้วสรุปว่า คนไม่คลุมฮิญาบจะสวยเหมือนกุหลาบ คนคลุมฮิญาบจะสวยเหมือนไข่มุก และ ความสวยของกุหลาบ ไม่เทียบเท่าความสวยของไข่มุก เด็กหญิงฟังแล้วก็สบายใจ และภูมิใจลึก ๆ ถ้าได้คลุมฮิญาบ แต่เราไม่ใช่เด็ก เราเลยไม่เชื่อนิทาน เราอยากจะแย้งว่า คนไม่คลุมฮิญาบสวยกว่า หรือ คลุมฮิญาบหรือไม่คลุมฮิญาบไม่สำคัญ ขอให้จิตใจดี เป็นคนดี นี่สิสำคัญ คงเป็นเพราะนี่คือห้องศาสนา จึงเห็นความดี เป็นสิ่งสำคัญ จนขาดจินตนาการเรื่องความงามไป จริง ๆ แล้ว คนที่คลุมฮิญาบนอกจากจะสวยแล้ว ยังถือว่าได้ทำความดีด้วย คือได้ทำตามบทบัญญัติของศาสนา ส่วนคนคลุมฮิญาบแล้ว อาจจะมีบางคนไปทำไม่ดี นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวว่า ไม่ควรคลุมฮิญาบครับ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 15:21:07

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ก็ยังไม่เห็นว่ามีใครแย้งว่า มุสลิมมะไม่ควรคลุมฮิญาบนี่ขอรับ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 15:45:32

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ ไม่แย้ง แล้วเห็นด้วยหรือเปล่าครับ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 16:01:21

ความคิดเห็นที่ 30 ก็ยังไม่มีข้อความไหนที่ผมไม่เห็นด้วยกับมุสลิมะคลุมฮิญาบนี่ครับ กลับไปอ่านประเด็นที่ผมยกไว้อีกสักสิบแปดรอบนะครับ ว่าเป็นประเด็นไหน จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 16:26:54

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าการเอาผ้ามาคลุมหน้า ช่วยให้ผู้หญิงมีค่าเป็นไข่มุกได้ การเอาปี๊บคลุมหัว ก็คงช่วยให้ผู้หญิงมีค่าเป็นเพรชซาอุไปเลยสินะ ฝากให้พิจารณาครับ จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 19:16:47

ความคิดเห็นที่ 32 คห 30 เห็นด้วยก็ดีครับ เพราะบางคนไม่เห็นด้วย อย่างเช่น คห 31 ผมทราบมาว่า ของเคารพนับถือของผู้อื่น แม้ไม่เชื่อถือ ก็ไม่ควรไปลบหลู่ เรื่องนี้เป็นบทบัญญัติทางศาสนา เขามีเหตุผลของเขา ชาวทิเบตเชื่อว่า องค์ทะไล ลามะ เมื่อละสังขารแล้ว วิญญาณจะกลับไปเกิดใหม่เป็นทะไลลามะอีก แต่รัฐบาลจีนไม่เชื่อ รัฐบาลจีน อยากจะแต่งตั้ง ทะไล ลามะของตนเอง เพื่อให้ควบคุมง่าย ถ้ามุสลิม เห็นว่าการคลุมหน้าคลุมผมเป็นสิ่งที่ดี ความเชื่อนี้ไม่น่าจะทำให้เราโกรธ ไม่ใช่หรือครับ หรือว่า เราอยากจะเป็นเหมือนรัฐบาลจีน ที่อยากจะจำกัดเสรีภาพในความเชื่อของเขาด้วย เอาเถอะครับ คุณพอใจจะโกรธก็โกรธเถอะครับ หายโกรธแล้วกลับมาพิจารณาใหม่ ผมเชื่อว่าเราคิดได้ดีกว่านี้ครับ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 21:42:09

ความคิดเห็นที่ 33 สิ่งที่คุณนกแคปหมู ได้แสดงออกมานั้น มันได้สะท้อนให้ผู้คนได้เห็นถึงระดับวุฒิปัญญา และ ระดับจิตใจ ของตัวเขาเองอยู่หน่ะค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 22:21:19

ความคิดเห็นที่ 34 นอกจากเรื่องข้อบังคับทางศาสนาแล้ว ในบทความนี้ยังบอกว่าฮิยาบยังส่งผลถึงค่านิยมในการมองผู้หญิงมุสลิมในกลุ่มมุสลิมอวุโสด้วย เพราะคิดกันว่าคือเครื่องหมายพรหมณ์จรรย์ในหมู่สตรีมุสลิมในวัยสาวที่่พร้อมแต่งงานแต่ไม่เคยแต่งงาน ปัจจุบันค่านิยมนี้ยังอยู่ บางคนที่ได้ใข่มุกแท้ก็มี ใข่มุกเทียมก็เยอะ สังเกตุกันง่ายๆ บ้านเช่า หรือหอพักทั่วไป ของนักศึกษา มักเจอพักอาศัยกันเป็นคู่ มีทั้งแบบคลุมหัวและไม่คลุม โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:09:30

ความคิดเห็นที่ 35 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 13:31:16 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:12:36

ความคิดเห็นที่ 36 ขออนุญาตนอกเรื่องสักหน่อยค่ะ เพิ่งจะเห็นกิฟท์คุณ กรองคำ ที่มอบให้คุณแมทท์ นั่นแสดงว่าคุณ กรองคำเข้ามาในพันทิปแล้ว ยังไงก็ขอรบกวนคุณ กรองคำ ได้เข้าไปให้ความเห็นในการตอบคำถามของคุณ Carroth ที่กระทู้นีด้วยค่ะ กำลังรอคุณ กรองคำกันอยู่ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10797106/Y10797106.html แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 11:40:23 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:39:45

ความคิดเห็นที่ 37 ดังนั้นสรุป ประเด็นหลักของบทความเรื่อง หัวข้อกระทู้นี้คือ ตาม คห.2 ค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 12:05:56 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:46:40

ความคิดเห็นที่ 38 ถึงผู้อ่าน... (เนื่องจากตอนนี้ มีผู้ร่วมให้ความเห็นอย่างมีเหตุผลหลายคน ผมจึงอยากชี้แจงแก่คนเหล่านั้น) ผมเองก็เห็นอย่างแจ่มแจ้งว่าสิ่งที่ Ms.Kohlanta ได้แสดงออกมานั้น มันได้สะท้อนให้ผู้คนได้เห็นถึงระดับวุฒิปัญญา และระดับจิตใจที่เลวทรามของตัวเธอเอง ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้ตัวหรือไม่ ว่าเธอกำลังด่ากระทบแม่ ป้า ย่า ยาย ไปจนถึงครูบาอาจารย์หญิงทั้งหลายของผม และของอีกหลายๆคน เธอเปรียบผู้มีพระคุณเหล่านั้นเป็นเพียง "กุหลาบไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรี" อย่างไม่ละอาย ผมขอให้ ทุกท่านพิจารณาดูครับ ว่าเธอล้ำเส้นเกินไปหรือเปล่า ผมชักสงสัยแล้วสิว่า.... หากแม่ของ Ms.Kohlanta เลิืกเชื่ออิสลามเลิกคลุมผ้า เธอจะมองแม่เธอเป็น "กุหลาบไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรี" หรือไม่ จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:06:33

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ : นกแคปหมู มุสลิมในตอนใต้ของไทยมองโลกที่เป็นไปในปัจจุบันแบบมายาคติอิสลาม โดนปลูกฝังมารุ่นต่อรุ่น เค้ามองสาเหตุที่ปัญหาสังคม เช่น สุรา ยาเสพติด การข่มขืน การแอบมีเพศสัมพันธ์กัน มาจากการเชิญชวนของพวกนอกศาสนาในพื้นที่ เช่น เปิดร้านเหล้า สถานบันเทิง โรงนวด ซ่อง รวมทั้งสื่อภายนอกที่เข้ามา เช่น ทีวี เน็ต เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุของความชั่ว และ เปรียบเปรยผู้นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาเป็นมารร้าย( ไซตอน ) ถ้ายังไม่เข้าใจว่ามายาคติคืออะไร เช่น ลูกถูกจับเพราะค้ายาบ้า ตำรวจจับใด้ขณะเอามอเตอร์ไซไปส่งยา แม่เด็กร้องให้ที่โรงพักพร้อมพูดว่า ถ้าไม่ซื้อรถให้ลูกคงไม่โดนจับ เป็นการโยนความผิดไปให้บางสิ่งบางอย่างให้เป็นสิ่งชั่วช้า คุณ : นกแคปหมูต้องเข้าใจในเรื่องนี้ก่อนจึงจะสื่อสารกันรู้เรื่องคับ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 14:20:44 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:52:53

ความคิดเห็นที่ 40 คห.38 ผมว่า แม่ของคุณเกาะลันตา คงไม่ทำอย่าง แม่ของคุณ นกแคปหมู แน่นอน อย่าห่วงไปเลยครับ คห.39 นั่นก็เป็นมายาคติของคุณเอง ที่เหมารวม และทึกทักไปเองเช่นนั้น จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 14:08:00

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ : laliklalee ไม่ใช่มายาคติของผมหรอก  ผมอ่านในบทความของหนังสือกัมปง ช่วงตากใบกำลังดัง และก็ตรงกับที่เคยได้ยินจากพวกสามจังหวัดด้วย ประเด็นคือชาวพุทธบางท่านเขาไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้ เห็นเถียงกันหลายความเห็นแล้ว เรื่องแบบนี้ มันจะได้เข้าใจกัน ถ้าคุณค้นเก่งก็หามาแปะให้ด้วยนะ ผมใช้มือถือไม่ถนัดเท่าไร อยากอ่านอีกรอบเหมือนกัน ป.ล. ช่วงนั้นมีบทความของกัมปง ที่ลงใน น.ส.พ. ทั่วไปแทบทุกวัน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 14:43:21 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 14:35:34

ความคิดเห็นที่ 42 laliklalee แม่ผมโชคดีนะครับที่ยังมีลูกที่รักเขา เคารพ และห่วงใยเขา ไม่เหมือนแม่โชคร้ายบางคน ที่มีลูกวิปลาศคลั่งลัทธิซะจนเลอะเลือน จนไม่รู้จักความผูกพัน ที่คนทั่วไปมีต่อบุพการี ผมล่ะอยากให้แม่ของบางคนเข้ามาอ่านจัง จะได้เห็นธาตุแท้ของลูก ถ้าวันไหนแม่ของคุณ laliklalee เกิดตาสว่างเลิกนับถือลัทธิเดียวกับคุณขึ้นมา ก็ขอให้คุณอย่าได้ ตวาดด่าทอ หรือทุบตีแม่ตัวเองเลยนะครับ เห็นแก่บุญคุณของท่านที่เคยเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้คุณบ้าง พูดไปก็คงเท่านั้น ลูกทรพีไม่เคยจดจำหรอกว่า แม่เคยทำอะไรให้เขาบ้าง...... ------------------------------------------------------------------------- ปล. ขอบคุณพระพุทธเจ้า ที่สอนให้ผมกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ซึ่งมีพระคุณต่อผมอย่างสูงสุด จากคุณ : นกแคปหมู เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 15:40:34

ความคิดเห็นที่ 43 โดยส่วนตัวเห็นว่า นกแคปหมู ไม่มีคุณค่าพอที่จะให้ร่วมพูดคุยเสวนาตามปัญญาชนที่พึงกระทำกันค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 15:47:04

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าแม่นกแคปหมูมีนิสัยตรงข้ามกับลูก ก็น่าสงสารแม่นกแคปหมูที่มีลูก นิสัย "สถุล" แบบนี้ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 17:33:24 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 16:57:18

ความคิดเห็นที่ 45 หนังสือกัมปง หรือ การที่เคยได้ยินจากพวกสามจังหวัด ต่อให้อ้างอิงได้ก็ไม่ได้มีน้ำหนักเพียงพอที่จะด่วนสรุปว่า "มุสลิมในตอนใต้ของไทยมองโลกที่เป็นไปในปัจจุบันแบบมายาคติอิสลาม โดนปลูกฝังมารุ่นต่อรุ่น " ตามที่กล่าวอ้างได้หรอกครับ หากคุณจะกล่าวอ้างก็คงต้องนำสืบเอง จะโบ้ยให้ผมไม่ได้ แต่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ  จะถือเป็นการ "โยนความผิดไปให้บางสิ่งบางอย่างให้เป็นสิ่งชั่วช้า" ด้วยหรือ? ถ้าสิ่งนั้นคือ ร้านเหล้า สถานบันเทิง โรงนวด ซ่อง ที่คนนอกศาสนานำมาเปิดใหม่ในพื้นที่ๆไม่มีสิ่งเหล่านี้มาก่อน รวมทั้งสื่อภายนอกที่เข้ามา เช่น ทีวี เน็ต ที่นับวันจะไร้ซึ่งคุณค่า และจริยธรรมที่แอบแฝงมามากมาย  การมองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนในการเป็นต้นเหตุของความชั่วเลยต่างหากที่เป็น "มายาคติ" ที่ถูกสร้างขึ้น โดยปราศจากการอ้างอิงที่น่าเชื่อถือเพียงพอ ของคุณ Lamelez จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 17:32:29

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่องใน หนังสือกัมปง เขานำมาจากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาที่ลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านเพื่อเก็บข้อมูล แล้วนำมาทำบทความ   คุณจะไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 18:04:01 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 17:55:12

ความคิดเห็นที่ 47 ผมรอการอ้างอิงอยู่ครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 18:05:43

ความคิดเห็นที่ 48 ระหว่างรอ คุณตอบผมทีสิครับว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นสาเหตุหนึ่งของความชั่วร้าย และเสื่อมทรามในสังคม? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 18:12:42

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ : laliklalee มายาคติ คือ ความเชื่อที่ไม่เป็นจริงหรือเป็นมีความจริงปนเพียงเล็กน้อยแต่ถูกให้ความสำคัญจนเกินเหตุ ในประเด็นคือการโยนปัญหาว่าสังคมเสื่อมทราม เพราะพวกต่างศาสนาทำให้มันเกิดโดยการนำสิ่งชั่วช้าต่างๆเข้ามาในชุมชน ซึ่งอันที่จริงพวกที่ทำอาชีพแนวที่ทำให้สังคมเสื่อมมีเป็นส่วนน้อยของสังคม คนต่างศาสนาส่วนมากก็ทำอาชีพเกษตรกรและอาชีพอื่นๆที่ไม่ผิดศีลธรรมของสังคมมุสลิม แต่พวกเค้าทั้งหมดถูกเหมารวมว่านำความชั่วมาสู่ชุมชน แล้วก็มักจะคิดว่าหากในสังคมที่พวกมุสลิมอยู่ ไม่มีพวกต่างศาสนาปัญหาสังคมเสื่อมทรามจะหมดไปจากพื้นที่พวกเค้า นี้คือมายาคติของสังคมมุสลิม ส่วนเรื่องหลักฐานผมคิดว่าหากผมนำมาคุณก็ไม่เชื่ออยู่ดี เพราะ คุณมองว่ามันเชื่อไม่ได้ และ คนทำวิทยานิพนธ์ก็ไม่ใช่คนพื้นที่   แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 09:21:28 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 21:28:49

ความคิดเห็นที่ 50 Lamelez@49 ค่อนข้างเห็นด้วยกับข้อความนี้ จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 09:29:34

ความคิดเห็นที่ 51   I think Mr. Lamelez is a polite smart young man.  I love  all what he said in "ความคิดเห็นที่ 49"  He should stop right there to end the worthless argument. จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 10:04:41

ความคิดเห็นที่ 52 ขอสื่อสารถึง จขกท.ผู้ที่กล่าวถึง กรองคำ สักสามสี่ห้าหกเจ็ดสิบประโยค  ซึ่งก็หวังว่าคงจะไม่มีใครมา ออกหน้า แทน จขกท. ชี้หน้าว่า มาทำให้รกกระทู้-กระทู้รกนะ เพราะว่า แค่กิ๊ฟท์คะแนนเดียวที่ ชมเชย คคห. ที่เปรียบเทียบ-ตีความได้ตรง เป็นธรรมชาติ ตามคุณสมบัติโดยธรรมชาติของสิ่งสองสิ่งนั้น  เมื่ออ่านแล้วก็ไม่มีที่ผิดที่เกินเลยจริง(แม้จะไม่ยังครบถ้วน-ก็เป็นตามสิทธิ์ในความคิดเห็นของท่านฯ)แล้วก็ให้กิ๊ฟท์ชมเชยไว้   แต่เพียงแค่นี้ ก็ทำให้กระทู้นี้กระเทือนหวั่นไหว จนพื้นที่แตกปริ ผลิ คคห.นอกเรื่องขึ้นมาอีกกรอบหนึ่ง เป็นได้ปานฉะนั้น !!! [คห.36] และเมื่อเป็นได้ถึงปานฉะนั้นแล้ว  ก็กรุณาอย่าได้คิดเล็กคิดน้อย คิดกลับ-สลับคำ กับสองคำท้าย ตรงที่บอกไว้ว่า "กระทู้รกนะ" ไปตามใจตนเอง-ตามอัตโนคติ แบบฉันคิดของฉันได้เอง ไม่ต้องมาชี้บอก เสียก่อนเล่า (เพราะการออกเสียงอ่านเมื่อสลับคำสองคำนั้นแล้ว มันจะไม่น่าฟัง และจะทำให้เกิดภาพที่ไม่สวยงามสมกับเป็นกระทู้ นิทาน กล่อมเด็กน้อยก่อนนอน [คห.27] ไปเลยทีเดียวเชียว !!!)   @ ยังไงก็ขอรบกวนคุณ กรองคำ ได้เข้าไปให้ความเห็นในการตอบคำถามของคุณ Carroth ที่กระทู้นีด้วยค่ะ กำลังรอคุณ กรองคำกันอยู่ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10797106/Y10797106.html  (ไม่รู้ว่า link นี้เจตนาลงไว้จะเอาให้ใครกดไป  เพราะ กรองคำ จำได้ดี-พอดีเลขมันพ้องกับเบอร์โทร.สำคัญเบอร์หนึ่งอย่างเป๊ะ) ตอบ :  ขอบคุณ login Ms.Kohlanta ที่อุตส่าห์แบ่งเวลาแบ่งพื้นที่ วางใบเตือน ไว้ตรงนี้ ... แต่ กรองคำ ไม่มีเจตนาจะทำให้ผู้ที่สนับสนุน จขกท.โจมตีบุคคล กระทู้นั้น/ท่านนั้น ต้องเก้อเขิน-รอคอยอยู่กับความกระหายหิว จากการได้สนุกปากไปชั่วครั้งชั่วคราว แล้วเว้นว่างไป แต่อย่างใด แต่ด้วยเหตุว่า หลายสิ่งหลายประการของหน้าที่การงานที่รับอาสา-รับภาระทำอยู่นี้ ไม่ได้เอื้อต่อการนั่งเจ่าเฝ้านานอยู่หน้ากระทู้ใดๆได้เหมือนกับผู้อื่นคนอื่นที่ออกจะโชคดีกับหน้าที่การงานที่มีเวลาเหลือเฟือ ฯ จึงเมื่อพอจะมีเวลาเหลือจากถอดรองเท้า-บิดน้ำออกจากถุงเท้าเปียกฝน พักดื่มชากาแฟพอให้คลายหนาวกับพายุฝนฟ้าคะนอง ก่อนกลับไปทำงานต่อ ก็จะ ทัวร์ผ่าน-อ่านดู พอให้รู้ให้เห็นในประเด็น-ในปรากฏการณ์ต่างๆ ไปตามกระทู้ที่น่าสนใจ  ในกระทู้ที่เป็นประเด็นแปลกใหม่ ฯลฯ พอให้รู้ว่าเครื่องมือเครื่องใช้ยังทำงานได้ตามปรกติ ... ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรกว่านั้นเลย (อย่างตอนนี้ 16:45 ก็ถือว่าโชคดีที่ฟ้าปิด พายุลง ทัศนะวิสัยไม่เกิน ๑ กม.  ทำงานกันไม่ได้-ก็นั่งรอต่อไป  และถ้าพอจะทำอะไรๆที่จะประโยชน์แก่ส่วนรวมได้บ้างก็ทำ  ดังเช่น ปล. ที่ปรากฏข้างล่างต่อไปนี้- ซึ่งก็เป็นตามปรกติธรรมดา ๆ ของสามัญสำนึก  ที่ไม่ได้เน้นเห็นสิ่งอื่นอย่างอื่นเป็นเนื้อหาสาระสำคัญ เกินไปกว่างานบนแผ่นดินที่เห็นเป็นอยู่ ณ เบื้องหน้าขณะนี้ - เพียงเท่านี้เอง) ปล. ไข่มุก มีกำเนิดจากเศษธุลีปฏิกูลชิ้นเล็กๆในทะเลซึ่งมีอยู่มากเกินจะคะเนนับได้ ธุลีปฏิกูลเหล่านั้นถูกกระแสน้ำพัดพาไปตามยถากรรม แล้วให้เป็นความบังเอิญตามธรรมชาติ ที่ ชิ้นหนึ่ง ๆ ของสวะปฏิกูลนั้นๆ ได้ตกลงไปติดอยู่บนผิวเนื้อของหอยที่เปิดกาบหาอาหารบนหน้าดิน บนผิวโคลนตมใต้ทะเลนั้นๆ หอยได้คายเมือกเคมีตามธรรมชาติที่มีอยู่ออกมาคลุม หุ้มกั้นไม่ให้เศษสวะธุลีชิ้นนั้นก่อความระคายเคืองให้เป็นอันตรายแก่ตัวหอย  จากนั้น ธุลีสวะ-ขยะชิ้นเล็กในทะเลชิ้นนั้นก็จึงมีรูปร่างเป็น วัตถุแปลกปลอมในกาบหอย มีรูปลักษณะและขนาดแตกต่างกันไป ตามกาลเวลา ตามขนาดความสมบูรณ์แข็งแรงของหอยตัวนั้น ๆ ไข่มุก สันฐานส่วนใหญ่ของเศษธุลี-ขยะ-สวะปฏิกูลทะเลเป็นแบบกึ่งกลมกึ่งบิดเบี้ยว ที่เคลือบด้วยเคมีธรรมชาติของหอยผสมธาตุแคลเซี่ยมในทะเล  แล้วกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนรู้จัก-เรียกขานกันต่อมาว่าเป็น "ไข่มุก"  และรู้โดยทั่วกันว่า เป็นสิ่งไร้ชีวิตจากธรรมชาติ ไม่มีจิตวิญญาณใดๆสิงสู่อยู่ภายในวัตถุเม็ดนั้นๆเลย  ปัจจุบัน-และเนิ่นนานมาแล้ว มนุษย์สามารถสร้าง สิ่งเทียมไข่มุก ขึ้นเป็นรูปแบบใดๆได้ตามความต้องการใช้ประโยชน์ของมนุษย์กลุ่มนั้นๆ ไม่ว่าจะเอาไปป่นผสมขึ้นเป็นเครื่องสำอางค์-เจาะรูร้อยทำเครื่องแต่งกาย-จับเข้าเขี้ยวเกาะเกี่ยวตรึงเป็นแหวนและเครื่องประดับสารพัดรูปแบบ  และแม้แต่ใช้เป็นอาหารในสัตว์ทดลองบางประเภท เพื่อหาความเป็นพิษภัยอันตรายแฝงปนเปื่อน ก่อนที่จะนำมาผสมใส่อาหาร-ยาสำหรับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ฯ ดอกกุหลาบ  มีอรรถาธิบายปรากฏอยู่ในหลายๆวรรคตอนของคำสอนทางศาสนา ในตำนานจากศรัทธาความเชื่อของทุกเชื้อชาติบนโลกศิวิลัยนี้มีกล่าวถึง ตำนานดอกกุหลาบ ไว้อย่างสวยงามและได้สาระ มีอุทาหรณ์คำสอนแฝงไว้ให้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย  และไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยว่ามีการตีความหมายดอกกุหลาบไปในทางเสื่อมเสียชั่วร้ายเลวทราม แม้แต่ในพิธีฝังศพ กุหลาบดอกเดียวที่ถูกโยนตามศพลงไป ก็ยังสื่อความหมายดีๆให้แก่ทั้งผู้ยังอยู่และผู้ที่จากไป  เป็นได้ทั้งตัวแทนของความรัก ความปรารถนาดี สิ่งช่วยชี้ทางสงบสุข และเป็นสื่อแสดงถึงความสันติ อโหสิ-ให้อภัยแก่กันและกัน ผู้คนทั้งโลกรับรู้กันว่าดอกกุหลาบเป็น  สิ่งที่มีชีวิต  ปลุกความสดชื่นแก่ชีวิตได้ตั้งแต่แรกเห็น  และเยือกเย็นชื่นใจเมื่อได้เข้าใกล้ ด้วยกลิ่นหอมจรุงเรื่อที่มีเกิดจากดอกกุหลาบ อันอณูอากาศไม่เคยถูกรังเกียจ ยามที่พากลิ่นนี้ล่องลอยไป ดอกกุหลาบ มีกำเนิดและขยาย-กระจายพันธุ์-แตกสายพันธุ์ออกไปตามวัฏจักร บนกฏเกณฑ์ของวิวัฒนาการทางธรรมชาติบนแผ่นดินถิ่นเกิดของเหล่ากอดอกกุหลาบนั้นๆ @ และมหัศจรรย์แห่งดอกกุหลาบก็ไม่เคยหลับไหลหรือเหือดแห้งหายตายไปจากจิตใจของมนุษย์ @ (แม้แต่ สก๊อย ที่หลบโคนเสาไฟฟ้าท้ายซอยอย่างเหงาๆ (เพราะตังหมดเป๋าและน้ำมันเหลือขอดก้นถัง) เธอยังมีใจละเมอว่า ROSES never die...วาเลนไทน์แล้วนะเทอว์  แวะไปจิ๊กตังป๊ะ ออกไปหาซื้อหลาบจั๊กดอกแล้ว ลัลล้าวาเลนไทน์กันเถอะ-เร้ว!!!) (ขอเพิ่มเติมอีกนิด) @ วัรดะห์-วัลดะฮฺ [วัน-ด่ะหฺ] ในภาษาอะหรับ แปลว่า ดอกกุหลาบ ??? ได้ยินได้เห็น มุสลิมะฮฺเชื้อสายไทย-มลายู หลายคนที่นราธิวาสนี้ มีชื่ออะหรับ ออกเสียงเรียกขานกันในห้องเรียน-หน้าเสาธงชาติว่า "วัน-ดะ" และที่โรงเรียนหนึ่ง เด็กนักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองนักเรียนทั้งไทยและมุสลิม เขาเรียกครูหญิงผู้คลุมฮิยาบท่านหนึ่งว่า "ครูกุหลาบ"  สื่อในความหมายของ ดอกกุหลาบ ได้หรือไม่-ใช่หรือไม่ ??? คงจะขอรบกวนท่านแมทท์ ว่างเข้ามาให้ คคห. อีกครั้ง ทางแถบถิ่นทะเลทราย ชนอาหรับโบราณ เปรียบ ดอกกุหลาบ ว่าเหมือนความงามอย่างสมบูรณ์แบบของผู้ชาย เป็นลักษณะ-แบบอย่างของ ชายชาตรี* (บางอรรถาธิบายมีบรรยายว่า มีดอกกุหลาบเกิดขึ้นมาจากหยาดเหงื่อของพระศาสดาโมฮัมมัดตอนท่านเสด็จสู่สวรรค์) และยังมีตำนานกุหลาบสีน้ำเงินของชาวอาหรับอีกด้วย ตำนานไดเลาวาเกษตรกรชาวอาหรับชื่อ Ibn al. Assam สามารถปลูกกุหลาบสีน้ำเงินได้  ซึ่งนักชีววิทยา-นักวิทยาศาสตร์สายเทคโนชีวภาพหลายกลุ่มในปัจจุบันก็เชื่อว่าสามารถทำได้-มีได้ และเมื่อ 40 ล้านปีก่อนโน้น โลกเคยมีกุหลาบสีน้ำเงิน แต่สูญพันธุ์ไปแล้ว  เหลือแต่เท่าที่เห็น และเท่าที่พัฒนาขึ้นมาได้ในทุกวันนี้ @ กุหลาบสีน้ำเงิน  คงจะให้ความรู้สึกที่สงบเย็น มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อสรรพสิ่งรอบข้างไปโดยง่าย แก่ผู้ที่ได้รับ  รึเปล่านะ ??? (ก็แค่ถามไปเช่นนั้นเอง เพราะบางสิ่งในตำนานเล่าขานสืบต่อกันมา ก็คือ อุบายธรรมจากบรรพชน ให้ไว้เพิ่อปลอบใจในความเป็นไปของมนุษย์สามัญบนโลกสมัยใหม่นี้ - เท่านั้นเอง ฯ) จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:35:53

ความคิดเห็นที่ 53 กุหลาบสีน้ำเงิน  คงจะให้ความรู้สึกที่สงบเย็น มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อสรรพสิ่งรอบข้างไปโดยง่าย แก่ผู้ที่ได้รับ  รึเปล่านะ ??? จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:37:46

ความคิดเห็นที่ 54 "...แต่เพียงแค่นี้ ก็ทำให้กระทู้นี้กระเทือนหวั่นไหว จนพื้นที่แตกปริ ผลิ คคห.นอกเรื่องขึ้นมาอีกกรอบหนึ่ง..." ชอบประโยคนี้ของคุณกรองคำเสียจริงเลยค่ะ         จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 23:07:52

ความคิดเห็นที่ 55 แต่ก็น่าเสียดายที่คุณกรองคำไม่มีเวลาตอบกระทู้โน้น แต่ยังไงก็ดีใจที่ยังพอมีเวลามาตอบกระทู้นี้ ไม่รู้จะกล่าวคำขอบคุณอย่างไรดี ฝาก เย็นๆหวานๆให้รับประทานแก้กระหายไปแล้วกัน แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 23:36:24 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 23:31:47

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ Lamelez   ฉันก็เป็นมุสลิมตอนใต้ แต่เท่าที่ได้ยินได้ฟังมามันก็ไม่ค่อยตรงกันอย่างที่คุณว่ามาเท่าไหร่นะคะ น่าจะเป็นความคิดของคนบางส่วนเท่านั้นนะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 23:43:12

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ : Ms.Kohlanta  ผมหมายถึง สามจังหวัดชายแดนใต้ ขอโทษที่ใช้ที่กว้างจนเข้าใจผิดกัน ป.ล. หนังสือกัมปง มันไร้สาระจนเชือถือไม่ได้ เหมือนที่คุณระริกระรี้ว่าจริงหรือไม่ อยากรู้ข้อเท็จจริง แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 01:03:41 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 00:33:28

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องจะเป็นดั่ง กุหลาบ หรือ ไข่มุก ก็สุดแท้แต่จะเลือกละครับ มีดีคนละแบบ จะมองแบบ การเก็บนวลสงวนตัว ก็ต้องยกแบบนางสาวไข่มุก และหากมองแบบฉลาดซ่อนเสน่ห์ ก็ต้องแบบนางสาวกุหลาบ ในมุมมองของผมแล้ว ทั้งสองแบบก็มีคุณค่าด้วยกันทั้งสิ้น แต่ติดใจตรงที่ ใยมองนางสาวกุหลาบ เป็นดั่งสตรีที่ไม่ได้คลุมผมล่ะ ปัญหาสังคมมุสลิมสมัยใหม่นี้ ตามที่คุณ Lamelez พูดถึง ผมเห็นด้วย...เนื่องจากว่า เรากำลังโทษสังคมภายนอกที่มีผล กระทบต่อมุสลิม และ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงทีละนิดๆ ในทุกๆ ปี แต่ลืมที่จะนึกถึง การปรับตัวของตนเอง ให้เท่าทันสังคม เราไม่อาจจะห้ามการเปลี่ยนแปลงได้ เช่นเดียวกับเราไม่อาจจะห้ามยุคสมัยได้ แต่เราจะทำอย่างไรให้ เราเรียนรู้ และตระหนัก และคิดใช้ให้เกิดประโยชน์ มากกว่าที่จะใช้ให้เกิดผลเสีย อย่างยกกรณีของสังคมมุสลิมบางกลุ่ม มองเทคโนโลยี เป็นเรื่อง "อบายมุข" จึงห้ามดูทีวีและฟังวิทยุ แต่ในขณะที่ มุสลิมบางกลุ่ม กลับมองว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ มีโทษและมีคุณ ใช่แต่มองเป็นอบายมุข แต่เพียงอย่างเดียว แต่มีข้อดีด้วย เช่น ฟังข่าว ดูสารคดี และสารธรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อย่าว่าแต่เรื่องเทคโนโลยี ที่มองว่าเป็นเรื่องอบายมุขเลย เรื่องที่ไม่ได้เป็นอบายมุข เช่น อาหาร ที่ใครๆ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ให้ประโยชน์ ถ้าเผื่อได้บริโภคในจำนวนมากๆ ก็ให้โทษได้เช่นเดียวกัน กลายเป็นโรคอ้วน ปัญหาสารพัดโรค ก็ตามมา ทั้งความดัน เบาหวาน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด อย่างไรก็แล้วแต่ การมองเป็นเรื่อง ที่ดีและไม่ดี เป็นเรื่องทัศนคติของ แต่ละคนและแต่ละสังคม ผมเองก็เคารพการตัดสินใจ ของทุกคน จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 10:42:28

ความคิดเห็นที่ 59 ^ ^ นานๆจะแสดงความคิดเห็น ขอชื่นชมในการแสดงความคิดเห็น ที่เป็นกลาง ของคุณนะคะ นับถือ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 12:15:46 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 12:13:40

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ : กรองคำ กหลาบสีน้ำเงินตอนนี้มีขายแล้วนะ ซันโตรี บริษัทกลั่นสุราในญี่ปุ่น วางแผนจะขาย “ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน” ตามเมืองใหญ่ๆ ในประเทศในเดือนหน้า หลังจากใช้เวลาดัดแปลงพันธุกรรมร่วมกับบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพของ ออสเตรเลียมาร่วม 20 ปี ซันโตรีตั้งชื่อกุหลาบไฮเทคเหล่านี้ว่า “Applause” (การสรรเสริญ) และแนะนำให้ใช้เป็นของขวัญหรูสำหรับโอกาสพิเศษ เช่น วันครบรอบแต่งงาน หรือวันเกิด สนนราคาคาดว่าจะตกดอกละ 2,000-3,000 เยน (ประมาณ 748-1,122 บาท) แพงกว่าราคากุหลาบธรรมดาๆ ในแดนปลาดิบประมาณ 10 เท่า อย่างไรก็ตาม ยังคงขายเฉพาะในประเทศเท่านั้น เพราะบริษัทยังไม่มีแผนส่งออกไปขายในต่างประเทศในขณะนี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ สวยดีนะ แต่สียังไม่จัดเท่าที่ควร ต่อไปคงมีแบบสีจัดกว่านี้มาขาย แต่ดูในรูปผมมองว่าเป็นสีม่วงอ่อนนะ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 54 13:41:38 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:32:41

ความคิดเห็นที่ 61 แนะนำวิธีทำสีดอกกุหลาบสีน้ำเงิน โดยไม่ต้องไปซื้อให้แพงถึงญี่ปุน เอากุหลาบสีขาว มาแช่น้ำที่ผสมสีผสมอาหารสีน้ำเงิน แช่ใว้ ประมาณ 15 - 20 นาที หรือนานกว่านั้นหากต้องการให้สีเข้มขึ้น รอจนได้ความเข้มของสีที่พอใจ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 13:39:37

ความคิดเห็นที่ 62 ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ตรงกับกระทู้เลย เอาสักหน่อยละกัน เรื่องที่เถียงกันส่วนมากเป็นเรื่องที่มักจะพูดกันว่า มุสลิมะห์ที่คลุมฮิญาบหากไม่ทำตัวให้ดีตามกรอบศีลธรรมอันดีงามของสังคม ก็สู้พวกสตรีที่ไม่คลุมแต่ทำตัวอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงามของสังคมไม่ได้ จริงๆ แล้วคนละเรื่องนะ เป็นข้อบังคับทางศาสนาอิสลาม พวกที่ไม่คลุมฮิญาบจะมากล่าวหาพวกที่คลุมว่าสร้างภาพไม่ได้นะครับ ศาสนาเค้าให้ทำ จะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินไม่ได้ "โอ้นบีเอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบรรดาบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธาโดยให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนางเถิด" ( Qu’ran บทอัลอะหฺซาบ 33 : 59) ( ปล.ถ้าเป็นมุสลิมกลุ่ม กุรอานนียูร จะเชื่อว่าดึงผ้าลงมาปิดแค่ช่วงหน้าอกก็พอ  เพราะเขาจะเชื่อเฉพาะอัลกุรอาน ไม่เชื่อตัวบทฮะดีษ จะตีความกุรอานไปในแนวทางนี้ ) จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 14:10:38