|
อานุภาพของสมาธิ (นัยที่ ๑)
ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงเจริญสมาธิเถิด ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ได้ตามที่เป็นจริง ซึ่งอะไรเล่า ? รู้ได้ตามเป็นจริงซึ่งความจริงอันประเสริฐว่า นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์, และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือ แห่งทุกข์ ดังนี้. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงเจริญสมาธิเถิด. ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ย่อมรู้ได้ตามที่เป็นจริง. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอ พึงกระทำความเพียรเพื่อให้รู้ว่า นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุ ให้เกิดทุกข์, นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, และนี้เป็น ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ดังนี้เถิด. มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๐/๑๖๕๔.
อานุภาพของสมาธิ (นัยที่ ๒)
ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด. ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้มีจิตเป็นสมาธิตั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริง ก็ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งอะไรเล่า ? ภิกษุนนั้ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งความ เกิดขึ้นและความดับไปแห่งรูป ...แห่งเวทนา ...แห่งสัญญา ...แห่งสังขารทั้งหลาย ...แห่งวิญญาณ. ภิกษุ ท. ! ก็การเกิดขึ้นแห่งรูป ...แห่งเวทนา ...แห่งสัญญา ...แห่งสังขารทั้งหลาย ...แห่งวิญญาณ เป็น อย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อม พร่ำสรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ภิกษุนั้น ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำสรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งอะไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำ สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ซึ่งรูป เมื่อภิกษุนั้น เพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ซึ่งรูป, ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น ความเพลินใด ในรูป, ความเพลินนั้นคือ อุปาทาน เพราะอุปาทานของภิกษุนั้นเป็นปัจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพ เป็นปัจจัย จึงมีชาติ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้น ครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำ สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งเวทนา ... ความเกิดขึ้นพร้อม แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำ สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งสัญญา ... ความเกิดขึ้น พร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำ สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งสังขารทั้งหลาย ... ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการ อย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำ สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งวิญญาณ เมื่อภิกษุนั้น เพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ เมาหมกอยู่ ซึ่งวิญญาณ, ความเพลิน (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น ความเพลินใด ในวิญญาณ, ความเพลินนั้น คือ อุปาทาน เพราะอุปาทานของภิกษุนั้นเป็น ปัจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ; เพราะมีชาติ เป็นปัจจัย, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน: ความเกิดขึ้นพร้อม แห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! นี้คือ ความเกิดขึ้นแห่งรูป...แห่ง เวทนา...แห่งสัญญา...แห่งสังขารทั้งหลาย...แห่งวิญญาณ. ภิกษุ ท. ! ก็ความดับแห่งรูป...แห่งเวทนา...แห่ง สัญญา... แห่งสังขารทั้งหลาย...แห่งวิญญาณ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ ภิกษุนั้น ย่อม ไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ ซึ่งอะไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่ พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ซึ่งรูป เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่เมาหมกอยู่ซึ่งรูป, ความเพลิน (นันทิ) ใด ในรูป, ความเพลินนั้นย่อมดับไป เพราะความดับแห่งความเพลินของภิกษุนั้น จึงมีความดับ แห่งอุปาทาน, เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับ แห่งภพ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลง แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่ พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ซึ่งเวทนา ... ความดับลง แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่ พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ซึ่งสัญญา ... ความดับลง แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่ พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ซึ่งสังขารทั้งหลาย ... ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนั้น ย่อมไม่เพลิดเพลิน ย่อมไม่ พร่ำสรรเสริญ ย่อมไม่เมาหมกอยู่ซึ่งวิญญาณ เมื่อภิกษุนั้น ไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำสรรเสริญ ไม่เมาหมกอยู่ซึ่งวิญญาณ, ความเพลิน (นันทิ) ใด ในวิญญาณ, ความเพลินนั้น ย่อมดับไป เพราะความดับแห่งความเพลินของภิกษุนั้น จึงมีความดับ แห่งอุปาทาน, เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับ แห่งภพ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่ง กองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ภิกษุ ท. ! นี้คือ ความดับแห่งรูป ... แห่งเวทนา ... แห่งสัญญา ... แห่งสังขารทั้งหลาย ... แห่งวิญญาณ, ดังนี้ แล. ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๘/๒๗.
จากหนังสือพุทธวจน ปฐมธรรม
แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 05:03:33
จากคุณ |
:
light pad
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ย. 54 05:02:25
|
|
|
|
|