ความคิดเห็นที่ 1 ยุคสมัยนี้ เขาเรียกยุคสำเร็จรูป แก้กรรมเลยต้องการแบบสำเร็จรูป ง่ายๆ  ขอให้ใช้เงิน จ่ายปั๊บ กรรมหายเลย อย่างนี้ละ่ชอบ แต่ถ้า ต้องปฏิบัติ ทำอย่างนั้น ใช้เวลานาน อย่างนี้คนเลยไม่ชอบ แต่ถ้าชอบแบบสำเร็จรูป  กว่าจะรู้ว่ากรรมหายจริงหรือไม่ ก็ได้วิบากใหม่คือ  ตังค์หมด จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 13:19:50

ความคิดเห็นที่ 2 เรียนคุณซุ้มเฟื่องฟ้า  เห็นด้วยครับ....มนุษย์ยุคนี้ ความเพียรในการปฏิบัติธรรมน้อยลงมาก...ต้องการสิ่งใดก็พยายามหาให้ได้เร็วๆ (ซึ่งตนเองมีเงินอยู่ ก็แสวงหาให้เงินมาบันดาลสิ่งที่ตนต้องการหรือเพราะตนเองกลัวต่อบาปกรรมจึงเข้าใจว่าสามารถใช้เงินมาบำบัดได้ทุกเรื่อง) ...บางเรื่อง "เงิน"ก็ไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้..... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 13:24:42

ความคิดเห็นที่ 3 ผมคิดว่า น่าจะเกิดจากเขาไม่รู้มากกว่า  เนื่องจากสังคมไทย มีการป้อนข้อมูลให้ผิดๆ อีกเยอะมากๆ อย่างเช่น การทำบุญ  การทำทาน  คนไปเข้าใจผิด ว่า การทำบุญต้องทำทานเท่านั้น หรือ การทำทานยิ่งมาก ยิ่งดี ไม่รู้ว่า ทานเป็นส่วนหนึ่งของ การทำบุญ  การทำบุญมีอีกหลายอย่าง อานิสงส์  การทำบุญแต่ละอย่าง อะไรมากน้อยกว่ากัน จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 54 14:23:34

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนคุณซุ้มเฟื่องฟ้า  เห็นด้วยครับ แสดงว่าการศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทยที่จะทำให้คนมีปัญญาในทางพระพุทธศาสนา ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร  ผมสามารถพูดอย่างนี้ได้หรือไม่ครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 14:10:48

ความคิดเห็นที่ 5 จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิงนัก ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากพระภิกษุผู้ถ่ายทอดบอกสอนพระธรรมคำสอนของพระศาสดามากกว่า พระส่วนใหญ่เลยไปเน้นตรงพิธีกรรม เสียมากกว่า ไปวัดทำบุญ ทำทาน เสร็จ ฟังพระสวด แล้วก็กลับ เลยไม่ได้ธรรมะ อะไรกลับมาเลย ต้องขอขอบคุณ คุณต่อ อีกครั้งที่จัดให้มีโครงการศึกษาพระไตรปิฏก ทางอีเมลล์ นี่ก็ครับปีแล้วที่ผมเริ่มศึกษา  แม้เป็นช่วงแรก ก็ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก หลังจากนั้นได้ไปเจอวัดนาป่าพง ที่ถ่ายทอดบอกสอน แต่พุทธวจน  ก็เลยศึกษาเร็วขึ้น มีกลุ่มที่ศึกษาพุทธวจนด้วยกัน  มาถกกันเลยยิ่งได้ความรู้ ความเข้าใจมากยิ่งขึ้น การศึกษาพุทธวจน ก็เหมือนการเรียนพระไตรปิฏกฯ โครงการของคณต่อนั้นแหละ มั่นใจตัวเองแล้วว่าไปถูกทางแน่นอนครับ   แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 18:43:47 จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 18:43:29

ความคิดเห็นที่ 6 สาธุ สาธุ สาธุ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ช่วงหลังนี้ อีเมลล์ hotmail ของผมมีปัญหา  คงต้องเปลี่ยนมาใช้จีเมลล์แทน โครงการเรียนพระไตรปิฎกทางอีเมลล์ตอนนี้ชะงักไปหน่อย แต่ยังไม่เลิกและ ผมจะรอให้เดินไปพร้อมกับการตั้งกระทู้ในพันธุ์ทิพย์ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาส่งหลายรอบ ยังไงการถ่ายทอดความรู้ในพระไตรปิฎกก็ยังมีต่อไปครับ และที่สำคัญคือ ภาวนามยปัญญา นะครับ(ผมคาดว่าคุณซุ้มเฟื่องฟ้าปฏิบัติอยู่แล้ว) เพราะหากไม่นำปฏิบัติ  เราจะไม่พบความจริงในพระไตรปิฎกเกิดขึ้นในจิตใจเราเองและ ยุคนี้ พอคนเรียนปริยัติมากๆก็มักจะถูกปรามาสว่า "ใบลานเปล่า" หรือ เรียนปริยัติไม่ปฏิบัติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิด   เราเรียนปริยัติเพื่อไปปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ได้มีปริยัติเพื่อไว้อวดหรือข่มผู้ใด และการถ่ายทอดคือการถ่ายทอดเพื่อให้รุ่นต่อไปได้ทราบถึง "พระธรรมวินัย"เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ควรทำเพื่อรักษาไว้ซึ่ง พระพุทธศาสนา แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 20:03:34 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 54 20:02:38 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 20:01:03

ความคิดเห็นที่ 7 ขอให้เจริญในธรรมเช่นกันนะครับ คงต้องพอตัวเพื่อตนเอง  ก่อนที่พอตัวเพื่อผู้อื่นก่อนล่ะครับ ปฏิยัติ ปฏิบัติ  ปฏิเวธ ปริยัติ  ผมเปรียบเหมือนแผนที่เดินทางสู่เป้าหมาย  เพื่อความมั่นใจก็ต้องเลือกแผนที่จากพระศาสดาโดยตรง ปฏิบัติ  เปรียบเหมือนการเดินทางตามแผนที่ เพื่อไปสู่เป้าหมาย ปฏิเวธ  เป้าหมายที่จะไป ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติจริงๆ ถ้าไม่ปฏิบัติก็คงไม่รู้ได้ด้วยตนเอง แม้จะยังไม่เคยออกไปปฏิบัติ แบบปลีกวิเวก ก็อาศัยปฏิบัติที่บ้านเท่าที่อำนวย กับการใช้ชิวิตประจำวันปฏิบัติไปด้วย  ต้องพึ่งตนเองให้มากล่ะครับ อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงไปแห่งเรา มหา. ที. ๑๐/๑๕๙/๑๒๘." จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 54 21:00:27