ความคิดเห็นที่ 1 "มีผลทำให้ ผู้รับ ฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวด  ผู้บอกไม่ได้รู้สึกเมตตา สงสาร กลับแอบสะใจนิดๆ" รับบาป ไปเต็ม ๆ แหละค่ะ.... ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้  คำหยาบคาย ก็เถอะ..... อยู่ที่ใจ ล้วน ๆ..... จากคุณ : ป้อม-ยาม เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 11:49:10

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ากล่าวด้วยเจตนาดี  ปรารถนาดี  มีความเมตตา สงสาร   บางทีแม้เลือกใช้คำพูดรุนแรง  (ดูจากจริตของผู้ฟัง) ถึงจะมีผลทำให้ผู้ฟังรู้สึกเจ็บปวด อันนี้เป็นกรรมดี ถ้าเจตนาไม่ดี  ไม่เมตตา  ไม่สงสาร  แถมมีแอบสะใจ ถึงกล่าวจาหวานหู  สำนวนไพเราะ ก็จะเป็นกรรมไม่ดี ตามความเห็นผม  คิดว่าอยู่ที่เจตนามากกว่าครับ จากคุณ : pop_ssc เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:02:08

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 2 ค่า เคยอ่านเรื่องหลวงปู่มั่น ท่านสอนพระ ท่านติเตียนแรงๆเลยนะ พระบางรูปที่ไม่พอใจก็มี แต่หลวงปู่มั่นท่านติเพื่อก่อ  กิเลสมันหนาก็ต้องฟันให้ขาด ติแบบหลวงปู่มั่น   อันนี้เราว่าไม่บาป(ถึงคนถูกติจะเสียใจเจ็บใจก็ตาม) แต่ถ้าพูดปากหวานแต่น้ำใจเชือดคอ  อันนี้เราว่าบาป พูดด้วยถ้อยคำรุนแรง  เพื่อให้คนอื่นเจ็บปวด  พูดเพื่อทำลาย  อันนี้เราว่าบาป จากคุณ : annyfatgirl เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:21:06

ความคิดเห็นที่ 4 พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า เรากล่าวซึ่งเจตนาว่าเป็นกรรม และมโนกรรมนั้นส่งผลแรงที่สุด จากคุณ : เนตังมม (เนตังมม) เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 12:59:55

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อมีการอนุโมทนาบุญ ในทางกลับกันก็มีการอนุโมทนาบาป เหมือนมีขาว ก็มีดำ มีมืด ก็มีสว่าง การอนุโมทนาเกิดจากจิตที่ยินดี ไม่ว่าจะเป็นบุญ หรือเป็นบาป ไม่ว่าเราจะเอ่ยปากพูดหรือไม่เอ่ยปากพูด ถ้าจิตยินดีด้วยก็ถือว่าอนุโมทนาแล้ว เมื่อจิตเรายินดีในสิ่งนั้น เท่ากับว่าเราเปิดใจยอมรับสิ่งนั้น เหมือนการจูนคลื่นให้ตรงกัน สิ่งนั้นก็จะเข้ามาในใจเรา ไม่ว่าจะเป็นบุญ หรือเป็นบาป การอนุโมทนาบาป  ก็คือ เมื่อเรา ได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น หรือได้รับรู้ การกระทำความชั่วของบุคคลอื่น แล้วเรามีจิตยินดี เห็นดี เห็นงามด้วย ชื่นชม ชินดี ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ใจของเราได้ยินดีในความชั่ว ของบุคคลอื่นแล้ว ก็ได้ชื่อว่า อนุโมทนาบาปแล้ว การอนุโมทนาบาป จะได้บาปมากน้อย ขนาดไหน อยู่ที่ใจเราว่ายินดีมากน้อยแค่ไหน กับบาปที่คนอื่นทำด้วย ว่าเป็นกรรมหนักขนาดไหน คำพูดที่แสดงถึงการอนุโมทนาบาป ดีสมน้ำหน้ามัน ตายๆซะแล้วคนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน มันน่าจะได้รับกรรมหนักกว่านี้ แค่นี้ยังน้อยไป จับปลาเก่งโฮ้ ได้ปลาตั้งเยอะ ยิงแม่นดีจัง ยิงที่เดียว มันตายเลย ดีจริงแอบไปได้ภรรยาของคนอื่นเขา กินเหล้าเก่ง ไม่รู้จักเมา ด่ามันได้ดีมาก ซะใจ จริงๆ ขโมยได้เนียนดีจัง ไม่มีใครรู้ จากคุณ : โชติช่วงชัชวาล เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 13:48:38

ความคิดเห็นที่ 8 เคยอ่านเรื่องหลวงปู่ท่านหนึ่ง เรียกแม่ชีที่หลงไปว่าตนเองบรรลุขั้นนู่นนี่แล้ว ท่านเรียกว่า  "E Tor-แหล"   แม่ชีโกรธมาก นี่คือตัวอย่างของ "บุญที่ให้ด้วยความเมตตาผ่านถ้อยคำที่รุนแรง" จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 14:04:55

ความคิดเห็นที่ 9 ดูเจตนาคะ จากคุณ : WaLLiiE เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 14:24:04

ความคิดเห็นที่ 10 ขออนุญาตออกความเห็นนะคะ "ผู้บอกไม่ได้รู้สึกเมตตา สงสาร กลับแอบสะใจนิดๆ" การรู้สึกว่าไม่ได้รู้สึกเมตตา สง สารและแอบสะใจนั้น ในขณะนั้นรู้สึกตัวเลยหรือไม่ ต้องระวังค่ะ เพราะเป็นเหตุปัจจัยที่ สั่งสมมาให้อกุศลจิตเกิด ถ้ายังไม่รู้สึกตัว ละอายต่อความรู้สึกที่เป็นอกุศลนั้นๆ ก็จะเป็น เหตุปัจจัยให้สะสมอกุศลในจิตมากขึ้นเรื่อยๆและพัฒนาความคิดและคำพูดในทางที่ เสื่อมลง อาจจะรวมไปถึงกายกรรมในเวลาต่อมาด้วยถ้ายังขาดความยับยั้งชั่งใจ เราเนี่ยเคยเป็นคนแบบที่คุณกล่าวไว้เลย ไม่ได้พูดโกหก ไม่ส่อเสียด ไม่หยาบ แต่ก็ตั้ง ใจพูดให้บาดลึกเข้าไปในใจผู้ฟังได้อย่างแสบสันต์ สมัยเด็กๆนั้น เวลาเห็นเพื่อนเสียใจ เพราะคำพูดเรา ก็รู้สึกสงสาร และคิดว่าไม่น่าพูดเลย แต่ก็นะพอถึงเวลาก็เป็นอีก แล้ว ก็เริ่มมีคำแก้ตัวให้ตัวเอง จนในที่สุด พัฒนาไปถึงไม่รู้สึกละอาย รู้สึกสะใจ ทางแก้ไขส่วนตัวของเราคือการพยายามรู้กายรู้ใจตัวเองให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยา ยามรู้สภาพจิตใจของเราที่เกิดขึ้นในเวลานั้นๆ ให้ทัน ไม่ปล่อยให้เลยเถิดไปจนเกิดเป็น วจีกรรมและกายกรรม ซึ่งก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะ จากคุณ : คุณป้าจำเป็น เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 14:34:15

ความคิดเห็นที่ 11 อ้างอิงจากหนังสือ "พุทธวิธีในการสอน" จากท่านพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) นะครับ พระพทุธเจ้าทรงตัรสพระวาจาตามหลัก 6 ประการ คือ ตามรูปที่แนบนะครับ ซึ่งจากหลักดังกล่าวสามารถสรุปได้ง่าย ๆ คือ ท่านจะเลิือกตรัสต่อสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นครับ จากคุณ : nahc_CM เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 14:46:44

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุก คห,ครับ   คุณ ป็อม-ยาม  >  บาป เพราะ อยู่ที่ใจ คุณ pop_ssc > ถ้าเจตนาดี ก็เป็นกรรมดี ถ้าเจตนาไม่ดี ก็เป็นกรรมไม่ดี คุณ annyfatgirl ก็เช่นกันถ้าพูดดีแต่เจตนาไม่ดีก็บาป คุณ เนตังมม บอก มโนกรรม ส่งผลแรงที่สุด คุณ โชติช่วงชัชวาล ให้ความรู้เรื่อง อนุโมทนาบุญและบาป คุณ Smiling-girl  ยกตัวอย่างของ "บุญที่ให้ด้วยความเมตตาผ่านถ้อยคำที่รุนแรง" ชัดเจนมาก  ขออนุโมทนาคุณป้าจำเป็น ที่รู้ตัว และพยายามฝึกฝนแก้ใขตนเอง               ขอให้สำเร็จมรรคผลหลุดพ้นจากบาปนี้โดยไวนะครับ คุณ nahc_CM ยกลักษณะการตรัสของพระพุทธองค์ จากหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์                ขอบคุณครับ ขอขอบคุณกับคุณWaLLiiE และทุกท่านที่เข้ามาอ่าน+ให้ครับ และยังอยากได้ความเห็นอื่นๆอีกครับ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 16:07:20

ความคิดเห็นที่ 13 ผม เห็น อย่างนี้ ครับ บาป ไม่ได้ อยู่ที่ คนพูดเท่านั้น(เหมือนกับ คห อื่นๆ) อยู่ที่คน ฟัง ด้วย ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 22 ส.ค. 54 19:09:49

ความคิดเห็นที่ 14 ได้รับทั้งผลบุญและบาปไปพร้อมกันครับ (แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นอะไรมากกว่ากัน เพราะยังขาดข้อมูลอีกมาก) แบ่งเป็นส่วนของบุญและบาปได้ดังนี้ ส่วนของบุญ "มีเจตนา บอก สอน นำเสนอ ต่อผู้อื่น  ไม่มีคำโกหก เท็จ หยาบคาย ส่อเสียด" ถ้าสิ่งที่บอกสอนนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผู้รับคำบอกสอน และจะเป็นบุญมากยิ่งขึ้นถ้าสิ่งที่บอกสอนนั้นเกื้อกูลต่อผู้รับคำบอกสอนให้ได้รู้ได้เห็นธรรมของพระบรมศาสดา ส่วนของบาป "มีผลทำให้ ผู้รับ ฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวด  ผู้บอกไม่ได้รู้สึกเมตตา สงสาร กลับแอบสะใจนิดๆ" เป็นอกุศลกรรมบท แล้วยังยินดีในบาปที่ตนเองทำอีกด้วย ทั้งนี้ ก็ต้องดูเจตนาตั้งแต่ต้นว่ามีเจตนาจะบอกสอน หรือเจตนาที่จะให้ผู้ฟังเจ็บปวดแรงกล้ากว่ากัน จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 00:04:43

ความคิดเห็นที่ 15 จากที่อ่านมาคิดว่า "เป็นบุญเจือบาป" ครับ อันนี้คงไม่มีใครอยากสรรเสริญหรอกครับ จากคุณ : M (M_moshi) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 20:42:35