ความคิดเห็นที่ 1 ช่างมันเถอะค่ะ สิ่งที่ทำแล้ว ทำคืนไม่ได้ อดีตผ่านไปแล้ว อนาคตยังไม่มีอยู่จริง อยู่กับปัจจุบันสร้างเหตุปัจจัยที่ดี เพื่อที่จะไม่เกิดความทุกข์ในอนาคตก็พอ จากคุณ : lovely beagle เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:17:46

ความคิดเห็นที่ 2 อีกหน่อยสักสี่ห้าร้อยปีก็ Secular Humanist/Athesit กันหมดแล้วครับ อย่าคิดมากเลย มองไปข้างหน้าดีกว่า จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:28:03

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องเก่าๆและนานมาแล้วไม่ต้องเรื้อฟื้นเอามาเล่าใหม่หรอก. มันเป็นการกระทำของคนในยุคอดีต จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:35:39

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วฮามาก โดยเฉพาะยกคำสอนของพุทธมาเหมือนเพื่อจะบอกว่า เพราะเอ็งทำชั่วเลยรับกรรม อ่านบทความมุสลิมทีไร ได้ฮาทุกที  มันจะพิลึกๆไม่เหมือนศาสนาอื่น ที่เค้าถามเนี่ย อาจจะอยากรู้ว่าได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดในอดีตบ้างไหม จะได้ไม่ซ้ำรอย แต่กลับบอกว่า ไม่รู้ไม่เห็นแปลก เอ้อ มันจะซ้ำรอยก็เพราะยังงี้แหละ (นี่แหละสาเหตุที่กลัว) อย่างน้อยบทความนี้ก็ยังดีที่เอามาสอนมุสลิมให้รู้ว่า มันผิดยังไงบ้าง จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 21:37:04

ความคิดเห็นที่ 5 คห 4 มุสลิมและพุทธชน  มีลำดับวิธีการที่แตกต่างกันในการเข้าถึงศาสนา  คือ มุสลิมนั้น จะกลับไปหาตัวบทหลักฐานก่อน นั้นคือ อัลกุรอ่านและหะดีษ(บันทึกจริยวัตรของท่านศาสดา) หลักจากนั้นจึงจะใช้  ข้อมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์และการเทียบเคียง ดังนั้นบ่อยครั้งที่พุทธชนจะไม่คุ้น เมื่อมุสลิมใช้วิธีการเอาตัวบทหลักฐานทางคำสอนของพุทธมาใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออธิบายชีวิตมนุษย์  อย่างเช่นเรื่องการชดใช้กรรมเวร เป็นต้น ซึ่งความรู้สึกไม่คุ้นก็เรื่องหนึ่ง   แต่จะอธิบายถูกหรืออธิบายผิดนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 22:08:36

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านจบ เห็นภาพ สุลต่านมะหมูดบนธงอเมริกันยังไ่งไม่รู้ และข้อเชียนของ อ. อาลีตอกย้ำความกลัวอย่างหนึ่งของศาสนิกอื่นๆ ดังเ่ช่นข้อเขียนนี้ "สุลต่าน มะหฺมูด แห่งฆอซนะฮฺมีเจตนาแผ่เสนยานุภาพและอาณาเขตของอาณาจักรอัล-ฆอซนะวียะฮฺเข้าสู่ดินแดนของอินเดียโดยเข้าใจว่านั่นเป็นญิฮาดที่ชอบธรรมตามหลักคำสอนของศาสนาแต่นั่นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน" ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของศาสนิกอื่น มักไม่สร้างความชอบธรรมในการอธรรม แต่ภาพลักษ์ณนับตั้งแต่นบีวะฟาตลง จนนาลันทา มาถึงปัจจุบัน ความคาดเคลือนอันนั้นยังเกิดอย่างต่อเนื่อง และรอคอยการปรับแต่ง ความคลาดเคลื่อนของมุสลิมบางคน ในการสร้างความชอบธรรมในการอธรรม จากคุณ : itoursab เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:03:18

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้เลยอ้างแต่ความคราดเคลื่อนหาความชอบธรมแต่ตัวเอง อย่างนี้แหละ มันเป็นอย่างนี้มาเนินนานแล้วสำศัญตนว่าถูกเสมอ อ้างว่าเบื้องบนสั่งมา จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 54 23:53:34

ความคิดเห็นที่ 8 เบื้องบนสั่งมา ดีจริงๆ จากคุณ : tianxin-wang เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 00:27:34

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ แมวเก้าแต้ม  แสดงความเห็นว่า    "อ่านแล้วฮามาก โดยเฉพาะยกคำสอนของพุทธมาเหมือนเพื่อจะบอกว่า เพราะ   เอ็งทำชั่วเลยรับกรรม"   และ   คุณ abubilal  อธิบายว่า   "ดังนั้นบ่อยครั้งที่พุทธชนจะไม่คุ้น เมื่อมุสลิมใช้วิธีการเอาตัวบทหลักฐานทาง   คำสอนของพุทธมาใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออธิบายชีวิตมนุษย์  อย่าง   เช่นเรื่องการชดใช้กรรมเวร เป็นต้น" .................     ผมเป็นมุสลิมจึงเกิดความสงสัยว่า ถ้าชาวพุทธศาสนิกจะใช้กฏของ กรรม ตั้งคำ     ถาม กลับมาถามคุณ abubilal ว่า   "มุสลิมในโลกปัจจุบันนี้ ซึ่งมีแต่ความ วุ่นวาย ไม่สงบโดยเฉพาะในภาคตะวันออก    กลาง และถูก ประชาชาติส่วนมาก ของสังคมโลกไม่มีความไว้วางใจ และ เกลียด    กลัว การที่เป็นเช่นนี้  ตามหลักพุทธศาสนาแล้ว  สังคมมุสลิมเหล่านั้น ทำกรรมชั่ว    อะไรมา ก่อน? และกำลังชดใช้กรรมเก่าอยู่ใช่หรือไม่?"      โปรดเข้าใจคำถามให้ถูกต้องว่า ผมกล่าวถึง "มุสลิม"ที่ทำชั่ว ไม่ได้กล่าว ถึงหลัก         การหรือบัญญัติของ"ศาสนาอิสลาม"อย่านำมาเหมารวมกันว่า ผมต่อต้านศาสนา         ของผมเอง       เรื่อง "นาลันทามหาวิหาร" นี้เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหลักการของอิสลาม และเป็นเรื่อง   ที่ มุสลิม ในปัจจุบันไม่มีความจำเป็นต้อง  อธิบายแก้ตัวอย่างไรเลย  เป็นเรื่องอย่างที่   คุณ คุณ Ch_Chang ได้ให้ความเห็นว่า   "เรื่องเก่าๆและนานมาแล้วไม่ต้องเรื้อฟื้นเอามาเล่าใหม่หรอก. มันเป็นการกระทำของ    คนในยุคอดีต"    การสงครามและการขยายอำนาจ นั้น เป็นความคิดของ บุคคลที่ดำเนินการ เป็นผุ้ที่    เข้าใจหลักการศาสนาที่ผิดพลาด เช่น การกระทำ  จิฮาด ในทางผิดทำร้ายสังคม    ที่มุสลิมบางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับนโยบายทางการเมืองของเขาในปัจจุบัน, การกระทำ    เช่นนี้ไม่ใช่ "อิสลาม" แต่เป็นกลุ่มของ มุสลิมที่ทำชั่ว  เช่นเดียวกับ  กองทัพพม่าที่    ทำลายกรุงศรีอยุทธา หรือ อเมริกา และ ประเทศในกลุ่มตะวันตก กำลัง ช่วยมุสลิม    สังหารมุสลิม ด้วยกันใน ตะวันออกกลาง และ ปากีสตาน ในปัจจุบันนี้  ไม่ใช่เป็น     การ กระทำเนื่องจาก คำสอน ของ พุทธ,ศาสนาจูดาย หรือ คริสต์ศาสนา ใดๆทั้งสิ้น      ผมไม่เห็นว่า มุสลิมจะต้องเอาหลักการทางพุทธศาสนามาอธิบาย ตอบแก้ ให้ เขา      หัวเราะเปล่าๆ เพียงแต่ บอกว่าการกระทำเช่นนั้น ผิดหลักการของอิสลาม ที่ ฆ่าคน      ที่ไม่มีทางสู้ เด็ก สตรี หรือ บุคคลที่ไม่เกี่ยวกับ การทหาร การฆ่าบุคคล ประเภทนี้      มีบัญัติในอัลกุรอานกล่าว ห้ามไว้อย่างชัดเจน  อธิบายเท่านี้ก็เพียงพอ คือถ้า      มุสลิมทำผิดก็บอกว่าผิด ถูกก็บอกว่าถูก จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 04:00:52

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ คริๆ อ่านแล้วอย่าง ฮา โห...แมท สะอึกสะอื้นหน่อยดิ จะได้ดูสมจริงหน่อย....ฮา จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกดุนยา เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 08:02:35

ความคิดเห็นที่ 11 หลักการดี แต่เสียที่ตัวคน มันมีทุกศาสนาครับ หากยอมรับความจริงกันเถอะ (อย่าประจบกับความลวงกันอีกเลย) จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 08:47:40

ความคิดเห็นที่ 12 ผมไม่รู้ว่า คุณ แมทท์ ตอบถูกหลักศาสนา อิศราม หรือไม่... แต่ ผมชอบแนวคิดของคุณครับ... ช่างมันครับ มันเป็นเรื่องในอดีต.. ซึ้งมันแก้ หรือลดกิเลสในตัวเราไม่ได้... นั้นคือคำตอบครับ... จากคุณ : Jedcon เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 08:50:59

ความคิดเห็นที่ 13 ประเด็น คือ บอกว่า การฆ่ามนุษย์ ปล. ทั้งในกรณีอัล ไคด้า ทั้งกรณีการก่อวินาศกรรมต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน นั้นไม่ถูกต้องตามหลักอิสลาม แต่ พวกท่านทั้งหลายก็กลับนิ่งเฉย ไม่ออกมาประนาม กลุ่มบุคคลเหล่านั้น ที่ทำให้อิสลามแห่งสันติเสื่อมเกียรติ บางครั้งบางพวกยังเห็นดีเห็นงามกับการกระทำเหล่านั้นอีกต่างหาก บางพวกแม้ผิดหลักอิสลามก็ส่งเสริมหรือสนับสนุน เพราะ เห็นว่าดีแล้ว เพราะอเมริกา มันเลว ยิวมันเลว มันกดขี่เอาเปรียบมุสลิม โลกไม่มีวันสงบสุขหรอกครับ เพราะคนส่วนมากแม้รู้ว่าผิดก็ยังนิ่งดูดาย จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 09:07:43

ความคิดเห็นที่ 14 ทุกอย่างถูกกำหนดแล้วโดย การกระทำ กรรม อันเชื่อมโยงสอดคล้องเกาะเกี่ยวเป็นวัฎจักร เป็นไปโดยธรรม ที่มีความยุติธรรมเท่าถึงเทียมกันแล้วโดยจักร ไร้ซึ่งข้อกังขา ไม่ว่าผู้ถูกฆ่าหรือเป็นผู้ฆ่าล้วนได้รับความยุติธรรมโดยธรรมแห่งทัศนะโลก จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 09:46:20

ความคิดเห็นที่ 15 ทุกอย่างถูกกำหนดแล้วโดย การกระทำ กรรม อันเชื่อมโยงสอดคล้องเกาะเกี่ยวเป็นวัฎจักร เป็นไปโดยธรรม ที่มีความยุติธรรมเท่าถึงเทียมกันแล้วโดยจักร ไร้ซึ่งข้อกังขา ไม่ว่าผู้ถูกฆ่าหรือเป็นผู้ฆ่าล้วนได้รับความยุติธรรมโดยธรรมแห่งทัศนะโลก จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 09:46:35

ความคิดเห็นที่ 16 การกระทำนี้(กรรม)มิได้กล่าวเฉพาะเหตุแห่งมนุษย์ แต่กล่าวถึงทุกสิ่ง จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 09:48:41

ความคิดเห็นที่ 17 ในเรื่องของกรรมและวิบาก ในทางพุทธศาสนา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้น เป็นผลมาจากการกระทำของเราในอดีต แต่คำว่าในอดีตนี้ มีทั้งที่เป็นอดีตชาติ และปัจจุบันชาติ อีกทั้งการกระทำนั้น ก็มีทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม หากเป็นกรรมในอดีตชาติที่ทำให้เราถูกฆ่าตายในปัจจุบัน ก็เช่น เราเคยไปฆ่าเขามาก่อน แล้วมาพอผลแห่งกรรมนั้นตามมาถึง เราย่อมถูกฆ่าตาย หากไม่ใช่คนที่ผูกพยาบาทจองเวรจองกรรมกับเราตามมาพบ เราก็ต้องพบกับคนพาลฆ่าเราตาย แต่หากว่าไม่มีใครในที่นั้น เราก็ย่อมตายด้วยอุบัติเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือป่วยตาย คือ จะพ้นวิบากนั้นไปไม่ไดั้เลย แต่หากเราถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของผู้ที่จองเวรจองกรรมเรามา หรือพบกับคนพาล สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆก็คือ ผู้ที่ฆ่าเราได้ก่อกรรมใหม่ และต้องได้พบกับผลของกรรมที่ตนได้กระทำไป ไม่ว่าคนๆนั้นจะนับถือลัทธิหรือความเชื่อใด ก็ต้องได้รับผลของกรรมในการฆ่าผู้อื่นไม่ต่างกันเลย (เป็นมุมมองของชาวพุทธนะครับ ขอไม่พูดในประเด็นนี้กับความเชื่อในศาสนาอื่นนะครับ) แต่สิ่งที่ชาวพุทธที่เป็นแต่ทะเบียนบ้านมักไม่ได้ให้ความสนใจกันอีกก็คือ วิบากหรือผลของกรรม ที่เกิดจากความประมาทในชาติปัจจุบัน เช่น ดื่มเหล้าแล้วเมา แล้วไปขับรถ มโนกรรมคือการตัดสินใจขับรถในขณะที่เมา เป็นการตัดสินใจด้วยความประมาท เป็นการตัดสินใจด้วยขาดสติ ส่งผลให้มีโอกาสขับรชนคนตาย หรือเกิดอุบัติเหตุจนตัวเองตายก็มี หากผลกรรมอื่นที่เป็นฝ่ายกุศลไม่ได้ส่งผลเอาไว้ ก็ได้เจอแน่นอน และเมื่อเจอแล้วก็ไม่อาจไปโทษใครได้ แต่ถึงมีกุศลวิบากส่งผลให้ แต่ด้วยการทำด้วยความประมาทอย่างนี้ ก็จะสะสมนิสัยแห่งความประมาทไป และลงมือทำซ้ำไปอีก จนหนึ่ง กุศลกรรมวิบากที่เคยอุ้มชูหมดไป ก็ได้เวลาเสวยอกุศลกรรมวิบากบ้าง ความประมาทนี้ เป็นกรรมอย่างหนึ่งเช่นกัน ไม่ได้มีผลแค่ให้เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวปิดกั้นมรรคผลนิพพานด้วย เพราะความประมาทนี้เป็นธรรมที่อยู่ตรงข้ามกับสติ หรือความไม่ประมาท ซึ่งพระบรมศาสดาของเราได้ประทานเอาไว้ให้ตั้งแต่วันแรกทีประกาศพระศาสนา จนถึงวันสุดท้ายที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ส่วนเรื่องของศาสนาอื่น ผมขอไม่กล่าวถึงนะครับ เพียงแต่ต้องขอบอกว่า เป็นชาวพุทธ ก็ต้องไม่ลืมที่จะเมตตา (คือให้ความเป็นมิตร) กับผู้คนในทุกๆศาสนา ทุกๆความเชื่อ ไม่ต่างกันกับคนที่อยู่ในศาสนาเดียวกัน อย่าลืมว่า เมตตา ก็อยู่ในบารมี 10 ประการ ที่ผู้ปราถนาความหลุดพ้น จะต้องทำให้ครบให้สมบูรณ์ให้เต็มเปี่ยม จึงจะสามารถเจริญสติปัฏฐาน ๔ จนถึงความหลุดพ้นได้ครับ จากคุณ : พัลวัน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 10:05:46

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะมีพุทธชนมาถามมุสลิมกลับบ้าง  ก็จำเป็นต้องถามตามหลักการอิสลาม เพราะมุสลิมไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม และไม่ได้นับถือพุทธ ฉันใดก็ฉันนั้น  เมื่อมุสลิมจะอธิบายหรือตั้งคำถามพุทธชน ก็ต้องใช้หลักการแบบพุทธถาม  เพราะพุทธชนไม่ได้นับถืออิสลาม คงเข้าใจไม่ยาก *************************************************************************************** ถ้าหากว่าได้อ่านบทความดังกล่าวอย่างถ้วนถี่ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากว่า    มุสลิมที่เบียดเบียนผู้อื่นคือมุสลิมที่ไม่ปฏิบัติตามอิสลาม และบทความข้างต้นนี้ ก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า มีการนำเรื่องนาลันทา มาปลุกระดมให้เกิดความเกลียดกลัวอิสลามอย่างมีอคติโดยผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บำเพ็ญศีล   ดังนั้นจึงจำเป็นต้องชี้แจงให้พุทธชนได้เข้าใจในหลักการอิสลามที่ถูกต้อง     เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ในอดีตนั้นเกิดจากผู้ที่เป็นมุสลิม (ที่ไม่ปฏิบัติตามหลักการอิสลาม)  เพียงแต่อย่าเข้าใจผิดว่าอิสลามสอนให้ทำอย่างนั้นนั่นเอง จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 12:09:01

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ aramis_s "ประเด็น คือ บอกว่า การฆ่ามนุษย์ ปล. ทั้งในกรณีอัล ไคด้า ทั้งกรณีการก่อวินาศกรรมต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน นั้นไม่ถูกต้องตามหลักอิสลาม แต่ พวกท่านทั้งหลายก็กลับนิ่งเฉย ไม่ออกมาประนาม กลุ่มบุคคลเหล่านั้น ที่ทำให้อิสลามแห่งสันติเสื่อมเกียรติ บางครั้งบางพวกยังเห็นดีเห็นงามกับการกระทำเหล่านั้นอีกต่างหาก บางพวกแม้ผิดหลักอิสลามก็ส่งเสริมหรือสนับสนุน เพราะ เห็นว่าดีแล้ว เพราะอเมริกา มันเลว ยิวมันเลว มันกดขี่เอาเปรียบมุสลิม โลกไม่มีวันสงบสุขหรอกครับ เพราะคนส่วนมากแม้รู้ว่าผิดก็ยังนิ่งดูดาย " ดิฉันไม่ทราบว่าที่เมืองไทยไม่เคยออกสื่อเลยหรือไงที่ชาวมุสลิมเขาประณามน่ะ แต่ต่างประเทศดิ ฉันได้เห็นมุสลิมที่เขาประณามกลุ่มบุคคลเหล่านั้นก็มีเยอะ ทั้งออกสื่อทั้งให้ตัวแทนมุสลิมออกมาประณามกันเยอะ ดิฉันได้คลุกคลีกับคนที่นับถือศาสนาอิสลามเยอะ เพราะคนที่เขาเช่าร้านดิฉันอยู่เป็นครูสอนศาสนาอิสลาม คนที่มาทำงานคุยกันทุกวันก็เป็นมุสลิมที่เคร่ง เขาก็โกรธนะไม่ใช่ว่าเขาไม่โกรธ ศาสนาเขาไม่ได้สอนให้ฆ่าคนตายแบบนี้ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:14:06

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 19 คุณ Rinta ใช่ครับ การประนามนั้นมี แต่มักจะเป็นกลุ่มย่อยๆ ซึ่งก็มักจะมาจากมุสลิมอเมริกา ยุโรป หรือประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มตะวันออกกลาง ปากี อัฟกัน หรือแอฟริกา ซึ่ง มุสลิมที่ออกมาประนามเหล่านี้ มักไม่ค่อยมีอิทธิพลทางความคิดต่อประชากรมุสลิมส่วนใหญ่แต่อย่างใด ส่วนประเทศมุสลิม(หรือประชาชาติ)ที่เป็นกลุ่มประเทศที่ถือว่าเป็นกลุ่มผู้นำทางสังคม จิตวิญญาญ และมีอิทธิพลทางความคิดต่อประชากรมุสลิม ต่างก็เล่นบทไอ้ใบ้ บางส่วนถึงกับสนับสนุนเงิน หรือที่พักพิงเสียด้วยซ้ำ (ซึ่งจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เช่นกลัวว่าประนามแล้วอาจเป็นหอกกลับมาแทงเสถียรภาพของเทศนั้นๆ เอง หรือเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝงก็ตาม) ปล.ผมเชื่อว่ามุสลิมที่ไม่เห้นด้วยกับกลุ่มผู้นิยมความรุนแรงในการแก้ปัญหา มีเยอะครับ ดังจะเห็นได้จากข่าวเมื่อวาน ที่ มีกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงออกมาแสดงความยินดีกรณีที่ตึกเวิร์ลเทรดถล่ม ในขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มมุสลิมอีกฝ่ายออกมาประจันหน้ากันโดยขับไล่พวกมุสลิมหัวรุนแรงเหล่านั้นว่า หากจะก่อความรุนแรงให้กลับไปตะวันออกกลาง (ตามข่าวบอกไ่ให้ไปซาอุ) การแสดงพลังแบบนี้ จะมีสักกี่ครั้งละครับ น้อยๆ มาก แทบไม่เคยเห็น สันติภาพมันมีอยู่เองตามธรรมชาติอยู่แล้วครับ มนุษย์นี่แหละเป็นผู้ก่อวิกฤติการณ์เพื่อทำลายสันติภาพ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 14:59:40

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องเช่นนี้มีเขียนมามากแล้ว ไม่สมควรจะนำเข้ามาอีก เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้เกิด   ความแตกแยกและแตกความสามัคคี ในสังคมไทย ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าทำไมมุสลิมจึง นำเรื่องเช่นนี้มา โปสต์อยู่เสมอ  ถ้าจะแนะนำอิสลามในแง่ดีแล้ว  ก็ต้องอธิบาย ถึง ความหมาย  ระหว่าง คำว่า อิสลาม กับคำว่า มุสลิม    แล้วก็จบลงด้วย ที่กองทัพของ ทหารมุสลิม เป็นผู้ทำการเลยเถิดจากคำสอนในศาสนา  อิสลาม และการที่ ที่ทำกับ"นาลันทามหาวิหาร" นั้นขัดต่อหลักบัญญัติในเรื่องสงคราม  ของอิสลาม  การอธิบายโดย ใช้กฏของกรรม หรือ เรื่องการชดใช้กรรมเวร ของพุทธศาสนา มา  อธิบาย  ผลเสียหายที่เกิดจากการกระทำของมุสลิมนั้น ไม่ถูกต้อง เนื่องจากประการ  แรกที เดียว  เป็นการย้อนความศรัทธาของผู้อื่น ว่าถ้าเชื่อเช่นนั้นแล้วจะมาปรักปรำ  ศาสนาอิส ลามได้อย่างไร?  ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้ว่า มุสลิมพยายามจะบอก  ว่า, "เพราะ เอ็งทำชั่วเลยรับกรรม" คุณabubilal  อธิบายว่า "ถ้าจะมีพุทธชนมาถามมุสลิมกลับบ้าง  ก็จำเป็นต้องถามตามหลักการอิสลาม"  คุณคงไม่เห็นว่า เขาได้ย้อนตอบแล้ว ใน "ความคิดเห็นที่ 8 "โดยที่เขามีมรรยาทดี  กว่าไม่ล่วงเกิน ต่อความศรัทธา ของมุสลิมโดยตรง โดยใช้ คำว่า "เบื้องบนสั่งมา ดี  จริงๆ "  คุณabubilal คงลืมไปว่า ตามความเข้าใจของมุสลิมส่วนใหญ่ เข้าใจว่ามี หลักความ  ศรัทธาประการที่ 6 อยู่ในหลักศรัทธาของอิสลาม, ที่กล่าวว่า ๖ การศรัทธาในกฎกำหนดสภาวะการณ์ ว่ามาจากอัลลอฮ์ทั้งสิ้น นั่นคือศรัทธาว่าทุก สิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและดำเนินไปนั้นมาจากการกำหนด และอยู่ภายใต้การควบคุมของ พระองค์ ในทางตรงกันข้ามหากพระองค์ไม่ประสงค์ในสิ่งใดหรือยับยั้งในสิ่งใด สิ่งนั้นก็ จะไม่มีวันเกิดขึ้นเช่นกัน     ซึ่งส่วนมากของมุสลิมไม่เข้าใจว่า หมายถึงอะไร? และใครกำหนดกฏนี้ให้มีขึ้นมาใน   ศาสนาอิสลาม  ส่วนมากเข้าใจเช่นเดียวกับความหมายของ "พรหมลิขิต"  ถ้าจะเอา   หลักการที่มุสลิมส่วนมากเชื่อถืออยู่ ทำไมจึงไม่อ้างว่า เหตุการณ์ "นาลันทามหา   วิหาร" นั้นเกิดขึ้นเพราะ ว่า "พระเจ้าประสงค์จะให้เกิด" แทนที่จะให้ความหมาย   ว่า  "เพราะเอ็งทำชั่วเลยรับกรรม"     การที่ คุณอาลี ไม่อ้าง อีมานประการที่ 6 ในเรื่องนี้ก็เพราะ ไม่ยอมทำให้อิสลาม ซึ่ง   หมายถึง ศาสนา ตกเป็นจำเลยในกรณ๊ ของ  "นาลันทามหาวิหาร" เพราะถ้าอ้างแล้ว   ความรับผิดชอบในเรื่องนี้จะตกอยู่กับหลักศรัทธาของอิสลาม(ที่ถูกเพิ่มเติมขึ้นมาใน   หลักการของอิสลาม)    "อัลกุรอานบัญญัติไว้ในความหมายว่า สิ่งใดที่ชั่วร้ายที่บังเกิดแก่ตัวเราเป็นความรับ     ผิดชอบของเรา เอง  ส่วนใดที่เป็นสิ่งดีที่เกิดแก่ตัวเรานั้นมาจากพระเจ้า"    นั้นคือการทำความเลวของเราเกิดจากการที่เราไม่เลือกทางที่พระเจ้าทรงโปรดปราณ    ซึ่งเป็น แนวทางที่พระองค์ทรงประทานให้ นั้นคือ "อัลกุรอาน" จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 16:08:35

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.iqna.ir/th/news_detail.php?ProdID=723289 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/09/Y4729576/Y4729576.html ก็ประณามกัน แต่หากันไม่เจอเอง สื่อก็ไม่นำเสนอ แต่ดันบอกว่าไม่ยอมประณาม คนประณามก็ ระดับมุฟตี หรือหัวหน้าทางศาสนา นะครับ เหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ไม่เพียงว่าไม่เรียกว่าญิฮาดและไม่สมควรเรียกว่านักรบเพื่อพระเจ้าหรือศาสนาแต่จำเป็นต้องออกมาประณามดังที่ปราชญ์โลกมุสลิมเคยประณามการทำร้ายผู้บริสุทธิของมุสลิมเอง เช่น ชัยคฺซัลมาน อัลเอาดะฮฺ ได้ประณามผู้ระเบิดทำลายผู้บริสุทธิ์อย่างรุนแรงถึงแม้จะเป็นต่างศาสนิกผ่านเว็บไซต์ www.islamtoday.net ของท่าน "... เรื่องราวได้เกินเลยขอบเขตของความสมเหตุสมเหตุผล โดยที่ไม่ต้องกล่าวถึงกฏหมายของอิสลาม(ชะริอะฮฺ)เลย..." "...พวกเขาไม่ได้ทำความเสื่อมเสียเฉพาะแก่ตัวพวกเขาเองเท่านั้น แต่จะเกิดแก่มุสลิมทั่วทั้งโลก ผลการกระทำของพวกเขาทำให้เกิดความอับอาย..." "...ฉันเรียกร้องผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้อย่างน้อยที่สุดคือ การพิจารณาถึงเกียรติยศและศักดิศรีของมุสลิม..." ยุซุฟ อัลก็อรฏอวีย์ เรียกร้องให้มุสลิมหยุดใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ซึ่งมันจะทำความหม่นหมองให้กับภาพลักษณ์ของอิสลามและนำอิสลามข้องเกี่ยวกับลัทธิก่อการร้าย "ฉันขอเรียกร้องให้พวกเขารำลึกถึงอัลลอฮฺ ซบ. และหยุดการกระทำของพวกเขาเถิด ซึ่งมันจะตีตราอย่างอธรรมต่ออิสลามและเป็นการเสียหายแก่ผู้ที่ยึดมั่นอิสลาม" เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับศาสนาอิสลามและบทบัญญัติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันระหว่างมุสลิมกับต่างศาสนิกหรือต่างวัฒนธรรมเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงมุสลิมส่วนใหญ่โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษา และเยาวชนมุสลิมส่วนใหญ่อย่างเพียงพอ และมีโอกาสค่อนข้างจำกัดที่นิสิตนักศึกษาและเยาวชนมุสลิมจะได้รับฟังในเวทีของการทำความเข้าใจต่างๆ รวมทั้งยังคงเห็นบทบาทของบุคลเหล่านี้ไม่เด่นชัดนัก ในเป็นแนวร่วมของการสร้างสันติภาพสู่สังคม ดังนั้น องค์กรศาสนาอิสลามโดยเฉพาะคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทยหรือห้าจังหวัดชายแดนใต้ควรร่วมมือกับสมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม (ส.น.ท.) และสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย (ยมท.) ควรจะจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการในการสร้างสันติภาพของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเป็นเวทีในการสร้างความเข้าใจแก่นิสิตนักศึกษามุสลิมและเยาวชนมุสลิม ซึ่งมีภูมิลำเนาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งนิสิตนักศึกษามุสลิมถือเป็นปัญญาชนที่ควรได้รับความเข้าใจในประเด็นดังกล่าวนี้อย่างลึกซึ้ง การจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติและอบรมอย่างจริงจังต่อเนื่องดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ของนิสิตนักศึกษามุสลิมและเยาวชน ที่จะมาทำหน้าที่เป็นทูตแห่งสันติภาพ ที่จะทำการเคลื่อนไหว สร้างความเข้าใจ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร อันนำไปสู่สันติภาพของสังคมไทยต่อไป จาก...http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act03210949&day=2006/09/21 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 16:08:37

ความคิดเห็นที่ 23 บรรดาผู้นำของขบวนการอิสลามซึ่งลงนามข้างท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้รู้สึกหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นผลให้มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเสียหายและทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมากมาย เราขอแสดงความเห็นใจและเสียใจอย่างสุดซึ้ง และเราขอประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่สวนทางกับบรรทัดฐานของอิสลามและบรรทัดฐานทางมนุษยธรรมทุกรูปแบบ กฎหมายอันสูงส่งของอิสลามได้บัญญัติห้ามมิให้ทำการโจมตีผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะในลักษณะใดก็ตาม พระองค์อัลลอฮ์ พระผู้ทรงเกรียงไกรได้ตรัสเอาไว้ในอัล-กุรอานว่า : " .. และไม่มีผู้แบกภาระใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้" (อัล-อิสรออ์ 17:15) นอกจากนี้ เราขอประณามการโจมตีให้ร้ายอิสลามและมุสลิม( ว่าเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ )ก่อนที่การสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดจะเป็นที่ยุติ การประณามควรจะจำกัดเฉพาะบุคคลที่กระทำความผิดในครั้งนี้ และไม่ควรก้าวล่วงไปถึงบุคคลอื่นๆ ( หมายถึงมุสลิมทั่วโลกซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้อง ) ในขณะที่ความคลุมเครือยังคงปกคลุมเหตุการณ์ในครั้งนี้ และปกคลุมฝ่ายต่างมากมายที่ได้รับผลได้ผลเสียจากการกระทำอันน่าสยดสยองดังกล่าว ผู้ร่วมลงนามท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ดำเนินการสืบสวนและสื่อมวลชนต่างๆ จะใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ขอความกรุณาอย่าได้รีบร้อนประกาศตัวกลุ่มผู้กระทำความผิด จนกว่าท่านจะมีความแน่ใจว่าคณะบุคคลนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำอันเจ็บปวดรวดร้าวน่าหวาดหวั่นในครั้งนี้จริงๆ เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวของผู้เสียชีวิตผู้บริสุทธิ์และประชาชนอเมริกันทั้งมวล 24 ญะมาดุ้ล อาคิร ฮ.ศ.1422 12 กันยายน 2544 1. Mustafa Mash-hur, General Guide, Muslim Brotherhood, Egypt 2. Dr. Yusuf al-Qaradawi, President, Sunnah Research Center, University of Qatar Qatar 3. Qazi Hussain Ahmed, Ameer, Jamaat-e-Islami Pakistan Pakistan 4. Dr. Hasan Howeidi Sous-Guide, Muslim Brotherhood of Syria, Syria 5. Former Prosecutor Ma'moun al-Hodaibi Sous-Guide, Muslim Brotherhood, Egypt 6. Muti Rahman Nizami, Ameer, Jamaat-e-Islami Bangladesh, Bangladesh 7. Sheikh Ahmed Yassin, Founder, Islamic Resistance Movement (Hamas), Palestine 8. Abdullah Ali Mutawi, President, al-Islah Social Reform Organization, Kuwait 9. Abdullah bin Hussain al-Ahmar, President, Higher Council of the Yemeni Islah Reform Movement, Yemen 10. Sheikh Faysal Mawlawi, General Secretary, Islamic Movement of Lebanon, Lebanon 11. Abdulmajeed Dhneibet, General Observer, Muslim Brotherhood of Jordan, Jordan 12. Sadiq Abdelmajid, General Observer, Muslim Brotherhood of Sudan, Sudan 13. Sadreddine Bayanuni, General Observer, Muslim Brotherhood of Syria, Syria 14. Dr. Ussamah Takriti, President, Islamic Party of Iraq, Iraq 15. Sheikh Muhammad Abdullah al-Khatib, Scholar, Al-Azhar University, Cairo Egypt 16. Prof. Khurshid Ahmed, Vice President, Jamaat-e-Islami Pakistan, Pakistan 17. Yassin Abdel Aziz, Vice President, Higher Council of the Yemeni Islah Reform Movement, Yemen 18. Mahfoudh Nahnah, President, Movement for a Peaceful Society, Algeria 19. Rashid Ghannoushi, President, Nahda Renaissance Movement, Tunisia 20. Fazil Nour, President, PAS - Parti Islam SeMalaysia, Malaysia 21. Fathi Yakun, Islamic Intellectual, Lebanon 22. Ibrahim al-Misri, Editor-in-Chief, al-Aman Weekly, Lebanon 23. Abdurashid Turabi, Ameer, Jamaat-e-Islami Kashmir Azad, Pakistan 24. Muhammad Hidaya Nur Wahid, President, Adalah Party, Indonesia 25. Abdelkarim Khatib, President, Parti Marocain pour la Justice et le Developpement, Morocco 26. Dr. Abdessalam Harras, President, Social Action Party, Morocco 27. Dr. Hibr Nur Eddayim, Sous-Observer, Muslim Brotherhood of Sudan, Sudan 28. Khalid Mishaal, Islamic Resistance Movement "Hamas", Palestine 29. Dr. Abdel Aziz Rantisi, Islamic Resistance Movement "Hamas", Palestine 30. Rashid Haj, Ameer, Jamaat-e-Islami Sri Lanka, Sri Lanka 31. Dr. Ahmed Ali al-Imam, President, Fiqh Council of Sudan, Sudan 32. Ahmed Risouni, President, Mouvement pour l'unite et la reforme, Morocco 33. Ahmed Rawi, President, Union of Islamic Organizations of Europe, United Kingdom 34. Muhammad Abdelwahab Dayyumi, General Secretary, Islah Reform Movement, Yemen 35. Sheikh Amin Bam, General Secretary, Ulema Council of South Africa, South Africa 36. Salem Saqqaf al-Jafri, Director, Al-Khayrat School for Fiqh and Law Research, Indonesia 37. Sheikh Raed Salah, President, Islamic Movement of Palestine 48, Palestine 38. Idris Kittani, President, Islamic Intellectual Club, Morocco 39. Abd Rab ar-Rasool Sayyaf, Ameer, Ittihad-e-Islami Afghanistan, Afghanistan 40. Engineer Muhammad Shah, Former Prime Minister, Ittihad-e-Islami Afghanistan, Afghanistan 41. Alifeddine Turabi, Publisher, Kashmir al-Muslimah Magazine, Pakistan 42. Hilmi Amin, Muslim Scholar, Indonesia 43. Abdelghaffar Aziz, Director of External Affairs, Jamaat-e-Islami Pakistan, Pakistan 44. Haj Tayyib Aziz, President, Shura Council of the Movement for a Peaceful Society, Algeria 45. Hajj Abdulhadi Awang, Prime Minister, Terengganu State, Malaysia 46. Mawlana Abu al-Kalam Yusuf, Sous-Ameer, Jamaat-e-Islami Bangladesh, Bangladesh คำบะยาน(แถลงการณ์)ของนักปราชญ์และผู้นำขบวนการอิสลาม ต่อกรณีการก่อวินาศกรรมในสหรัฐอเมริกา  http://www.fityah.com/index.php?option=content&task=view&id=55 จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 16:11:04

ความคิดเห็นที่ 24 http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4392108/Y4392108.html เขาก็ประณามกันแต่ไม่รู้เรื่องเอง ไปหาข้อมูลมาซะก่อน แล้วประเภทจะให้ ไปตั้งกลุ่มประท้วง แล้วจะไปประท้วงสถานฑูตก่อการร้ายหรือไม่ครับ มันอยู่ตรงไหนอย่างไร? แล้วจะปลอดภัยไหม? ก่อนจะพิมพ์คิดให้มากๆ ไม่ใช่พิมพ์เอาสะใจ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 16:13:16

ความคิดเห็นที่ 25 ไอ้ความกลัว มันทำให้ถูกมองไปทำนองปากว่าตาขยิบ เมื่อก่อนชนแถวนั้นก็นับถือพุทธ ผ่านไปความเสื่อมเข้ามา ผู้คนเบื่อหน่าย ก็หาของใหม่ บางพวกก็ไปหลงตามนิสัยใจคอของคนแถบทะเลทราย รับเอามาใช้ แทนที่จะรับใช้พระเจ้ากลับมารองรับวัฒนธรรมของคนเหล่านั้น ทั้งๆที่บ้านเมืองแถบนี้ร้อนแบบอบอ้าวแต่ชุ่มฉ่ำสมบูรณ์ ไอ้พวกนั้นร้อนแบบตับแลบ-อดหยาก-ขาดแคลน แต่เอาล่ะโลกมนุษย์วิวัฒนาการไปเรื่อยๆ การรนหาเรื่องแทนการรุนตัวเองเข้าหาพระเป็นเจ้า สุดท้ายมันจะทำให้มนุษย์ก้าวข้ามไปสู่สิ่งที่ดีกว่า พระเจ้าก็เปลี่ยนออฟชั่นใหม่ ท่านก็ชอบความหลากหลาย เบื่อของเก่าเหมือนเราๆ สังเกตุไหมพอรบกัน มนุาย์ตายมากๆ วิทยาการ ศีลธรรม ความเชื่อจะปรับปรุงใหม่ สลัดกากเก่ากากใหม่ออกไปได้มาก มนุษย์เข้าใกล้พระเจ้าทุกที นี่ถ้ามีสงครามใหญ่ๆ เราจะไปดาวอังคารเร็วขึ้น มีนิคมแห่งดวงดาวใหญ่มากขึ้น เคยคิดไหมว่า "เอเลี่ยน" ตัวจริง จะคือมนุษย์นี่เอง ที่ต้องตัดต่อยีน เสริมเครื่องกลนาโนในร่างกาย ปรับเปลี่ยนสัตว์ต่างๆ จนกระจายไปดั่งที่พวกสัตว์แลมนุษย์ก้าวลงจากเรือของโนอาร์ แล้วกระจายไปทุกที่ อันอิสลามหรือก็คือเป็นไปดั่งพระประสงค์ของพระเจ้า ในช่วงหนึ่งสั้นๆของกาลเวลา จากคุณ : คนดั่ง...มดงาน เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 16:23:27

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าเยอะจริง รณรงค์กันจริง สอนกันอย่างจริงจัง ในเรื่องการห้ามใช้ความรุนแรง ก็คงได้เห็นข่าวออกมาอย่างงต่อเนื่อง ทั้งในเวทีโลก เวทีภูมิภาค เวทีท้องถิ่น ปล.การประณามและรวมถึงไม่ส่งเสริม ไม่ใช่การกล่าวแสดงความเสียใจตามมารยาทนะครับ จากคุณ : aramis_s เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 16:33:08

ความคิดเห็นที่ 27 นี่ไม่ใช่การกล่าสเสียใจตามมารยาท นะครับ แต่เป็นการประณาม เนื้อหาก็แสดงอยู่ และเรื่องการสอน ก็มีอยู่ตลอดเวลาว่าผิดหรือไม่ แต่ข่าวพวกนี้จะออกหรือไม่ มันก้ต้องไปดูล่ะครับว่า มันขายได้หรือเปล่า เพราะคนอบรม คนสอน ไม่ใช่คนเสนอข่าว ไม่ใช่นักข่าว เรื่องดีดีมักไม่่ค่อยเป็นข่าว และคุณไม่รู้ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี นี่ขนาดเอาทั้งรายนาม ทั้งเนื้อหามาแล้ว คุณก็ยังจะบอกว่าตามมารยาทอีก ประโยคนี้่ของคุณมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า คุณไม่ได้ศึกษา หรือหาข่าวเรื่องนี้มาก่อนเลย อยากพิมพ์ก็พิมพ์ว่าไปแบบไม่รับผิดชอบเท่านั้น ความคิดเห็นที่ 19 คุณ Rinta ใช่ครับ การประนามนั้นมี แต่มักจะเป็นกลุ่มย่อยๆ ซึ่งก็มักจะมาจากมุสลิมอเมริกา ยุโรป หรือประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มตะวันออกกลาง ปากี อัฟกัน หรือแอฟริกา ซึ่ง มุสลิมที่ออกมาประนามเหล่านี้ มักไม่ค่อยมีอิทธิพลทางความคิดต่อประชากรมุสลิมส่วนใหญ่แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่คนออกมาประณามก็ สุดยอดจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกอิสลามครับ แล้วก็เป็นประเทศอาหรับทั้งนั้น พอหาข่าวมาก็ดันบอกว่า แสดงความเสียใจตามมารยาทซะงั้น? นี่มันอะไรกัน สรุปจะหาข้อเท็จจริง หรือเปล่า? ดังนั้นแล้ว การที่คุณจะไม่ได้ข่าวอะไรเลยในเรื่องการสอนว่า การก่อการร้ายนั้นผิด มันก็ไม่น่าแปลกใจนะครับ ผมถึงบอกไงว่า ควรจะหาข้อมูลเสียก่อน  จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 17:26:17

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ aramis_s  ขอบคุณมากที่เข้ามาขยายความเห็นเพิ่มเติมค่ะเท่าที่รู้ที่เห็นบุคคลที่สำคัญของศาสนาอิสลามก็ออกมาประณามเหมือนคุณ Carroth บอก แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมการประณามการออกมาแสดงความเสียใจของพวกท่านเหล่านั้นถึงไม่ค่อยจะมีเสียงสะท้อนตอบกลับเท่าไหร่ จึงทำให้คนทั่วๆไปคิดไปว่าเป็นกลุ่มย่อยๆเท่านั้น เมื่อสองวันก่อนดิฉันได้ดูรายการ ทีวี Shooting Bin La den ก็น่าฉงนเหมือนกันที่ ผู้ก่อการร้ายได้มีที่พักพิงใหญ่โตไม่ได้อยู่แบบหลบๆซ่อนๆเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องการเมืองที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน อเมริกาเองก็เลี่ยงที่จะไม่พูดหรือประณามปากีสถานในเรื่องนี้ ตัวผู้ก่อการร้ายนั้นหากไม่ได้คนในท้องถิ่นสนับสนุนก็คงไม่ยากที่จะหาตัวกันง่ายๆ มองใกล้ๆตัวอย่างภาคใต้ของเราหาตัวได้ไม่ง่ายเลยไม่งั้นภาคใต้เราก็คงสงบลงแล้ว จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 19:17:38

ความคิดเห็นที่ 29 เพราะผู้ที่ออกมาประนามอาจเป็น อิสลาม ที่รักสงบ หรือเพียงแค่ออกมาเพื่อรักษาภาพ หรืออาจจะเป็น เพราะการขัดผลประโชยน์กลับกลุ่มหัวรุนแรง เวลาของความช่วยเหลือยืมมือมหาอำนาจได้ง่าย ยกตัวอย่างบินลาเดน เดิมก็เคยทำงานกับ สหรัฐ มาก่อน พูดง่ายคือ ในชนชาติที่เป็นอิสลามก็มีการรบรากันเองอยู่เนื่องๆ เมื่อได้เสร็จศึกภายในก็มาสร้างศึกภายนอกต่อเพื่อต้องการแสดงอำนาจของตน แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 23:20:36 จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 23:19:43

ความคิดเห็นที่ 30 เข้าไปอ่านดูแล้ว ส่วนใหญ่มีแต่น้ำ ส่วนที่เป็นสาระนั้นมีไม่มากนัก ซึ่งชาวพุทธโดยทั่วไปก็รู้อยู่แล้ว จนสามารถทำใจยอมรับ ว่าเป็นกรรมเก่าของชาวพุทธเอง เพราะถือตามคำศาสดาว่า สนิมเกิดแต่เหล็ก อีกทั้งการจองเวรหรือการโต้ตอบของชาวพุทธต่อชาวอิสลามก็ไม่มี เมื่อชาวพุทธตั้งนวนาลันทาขึ้นใหม่ ชาวอิสลามก็สามารถอยู่ที่นั่นและทำกิจกรรมทางศาสนาได้อย่างสงบสุข ปัจจุบันนี้ มีชาวพุทธส่วนหนึ่งศึกษาและวิพากษ์เรื่องนี้ หลายคนบอกว่า หัวรุนแรง แต่เท่าที่สังเกต ก็เป็นเพียงการวิพากษ์แนวตระหนักรู้และหาทางป้องกันตนเอง มากกว่าการเสนอให้โต้ตอบชาวอิสลามด้วยวิธีรุนแรง เมื่อมาดูข้อเท็จจริง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตแล้ว วิธีที่รุนแรงในการเผยแผ่ศาสนา มักมาจากศาสนาอิสลามนั่นเอง แม้บางส่วนของศาสนานั้นจะไม่ยอมรับ  แต่ก็ยังยอมรับว่ามี และมีเกือบทุกประเทศ ไม่เว้นกระทั่งในประเทศไทย ดังนั้นการที่ออกมาบอกว่า ชาวมุสลิม (ส่วนใหญ่) นั้นรักสันติ และเรียกร้องชาวพุทธให้รับกรรมและไม่จองเวร ห้ามวิพากษ์ ห้ามศึกษาเรียนรู้บทเรียนจากอดีต เพราะเป็นคนละยุคคนละสมัย เปรียบไปก็เปรียบเสมือนมือซ้ายยื่นมาจับ มือขวาซ่อนดาบ ในขณะที่ก้มลงละหมาดทำความเคารพพระอัลเลาะห์เพื่อแสวงหาสันติ เสียงละหมาดเดียวกันนั้นก็ส่งเสียงก้องไปทุกที่ ด้วยเสียงที่ทั้งดังและทำลายสันติไปในตัว ในอดีต มุสลิมที่นิยมความรุนแรงก็มี ปัจจุบันก็มี และเชื่อว่าในอนาคตก็จักมี ไฉนจึงมาเรียกร้องให้ศาสนาที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าเป็นศาสนาแห่งสันติมีสันติด้วย ทำไมไม่เรียกร้องให้ศาสนาที่มีศาสนิกของตนบางส่วนนิยมความรุนแรง หยุดความรุนแรงนั้นเสีย เพราะว่ากลัวเขาเหล่านั้น หรือว่า เห็นด้วยกับแนวทางนั้น ความเคลือบแคลและสงสัยของชาวพุทธ จะมีบ้างไม่ได้เชียวหรือ... จากคุณ : tiger18 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 05:19:20

ความคิดเห็นที่ 31 ทำไมไม่เรียกร้องให้ศาสนาที่มีศาสนิกของตนบางส่วนนิยมความรุนแรง หยุดความรุนแรงนั้นเสีย เพราะว่ากลัวเขาเหล่านั้น หรือว่า เห็นด้วยกับแนวทางนั้น ความเคลือบแคลและสงสัยของชาวพุทธ จะมีบ้างไม่ได้เชียวหรือ... ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''' พูดเหมือนง่ายนะครับ>>>> ลองเรียกร้องให้คนพุทธที่ประพฤติชั่ว หน่อยซิ คุณ คท 30 การข่มขืน การฆ่า ตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ปรากฎให้เห็นมากขื้นทุกวัน ถ้าอิสลามสนับสนุนเรื่องอย่างว่าจริงๆ ผมว่าป่านนี้ คงไม่มีคนต่างศาสนิกในสามจังหวัดแล้วครับ ถ้าท่านศึกษามาจริงๆ หากในอิสลามมีคำสอนแบบนั้นจริงๆละก็ .....คิดเอาเองว่าจะเกิดอะไร ขนาดเรื่องละหมาด การถือศีลอด อื่นๆ   ยังสามารถปฎิบัติได้เองเลยครับ ไม่มีใครมาควบคุมครับ จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 09:00:53

ความคิดเห็นที่ 32 อืม คห.31 คงไม่ทราบมั้งครับ ว่าตอนนี้เค้าฆ่าไล่ที่กันแล้วนะครับ ต่างอำเภอไม่มีคนไทยแล้วนะครับ มีแต่บางอำเภอเท่านั้นที่ยังมีคนไทยอยู่ เมื่อสามสิบปีที่แล้วที่มีเหตุการณ์ มีขนาดมายืนชี้บ้านจองกันเลยนะครับ ว่าจะเอาบ้านหลังไหนๆกัน -*- จากคุณ : addot เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 12:45:42

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ addot เป็นคนในพื่นที่หรือครับ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า คนมุสลิมเองถูกฆ่าพอๆกับคนพุทธครับ ลองเข้าไปสำรวจดู ว่าในหมู่บ้านหนึ่งๆ มีคนที่เสียจากเหตุความไม่สงบกี่คน เพียงแต่ด้านข่าวสารไม่ค่อยมีออกให้ทราบก็เท่านั้นครับ ข้อมูลบางที ได้ด้านเดียว ................แล้วมาสรุป เพราะมีความอคติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขนาดในเดือนบวช มีการขึ้นไปยิงบนสุเหร่า เลย ผมก็แปลกเหมือนกัน เขาให้จดทะเบียนซิมการ์ด แต่ เวลามีระเบิด ทำไมจับไม่ได้ซะที ผมก็อยากให้จับได้นะ  เกลียดเหมือนกัน แต่ต้องบนความถูกต้อง และเที่ยงธรรม อีกอย่างด่านทหารมีทุกๆ สองถึง สามกี่โล แต่ทำไมผมก็ไม่ทราบ ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร .... บางครั้งก็คิดเหมือนกันว่าถ้าเหตุการณ์สามจังหวัดไม่เกิด จะมีฝ่ายไหนมั้งที่ต้องเสียผลประโยชน์ / เงินอุดหนุน >>>>>> แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 15:00:50 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 14:59:01 จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 14:55:46

ความคิดเห็นที่ 34 อัลอัค  นายก สมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย   (ยมท.)   http://www.ymat.org/local/index.php ได้กล่าวว่า "...ความน่ากลัวที่ผู้คนในโลกมองเห็นอิสลาม คือการเพ่งมองภาพจุดเดียวในคำสอนอิสลามแบบไม่เข้าใจและขยายใหญ่โตแบบผิด ๆ อย่างเรื่องญิฮาดและการลงโทษอาชญากรในอิสลาม ... ...ความจริงบางด้านที่เห็นว่าน่ากล้วของสิ่งหนึ่งเมื่อประกอบเข้ากับองค์ประกอบอื่น ๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น กรงเล็บของสัตว์ หนามของพืชบางชนิด เป็นต้น แต่เมื่อคนเพ่งมองแต่กรงเล็บและหนามโดยขาดคำอธิบายถึงความจำเป็นของระบอบ ภาพที่ปรากฏออกมาจึงมีแต่ความน่าสะพรึงกลัวล้วนๆ ... - อัล อัค -" จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 15:50:00

ความคิดเห็นที่ 35 คห 30 ที่เข้าใจไปว่าห้ามจองเวรนั้น   จากบทความในกระทู้ คงหมายถึง  การที่พุทธชนจองเวรกับศาสนาอิสลามนั้นไม่ถูกเพราะอิสลาม ไม่ได้สอนให้เผยแผ่ด้วยความรุนแรงหรือคมดาบ (ถ้าคิดว่ามุสลิมคือผู้ที่ถูกบังคับให้นับถืออิสลาม   และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงปัจจุบันคงไม่เหลือมุสลิมสักคน เพราะที่คอหอยไม่มีดาบจ่อแล้ว)   แต่ถ้าพุทธชนจะจองเวรก็ควรจองเวรกับ มุสลิมผู้ที่กระทำความเสียหายให้นาลันทา  เป็นมุสลิมที่ฝ่าฝืนข้อบัญญัติอิสลาม และหากถามว่ามุสลิมคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น  บทความในกระทู้ก็ได้บอกอยู่แล้วว่าใครทำผิด *********************************************************************************** อาจจะมีผู้ที่ยังเข้าใจผิด เกี่ยวกับหลักความดีความชั่วในอิสลาม  สรุปง่ายๆคือ มนุษย์เป็นผู้เลือกการกระทำเองว่า จะทำดีหรือทำชั่ว ซึ่งสมแล้วกับการตอบแทนในโลกหน้า     ไม่ใช่ว่ามนุษย์ถูกบังคับหรือพระผู้เป็นเจ้าเห็นด้วยกับการทำความชั่วของใคร  เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ให้อิสระมนุษย์เต็มที่ภายในขอบเขตของพระองค์  นั้นคือความหมายที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าอนุมัติให้เกิดขึ้น หวังว่าคงไม่มีใครพยายามทำให้ต่างศาสนิก เข้าใจอิสลามผิด  ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งแนบเนียนและไม่แนบเนียน จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 16:08:28

ความคิดเห็นที่ 36 อ้างแต่พระผู้เป็นเจ้า โยนเผือกร้อนให้พระเจ้าอีกแล้ว เป็นนิสัยของผู้ที่เชื่อพระเจ้า หารู้ไม่ว่าได้ทำร้ายต่อสิ่งที่ตนเองนับถือ สิ่งใดถูกตนเองก็รับ แต่ถ้าผิดโยนให้พระเจ้าว่าพระเจ้าให้ทำ ความจริงก็คือความจริง จะแก้ตัวให้กับคนที่ได้กระทำในอดีต รู้ได้ยังไงว่าเขาเข้าใจผิด ชาวพุทธที่แท้นะไม่คิดจองเวรอยู่แล้ว ถ้าไม่มีกระทู้ คงไม่มีชาวพุทธคนไหนพูดถึงหรอก ทำตัวเองทั้งนั้น จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 05:37:14

ความคิดเห็นที่ 37 เข้าใจอะไรผิดรึปล่าว Ch_Chang อ่านให้แตกสิ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 12:48:15

ความคิดเห็นที่ 38 ชั่งมัน เอาแต่ขุดเรื่องเก่าๆ เขาก็ลืมๆกันไปละ ............................................................... laliklalee ......................... จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 20:47:06

ความคิดเห็นที่ 39 ชั่งมัน ก็ชั่งให้ได้จริงๆแล้วกัน อย่าครึ่งๆกลางๆ จนฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียดนะ Ch_Chang และที่สำคัญถ้าไม่ปิดตาข้างเดียวจะรู้ว่า ชาวพุทธหลายคนในห้องนี้ยังไม่ลืม และมีการนำเรื่องนี้ปลุกผีขึ้นมาปลุกระดมเสมอๆ ไม่ได้ลืมกันหมดอย่างที่กล่าวอ้างมั่วๆมา แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 11:49:57 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:47:54

ความคิดเห็นที่ 40 ลืมกันที่ไหนน....ก็ปลูกฝังในใจกันซะขนาดนั้น เพราะใช้วิธีนี้ปลุกระดมมันได้ผล เรียกเสียงเชียร์ได้ทุกครั้งงัย  จริงไม๊ Ch_Chang ??? ความคิดเห็นที่ 15 MsgStatus(Msv[15], 15); ผมถามตรงๆว่า มุสลิมรักสงบจริงๆเหรอ... ทำไมมุสลิมถึง โหดเหี้ยมไล่ฆ่าคนได้มากมายมาแต่ในอดีต ไล่ฆ่าคนพุทธ เผานลันทา เผาพระ ฆ่าฮินดู เผาคนเล่น ตั้งแต่เข้ามาในชมพูทวีป จนถึงปัจจุบัน ตาลีบันเป็นใหญ่ก็ไล่ฆ่าคนศาสนาอื่น ทำลายพระพุทธรูปบามิยัน ผมอ่านในเวปมุสลิมฯ เขาบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อพระเจ้าที่ระเบิดพระพุทธรูปบามิยัน ทุกวันนี้ มีแต่มุสลิมไล่ฆ่าคนศาสนาอื่น ไม่เห็นมีคนศาสนาอื่นไล่ฆ่ามุสลิม ข้ออ้างที่เขาชอบอ้างก็คือ ถูกกดขี่ ถ้าเป็นคนส่วนน้อย ยุโรป เขาต่อต้านเพราะวัฒนธรรมเขาบ้านเขา ต้องการให้เป้นอย่างนั้น แต่มุสลิมไม่ยอม ต้องการทำให้เป็นอย่างมุสลิม การส่วมเสื้อผ้าปิดหน้าปิดตามืดสนิทเหลือแต่ลูกตาฯลฯ ตามแบบในทะเลทราย การสร้างสุเหร่าแล้วติดลำโพงเสียงดังทำลายสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ใครห้ามหรือมีข้อกำหนดก็บอกว่า กดขี่ ข่มเหงคนมุสลิม แต่ข่าวปรากฎว่า ในตะวันออกกลาง คนคริสตร์ลดลง เพราะถูกมุสลิมบีบและกลั่นแกล้งฯลฯ ไปหาอ่านได้ครับ เช่นในเลบานอน จอร์แดน ฯลฯ จากคุณ : เสลี่ยมป่า เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 17:46:38 ถูกใจ : โขตาน, Jung Eun Cute   แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 14:29:04 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 12:21:06

ความคิดเห็นที่ 41 สาเหตุที่คนคริสต์ลดลงเพราะเขาหันมารับอิสลามครับ หากเขาไม่ศรัทธาจริงๆ สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเลิกศรัทธา เพราะเราไม่สามารถที่จะไปบังคับให้ใครมาศรัทธาได้ หรือว่าคุณบังคับให้ใครเชื่อเหมือนคุณได้ครับ....ก็ขอยินดีด้วย หาดูในนี้ก็ได้  http://www.turntoislam.com/ ว่ามีไหมคนที่รับอิสลาม เพราะโดนบังคับ หรือว่าเพราะพวกเขาเห็นด้วยที่อิสลามมีกฎให้ฆ่าคนอื่นได้ อย่างที่คุณกำลังยัดเยียด ให้เราเป็น............... แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 54 12:03:39 จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 12:02:41