ความคิดเห็นที่ 1 ทั้ง 13 ราศรีนั้นมีขนาดไม่เท่ากันครับ ซึ่งถ้าใครเคยใช้ปฏิทินโหราศาสตร์ก็จะทราบดีอยู่แล้วว่าแต่ละราศรีนั้นมีห้วงเวลาที่ไม่เท่ากัน แต่ละราศรีผมได้กำหนดมาดังนี้ 1. ราศรีเมษ    มีขนาด 30 องศา ระยะ   0.01 -  30 องศา 2.    "  พฤษก      "    24   "        "    30.01 -  54   " 3.    "  มิถุน        "    18   "        "    54.01 -   72   " 4.    "  กรกฏ       "    30   "        "    72.01 - 102   " 5.    "  สิงห์         "    36   "        "  102.01 - 138   " 6.    "  กันย์         "    42   "        "  138.01 - 180   " 7.    "  ตุลย์         "    42   "        "  180.01 - 222   " 8.    "  พิจิก         "    30   "        "  222.01 - 252   " 9.    "  คนแบกงู    "   18   "        "   252.01 - 270   " 10.  "  ธนู           "    18   "        "  270.01 - 288   " 11.  "  มังกร        "    18   "        "  288.01 - 306   " 12.  "  กุมภ์         "    24   "        "  306.01 - 330   " 13.  "  มีน           "    30   "        "  330.01 - 360   " จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 23:13:10

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องดาวเจ้าของราศรี หรือภาษาโหรฯ "ดาวเจ้าเรือน" - สมัยก่อนมนุษย์เราดูดาวด้วยตา เห็นพระเคราะห์ไม่กี่ดวง จึงทำให้เป็นเกษตร 2 เรือน - อ.พลูหลวงเป็นโหรฯยุคที่มีกล้องส่องดูดาว เห็นดาวมากขึ้น จึงเริ่มกำหนดเป็นเกษตรเรือนเดียว (แต่สมัยอ.พลูหลวงเองก็ยังค้นไม่พบดาวเจ้าเรือนราศรีมิถุน จึงให้พระเกตุ+ราหูครองไปพลางๆก่อน) มายุคนี้ปี 2554 ยุคการ Internet ที่สื่อสารไร้พรหมแดน แล้วจากข้อมูลที่ว่า -  13 ราศรีนี้เขาเป็นกลุ่มดาวที่อยู่นอกระบบสุริยะจักรวาลอันไกลโพ้น แต่ก็ยังพอส่องแสงมาถึง เราจึงเห็นกันบนท้องฟ้ายามค่ำคืน - ดาวในระบบสุริยะจักรวาลของเรา(รวมดวงอาทิตย์+ดวงจันทร์ของโลกด้วย) พาดผ่านการส่องแสงของกลุ่มดาวเหล่านี้ แล้วเกิดมีพลัง หรือ เสื่อมกำลัง กลายเป็นให้คุณ/ให้โทษกับดวงชะตาแต่ละคน กลับทำให้ผมรู้สึกว่าจริงๆแล้ว อาจไม่มีรงมีเรือนอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้ว เป็นเพียงดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเรา มี effect ต่อกลุ่มดาวเหล่านี้เท่านั้น ....อย่างไรก็ดี ระบบดาวเจ้าของราศรี หรือภาษาโหรฯคือ "เรือน (House)" นี้ผมมองได้ 2 แบบ คือ 1. เรือนที่มีเข้าของเพียงแต่ผู้เดียว (คงโอน+ผ่อนเสร็จแล้ว ^_^) ได้แก่ ราศรีกรกฏ,สิงห์,กันย์,ตุลย์,พิจิก,ธนู,มังกร 2. เรือนที่มีเจ้าของร่วม ได้แก่ ราศรีกุมภ์ 3. เรือนที่เป็นที่พักริมทาง ได้แก่ราศรีพฤษก ถ้าคิดได้แบบนี้ คงก็ไม่จำเป็นต้องแยกวิธีโหรฯเป็น 2 พวกอีก คือไม่ว่าจะใช้ 2 เรือนหรือ 1 เรือน ก็ทำนายได้ไม่ต่างกัน ทำให้พอกำหนดดาวเจ้าเรือนได้ดังนี้ครับ 1. ราศรีเมษ        = อังคาร, พลูโต 2.    "  พฤษก      " ศุกร์, แบคคัส, ราหู 3.    "  มิถุน        "  พุธ, เกตุ, กาฬเทวี 4.    "  กรกฏ       "  จันทร์ 5.    "  สิงห์         "  อาทิตย์ 6.    "  กันย์         "  พุธ 7.    "  ตุลย์         "  ศุกร์ 8.    "  พิจิก         "  อังคาร 9.    "  คนแบกงู    "  อังคาร, พลูโต, พฤหัสบดี 10.  "  ธนู           "   พฤหัสบดี 11.  "  มังกร        "   เสาร์ 12.  "  กุมภ์         "   ราหู, เสาร์, ยูเรนัส(มฤตยู) 13.  "  มีน           "   พฤสบดี, เนปจูน แบบนี้ไม่มั่ว แต่ทำให้คำทำนายนั้นกว้างขึ้นได้ มองอะไรได้กว้างกว่าเดิม แล้วสามารถนำมาตีกรอบเป็นคำทำนายจำเพาะเจาะจงได้ดียิ่งขึ้นครับ จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 23:43:33

ความคิดเห็นที่ 3 พอแบ่งเป็น 13 ภพ ผมก็ลองตั้งตามลัคนาโลกดูครับ (จริงๆผมใช้ทำนายมาได้สักพักแล้ว) ดังนี้ ภพที่ 1 ตนุ (Vita) - ตนเอง, สุขภาพ, เรื่องทั่วๆไป = Ego, Persona ภพที่ 2 กฏุมภะ (Luerum) - เงินทอง = Values, Possessions ภพที่ 3 สหัชชะ (Fratres) - เพื่อน, พี่น้อง, ญาติ, การเรียน, การเดินทางใกล้ๆ, การติดต่อสื่อสาร = Perspective, Voice ภพที่ 4 พันธุ (Genitor) - ที่ดิน, บ้าน, สังหาริมทรัพย์, คนในครอบครัว, ผู้หลักผู้ใหญ่ = Roots, Home ภพที่ 5 ปุตตะ (Nati) - ลูก, หลาน, บริวาร, เสี่ยงโชค, แข่งขัน, ความสุขสำราญใจ, ความรัก = Creation, Pleasure ภพที่ 6 อริ (Valetudo) - โรคภัย, อุปสรรค, ศัตรู = Duty, Health ภพที่ 7 ปัตนิ (Uxor) - คู่ครอง, ความรัก, เพศตรงข้าม, หุ้นส่วน, คู่หู, ศัตรูเปิดเผย = Love, Hate ภพที่ 8 มรณะ (Mors) - จบสิ้น, เริ่มต้นใหม่, ตาย, มรดก = Sex, Death ภพที่ 9 เอกภาวะ(ผมตั้งชื่อเอง แปลว่าสัจธรรม) - ศาสนา/สิ่งศักดิ์สิทธิ์, ปรึกษา, วิชาการ, การรักษาพยาบาล(เป็นได้ทั้งทางกายและใจ) = Continuation, Healing ภพที่ 10 ศุภะ (Pietus) - การเดินทางไกล, กีฬา,ต่างประเทศ = Travel ภพที่ 11 กัมมะ (Regnum) - งาน, ตำแหน่ง, การดำเนินชีวิต = Career, Public ภพที่ 12 ลาภะ (Benefactague) - เพื่อนสนิท, ผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือ = Friends, Global ภพที่ 13 วินาสนะ (Carreer) - ลับๆ, ซ่อนเร้น, ศัตรูในที่ลับ, จำกัด, ส่วนลึก = Subconscious, Soul ผู้ที่ศึกษาโหรฯมาคงรู้ดีว่า ภพศุภะนั้นมี 2 ความหมายใหญ่ๆที่ไม่น่าเกียวข้องกันคือ ศาสนา/ความสุขทางใจ/ปัญญา กับ "การเดินทางไกล" ซึ่งคนละเรืองกันเลย ทั้งภพมรณะเองก็มีเรื่องของสุขภาพล้มเจ็บเข้ามากวนด้วย แต่คนไทยส่วนมาก เมื่อป่วยก็มักตาย จึงเหมาๆรวมไปเลยว่าเป็นความหมายหนึ่งในภพมรณะ ผมจึงแยกเรื่อง ศาสนา/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการรักษาพยาบาล(ทั้งทางกาย+ใจ) ออกมาไว้ในราศรีคนแบกงู/แพทย์ ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 02:01:25 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 01:37:45 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 00:13:33 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 00:13:15 จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 00:02:06

ความคิดเห็นที่ 4 "ธาตุ (Element)" เหตุที่โหรฯแต่ละที่ไม่เหมือนกันนั้น ไม่มีใครผิดหรอกครับ ถ้าเราได้ศึกษาถึงพื้นภูมิการดำรงชีวิตของผู้คนแต่ละท้องถิ่นแล้วจะไม่แปลกใจ เช่น - สยามประเทศ เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ ประชาชนตั้งแต่โบราณมาเป็นเกษตรกร โหรฯไทยจึงแยกธาตุตามดินฟ้าอากาศ เพื่อช่วยหาว่าฤดูไหนเหมาะแก่กรเพาะปลูก จึงมี 4 ธาตุคือ 1.ไฟ, 2.น้ำ, 3.ลม และ4.ดิน - ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีประชากรมากล้น ผู้คนจึงจำเป็นต้องแก่งแย่งแข่งขันกันเพื่อเอาชีวิตรอด ดูง่ายๆ คนไทยปัจจุบันมี 70 ล้านคน แข่งกันรวย แข่งกันมีเงิน จนบ้านเมืองวุ่นวาย คิดหรือไม่ว่า 70 ล้านคนนี่เป็จำนวนประชากรของประเทศจีนสมัยเมือกี่ร้อยกี่พันปีที่แล้ว? ใช่ครับ ศาสตร์จีนจึงพัฒนาเรืองการทำให้ร่ำรวยมากกวาศาสตร์ไทย เหตุนี้จึงแบ่งธาตุเป็น 5 ธาตุคือ 1.ไฟ, 2. ดิน, 3. น้ำ, 4.ไม้ และ 5.ทอง - ประเทศตะวันตกแบ่งเป็น 5 ธาตุคือ 1.Fire, 2.Air, 3.Water, 4.Earth และ 5.Spirit ตลอดเวลาที่ผมดูดวงมา ผมลองศึกษาค้นคว้แล้วนำมาประยุกต์ในหลักโหราศาสตร์ ซึ่งพอได้ผลใกล้เคียง โดยผมได้แบ่งธาตุออกเป็นดังนี้ ทำให้พอกำหนดดาวเจ้าเรือนได้ดังนี้ครับ 1. ราศรีเมษ        = ไฟ 2.    "  พฤษก      " ทอง 3.    "  มิถุน        "  ลม 4.    "  กรกฏ       "  น้ำ 5.    "  สิงห์         "  ไฟ 6.    "  กันย์         "  ไม้ 7.    "  ตุลย์         "  ลม 8.    "  พิจิก         "  น้ำ 9.    "  คนแบกงู    "  Spirit 10.  "  ธนู           "   ไฟ 11.  "  มังกร        "   ดิน 12.  "  กุมภ์         "   ลม 13.  "  มีน           "   น้ำ จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 00:12:22

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับเรื่องนวางค์ผมยังคงไว้เช่นเดิมครับคือ 1นวางค์ = 3 องศา 20 ลิปดา แต่...นวางค์จะไม่ขึ้นกับราศรีอีกต่อไป คือแต่ละราศรีไม่จำเป็นต้องมี 9 นวางค์ ผมให้นวางค์ก็คือนวางค์ราศรีก็คือราศรีแยกกันคือ 1 จักร มี 13 ราศรี 1 จักร มี 108 นวางค์(เช่นเดิม)ครับ จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:18:20

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนเรื่องมุมต่างๆอันได้แก่ กุม(0), โยค(60), กากบาท(90), ตรีโกณฑ์(120), ปลายหอก(150) และเล็งนั้น ผมมองแบบเดียวกับยูเรเนี่ยน คือเราว่ากันด้วยระยะห่างองศากันเลยดีกว่า เช่น - ดาวศุกร์ อยู่ราศรีกรกฏ ที่ 15 องศา      - ดาวมฤตยู อยู่ราศรีกันย์ ที่ 39องศา จาก คห.1 จะเห็นว่าดาวมฤตยูนั้นอยู่ห่างจากดาวศุกร์ = 15(ที่เหลือของกรกฏ 30-15=15) + 36(rangeของราศรีสิงห์) + 39(จุดที่ดาวมตตยูอยู่ราศรีกันย์)                                                      = 90 องศา เท่านี้ก็ตอบได้ว่าดาวศุกร์นั้นทำมุมกากบาท(90 องศา) กับดาวมฤตยู ไม่ได้เป็นมุมโยค(60 องศา) เพียงเพราะมองว่าห่างกัน 2 ราศรีเช่นเดิมแต่อย่างใดครับ จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:28:07

ความคิดเห็นที่ 7 ลองผูกดวงใหม่จากดวงตัวอย่างนี้ที่ผูกแบบปกตินี้ดูนะครับ จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:29:28

ความคิดเห็นที่ 8 1.ดาวพฤหัสบดีนั้นคงอยู่ตำแหน่งเดิมองศาลิปดาเดิม เพราะราศรีเมษเป็นราศรีเริ่มต้น มีระยะเท่าเดิมครับ 2. ดาวอังคาร อยู่ราศรีมิถุนที่  4.30 องศา หรือ = (30 x 2) + 4.30                                                             = 64.30 องศา จากจุดเริ่มต้นจักร จาก คห.1 ราศรีมิถุนมีขนาด  18 องศา คือ 54.01 -   72 องศา ดังนั้นดาวอังคารที่อยู่ 64.30องศานั้นก็อยู่ที่ราศรีมิถุนเช่นเดิม แต่ระยะเปลี่ยนไปครับเป็น 64.30 - 54 = 10.30 องศา ราศรีมิถุนแทนครับ ทำเช่นนี้ไปเรือยๆจนครบทุกดวงครับจะพบว่ามีเพียงดาวไม่กี่ดวงหรอกครับที่เปลี่ยนราศรีไป ส่วนมากก็อยู่ราศรีมิถุน,กรกฏ,พิจิก,ธนู,มังกร ครับที่ดาวกลายเป็นไปอยู่ราศรีอื่นแทน ผูกแบบใหม่ 13 ราศรีเสร็จเรียบร้อยแล้วลองเอาไปทำนายดูครับ จะพบว่ามีความแม่นยำขึ้นกว่าเดิม จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:35:52

ความคิดเห็นที่ 9 ยูเรเนี่ยน มักสร้างจุดกึ่งกลางระหว่างดาวที่เรียกว่า"ศูนย์รังสี" เราก็สามารถนำความรู้นี้มาประยุกต์เข้ากับโหราศาสตร์ไทยเราได้ครับ โดยจุดดังกล่าวนี้จะมีอำนาจก็ต่อเมื่อดวงดาวพาดผ่าน (ไม่ว่าจะดาวจรหรือในดวงเกิด) ตัวอย่าง ดวงเกิด มีลัคนาราศรีเมษ - ดาวพลูโตเจ้าเรือนลัคนาอยู่ราศรีตุลย์ที่ 1 องศา - ดาวศุกร์ อยู่ที่ราศรีคนแบกงู ที่ 1 องศา ดังนั้น ระยะห่างระหว่างดาวพลูโต - ดาวศุกร์ = (42-1) + 30 + 1                                                         = 72 องศา                                            ศูนย์รังสี  = 72 / 2 = 36                                                         = 36+1                                                         = 37 องศาราศรีตุลย์ ซึ่ง ดาวพลูโต = ตัวของคุณ (เจ้าเรือนตนุ) ดาวศุกร์ = คู่ครอง (เจ้าเรือนปัตนิ) ดังนั้นเมื่อดาวที่มีพลังด้านดีหรือที่เกี่ยวข้อง เช่นดาวพลูโต หรือดาวศุกร์ หรือดาวพฤหัสบดี ได้โคจรเข้าระยะมาใกล้เคียงที่ 37 องศาราศรีตุลย์ แบบนี้คุณก็อาจมีโอกาสพบรัก พบเนื้อคู่หรือคนถูกใจได้เป็นต้นครับ (สำหรับผมระยะเหนี่ยวนำกันนั้นแล้วแต่ดาวแต่ละดวงครับ แต่ถ้าจะเอาค่ากลางง่ายๆก็ บวก-ลบ 5 องศาครับ) แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 01:52:39 จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:52:05

ความคิดเห็นที่ 10 จากคห.9 ผมเพิ่มเติมไปคือ ผมดูที่ "ราศรี" ด้วยครับ ว่าจุดศูนย์รังสีนั้นไปอยู่ราศรีอะไร ซึ่งสามารถส่งผลให้กับเรื่องนั้นได้ด้วย สิ่งที่เพิ่มเติมมาอีกคือ "มองภพ"เช่นเดียวกับโหราศาสตร์ปกติเพิ่มไปด้วย เช่นนี้จะสามารถทำให้คุณสามารถค้นหาอะไรๆเฉพาะคนๆนั้นได้มากขึ้นครับ วิธีการนี้นำไปหาหลายๆเรื่องได้เช่น - จุดที่อาจได้รับอันตรายในชีวิต - จุดที่มีโชคลาภ - จุดที่ได้เดินทาง ฯลฯ เหล่านี้ลองประสมศาสตร์ดูครับจะช่วยให้คำทำนายแม่นยำกว่าเดิมมาก จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 01:56:10

ความคิดเห็นที่ 11 จากรูปนี้ คือ...ผมต้องการแสดงให้เห็นว่าจริงๆ "ราศรี" ที่เราๆเรียกกัน มันเป็นกลุ่มดาว และกลุ่มดาวพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะแยกขาดจกกันเป็นส่วนๆเสยทีเดียว อาจมีบางส้วนเหลื่อมล้ำ เข้ามาในกลุ่มดาวอื่นได้ด้วยครับ จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 02:31:29

ความคิดเห็นที่ 12 ทั้งในแต่ละราศรี(จริงๆคือกลุ่มดาว) นั้น หลายๆราศรีประกอบด้วยดาวฤกษ์มากดวง พูดง่ายๆคือในบางราศรีนั้นมีส่วนแบ่งย่อยๆของตนเอง ตามกลุ่มดาวในราศรีตนเองอีก ดังนี้ 1. ราศรีเมษ      จำนวนดาวฤกษ์ =  2 2.    "  พฤษก             "              3 3.    "  มิถุน               "               4 4.    "  กรกฏ             "               0 5.    "  สิงห์               "               3 6.    "  กันย์              "               3 7.    "  ตุลย์              "               2 8.    "  พิจิก              "               9 9.    "  คนแบกงู         "               5 10.  "  ธนู                 "              5 11.  "  มังกร              "              1 12.  "  กุมภ์               "              2 13.  "  มีน                 "              0 ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคนสองคนเกิดลัคนาราศรีเดียวกัน ว/ด/ปเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน แต่...ดวงกลับแตกต่างกันครับ นั้นเพราะลัคนาเค้าไปตรงกับกลุ่มดาวฤกษ์ในราศรีนั้นคนละดวงกันนั่นเองครับ จากคุณ : วป.มิ้ม (มิ้มเฒ่า) (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 02:38:52

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบหัวข้อกระทู้ที่มี ***** แบบมิ้มเฒ่า ***** จะถือว่า อ.มิ้มเฒ่า เป็นปรมาจารย์สำนักนึง เอาใจช่วยครับ ทำรายละเอียดเพิ่มมากกว่านี้ แล้วเสนอสำนักพิมพ์ พิมพ์เป็นหนังสือ วางตลาด (เอารูปราศีที่ 13 คนแบกงูขึ้นหน้าปก รับรองมีคนสนใจครับ) แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 13:22:12 จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 13:20:36

ความคิดเห็นที่ 14 ให้คะแนน ถูกใจ ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยค่ะ กะว่าจะให้คุณภะวันตุเม ดูดวงให้มั่ง ^___^ จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 54 09:36:46

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ ที่นำความสร้างสรรค์ทางปัญญามาแบ่งปัน จากคุณ : Incrisis เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 54 14:40:53

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆ ผมยังคาใจอยู่.... คือส่วนมากครูโหรฯไทย มักนำวิชาโหรฯไปไล่เคียงกับพุทธศาสนา เช่นอ.พลูหลวงกำหนดอายตนะภายใน-นอก อันนี้มีอยู่ในหนังสือธรรมะเลยครับ ซึ่งในหนังสือธรรมของสมเด็จพระวชิรญาณฯนั้น ทั้งอธิบายว่ามี 6 ธาตุ คือ ไฟ, ดิน, ลม, น้ำ, อากาศ และวิญญาณ เท่าที่ผมสังเกตึมา ราศรีคนแบกงูนี้เกี่ยวกับวิญญาณธาตุไม่น่าจะผิด แต่ "อากาศธาตุ" นั้น ผมยังไม่มั่นใจว่าใช่ราศรีกุมภ์หรือเปล่า? ยังไงๆ ถ้าเก็ข้อมูลได้มากกว่านี้จะมานำเสนอ เรื่องธาตุแบบเจาะลึกไปเลยครับ จากคุณ : ภะวันตุเม เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 54 15:41:07