Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ถามตัวเองเบาๆ คุณกำลังปฏิบัติอบรมอยู่ในหลักสูตรใหน ติดต่อทีมงาน

เทวดาประเภทที่ ๑

       เทวดาแบบที่ ๑ เป็นเทวดาชั้นกามาวจร คือ ชั้นจาตุมหาราช  ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา  ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี  ชั้นปรนิมมิตวสวัสดี  รวมด้วยกัน ๖ ชั้นนี้   บอกภูมิเทวดาที่เรียกว่าพระภูมิเจ้าที่  และรุกขเทวดา  พวกเทวดาที่มีวิมานอยู่ตามสาขาของต้นไม้ ที่เรียกว่า นางไม้  เช้ากับเทวดาชั้นจาตุมหาราช  เทวดา ๖ ชั้นนี้ ท่านว่าใครจะไปเกิดในที่นั้น ๆ เพื่อเป็นเทวดา  ต้องศึกษาและปฏิบัติตามเทวดาหลักสูตรเสียก่อน คือท่านให้เรียนรู้เทวธรรมที่ทำตนให้เป็นเทวดา  ได้แก่

      ๑.หิริ  ความละอายต่อความชั่วทั้งหมด  ไม่ทำความชั่วทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

       ๒.โอตตัปปะ  ความเกรงกลัวผลของความชั่วจะลงโทษ ไม่ยอมประพฤติชั่วทั้งกายวาจาใจ  ทั้งใจ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

       ทั้งนี้หมายความว่า ต้องเป็นคนมีศึลบริสุทธิ์เป็นปกติ และมีจิตเมตตาปรานีตลอดกาลตลอดสมัย ถึงแม้ไม่ได้ฌานสมาบัติก็ไม่เป็นไร  เอากันแค่ศีลบริสุทธิ์  มีจิตเมตตาปรานีใช้ได้  ท่านว่าใครศึกษาและปฏิบัติหลักสูตรนี้ได้ครบถ้วน  เกิดเป็นเทวดาได้  ปฏิบัติได้อย่างเลิศก็เป็นเทวดาชั้นเลิศ  ถ้าปฏิบัติได้อย่างกลางก็เป็นเทวดาปานกลาง  ถ้าปฏิบัติได้ครบแต่หยาบ  ก็เป็นเทวดาเล็ก ๆ เช่นภูมิเทวดา  หรือรุกขเทวดา  พระพุทเจ้าท่านตรัสหลักสูตรของเทวดาประเภทที่ ๑ ไว้อย่างนี้ ท่านผู้อ่านจงจำไว้ให้ขึ้นใจ  จะได้ไม่สงสัยเรื่องเทวดา

       เทวดาประเภทที่ ๒

       เทวดาประเภทที่ ๒ นี้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "พรหม"  ท่านจัดพรหมรวมหมด ๒๐ ชั้นด้วยกัน  ท่านแยกประเภทไว้ดังนี้

รูปพรหม ๑๖ ชั้น

       รูปพรหมคือพรหมที่มีรูปนี้  ท่านแบ่งไว้เป็น ๑๖ ชั้นแยกออกเป็น ๒ ประเภทคือ พรหมที่ได้ฌานโลกีย์ ท่านจัดไว้ ๑๑ ชั้น กับพรหมที่เป็นพระอนาคามี  และได้ ฌาน ๔ ด้วย ๕ ชั้น รวมพรหมที่มีรูป ๑๖ ชั้น

อรูปพรหม ๔ ชั้น

     พรหมที่ไม่มีรูปนี้   เป็นโลกียพรหม  มีหมดด้วยกัน ๔ ชั้น

                  รวมพรหมทั้งหมด  ๒๐ ชั้นพอดี

หลักสูตรที่จะไปเป็นพรหม

     การที่จะเกิดเป็นพรหม ต้องศึกษาและฝึกตามหลักวิชชาให้ได้ครบถ้วนเสียก่อน ถ้าสอบตกเป็นไม่มีทางได้เกิดเป็นพรหม จะยัดเงินอุดทอง  วิ่งเข้าหาเทวดาหรือพรหม องค์ใดให้ช่วยนั้นไม่มีหวัง  ต้องใช้ความสามารถจริงๆ จึงจะไปได้  การสอบเป็นเทวดาหรือพรหมไม่มีคอรัปชั่น  ท่านสอนกันอย่างนี้  เดี๋ยวก่อน  ก่อนบอกวิธีสอบ ขอบอกไว้ด้วยว่า  กรรมการตรวจสอบนั้นไม่มี  ต้องตรวจสอบเอง  ถ้าสอบได้ก็เป็นพรหมทันที ถ้าสอบไม่ได้อาจต้องเป็นคนอยู่ต่อไป  หรือเป็นเทวดา  หรือไม่ก็ลงนรกไปเลย  สุดแล้วแต่ ใครจะมีกรรมอะไรเป็นเครื่องส่ง  ก่อนจะพูดถึงหลักสูตรพรหม  ขอพูดถึงหลักสูตรต่ำไปหาพรหมก่อน เพราะจะได้รู้ไว้เป็นเครื่องประดับ

หลักสูตรอบายภูมิ

            อบายภูมิ หมายถึงดินแดนนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดียรัจฉาน  ใครจบหลักสูตรนี้ จะได้ไปเกิดในที่ ๔ สถานนี้ หลักสูตรนี้มีดังนี้ คือ ไม่รักษาศีล  ไม่ให้ทาน  ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ เท่านี้ไปเกิดในอบายภูมิได้สบาย ไม่มีใครขัดคอ

หลักสูตรเกิดเป็นมนุษย์  

           ท่านเรียกมนุษยธรรม คือธรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ มี ๕ อย่างคือ

       ๑.ไม่ฆ่าสัตว์ และไม่ทรมานสัตว์ให้ลำบากด้วยเจตนา

       ๒.ไม่ถือเอาของของผู้อื่นที่เขาไม่อนุญาต ด้วยเจตนาขโมย

       ๓.ไม่ละเมิดสิทธิในกามารมณ์ที่เจ้าของไม่อนุญาต คือไม่ละเมิดภรรยา สามี ลูก หลานและคนในปกครอง ที่ผู้ปกครองไม่อนุญาต

       ๔.ไม่พูดปด  ไม่พูดหยาบ  ไม่พูดส่อเสียดให้เขาแตกร้าวกัน  ไม่พูดเพ้อเจ้อ โดยไร้สาระ

       ๕.ไม่ดืมสุราและเมรัย  ที่ทำจิตใจให้มึนเมาไร้สติสัมปชัญญะ

          ตามหลักสูตรนี้ ถ้าใครสอบได้ คือปฏิบัติได้ครบถ้วน  ท่านว่าตายแล้วเกิดเป็นมนุษย์ได้

หลักสูตรพรหม

       ๑.ได้ฌานที่ ๑ เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑, ๒, ๓

       ๒.ได้ฌานที่ ๒ เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๔, ๕, ๖

       ๓.ได้ฌานที่ ๓ เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๗, ๘, ๙

       ๔.ได้ฌานที่ ๔ เกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑๐, ๑๑, ๑๒

       ทั้งหมดเป็นฌานโลกีย์

หลักสูตรรูปพรหมอนาคามี

          พรหมอีก ๕ ชั้น คือชั้นที่ ๑๒ , ๑๓ ,๑๔  ,๑๕  ,๑๖  รวม ๕ ชั้นนี้  ต้องได้บรรลุมรรคผลเป็นพระอนาคามี ได้ฌาน ๔มาก่อน

       สำหรับอรูปทั้ง ๔ ชั้นนี้ ท่านต้องเจริญฌานในกสิณแล้วเจริญอรูปฌาน ๔ ได้อีกจึงจะมาเกิดเป็นอรูปพรหม ได้ แต่ท่านก็ได้เพียงฌานโลกีย์ ไม่ใช่พระอริยเจ้า

       หลักสูตรเทวดาและพรหมมีอย่างนี้ ท่านสอนให้ระลึกถึงความดี คือคุณธรรมที่เทวดาและพรหมปฏิบัติมาแล้ว  จนเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมได้  ก็ชื่อว่าท่านได้รับผลความดีที่ท่านปฏิบัติมาแล้ว   ถ้าเราปฏิบัติอย่างท่าน  เราก็อาจจะมีผลความสุขเช่นท่าน เพราะเทวดาขนาดเลวนั้น คือดีกว่ามนุษย์ชั้นดีอย่างเปรียบกันไม่ได้เลยเพราะเทวดามีกายเป็นทิพย์ มีที่อยู่เป็นทิพย์  ไปไหนก็เหาะได้  ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเหมือนเรา  ฉะนั้นความดีของเทวดานี้ถึงจะยังไม่ถึงความดีในนิพพาน แต่ก็เป็นสะพานสำหรับปฏิบัติเพื่อผลในพระนิพพานได้เป็นอย่างดี  ดีกว่ามาคิดว่าเทวดาไม่เป็นเรื่อง  เทวดาไม่มี  เราเป็นพุทธสาวกเมื่อพระพุทธเจ้าท่านว่ามีเราก็ควรเชื่อไว้ก่อน  แล้วสร้างสมาธิทำทิพยจักษุญาณให้เกิด  ตรวจสอบคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง  จะพบว่าที่ท่านสอนว่า เทวดา พรหม นรก สวรรค์ มีจริงนั้น ท่านสอนตรง  ไม่ใช่สอนแบบยกเมฆ  ท่านบูชาเทวดา  ท่านอาจดีตามเทวดา  แต่ท่านด่าเทวดา  ท่านอาจไม่ได้พบเทวดาเลย

       เทวตานุสสตินี้ ถ้าฝึกจนเกิดอุปจารฌานแล้วท่านเจริญวิปัสสนาญาณต่อ  ท่านเข้าถึงมรรคผลได้ไม่ยาก   เพราะเป็นภูมิธรรมที่ละเอียด  และมีแนวโน้มเข้าไปใกล้พระนิพพานมาก

ที่มาhttp://www.fortunecity.com/boozers/crownanchor/241/st5433.htm
*********************
ขออนุโมทนาสาธุครับ

จากคุณ : ใจพรานธรรม
เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 23:12:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com