สรุปได้ความว่า อนิจจสัญญา อันบุคคลเจริญเพียงกาลลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าทานทั้งหลายโดยแท้
- อนิจจสัญญา เป็นไฉน ?
ดูกรอานนท์ ก็ อนิจจสัญญา เป็นไฉน ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างเปล่าก็ดี ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า
รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง
ย่อมพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยงในอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ด้วยประการอย่างนี้
ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่า อนิจจสัญญา ฯ
// ทสก.อ. ๒๔/๙๙/๖๐
- อนิจจสัญญา ครอบงำอวิชชาทั้งปวงได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนิจจสัญญา อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
ย่อมครอบงำกามราคะทั้งปวงได้
ย่อมครอบงำรูปราคะทั้งปวงได้
ย่อมครอบงำภวราคะทั้งปวงได้
ย่อมครอบงำอวิชชาทั้งปวงได้
ย่อมถอนขึ้นซึ่งอัสมิมานะทั้งปวงได้.
- อนิจจสัญญา ธรรมเป็นส่วนแห่งวิชชา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ ย่อมเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ
อนิจจสัญญา ๑ อนิจเจทุกขสัญญา ๑ ทุกเขอนัตตสัญญา ๑
ปหานสัญญา ๑ วิราคสัญญา ๑ นิโรธสัญญา ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา ฯ
//ปญฺ จก. อํ. ๒๒/๓๐๔/๓๐๖
- อนิจจสัญญา เป็นไปเพื่อละอัสสาททิฐิ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ
อัสสาททิฐิ (สัสสตทิฐิ) ๑ อัตตานุทิฐิ (สักกายทิฐิ) ๑ มิจฉาทิฐิ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้แล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการอันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อละธรรม ๓ ประการ
เหล่านี้ ๓ ประการเป็นไฉน คือ อนิจจสัญญา ๑ อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อละอัสสาททิฐิ
อนัตตสัญญา ๑ อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อละอัตตานุทิฐิ
สัมมาทิฐิ ๑ อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อละมิจฉาทิฐิ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๓ ประการนี้ อันภิกษุพึงให้เจริญเพื่อละธรรม ๓ ประการนี้แล ฯ
//ปญฺ จก. อํ. ๒๒/๔๐๑/๓๘๓
- บุคคลเจริญ อนิจจสัญญา พึงหวังผลอมตะได้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๕ ประการนี้ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด
สัญญา ๕ ประการเป็นไฉน คือ
อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา มรณสัญญา อาหาเรปฏิกูลสัญญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๕ ประการนี้แล อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มากหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด ฯ
//ปญฺ จก. อํ. ๒๒/๗๐/๖๑
- อนิจจสัญญา >> อนัตตสัญญา >> นิพพาน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แหละภิกษุนั้นตั้งอยู่ในธรรม ๕ ประการนี้แล้ว
พึงเจริญธรรม ๔ ประการให้ยิ่งขึ้นไป คือ
พึงเจริญอสุภะเพื่อละราคะ
พึงเจริญเมตตาเพื่อละความพยาบาท
พึงเจริญอานาปานสติเพื่อเข้าไปตัดวิตก
พึงเจริญอนิจจสัญญาเพื่อถอนอัสมิมานะ
ดูกรภิกษุทั้งหลายอนัตตสัญญาย่อมปรากฏแก่ภิกษุผู้ได้อนิจจสัญญา
ผู้ที่ได้อนัตตสัญญาย่อมบรรลุนิพพาน อันถอนเสียได้ซึ่งอัสมิมานะในปัจจุบันทีเดียว ฯ
//นวก. อํ. ๒๓/๒๘๕/๒๐๕
- บุคคลเจริญ อนิจจสัญญา ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อปริหานิยธรรม ๗ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุทั้งหลายจักเจริญอนิจจสัญญาอยู่เพียงใด
ภิกษุทั้งหลายก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่พึงหวังความเสื่อมเลย เพียงนั้น
...ฯลฯ...
//นวก. อํ. ๒๓/๒๕/๒๕
- อานิสงส์ ๖ ประการปรากฏพร้อม อนิจจสัญญา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการ
เป็นผู้สามารถเพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในสังขารทั้งปวง แล้วยังอนิจจสัญญาให้ปรากฏ
อานิสงส์ ๖ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุพิจารณาเห็นอยู่ว่า
สังขารทั้งปวงจักปรากฏโดยความเป็นของไม่มั่นคง ๑
ใจของเราจักไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ๑
ใจของเราจักออกจากโลกทั้งปวง ๑
ใจของเราจักน้อมไปสู่นิพพาน ๑
สังโยชน์ทั้งหลายของเราจักถึงการละได้ ๑
และเราจักเป็นผู้ประกอบด้วยสามัญญธรรมชั้นเยี่ยม ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นอานิสงส์ ๖ ประการนี้แล
เป็นผู้สามารถเพื่อไม่กระทำเขตจำกัดในสังขารทั้งปวง แล้วยังอนิจจสัญญาให้ปรากฏ ฯ
//ปญฺ จก. อํ. ๒๒/๓๙๖/๓๗๓
อีกประเด็นสำคัญของกระทู้นี้ คือ...
เชิญชวนเพื่อนๆ ยกพระสูตรที่ชื่นชอบ ร่วมกันแบ่งปันครับ