วันนี้มีเรื่องกำ ๆ มาเล่าสู่กันฟังบ้างค่ะ 
เป็นเรื่องของสามีคนแรกค่ะ คือ เราหาบ้านเช่าอยู่กับเพื่อนที่ทำงาน โดยเพื่อนเป็นคนชวนเพื่อนชาย(ที่ทำงานเดียวกัน) มาอยู่ด้วย อยู่ไปสักพัก เริ่มสนิทกัน แกมสงสารเค้านิด ๆ วันนึงเราไปเที่ยวเมากลับบ้าน ตามสเตปค่ะ หมดแรงขัดขืน จากนั้นก็เลยตามเลย จนท้อง(หลุดยา) ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยมั่นใจในผู้ชายคนนี้ค่ะ แต่ก็ต้องแต่งงาน เพราะกลัวแม่เสียใจค่ะ อยู่กันก็เริ่มทะเลาะกันเรื่อย ๆ เค้าเป็นคนห่างวัด ประมาณว่า ไปด้วยกัน แต่ขอฉันกลับก่อนนะ แต่ที่เราทนไม่ได้คือ ระยะหลังเค้าอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง จนเรานึกเสียใจและนึกถึง
เหตุการณ์ครั้งแรกหลายครั้ง และจนเราได้ทำงานที่ใหม่ เราก็เจอกับสามีคนปัจจุบัน ช่วงนั้นทุกข์มาก เรารักผู้ชายคนนี้มาก มากจนตาบอด ลืมเรื่องศีลธรรม น่าจะเป็นเพราะเราเคยพูดสนับสนุนให้คนเค้าเลิกกัน (น้องชายกับน้องสะใภ้คนเก่า) และการผิดศีลข้อ ๕ ค่ะ เราขออโหสิกรรมกับสามีคนแรก เค้ายอมยกโทษให้ ทุกวันนี้ก็คุยกันปกติ โดยที่ลูกชายคนโตอยู่กับเรา
ทุกวันนี้เราพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่ สามีเราคนนี้เป็นคนดี พาไปวัดไหนก็ไป เคยบวชแล้วสองครั้ง ที่วัดดอยตุง และวัดธรรม... (ละไว้) เหอ ๆ เตี่ยเรายอมขายห้องแถวแล้ว แม่ก็อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ
บทขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ พุทธัง สัพพะ เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ ธัมมัง สัพพะ เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ สังฆัง สัพพะ เมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
กรรมใดก็ตามที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกิน พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอจงให้เป็นอโหสิกรรม
บางทีการทำดี ก็ไม่จำเป็นต้องหวังผล ก่อนหน้าที่เราจะเจอมรสุมชีวิต เราเคยถามตัวเองว่า ทำไมชอบทำบุญจัง ก็ตอบตัวเองว่า
ทำเพราะอยากทำ ทำแล้วสบายใจ จิตใจผ่องใส เบิกบาน นี่ก็คือ อาการบุญแล้ว
มิใช่หรือ พอเจอทุกข์ ก็เฝ้าโทษ ฟ้าดินว่า ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ ในขณะนั้น กรรมเก่าคงยังส่งผลอยู่ ส่วนบุญที่ทำ ก็ยังไม่ถึงเวลาให้ผล
ทำให้เราคิดได้ว่า เมื่อเหตุ ปัจจัยพร้อม กรรมดีย่อมส่งผลแน่นอน
ทุกวันนี้ จะพยายามไม่คิดถึงอดีต (เก็บไว้แค่เป็นบทเรียน) ปัจจุบันทำเหตุดี อนาคตย่อมดีแน่นอน 
หลังกินเจ ว่าจะไปบวชที่วัดค่ะ คงได้ใส่บาตรพระอาจารย์ใหญ่ด้วย
อยากร่วม เนสัชชิก อีกสักคืน อิอิ 
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 54 15:48:27