ไร้สาระทั้งเพครับ
ไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่า "โดนของ" ในความหมายของ "ชาวพุทธแท้" หรอกครับ
หากของพรรค์อย่างนั้นมีจริง ๆ ผมว่า คนที่ทำของอย่างนี้ได้ ป่านนี้รวยมากกว่าบิลเกต หรือรวยมากกว่าคนอื่น ๆ ที่กำลังรวยระดับโลกแล้วล่ะ
ใครที่เชื่อเรื่องแบบนี้ ในความคิดผม ถือว่า เชื่อในเรื่องที่ "โง่งมงาย" ดังนั้น การที่จะตอบในเรื่องที่ โง่งวมงาย ก็ควร เอาเรื่องที่ ฟังแล้วหายโง่งมงายมาตอบ น่าจะดีกว่า ที่จะไปหาทางแก้เคล็ด แก้ยอก ให้โง่ซ้ำโง่ซาก ดังนั้น หากใครกระ:-)กระสนมาอ่านแล้ว ดัน ไม่กระ:-)กระสนเข้าใจ ก็ต้องขอเชิญกระ:-)กระสน โง่งมงาย ซ้ำซากต่อไป นะจ๊ะ
ในครอบครัว ที่บุตรชาย บุตรสาว แต่งงานไปแล้ว ไม่ควรไปยุ่งเรื่องของเขา แม้แต่พ่อแม่เอง ก็จะต้องใช้ "อุเปกขธรรม" คือ พรหมวิหารธรรม ข้อที่ 4 อยู่เสมอ ๆ หมายความว่า ต้องรู้จักวางเฉยให้เป็ฯบ้าง อย่าว่าแต่พี่น้องเลย ที่จะเข้าไปยุ่ง แม้แต่พ่อแม่ บางทีก็เข้าไปยุ่งเกินขอบเขต ก็ไม่ควร เพราะหากยุ่งแล้ว ก็จะกลายเป็นเรื่อง ละครน้ำเน่า ที่คนไทยชอบดูกันทุกค่ำ ๆ หลังข่าว เลยยังโง่กันไม่หายซักที ในเรื่องของการครองเรือน
ในส่วนของเจ้าของกระทู้ที่ถามมานั้น ลึก ๆ มาจาก ความไม่พอใจ หรือในทางจิตวิทยา ที่เขาเรียกว่า ความอิจฉาริษยา (ละครน้ำเน่า) อย่างที่นักจิตวิทยาเขาวิเคราะห์ ในเชิงวิชาการ เช่น
- แม้แต่แม่ผัวเอง ก็จะมักจะไม่ชอบลูกสะไภ้ เพราะลูกสะไภ้ เป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ที่มาแย่งความรัก ที่ลูกชายมีต่อตนเอง (อันนี้ วิเคราะห์เชิงจิตวิทยา ตามทฤษฎที่เขายอมรับกันแล้วทั่วโลกว่า ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ มีความรู้สึกลึก ๆ เช่นนี้จริง ๆ .... ใครที่ยังไม่เคยเรียนก็ไปกระ:-)กระสนเรียนซะ)
- ลูกสะไภ้ ก็มักจะไม่ชอบแม่ผัว เพราะ เป็นเพียงผู้หญิงคนเดียว ที่สามีตนรักมากกว่าตน (ในความคิดของผู้หญิงทุกคน อยากให้ผู้ชายรักตัวเธอเองมากกว่าใคร ๆ แม้แต่แม่ของเขาก็ตาม ก็ไม่ยอม...เรื่องจิตวิทยาแนวนี้ หากใครยังเรียนไม่ถึง ก็ไปกร:-)กระสนเรียนซะ ความรู้น่ะมีไว้ ไม่เสียหายอะไร จะได้ไม่คิด หรือพูดอะไรออกมาแบบโง่ ๆ ด้วย)
-พี่สาว น้องสาว ของฝ่ายชาย มักจะไม่ชอบ พี่สะไภ้ น้องสะไภ้ ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน ดังที่กล่าวมาข้างต้น
ดังนั้น กระทู้นี้ เท่าที่ผมมองดู ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลยครับ เป็นเรื่อง ละครน้ำเน่า ที่คลาสสิคมาก ๆ เรื่องหนึ่งในโลกนี้ ในทุก ๆ สังคม ที่เกิดจาก
1. ความอิจฉาริษยา
2. ความรู้สึกที่ยังไม่ปล่อย ปละ ละวาง ที่ยังคิดว่า ทรัพย์สมบัติใด ๆ ก็ตาม ที่พี่ชาย น้องชาย ของเราหามาได้ จงอย่าตกเป็นของหญิงอื่น ควรตกเป็นของพวกเรา ครอบครัวเราเท่านั้น โดย หาคิดไม่ว่า หากวันหนึ่ง ตนเอง ไปแต่งงาน กับผู้ชายคนหนึ่งบ้าง แล้วชายคนนั้น ยังดันทะลึ่ง ได้เงินเท่าไหร่ ยังขนไปให้บ้านพ่อแม่ตนเองหมด ไม่ดูแลลูกเมีย ซึ่งเมีย (คือตัวเธอเองนั่นแหล่ะ) จะคิดยังไง
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ ผมอาจจะยอมรับได้กับเจ้าของกระทู้ เพียงเรื่องเดียว (หากเป็นความจริง) คือเรื่องที่ พี่ชายยังมาขอเงินแม่ไป เอาไปทำธุรกิจ แล้วมักไม่ยอมเอามาคืน
ในข้อนี้ ผมก็ไม่เห็นด้วย หากเป็นเรื่องจริง ทีหลังก็ไม่ให้ซะ ก็หมดเรื่องกันไป แต่สำคัญก็อยู่ที่คุณแม่ ยังท่านก็ยังมีเมตตา ให้เงินไปทำมาหากิน ทำธุรกิจ นั่นก็เป็นสิทธิ์ ของคุณแม่นะ และลูกชายจะเอามาคืนหรือไม่เอามาคืน หากคุณแม่ไม่เดือดร้อนอะไร คนอื่นก็ไม่ควรเดือดร้อน แต่หากแม่เดือดร้อน ก็ต้องช่วย ๆ กัน หาทางพูดจา ให้พี่ชายเอามาคืน อย่าไปโทษ โดนขง โดนของอะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระน่ะ
เอาเป็นว่า ใครก็ได้ ที่รู้วิธี "ทำของ" เช่นที่ว่าน่ะ คือให้ผู้ชายรักหลง จนบ้าบอ ลืมไปหมด ทุกอย่าง หากรู้ว่าใครทำได้ ช่วยบอกผมทีเถอะ ผมจะไปชวนมาร่วมธุรกิจจนทำเงินได้หมื่นล้าน ทำเงินมากกว่าทักษิณ ภายในหนึ่งปี แน่นอน
คิดดูเถอะครับ แค่เครื่องแต่งตัวบางอย่าง ที่โฆษณาว่า ใช้แล้ว ทำให้สามีรักสามีหลง ขายราคาเป็นหลาย ๆ หมื่น ผู้หญิงสมองกลวง ๆ บางคนก็ยังกู้หนี้ยืมสินไปหาซื้อมาใช้จนได้น่ะ
แล้วนับประสาอะไร หากผมมีหมอผี ที่ "ทำของใส่ผู้ชายได้" อย่างที่เจ้าของกระทู้บอก มาอยู่ในบริษัทผมล่ะ ผมสามารถทำเงิน จากทั้ง ผู้หญิงสมองกลัวง และผู้หญิงสมองตัน ได้อีกเพียบแหล่ะครับ
ผมรับรองว่า ต้องมีคน กระ:-)กระสน รีบมาใช้บริการ จับบัตรคิวกันตั้งแต่ ตี 1 ของวันที่ 1 มกรา ปีนี้ และยินดีรอ ที่จะได้คิวเข้าพบ ในวันที่ 1 เดือนมกรา ของอีกสามปีถัดไป พวกเธอเหล่านั้นก็ยอม เชื่อผมเต๊อะ
แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 54 18:38:35