แก้กรรมด้วยการกำหนด
กรรมปัจจุบันที่เราจะอโหสิกรรม แก้แก้กรรมด้วยตัวกำหนด เช่นเสียงหนอเขาด่าเรา กำหนดให้หายจะไม่มีเวรกันต่อไป นี่แก้ปัจจุบันนะ กรรมครั้งอดีตแก้ไม่ได้ต้องใช้กรรม เหมือนอย่างอาตมาคอหัก เราก็รู้กรรมของเราครั้งอดีต รู้จากเวทนาที่เจริญสติปัฏฐานในด้านเวทนานุปัสสนา เกิดขึ้นกำหนดไปให้แตกแล้วก็แยกออกไปเป็นสัดส่วน แล้วทุกข์นั้นก็หายสุขเข้ามาแทนที่ จิตใจก็ผ่องใส จึงรู้กฎแห่งกรรมครั้งอดีตได้ ว่าเราเคยไปฆ่าสัตว์ เคยไปฆ่านก อย่างนี้รู้ได้โดยปัจจัตตัง
กรรมปัจจุบันจะสร้างให้เกิดอนาคต หมายความว่ากรรมนี้จะมาในปัจจุบัน เช่นคนเดินมาไม่ถูกกัน เห็นแล้วคลื่นไส้ ไม่พอใจ มันก็บันทึกกรรมไปเพื่ออนาคต ทำให้เราปรารภจิตเศร้าหมองในวันหน้าแน่นอน แก้ได้ไหม ได้ แก้กรรม ปัจจุบันก็กำหนด เห็นหนอ เห็นหนอ คนนี้ไม่ถูกกัน ไม่พอใจกัน ไม่มองหน้ากัน เกลียดขี้หน้ากัน แก้เสีย เพื่อไม่ให้เกิดในอนาคต ก็แก้ว่า เห็นหนอ รูปนามแยกไป อะไรเป็นรูป คนที่เดินมาเป็นรูป เห็นหนอ อะไรเห็น ทางตาเห็นอะไรรู้ นามรู้ ทางตาเป็นรูปหรือเป็นนาม ตาเห็นรูป รูปนั้นเป็นรูป แต่จิตที่รับรู้นั่นว่ารูปเดินมานั้นคือใคร เป็นตัวนามแก้ปัจจุบันไม่ให้เกิดในอนาคต เราก็กำหนด เห็นหนอ ๆ ไม่พอใจคนไม่ถูกกันมา ไม่พอใจเกิดโกรธต้องรีบกำหนดความโกรธเป็นการแก้กรรม เพื่อไม่ให้มันลุกลามไปในอนาคต กำหนดโกรธหนอ โกรธหนอ ตั้งสติไว้ที่ลิ้นปี่ โกรธหนอ โกรธหนอ รูปนามเป็นอารมณ์ แยกรูปคนนั้นออกไปเป็นส่วนหนึ่ง นามที่จิตไปผูกโกรธ ก็แยกออกไปเสีย ไหนไปโกรธตัวตนที่ไหน ใครเป็นตัวตน อ๋อนาย ก. เป็นตัวตน เอามือคลำซิ มีแต่รูป มีแต่กายกับจิต มีรูปกับนามเท่านั้น จิตก็แปรปรวน เปลี่ยนแปลงเป็นกุศล เป็นมหากุศลจิต และจิตก็เกิดเป็นกุศลมูลเหตุของจิต จิตก็ผ่องใส ความโกรธก็ตกไป หายวับไปกับตา ไม่มีอะไรที่จะมาแฝงอยู่ในใจต่อไป และเราจะไม่โกรธไปในวันพรุ่งนี้ เราจะไม่โกรธไปในวันพรุ่งนี้ เราจะไม่โกรธไปในวันมะรืนนี้ เราจะไม่โกรธถึงปีหน้า
นี่คือวิธีแก้กรรมปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดในอนาคต ตัดต้นไฟเสียในเบื้องต้น ตัดไฟที่จะลามเข้าไปในสันดานของจิต และพิษภัยก็จะไม่เกิดขึ้นในอนาคต แปลว่า ปรารภคนเดินมาไม่ถูกกัน เลยก็น่าสงสารไปโกรธเขา เขาก็โกรธเรา โกรธตัวเขา คลื่นไส้ตัวเขา ก็คลื่นไส้ตัวเรา ก็โกรธตัวเรานั่นเอง เป็นการเพิ่มกรรม เราตัดเวรตัดกรรม อโหสิกันเสียว่า โกรธหนอ ฉันจะไม่โกรธเธออีกแล้ว ปัญญาบอก สติบอก สัมปชัญญะบอก แล้วก็เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับวูบไปที่ตา รูปนาม ขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ รูปคนเดินมาก็ไม่มีตัวตน ที่จะไปเกลียดเขาได้ ความรัก ความโกรธ ความโลภ ความหลงประการใด มันก็หายวับไปกับตา มีแต่รูปนามที่เดินมา ตาเราก็เป็นรูปประกอบด้วย ลูกตา มันเป็นอันเดียวกันได้หรือ มันรูปนอก รูปใน รูปจิต รูปใจ รูปนามธรรม แล้วปัญญาก็แยกออกไปอย่างนี้ เราก็ไม่ผูกโกรธเขาอีกต่อไป นี่เป็นการแก้กรรมปัจจุบัน ไม่ให้ลามไปในอนาคต
อนาคต แต่กรรมครั้งอดีตนี่แก้ไม่ได้ต้องใช้ ต้องประเมินถึงจะต้องใช้ แต่ก็ใช้น้อยลงไป รู้ตัวว่าเรามีกรรมที่ทำเขาไว้เราก็อโหสิ พออโหสิกรรมแล้วกรรมที่จะใช้ ๑๐๐ บาท ก็ใช้เพียง ๕๐ บาท ถ้าอโหสิเพิ่มขึ้น กุศลสูงขึ้น เราอาจยืม ๑๐๐ บาท แต่ใช้เพียง ๑๐ บาทก็ได้น้อยลงไป ข้อสำคัญไม่ต้องมีดอกเบี้ย ดอกเบี้ยนี้คือ การสะสมกรรม ทำให้มีดอกดวงมากขึ้น หนี้เก่ายังใช้ไม่หมด ยังไปขอยืมหนี้ใหม่ สร้างเวรสร้างกรรมกันทำไม อย่างไปสร้างต่อเลย
ท่านสาธุชนทั้งหลายเอ๋ย จงอโหสิกรรมกันเถิด แล้วกรรมจะไม่ก่อบังเกิดในอนาคต เราเลิกโกรธกันเถอะ เลิกมีทิฐิต่อกันเถอะ เอาไว้อาศัยกันต่อไปในโอกาสหน้าเถิด จิตใจจะได้ประเสริฐด้วยกรรมจากการกระทำของตน นี่แก้กรรมปัจจุบันเพื่อไม่ให้ลามไปในอนาคต เสียงหนอ มาด่าฉันหรือคะ ใช่แล้ว อ๋อ เสียง กับ ฉัน ต่างกัน หูฉัน กับ ปากเธอ ไกลกัน เธอก็ด่าตัวเธอก็แล้วกัน ด่าไม่ถูกฉัน ไม่ถูกตัวตน ตัวตนมีที่ไหนคลำก็ไม่ได้แล้ว เกิดขึ้นตั้งอยู่ วูบดับไปที่หู ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นอารมณ์ เลยเสียงนั้นก็ตกไป เสียงกับหูคนละอัน ไกลกันลิบ จิตใจเราไม่มารับเลยอโหสิกรรม ด่าอย่างไรก็ไม่โกรธ ด่าอย่างไรก็ไม่เจ็บ นี่แก้กรรมปัจจุบันเพื่อไม่ให้ลุกลามไปในอนาคต เหมือนไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ กำลังลุกอยู่ ณ บัดนี้ เราก็ดับวูบลงไป ไฟก็ไม่ลามต่อไปในอนาคต ถ้าเราไม่ดับไฟ...ไฟก็จะลุกลามต่อไป เราจะไม่ก่อเวรก่อกรรมกันอีกแล้ว เราจะมีสติยึดมั่น สติมา สัมปชาโน ยึดมันในสติปัฏฐาน ๔ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยกรรมจากการกระทำของตน
กรรมครั้งอดีตนั้นต้องแก้ด้วยการเจริญทุกขเวทนา มีเวทนาต้องสู้ ทนทุกข์นอกทุกข์ในโทมนัสสัง โสมนัสสังทุกข์โทษในเวทนามากมายถึง ๔ ประการ ทุกข์นอก ทุกข์ใน ทุกข์ในใจอีก เอาทุกข์นอกประเด็นมาสะสมเข้าอีก เลยก็เกิดทุกข์กันใหญ่ หาความสิ้นสุดของทุกข์ไม่ได้ บำบัดทุกข์ไม่ได้ ไม่สามารถจะถึงบรมสุขคือพระนิพพานได้ เราทราบดีแล้ว อนิจจาไม่น่าไปโกรธเขาเลย ไปจองเวรเขาทำไม ไปผูกพยาบาทเขาทำไม เมตตาก็ปรากฎชัดแก่ตัวผู้ทำ เมตตาปรารถนาดีทุกคน
ความปรารถนาดีเป็นมงคลชีวิต มีในบ้านใดบ้านนั้นเป็นบ้านมงคล เป็นบ้านเศรษฐี นึกถึงเงินก็ไหลนอง นึกถึงทองก็ไหลมา เป็นบ้ายอยู่เย็นเป็นสุข อาตมาภาพได้บรรยายมาในเรื่องกรรมฐาน รู้กฎแห่งกรรมและแก้กรรมด้วยการกำหนดของตน กรรมครั้งอดีตต้องแก้ด้วยการเจริญทุกขเวทนา แล้วเวทนาจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เราจะรู้ว่าเราทำกรรมอะไรไว้
แก้กรรมปัจจุบันก็กำหนดทางอายตนะ ธาตุอินทรีย์ หน้าที่การงาน ให้มันดับไป อย่ามาติดใจ และข้องอยู่แต่ประการใด ไฟราคะ โทสะ โมหะ ก็จบไม่ลุกลามไปถึงอนาคต จิตใจก็โน้มเข้ามา ถึงแก่นแท้พระพุทธศาสนา โน้มมาถึงธรรมสัมมาปฏิบัติ มีเมตตา มีความปรารถนาดี ไม่รบราฆ่าฟันกัน แม่แต่จะเสริมสร้างความดีต่อกัน คือ สัจจะ เมตตา สามัคคี มีวินัย ศักดิ์ศรี ก็เกิดขึ้นแก่ตน ดับวูบไปเกิดขึ้นที่ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นอารมณ์ กรรมเก่าก็แก้ด้วยการใช้หนี้เขาไป เพราะว่าจะให้หมดไม่ได้ แต่กรรมใหม่เราจะไม่สร้าง เราจะแก้กรรมปัจจุบันด้วยอายตนะ ธาตุอินทรีย์ ให้มันดับวูบไปเลย อย่าให้มันลุกโพลงด้วยราคะ โทสะ โมหะอยู่ประจำจิตเลย ให้จิตแยกออกไป คือรูปนามขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ รูปธรรม นามธรรม คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จิตใจก็เบิกบานเป็นปัญญาแสงสว่างคือมรรคมรรคา ก็ส่องทางให้เราเดินทางไปโดยสวัสดี เพราะเรามีปัญญาดี เดินทางก็ไม่หลงทาง เดินทางถึงนิพพานโดยทั่วหน้ากัน
อนึ่ง วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๓๒ จาก ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ ผ่านมาเป็นเวลา ๑๐ กว่าปีแล้ว อาตมาถวายสังฆทาน ให้เจ้ากรรมนายเวร ที่เราเกิดเคราะห์หามยามร้ายอย่างแรงกล้า คอหักไป ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ เราก็จะทำบุญกุศลเพื่ออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร อย่างจองเวรกันเลย พ่อกรรมเอ๋ย เพราะเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมา ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายที่โดนฆ่าจากเรา จงอโหสิกรรมให้เราเถิด ขอถวายสังฆทานอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ท่านทั้งหลายจงอโหสิกรรม และกรรมจะไม่ต่อเนื่องไป อโหสิ เหมือนรถหมดน้ำมัน ไม่วิ่งไปหากรรมชั่วอีกแล้ว
เราก็เหมือนรถหมดน้ำมัน หมดเชื้อไขในกฎแห่งกรรม จะได้สิ้นกรรมกันเสียที
อาตมาภาพขออนุโมทนาส่วนกุศล ท่านที่เจริญวิปัสสนาทุกท่าน ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ ที่ชี้แจงแสดงเหตุผลข้อเท็จจริง ในเชิงปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ได้รับผลอย่างนั้นจริง แก้กรรมเก่าโดยรับใช้ แก้กรรมใหม่โดยใช้กรรมปัจจุบันไม่สร้างให้ต่อเนื่องต่อไป ตัวเวรตัดกรรมด้วยการกำหนดจิต เสียให้ได้ทุกทิศา อายตนะ ธาตุอินทรีย์ที่มาเป็นประจำ ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นอารมณ์ ได้ผลอย่างแน่นอน
ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านสาธุชนทั้งหลายโดยทั่วกัน
www.jarun.org