Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สูรอัมพัฏฐอุบาสก... เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว{แตกประเด็นจาก Y10850219} ติดต่อทีมงาน

http://www.youtube.com/watch?v=yaCMOZ4FcVI&feature=related

สูรอัมพัฏฐอุบาสก เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว


สูรอัมพัฏฐะ เกิดในตระกูลเศรษฐี บิดามารดามีศรัทธาเลื่อมใสนักบวชอัญเดียรถีย์
ตนเองเมื่อเจริญวัยขึ้นมาอยู่ในฆราวาสวิสัยก็มีใจศรัทธาเลื่อมใส
ให้การบำรุงอุปัฏฐากอัญเดียรถีย์ตามบิดามารดาด้วยเช่นกัน

ในเวลาใกล้รุ่งสว่างของราตรีหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงตรวจดูอุปนิสัยของสัตว์โลกได้
ทอดพระเนตรเห็นเหตุแห่งอุปนิสัยโสดาปัตติมรรคของสูรอัมพัฏฐะ
ครั้นรุ่งสางแล้ว จึงทรงถือบาตรเสด็จไปประทับยืนที่ประตูบ้านของเขา
เมื่อเขาแลเห็นพระผู้มีพระภาคแล้วคิดว่า “การที่พระสมณโคดมผู้เสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่
แล้วเสด็จออกบรรพชา โดยมิได้มีความห่วงอาลัยในราชสมบัติ
ทรงบำเพ็ญเพียรจนได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้า
เที่ยวสั่งสอนมหาชนให้บรรลุมรรคผลตามอำนาจวาสนาบารมี
เป็นที่รู้จักเคารพนับถือของชาวโลกทั้งหลาย
พระองค์เสด็จมาถึงประตูเรือนของเราแล้ว
ถ้าเรานิ่งเฉยอยู่ก็จะเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง”

เมื่อคิดดังนี้แล้วก็รีบลุกขึ้นเข้าไปกราบแทบพระยุคลบาท
รับบาตรจากพระหัตถ์แล้ว กราบทูลอาราธนาให้เสด็จเข้าไปประทับภายในเรือน
แล้วถวายภัตตาหารอันประณีตแด่พระพุทธองค์
ครั้นเสด็จภัตกิจแล้ว พระบรมศาสดา ทรงแสดงพระธรรมเทศนา
ตามอนุรูปแก่อุปนิสัยจริยาของเขา
เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้วเขาก็ได้บรรลุโสดาปัตตผล
ดำรงอยู่ในอริยภูมิในพระพุทธศาสนา
ส่วนพระบรมศาสดาก็เสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร

ขณะนั้น มารตนหนึ่งคิดว่า สูรอัมพัฏฐะนี้เป็นสมบัติของเรา แต่วันนี้พระสมณโคดม
เสด็จมาทำให้เขาดำรงอยู่ในอริยภูมิเสียแล้ว สมควรที่เราจะรู้ว่าเขาพ้นจากวิสัยของเราแล้วหรือยัง
จึงเนรมิตรูปร่างให้ละม้ายคล้ายกับพระทศพล พร้อมทั้งทรงบาตรและจีวรมีสีสันฐานดุจเดียวกัน
แสดงท่าเสด็จพระราชดำเนินด้วยอากัปกิริยาของพระพุทธองค์ทรงด้วยพระลักษณะ ๓๒ ประการมาประทับยืนที่ประตูบ้านของสูรอัมพัฏฐะ

ฝ่ายสูรอัมพัฏฐะ ได้ทราบว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จมาอีกก็คิดว่า “ธรรมดาการเสด็จไปในที่ไหนๆ
แบบไม่แน่นอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้นไม่มีเลย เหตุไฉนหนอ พระพุทธองค์เพิ่งจะเสด็จกลับไปได้ไม่นาน จึงเสด็จกลับมาประทับยืนดังเดิมอีก” เมื่อคิดดังนี้แล้ว ก็รีบออกไปถวายการต้อนรับกราบถวายบังคมแล้วยืน
ณ ที่อันสมควรแก่ตน พลางกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ทรงกระทำภัตกิจในเรื่องของข้าพระองค์แล้ว
เพราะเหตุไรพระองค์จึงเสด็จมาอีกพระเจ้าข้า?”

มารในรูปของพระพุทธองค์กล่าวว่า
“ดูก่อนสุรอัมพัฏฐะ เรากล่าวธรรมแก่ท่านไม่ทันได้พิจารณาโดยได้กล่าวไปว่า
ปัญจขันธ์ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา หมายถึงทุกอย่างนั้น
แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นทั้งหมด เพราะว่า
ขันธ์บางอย่างบางพวก ที่เป็นของเที่ยง มั่นคง ยั่งยืน ก็มีอยู่”

สูรอัมพัฏฐะ ได้ฟังดังนั้นแล้วคิดว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องหนักอย่างยิ่ง
ด้วยว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่ตรัสคำที่เป็นสอง”
จึงคิดต่อไปอีกว่า “ขึ้นชื่อว่ามารทั้งหลายย่อมเป็นข้าศึกต่อพระพุทธองค์
ท่านผู้นี้คงจะต้องเป็นมารแน่” จึงกล่าวถามไปตรงๆ ว่า “ท่านเป็นมารหรือ?”
ด้วยถ้อยคำของพระอริยสาวกกล่าวเพียงเท่านั้น ประหนึ่งว่าเอาขวานฟันลงบนศีรษะ
มารนั้น จนไม่สามารถจะดำรงภาวะของตนได้ จึงกล่าวรับว่า “ใช่แล้ว เราเป็นมาร”


สูรอัมพัฏฐะ จึงชี้หน้าว่ากล่าวสำทับไปว่า
“แม้มารตั้งร้อยตั้งพันก็ไม่สามารถทำศรัทธาของเราให้หวั่นไหวได้
พระพุทธองค์เมื่อทรงแสดงธรรมแก่เราก็ทรงแสดงปลุกเราให้
ตื่นจากอวิชชาว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา
ดังนั้น ท่านจงอย่ามายืนใกล้ประตูเรือนของเรา จงออกไปในบัดนี้”
มารได้ฟังคำของอุบาสกแล้ว ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ รีบถอยกรูดๆ
ออกไปโดยไม่พูดจา อันตรธานหายไปจากที่นั้นในทันที

เย็นวันนั้น สูรอัมพัฏฐอุบาสก
ได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกราบทูลเนื้อความให้ทราบ
โดยตลอดแล้ว พระพุทธองค์ทรงปรารภเหตุนั้น
และได้ประกาศยกย่อง สถาปนาสูรอัมพัฏฐอุบาสก
ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าอุบาสกทั้งหลาย
ในฝ่ายผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว...

แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 54 23:10:04

จากคุณ : นัยนะ
เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:01:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com