ความคิดเห็นที่ 1 จากประสบการณ์ที่ผมเจอนะครับ คนที่เข้าใจธรรมระดับนึงที่ผมเจอมีจำนวนๆ พอๆ กันเลยทั้ง 2 เพศ เพียงแต่อยู่คนละเพศ: เพศชายก็เป็นสมณเพศ เพศหญิงก็เป็นฆราวาส ผมยังไม่เคยเจอฆราวาสผู้ชายที่เป็น "พระ" เลยครับ แต่สมมติสงฆ์ที่เป็นผู้ชายเจอบ่อยครับ (อ่านแล้วบางคนอาจจะบอกว่าไปรู้ได้ยังไง คิดนึกเองหรือเปล่า ก็จริงแหล่ะครับ เขาก็ไม่เคยบอก เพียงแต่เขาเคยเล่าประสบการณ์การปฎิบัติให้ฟัง + เราดูจากกริยาท่าทางเขา ไม่เหมือนเราคนธรรมดาทั่วไป ^____________^) โปรดใช้วิจารณญานครับ) แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 12:44:16 แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 12:43:22 จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 12:41:06

ความคิดเห็นที่ 2 เท่าที่ฟังครูบาอาจารย์บอก ผู้ชายครับ แต่ผู้หญิงก็ตามมาหายใจรดต้นคอ นี่วัดกันแบบพื้นฐานและปัจจัยใกล้กันนะครับ จากคุณ : hollowpig เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 12:47:29

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้ชายง่ายกว่าครับ เพราะธรรมชาติของผู้หญิงอ่อนไหวกว่าผู้ชายในด้านความรู้สึก ความอดทนและทนทานต่อกิเลสหรือสิ่งเร้าภายนอกน้อยกว่าผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทำได้ไม่ดีนะ เพียงแต่ธรรมชาติมันเป็นแบบน้ั้ั้นเอง แต่ส่วนใหญ่ผมจะเห็นผู้หญิงสมัยนี้เข้าวัดปฏิบัติธรรมมากกว่าผู้ชายนะ จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:03:43

ความคิดเห็นที่ 4 โดยส่วนใหญ่แล้วเพศชายจะมีความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ด้านจิตใจที่มั่นคงกว่าผู้หญิง ในงานวิจัยก็มีบอกว่าไว้ว่าเพศหญิงใช้สมองด้านความเป็นเหตุเป็นผลน้อยกว่าผู้ชาย ก็ต้องตอบแบบไม่ลำเอียงว่า  ผู้ชาย  ล่ะค่ะ  :-) ตรงนี้จะโยงไปยังคำกล่าวที่ว่าเกิดเป็นชายมีบุญมากกว่าหญิง อันนี้พูดถึงวิบากกรรมนำส่งเคสเดียวนะคะ กรณีอธิษฐานขอเกิดเป็นหญิงอันนี้ยกเว้นค่ะ ตอนแรกเราได้ยิน แอนตี้สุดๆ เลยค่ะ โหหห....พูดงี้ได้ไง ลำเอียง พวกผู้ชายพูดล่ะสิ 555 แต่พอมาพิจารณาจริงๆ เราก็ยอมรับและเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่านะคะ แต่ไงก็ตาม ขอให้เจริญสติ และอยู่กับปัจจุบัน  เพราะปัจจุบันสำคัญที่สุดค่ะ วันนี้ของเราคือผลมาจากอดีต   อนาคตของเราจะคือผลของปัจจุบัน   หมั่นเพียรเร่งทำความดีทั่วถึงพร้อมตามหลักคำสอนขององค์พระศาสดากันค่ะ ^^ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:04:04

ความคิดเห็นที่ 7 ผู้ชายที่นิสัยผู้ชาย ผู้หญิงที่นิสัยผู้ชาย จะง่ายกว่า ผู้ชายที่นิสัยผู้หญิงและผู้หญิงที่นิสัยผ้หญิง (ไม่ได้หมายถึงรสนิยมทางเพศแบบ ตุ๊ด กะเทย ทอม นะ) นิสัยผู้ชาย มีได้ทั้งในผู้หญิงผู้ชาย คือ  เรียกไม่ถูก (5555+ ใครรู้อภิธัมช่วยอธิบายด้วย) นิสัยผู้หญิง คือ หวั่นไหว ยืดยาด ค่ำครวญ รำพี้รำพัน ร่ำไร รำคาญ ขี้บ่นจู้จี้ เช่น เขาจากไปมีแฟนใหม่ตั้งนานแล้ว ผู้หญิงยังบ้าเป็นนางเอกละเมอเพ้อพกอยู่ได้ แถมระบบประสาทของผู้หญิงรับสัญญาณได้ละเอียดกว่าของผู้ชาย จึงเรื่องมากกว่า เช่น สี กลิ่น รส จำแนกระดับใด้ละเอียดกว่า ส่วนนิสัยผู้ชายคือ เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว คำไหนคำนั้น อยู่กับปัจจุบันได้ไวกว่า ไม่พิรี้พิไร ร่ำไร รำคาญ แบบนี้จะเกิดสมาธิง่ายกว่าพวกนิสัยผู้หญิง จากคุณ : ช่างต่อเรือฯ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:18:06

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่า... ช่วงแรกๆของการปฏิบัติธรรม ผู้หญิงจะทำได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า เพราะผู้หญิงจะปลูกศรัทธาได้ง่ายกว่าผู้ชาย... กว่าผู้ชายจะศรัทธาอะไรได้สักอย่าง ต้องผ่านการพิสูจน์จนเกิดการยอมรับซึ่งหมายถึงการต้องเจาะผ่านอีโก้ของผู้ชายเข้าไปได้... แต่หลังผ่านช่วงแรกไปได้แล้ว ผู้ชายจะปฏิบัติได้ง่ายกว่า เพราะพื้นฐานของผู้ชายมักมีความเด็ดเดี่ยวกว่า ผูกพันกับสิ่งรอบข้างน้อยกว่า ทำให้"สละ"ได้ง่ายกว่า... จากคุณ : pae2010 เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:19:29

ความคิดเห็นที่ 9 ผู้ชายมานะทิฏฐิมีมาก แต่มีขันติ ความเพียรแรงกล้า องอาจ เด็ดเดี่ยว ผู้หญิงราคะจริตยินดีติดใจ แต่จิตอ่อนน้อมมากด้วยศรัทธา มีความเป็นผู้มีเมตตาสูง ว่ากันตามเพศ ก็คิดเห็นส่วนตัวไปอย่างนั้น ถ้าว่ากันตามจิต ท่านว่าจิตไม่มีเพศหญิง จิตไม่มีจิตชาย ทีนี้ใครจะเห็นทุกข์มากกว่ากัน ก็ต้องตอบว่าผู้หญิง ทุกข์ที่มีระดู ทุกข์ที่อุ้มท้อง ทุกข์ที่ต้องคลอด ทุกข์ที่ต้องออกจากครอบครัวอยู่บ้านสามี ท่านว่าเป็นทุกข์หนักอย่างยิ่ง จากคุณ : ใจพรานธรรม เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:35:01

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่าคนผู้นั้นเป็นคนมีอิทธิบาท 4 หรือเปล่า ถ้ามีก็สำเร็จโดยง่าย  ไม่แยกเพศครับ จากคุณ : กระจอกจัง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:39:48

ความคิดเห็นที่ 11 ขอแซวคุณหนูยิ้มหน่อยนะคะ ถ้าไม่อ่านคนที่ส่งไม่ทราบเลยนะคะว่านี่คือคำตอบคุณหนูยิ้ม(เป็นงานเป็นการมาก) และเป็นคำตอบที่ถูกใจด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 13:44:33 จากคุณ : คนพุทธ (คนพุทธ) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:44:12

ความคิดเห็นที่ 12 ^ อ่านความเห็นของคุณช่างต่อเรือ แล้วขำๆดีค่ะ (รู้หมดเลย ว่ามองผู้หญิงยังไง สงสัยว่าคนใกล้ชิดน่าจะเป็นแบบนี้ ^^) ค่ำครวญ  ->  คร่ำครวญ รำพี้รำพัน  -> รำพึงรำพัน ความเห็นส่วนตัวนะ  เราว่าผู้หญิงเข้าวัดเยอะกว่าและบ่อยกว่าผู้ชาย  ผู้ชายไม่ค่อยเข้าวัดแต่ถ้ามีศรัทธาแล้วศรัทธามักหนักแน่นกว่าผู้หญิง ผู้หญิงชอบทำทานมากกว่าผู้ชาย(ความบ่อย+ความถี่) ผู้ชายไม่ค่อยทำทาน(บ่อยๆ)แต่ถ้าทำจะทำครั้งละมากๆเลย จากคุณ : annyfatgirl เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:48:10

ความคิดเห็นที่ 13 มันอยู่ที่เหยี่ยว เอ๊ย.. อินทรีครับ จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:48:30

ความคิดเห็นที่ 14 คิดเเหมือนกันเลยค่ะกับpae2010ที่ว่าผู้หญิงช่วงแรกๆของการปฏิบัติธรรม ผู้หญิงจะทำได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า เพราะผู้หญิงจะปลูกศรัทธาได้ง่ายกว่าผู้ชาย... แต่หลังผ่านช่วงแรกไปได้แล้ว ผู้ชายจะปฏิบัติได้ง่ายกว่า เพราะพื้นฐานของผู้ชายมักมีความเด็ดเดี่ยวกว่า ผูกพันกับสิ่งรอบข้างน้อยกว่า ทำให้"สละ"ได้ง่ายกว่า... จากคุณ : คนพุทธ (คนพุทธ) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:50:54

ความคิดเห็นที่ 15 ผู้หญิงมีอายตนะ 6 ว่องไวก่อนผู้ชายมาก  ทำให้มีกิเลสมาก  จึงฝึกได้ยากกว่าผู้ชาย จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:24:15

ความคิดเห็นที่ 16 ผู้ชายปฏิบัติได้ง่ายกว่า ด้วยสรีระทางกายความแข็งแรง สมองด้านความคิดองค์รวมไม่ยึดติดด้านองค์ประกอบอื่นๆ ไปแบบตรงๆ ไม่คิดเล็กคิดน้อย ส่วนผู้หญิงประสาทสัมผัสดีเกินไป รับมาได้เร็ว รูปเห็นแสงสีได้ละเอียดกว่า หูได้ยินความถี่ได้มากกว่า ฯลฯ ออกแบบมาให้ไวต่อความรู้สึกเพราะเอาไว้เลี้ยงลูก อารมณ์สุขมีมาก ทุกข์มีมาก สมองเด่นไปทางด้านภาษาคิดเร็ว การที่รับสัมผัสได้ไวและแรง เลยละตัวตนได้ยากกว่า อะไร อะไร มันยุ่งวุ่นวายไปหมดจับประเด็นค่อยไม่ถูก จากคุณ : นิยมวัตถุ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:27:32

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ผู้หญิงเข้าวัดมากกว่าผู้ชายจริง ๆ เจ้าคอร์สทีไรผู้ชายเข้าอยู่สองสามคน ผู้หญิงเพียบ แต่เรื่องแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายในหมู่แม่ชี ก็ไม่เบาเหมือนกัน ... จากคุณ : Zen Entania เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:58:59

ความคิดเห็นที่ 19 จะยากก็ตรงคิดว่าเป็นหญิงเป็นชายนี่แหล่ะ จากคุณ : palmgang เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:54:15

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนตัวคิดว่าผู้หญิงทำสมาธิได้ง่ายกว่าผู้ชายเพราะจิตใจอ่อนโยนและไม่ค่อยได้ทำบาปเยอะแต่พอจิตละเอียดมาก เล็กลงๆจะกลัวตายคือจิตไม่เข้มแข็งเหมือนผู้ชาย(ขออภัยเพื่อนผู้หญิงคนอื่นนะคะเอาตัวเองเป็นเกณฑ์หน่ะค่ะ)ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร? จากคุณ : คนพุทธ - เรามองว่า ไม่จริงเลย  เรื่องของการพัฒนาทางจิต+การทำสมาธิ  เป็นเรื่องที่แต่ละคน ต้องเทียบกับตนเองทั้งสิ้น  แล้วก็ไม่มีเครื่องมือวัดให้เป็นรูปธรรมได้  จะพิสูจน์ได้ยังไง  ว่าชาย หญิง ใครทำสมาธิได้ง่ายกว่ากัน  แล้ว จขกท. เคยวัดระดับง่าย ยาก  จากผู้ชายท่านใดบ้าง ใช้ตัวอย่างประชากรกี่ตัวอย่างกันล่ะ คิดจากอะไร  เพราะถ้าโพสว่า คิดจากตนเอง แล้วรู้ได้ยังไง ว่าจิตใจอ่อนโยนและไม่ค่อยได้ทำบาปเยอะ วัดจากอะไร  แค่โพสว่า เอาตนเองเป็นเกณฑ์ ก็ประหลาดเเล้ว ที่จะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นน่ะ - ผู้ชายที่จิตใจอ่อนโยนกว่าผู้หญิงก็มีมากนะ ที่ไม่ใช่เกย์ ตุ๊ด ด้วย .... -  อย่าไปหลงเลย ว่า ชาย หญิง ใครทำได้ง่าย ยากกว่ากัน ประเดี๋ยวไม่ระวังจิตให้ดี จะมี มานะ อัตตาเอาง่ายๆ   ต่อไปก็อาจจะไปหาเปรียบเทียบอย่างอื่นอีก .... เอาเเค่ ใจตนเองสบาย ๆ มุ่งพัฒนาที่ตนเองเป็นหลักดีกว่านะ จากการคาดเดา... เรามองว่าผู้ชายน่าจะทำสมาธิได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า....  เพราะ  ร่างกายเอื้อประโยชน์กว่า.....คือไม่มีประจำเดือน ไม่มีนม  เสื้อก็ไม่ต้องกังวล จะก้มยังไง  นั่งยังไง  ไม่ห่วงสวยห่วงหล่อ  ผมก็สั้น ๆดูเเลง่าย เรี่ยวเเรงก็มีมากกว่า ตัดเรื่องความกังวลกับรูปลักษณ์ ชายน่าจะทำได้ง่ายกว่านะ การตอบ จขกท. หมดแล้วตั้งเเต่  ข้อความต้นๆ อันนี้เป็น เรื่องเล่านะ ที่เราเห็นผู้หญิงไปปฏิบัติธรรม จำนวนมาก มากกว่าชาย ก็การันตีเรื่องคุณภาพไม่ได้นะ... เพราะ เรามองว่า ไปปฏิบัติธรรม ตามแฟชั่นก็มาก เพื่อให้ได้คุยกับคนอื่นว่า ชั้นก็ไปมานะ เห็นคนที่ไป อะไรกัน เข้าเขตวัดสมาทานศีล8 กันเเล้ว  เล็บแฟชั่นที่ต่ออยู่ก็ไม่เอาอออก สีที่ทาเล็บก็ไม่ลบ อย่างนี้ก็วัดไม่ได้อีกว่า หญิงที่มาปฏิบัติธรรมเยอะแปลว่าสนใจมากกว่าชาย หรือ ทำได้ดีมากกว่าชาย แบบนี้ก็มี...... อยู่ในสถานที่ปฏิบัติธรรม ก็ดันนินทา เจ้าหน้าที่ แม่ชี ดีไม่ดี นินทาครูบาอาจารย์ เราน่ะ ได้ยินมากับหู ถึงกับอึ้ง !!!!!!!!!!! ฝอยมามากพอแล้ว ต้องขอลาล่ะ ... จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 16:20:02

ความคิดเห็นที่ 21 ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ครับ ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นชายหรือหญิง ถ้าใครสามารถทำให้อินทรีย์ทั้ง 5 เท่ากันได้ ก็จะปฏิบัติธรรมได้ง่าย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เรื่องบุคคล มีแบ่งเ็ป็น ติกขบุคคล แปลว่า ผู้รู้เร็ว และมันทบุคคล แปลว่า ผู้รู้ช้า อย่างในการละองค์ฌาน ติกขบุคคลผู้รู้เร็ว จะจำแนกองค์ฌานได้แม่นยำกว่า จึงละวิตกได้พร้อมกับวิจาร ส่วนมันทบุคคลจะแยกแยะองค์ฌานได้ลำบากกว่า จึงละวิตกได้ องค์เดียวก่อน จากนั้นจึงค่อยละวิจาร ได้ในเวลาต่อมา เพราะต่างกันแบบนี้ พระอภิธรรมท่านเลยต้องจำแนกฌานออกเป็นปัญจกนัย คือ แบ่งเป็นรูปฌาน 5 ขั้น ทำให้โลกุตตรจิต ต้องแบ่งตามเกณฑ์นี้ด้วยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 40 ดวง โดยมีที่มาจากบุคคลผู้บรรลุมรรค 4 + บุคคลผู้บรรลุผล 4  คูณด้วย ฌาน 5 ขั้น เป็นจำนวนโลกุตตรจิตทั้งสิ้น 40 ดวง ส่วนผู้ที่บรรลุอรูปฌานพร้อมกับมรรคและผลนั้น ท่านยุบรวมไปอยู่ในประเภทเดียวกับผู้ที่ได้ปัญจมฌาน เพราะว่ามีองค์ฌานเท่ากัน คือ มีอุเบกขา และเอกัคคตา กรณีพระอริยบุคคลที่บรรลุธรรมด้วยการเจริญวิปัสสนาล้วนๆ ก็บรรลุมรรคผลด้วยโลกุตตรจิตประเภทเดียวกับผู้ที่ได้ปฐมฌาน ท่านจึงยุบรวมกันไป ทำให้มีโลกุตตรจิตเพียง 40 ดวง แทนที่จะเป็น 48 ดวง ทั้งนี้เพราะโลกุตตรจิตที่ไม่มีฌานเกิดร่วมด้วยนั้นไม่มี เวลากล่าวถึงโลกุตตรจิตแบบย่อๆ จึงกล่าวเพียง 8 ดวงตามประเภทของมัคคบุคคล และผลบุคคล จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 16:21:50

ความคิดเห็นที่ 22 # 13   เกี่ยวอะไรกับเหยี่ยวกับอินทรีย์เหรอคะ  งงอ่ะ   คุณคนพุทธ  ตอนนี้เรากำลังเป็นแม่มณียามที่พบคุณหลวงน่ะ  ต้องเรียบร้อยหน่อย   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 17:05:38

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าถือว่ายังเป็นหญิงเป็นชายอยู๋ มันยากทั้งคู่ เพราะกามราคะนั้นเป็นศัตรูกับการบรรลุของทุกเพศ เพราะธรรมชาติตัวนี้เป็นพื้นฐานของภพของชาติของทั้งสองเพศ ดังนั้นคำถามที่ว่า เพศไหนยากกว่า เมื่อคำถามมันคลุมครอบจักรวาลเช่นนี้ คำตอบก็ต้องตอบครอบจักรวาล จะฟันธงไปทางใดทางหนึ่งมันก็เรียกว่า ของละเอียดในของหยาบ มันยากทั้งคู่แต่มีปัจจัยความยากไปคนละแบบ มีอุปสรรคทางกายทางใจไปคนละแบบ คนทางใต้เจอน้ำก็ต้องต่อเรือสู้ธรรมชาติ คนทางเหนือเจอความหนาวเหน็บก็ต้องเย็บผ้าหาผ้ามาห่มมากกว่า มันก็เหมือนกัน เหมือนถามว่าคนใต้กับคนเหนือใครจะเก่งกว่ากัน มันก็ต้องตอบว่าเก่งกันไปคนละแบบ สู้กันไปคนละทาง แต่สู้กับธรรมชาติเหมือนกัน ถ้าถามละเอียดจะต้องเจาะลึกลงไปเป็นกรณีหรือเป็นบุคคล เช่นว่า คนใต้กับคนเหนือใครพายเรือเก่งกว่า มันก็ตอบได้ว่าคนใต้เก่งกว่าเพราะมันเป็นวิถีชีวิตมันเจอทุกวัน แบบนั้น จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 17:08:22

ความคิดเห็นที่ 24 #22 รับมุกหน่อยครับ รับมุกหน่อย จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 17:14:26

ความคิดเห็นที่ 25 คิดว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะผู้หญิงจิตใจมีความละเอียดละอ่อนกว่าผู้ชายเลยมีความฟุ้งซ่านมากกว่าผู้ชาย แต่ก็ยังยืนยันว่าจะขอเกิดเป็นผู้หญิงทุกๆชาติไป แม้ลึกๆจะรู้ว่าทางสายนิพพานจะต้องเดินทางไปเหนื่อยและไกลกว่าเพศชายเป็นไหน และคิดว่าตัวเองเคยตั้งสัจจะไว้แบบนี้มาหลายชาติแล้ว แก้ที่พิมพ์ผิด ไม่ได้ตกภาษาไทยแต่ไม่มีไทยคีย์บอร์ด เลยพิมพ์ตกๆหล่นๆประจำเลย เฮ้อ   แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 17:57:40 จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 17:55:09

ความคิดเห็นที่ 26 ผู้ชาย หากสนใจปฎิบัติจริงจัง ก็บวชเลย พวกที่ไม่เอาก็ไม่เข้าใกล้เลย ดังนั้น เราจึงพบ ผู้หญิง ปฎิบัติธรรมมากกว่าผู้ชาย แต่ถ้าความเห็นส่วนตัว ก็เห็นด้วยครับ คุณผู้หญิงกว่าจะยอมวางอะไร ๆ ลงได้นี่ เหนื่อย ไม่เหมือนพวกผู้ชายอะไรแล้วก็แล้วไป ช่างมัน ลุยไปข้างหน้าต่อ อะไรทำนองนี้ครับ จากคุณ : นายจองชัย เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 18:25:52

ความคิดเห็นที่ 27 กำหนดไม่ได้ค่ะ มันอยู่ที่จิต และจากของเก่าที่สะสมมา จะบอกไม่ได้ค่ะว่าผู้หญิงหรือผู้ชายใครปฏิบัติได้มากกว่ากัน แต่ถ้าว่ากันตามบรรดาศักดิ์ ยังไงผู้ชายก็สูงกว่าผู้หญิงค่ะ เพราะฉะนั้น ผู้หญิงคนไหนที่ไม่ให้เกียตร์สามี ถึงตัวสามีจะโง่กว่า ด้อยกว่าในทุกๆเรื่อง แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนยิ่งกดสามีให้ตํ่าลง สังเกตุดูค่ะ ชีวิตรอบข้างจะมีแต่อุปสรรค เพราะว่ากันตามศักดิ์ ผู้ชายสูงกว่าค่ะ เพราะฉะนั้น บรรดาเพศชายทั้งหลาย ถ้ารู้ตัวว่าบรรดาศักดิ์สูงกว่าเพศหญิงแล้วก็กรุณาทำตัวให้เป็นที่น่าเคารพและยกย่องและให้เกีรยติ์ ดัวยนะคะทั่นนน จากคุณ : gambei (gambei) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 18:54:09

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^   กร๊ากกกก   ปู้ชายเจอไปหนึ่งดอก   55555 จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 19:08:03

ความคิดเห็นที่ 29 เท่าที่สังเกตมา คนเจ้าความคิดจะปฏิบัติธรรมได้ยากกว่าคนที่เอาแต่อารมณ์ เพราะคนที่เอาแต่อารมณ์ พอได้อยู่ในบรรยากาศของการปฏิบัติธรรม ก็จะไม่คิดอะไร และรักษาอารมณ์ได้เพราะสิ่งแวดล้อมพาไป จึงปฏิบัติธรรมได้ผลเร็วมาก ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ ในขณะที่คนเจ้าความคิด ขี้สงสัย จะปฏิบัติธรรมได้ผลช้า เพราะคิดเก่ง ทฤษฎีเยอะ ไม่ค่อยจะยอมละวางความคิดง่าย ๆ ใช้ความคิดเหนืออารมณ์ จึงยากที่จะปล่อยวาง แม้ว่าจะอยู่ในบรรยากาศของการปฏิบัติธรรมก็ตาม ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ แต่เพราะคนที่เอาแต่อารมณ์ จะมีความเปลี่ยนแปลงง่าย แม้ปฏิบัติธรรมได้ผลเร็ว ก็มักจะรักษาได้ยาก โดยเฉพาะการที่ต้องเจอกับความเปลี่ยนแปลงจากสิ่งแวดล้อมมาก ๆ ในขณะที่คนที่ข่มอารมณ์ไว้ได้ หากมีโอกาสปฏิบัติธรรมจนได้ผลแล้ว มักจะรักษาผลการปฏิบัติไว้ได้นานกว่า โดยรวมแล้วก็อยู่ที่พื้นฐานจิตใจนั่นเอง ชายบางคนก็คุมอารมณ์ตัวเองไม่เคยได้ หญิงบางคนก็มักใช้ความคิดข่มอารมณ์ตัวเองไว้เสมอ ดังนั้น ยุคนี้จึงยากที่จะบอกว่า ใครปฏิบัติธรรมได้ดีกว่ากัน แต่ถ้าพูดถึงภาพรวม ก็ต้องบอกว่า หญิงปฏิบัติธรรมได้ผลเร็วกว่า ในขณะที่ชายจะสามารถปฏิบัติได้ลุ่มลึกกว่านั่นเอง จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 20:04:22

ความคิดเห็นที่ 30 ....      ความคิดเห็นส่วนตัวแบบมั่วๆนะครับ เอาแพะมาชนกับแกะเฉยๆ อ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ดีครับ เดี๋ยวคิดว่าเป็นเรื่องจริง ผมจะบาปไปด้วย เอาเป็นว่าผมมั่วละกัน      ในแง่วิทยาศาสตร์และจิตวิทยา          ผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกันเรื่องฮอโมนเพศครับ ผู้หญิง จะไม่มีอารมณ์ทางเพศที่เกิดมาจากร่างกาย แต่จะมีอารมณ์ทางเพศต่อเมื่อ มีสิ่งเร้าจากภายนอก (ซิกมุนด์ ฟอยด์) ดังนั้น ผู้หญิงจึงอยู่ได้เป็นปีๆ โดยไม่มี การช่วยตัวเอง    สำหรับผู้ชาย ฮอโมนเพศชายนั้น จะเป็นตัวกระตุ้นร่างกายซึ่งเป็นแรงผลักดัน จากภายในร่างกายเอง ผู้ชายจึงมีอารมณ์ทางเพศได้เองโดยไม่ต้องมีสิ่งเร้า จึงต้อง มีการช่วยตัวเองเป็นประจำ      คำถาม       แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสมถะและวิปัสสนา?       ทำไมผู้หญิงถึงเป็นพระอรหันต์ได้ยากกว่า? ทำไมถึงไม่มีภิกษุณีแล้ว? ด้วยสาเหตุข้างต้นทางวิทยาศาสตร์      ในนิวรณ์ 5 นั้น กามฉันทะ(ความพึงพอใจในกาม) จัดเป็นอุปสรรคที่สำคัญทั้ง สมถะและวิปัสสนา และละยากที่สุดจนถึงขั้นอนาคามีปฏิผล      แต่เป็นสิ่งที่เพศหญิงไม่มี ถ้าไม่นิวรณ์ตัวนี้ ก็จะไม่รู้จักวิธีการละ เข้าใจว่า พระพุทธเจ้าคงทราบดีถึงกรณีนี้ ท่านจึงบ่ายเบี่ยงนางปชาบดีโคตมีมาตลอด จนกระทั่ง พระอานนท์ได้ทูลขอให้ พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาต โดยมีเงื่อนไขว่า พระนางปชาบดี โคตมีจะต้องรับเอาครุธรรมแปดประการ (แปลว่าข้อปฏิบัติที่หนักและทำได้ยาก) ไป ปฏิบัติ        ปัจจุบันได้มีการรื้อฟื้นต่อสู้เพื่อให้เพศหญิงกลับมาบวชเป็นภิกษุณี โดยปราศจาก ความเข้าใจทั้งวิทยาศาสตร์และพระอภิธรรม เพราะไม่เข้าใจทั้งฮอโมนเพศและ นิวรณ์ 5        หลังจากมั่วจบแล้ว ต่อไปจะขอตอบคำถามท่าน จขกท. ครับ   ดังนั้น ในเมื่อเพศหญิงไม่มีนิวณ์ตัวเต็มๆตัวนี้แล้ว จึงทำให้เพศหญิงนั้น เข้าสมถะได้ ง่ายกว่าเพศชายครับ เพราะไม่มีนิวรณ์ตัวนี้มาขวางกัน แต่ที่ท่านจขกท.ขึ้นปฐมฌาน ไม่ได้ อาจเป็นเพราะจริตของท่านเองครับที่มีความกลัวอยู่ในจิตใต้สำนึกเป็นที่ตั้ง เวลาที่ร่างกายค่อยๆหายไปรวมทั้งลมหายใจก็หายไปด้วย ก็เลยเกิดความกลัวตายขึ้น ก็เลยเป็นอุปสรรคขวางกั้นปฐมฌาน แต่ในผู้หญิงท่านอื่นๆนั้นไม่เป็นกันครับเท่าที่รู้จัก มา ดังนั้น ผู้หญิงไปไวกว่าครับโดยเฉพาะเรื่องกรรมฐาน      แต่สำหรับเรื่องวิปัสสนาแล้ว เพศหญิงจะก้าวหน้าช้ากว่าผู้ชายครับ เพราะวิปัสสนา นั้น นิวรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ ถ้าผุดขึ้นมามาก ก็มีโอกาสได้พิจารณาได้ยิ่งมากขึ้น ด้วย ยิ่งพิจารณายิ่งเข้าใจ บวกด้วยมีกำลังสมาธิเป็นอุปจารสมาธิด้วยแล้วล่ะก็ ผลของ การวิปัสสนาจะเห็นได้ชัดคือ เกิดวิมุตติชั่วคราวครับ จิตกับร่างจะแยกกัน อย่างรู้สึกได้ เช่น หันไม่พร้อมกัน จิตล้มตัวลงนอนก่อนร่างเป็นต้น ปิติสุข ที่เกิดจาก ผลของวิปัสสนาสำเร็จนั้น แตกต่างจาก ปิติสุขที่เกิดจากกรรมฐาน เพราะปิติสุขที่เกิด จากวิปัสสนาสำเร็จนั้น จะรู้สึกได้นานกว่าและคงอยู่อย่างนั้นยาวนาน จนกว่าสติจะขาด เมื่อนอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นความรู้สึกวิมุตตินั้นจึงจะหายไป ไม่ได้คงอยู่นานเหมือน พระอรหันต์ที่มีอยู่ตลอดข้ามวันข้ามคืนเป็นต้นครับ                                                                                                             ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 22:23:45

ความคิดเห็นที่ 31 จากเท่าที่เห็นมา ผู้หญิง ปฏิบัติได้ไว จิตละเอียดกว่า รู้ธรรมในรายละเอียดมากกว่า แต่เวิ่นเว้อ ตัดไม่ตายขายไม่ขาด เข้าทำนองดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ มันแพ้ค่ะ มันแพ้.. ได้ง่ายเสื่อมง่าย ผู้ชาย  ปฏิบัติได้ช้ากว่าตอนแรก แต่ตอนหลังตัดเป็นตัด ตายเป็นตาย เป็นพวกม้าตีนปลาย ลงลึกได้มากกว่า และเสื่อมยากกว่า อุกฤษฏ์กว่า และมีกำลังมากกว่า ผู้หญิง ทุกข์มากกว่า โอกาสน้อยกว่า เลยขยันกว่า ผู้ชาย เห็นเป็นของตาย  เลยมักประมาท ผู้ชาย ถ้ารักจริงมักบวชเลย อุกฤษฏ์เลย ผู้หญิง เต็มวัดไปหมด..   ผู้หญิงที่เราเจอที่วัด เก่งกว่าผู้ชายเป็นจำนวนมากอย่างน่าสังเกต อาจารย์ยังบอกว่า ทำไงได้ ยุคนี้ผู้หญิงมันเป็นใหญ่..   แต่มันเป็นแนวชายในร่างหญิงอย่างที่คุณอู่ต่อเรือว่าทั้งนั้นเลยน่ะ.. จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 22:26:36

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องปฏิบัตินะ ผู้หญิงปฏิบัติได้ดีกว่า เพราะว่า ไม่คิดมาก ไม่สงสัย ตัดสินใจเร็ว การทำกรรมฐานจึงดีกว่ามาก แต่ก็มีจุดอ่อนตรงที่ ห่วงขันธ์๕มากไป ทั้งของตัวเองและคนอื่น จึงทำให้เข้ามรรคเข้าผลช้ากว่าผู้ชายตรงนี้แหละ ผู้ชาย คิดมาก เจ้าหลักการ เลยไม่ไปไหน เลือกระหว่างอเวจีกับโลกันต์นรก แต่พอตัดสินใจแล้ว ก็ไวเหมือนกัน เพราะเด็ดขาด ตายเป็นตาย เรื่องตัดขันธ์๕ ผู้ชายจึงตัดได้ดีกว่า ชาตินักรบจึงเจริญกรรมฐานได้ดีมาก คือมันอยู่คนละจุด โดยทั่วไปผู้หญิงดีกว่า แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วผู้ชายก็ดีกว่า และดีกว่ามาก จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 07:44:55

ความคิดเห็นที่ 33 โดยธรรมชาติแล้ว ผู้หญิงจะฟุ้งซ่านได้ง่าย มีอารมณ์ มีเวทนา มีอุปาทานเยอะ อาจจะบรรลุธรรมได้ลำบาก แต่ผู้หญิงมีกามราคะน้อยกว่าผู้ชาย คงเข้าหาศาสนาและปฏิบัติธรรมได้ง่าย สรุป ผู้หญิงปฏิบัติธรรมเยอะ แต่อาจถึงขั้นวิมุติหลุดพ้นได้ยากกว่าผู้ชาย จากคุณ : KONICHIWA เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 10:27:47

ความคิดเห็นที่ 34 ขออีกหน่อย.. ได้อวัยวะชนิดไหนมา มันก็ต้องใช้อย่างนั้นแหละ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่การปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น มันไม่ต้องใช้อวัยวะน่ะ มันใช้จิตซึ่งไม่มีรูป อวัยวะนั้นเป็นผลของวิบากกรรม  รูปเกิดจากวิบากกรรม ในการปฏิบัติธรรม บางทีจึงติดอวัยวะ ติดรูป เพราะผลของกรรมที่ทำมา ส่วนที่เป็นอุปสรรค คืออวัยวะ รูป ไม่ใช่นามคือจิต ผลของรูป บางครั้งก็ส่งผลกระทบมาที่คุณสมบัติของจิต จิตหญิงจิตชาย เป็นผลจากประสบการณ์ที่ทำมาซ้ำๆ   ทำให้จิตนั้นมีนิสัยอันเกิดจากรูปไปด้วย  นี่ก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของการพัฒนาภูมิจิต  แต่นั่นแหละ เหตุคือวิบากกรรมที่ได้เคยกระทำมานั่นเอง  เมื่อเราทำวิบากใดมา ก็ย่อมต้องชดใช้ รับผลคืออุปสรรคในการเข้าถึงธรรม ยากกว่า ง่ายกว่า ลำบากกว่า สบายกว่า..  อ่อนกว่า แข็งกว่า.. แต่มันก็เข้าทำนอง ดีอย่าง เสียอย่าง  ไม่มีใครจะดีพร้อม สมบูรณ์พร้อม ได้อะไรมาก็ใช้อันนั้นแหละ  เรียนรู้ เข้าถึง เข้าใจ ทำใจ ยอมรับ และพัฒนา ให้อวัยวะของเราเป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการปฏิบัติให้นามคือจิต ได้เข้าถึงธรรม อวัยวะของใครก็ของมัน เปรียบเทียบกันไม่มีประโยชน์ มันมีคุณลักษณะต่างกันเพื่อการทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน เพื่อโอกาสในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ตามแต่ที่ตั้งเจตจำนงกันไว้ หรือกรรมซัดมา   อวัยวะที่ไม่ต้องใช้เลย ในศาสนาพุทธ ในการปฏิบัติธรรมตั้งแต่ระดับศีล 8 คืออวัยวะที่แสดงความแตกต่างระหว่างเพศ   คุณว่าจริงไหมล่ะ.. อิอิ.. จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 11:15:41

ความคิดเห็นที่ 35 พระอาจารย์เคยบอกว่า ถ้าเริ่มต้นผู้หญิงไปได้ดีกว่า เพราะจิตละเอียดกว่า  แต่ถ้าเริ่มก้าวหน้าผู้ชายไปได้ดีกว่า เพราะกล้าหาญ ผู้หญิงติดความรอบคอบ เลยกลัว... ท่านเลยว่าผู้หญิงน่าเห็นใจกว่าในการปฎิบัติธรรม จากคุณ : aya-happy (aya-happy) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 12:11:55

ความคิดเห็นที่ 36 น่าน ........โดน คห.17 ไปหนึ่งฉึก........เป็นไงล่ะทีนี้ผู้ชายอย่างเรา จากคุณ : กระจอกจัง เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 12:28:59

ความคิดเห็นที่ 37 แก้ไข เป็น คห.27 ครับ จากคุณ : กระจอกจัง เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 12:29:33

ความคิดเห็นที่ 38 แป่ววววว///ขอโตดดดดด ไม่ได้เจตนาเด้อ แต่มันเป็นไปตามจิตนาการค่ะ ใครโดนก็รับไปเนาะแบ่งๆกันไปค่ะ เพราะจริงๆแล้วมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ สมัยก่อน ตอนอยู่กับคุณยายที่ต่างจังหวัด ก่อนนอนคุณยายยังนั่งกราบคุณตาก่อน เราก็สงสัย คุณยายก็เล่าให้ฟังค่ะ แต่คุณตาท่านก็ทำตัวน่ารักน่ากราบค่ะ คุณยายบอกว่า ถึงเราจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ผู้ชายเขามีบรรดาศักดิ์สูงกว่าเรา ระหว่างวันเราอาจทำอะรไไม่ถูกไม่ควรก่อนนอนก็ขอขมาลาโทษกัน เห้อ//ผู้ชายรุ่นคุณตาน่ากราบอยู่หรอกค่ะ แต่สมัยนี้/////// หึหึหึหึ..................ต่อกันเอาเองค่ะ บุเฟ่ต์ หรือจัดหนักไปเลยระหว่างมื้อ จากคุณ : gambei (gambei) เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 18:26:19

ความคิดเห็นที่ 39 ก่อนอื่นต้องขอโทษจขกท.นะคะที่คำตอบอาจไม่ถูกใจ ดิฉันตั้งแต่เด้ก  คิดว่าจิตไม่มีเพศค่ะ  การปฏิบัติเอาจริงเอาจังก็อยู่ที่จิตดวงนั้นๆมีอินทรีย์บ่มมาขนาดไหน ลองไปดูประวัติแม่ชีแก้ว  ท่านก  เขาสวนหลวงสิคะ  จะได้มีกำลังใจดีขึ้น จากคุณ : ป้ามีมี่ เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 54 08:43:08

ความคิดเห็นที่ 40 ผมมองต่างกับ จขกท. ตรงยิ่งละเอียดผมว่าทำให้ยิ่งคิดมาก ยิ่งปล่อยวางยาก จากคุณ : โอไซริส เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 21:33:10