ความคิดเห็นที่ 1 ลองอ่านกระทู้ข้างล่างดูบ้างนะครับ เยอะครับ เยอะ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:39:50

ความคิดเห็นที่ 2 ท่านก็พูดไม่ผิดนี่ครับ ตัวหล่อทองเหลือง ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็จริง อย่างท่านว่าเนอะ จะกราบก็กราบความบริสุทธิ์ของท่านก็แค่นั้น จากคุณ : medmed เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 22:54:41

ความคิดเห็นที่ 3 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 54 08:37:38 จากคุณ : yaiyai เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 00:12:39

ความคิดเห็นที่ 4 พฤติกรรม หรือ การแสดงออก ของพระเกษมไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ถ้าไม่เห็นด้วย ที่พุธศาสนิกชน และพระสงฆ์ ไปกราบใหว้พระพุทธรูป ก็ควรจะปิดปาก และ ไม่ควรแสดงออกเช่น ยกขา ถีบโต๊ะ พูดหยาบคาย ฯลฯ สมควรได้รับโทษหนัก จากคุณ : ดุดัน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 05:52:46

ความคิดเห็นที่ 5 จากที่ได้ไปติดตามเจาะลึกถึงอดีตชาติของพระเกษม อาจิณฺณสีโล จึงถึงบางอ้อ และหายสงสัยในสภาวะภายนอกที่ท่านแสดงออก แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงกิริยาจิต ไม่มีผลแห่งกรรมอันใดที่จะเป็นเหตุให้นำไปสู่ภพใหม่ได้อีก ท่านจึงกล้าแสดงออกด้วยลีลาอันเป็นธรรมชาติแห่งวาสนาที่สั่งสมมานานหลายภพชาติ เรียกว่าสันตติแห่งขันธ์ จากคุณ : preepa11 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 05:54:02

ความคิดเห็นที่ 6 เล่าเรื่องในอดีตให้ผู้สนใจไปเสาะหาความจริง แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 09:07:20 จากคุณ : preepa11 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 06:00:41

ความคิดเห็นที่ 7 ท่านทำท่าไม่สุภาพประกอบการสอนอยู่ในห้อง ในวัด ไม่ได้ทำเมื่อมีงานวัดคนเข้าเยอะเยอะ  ไม่ได้ทำกลางตลาด แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 18:47:09 จากคุณ : Nay_nan เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 08:02:23

ความคิดเห็นที่ 8 ความเห็นที่ 7 ประกอบการสอนใช่ไหมคะ ไม่ใช่ประกอบการสอบ อ่านแล้วงงน่ะค่ะ จากคุณ : yaiyai เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 08:13:43

ความคิดเห็นที่ 9 ไอ้ที่อ้างเป็นการไม่เจตนา หรือเป็นกริยาจิต  มันอ้างได้ั้ทั้งนั้น ถ่ายคลิปโชว์ด้วย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อพระทั้งหลาย  ถ้าทุกคนเอาแบบอย่าง อะไรจะเกิดขึ้น คิดได้แค่นี้ แล้วอยากเป็นอาจารย์สอนคน...ทำศาสนาเสื่อมหรือไม่  ลองคิดดู จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 09:33:26

ความคิดเห็นที่ 10 โลกะวัชชะ ใครสนับสนุน ก็เท่ากับ ทำให้พระศาสนาทุกติเตียน ทำอยู่ในห้องในวัด จริง แต่ดันใส่เข้ามาในยูทูป ที่แสดงไปทั้งโลก ยิ่งกว่าตลาดอีกครับ โลกวัชชะ ของแท้ๆ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 09:42:15

ความคิดเห็นที่ 11 ต่อไปนี้คำว่า มหากิริยาจิต กับ ธรรมชาติแห่งวาสนา จะ มีมารศาสนา เอาไปใช้อีกมากมาย แล้ววันหนึ่ง เมื่อโลกรับไม่ได้ศาสนาเราก็เสื่อมลง เพราะศาสนาอื่นๆ เขามีกิริยาปกติๆดีกว่า ศาสนาเราก็เสื่อม มีสติ คิดกันหน่อย ไม่ใช่เอามาใช้เพื่อให้ตนรอด พอแล้ว ทำอะไร คิดถึงศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดมกันบ้าง ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเอง พวกตัวเอง ก่อนหยิบคำครูบาอาจารย์มาใช้ ได้ขออนุญาตมาก่อนหรือเปล่า ทุกวันนี้ยังด่าครูบาอาจารย์อยู๋ ปาวๆ หยิบคำมาใช้เฉย ซะงั้น ละอายบ้างไหมครับ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 10:02:03 จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 09:59:21

ความคิดเห็นที่ 12 พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 176                                                 ว่าด้วยผู้ทำให้พระสัทธรรมเสื่อมและมั่นคง         [๑๓๑]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย      ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าธรรม ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล      ไม่เป็น ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก   เพื่ออนัตถะเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชน เป็นอันมาก     เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย     ทั้งย่อมประสบ บาปใช่บุญเป็นอันมาก     และย่อมจะยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน.         [๑๓๒]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า  อธรรม ฯลฯ  ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า  วินัย  ฯลฯ  ที่แสดงวินัยว่า  มิใช่วินัย  ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตมิได้ภาษิตไว้    มิได้กล่าวไว้ว่าตถาคตภาษิตไว้ กล่าวไว้ ฯลฯ    ที่แสดงคำพูดอันตถาคตได้ภาษิตไว้ กล่าวไว้ว่า ตถาคต มิได้ภาษิตไว้  มิได้กล่าวไว้  ฯลฯ    ที่แสดงกรรมอันตถาคตมิได้สั่งสมว่า ตถาคตสั่งสม  ฯลฯ   ที่แสดงกรรมอันตถาคตได้สั่งสมไว้ว่า  ตถาคตมิได้ สั่งสมไว้ ฯลฯ  ที่แสดงสิ่งอันตถาคตบัญญัติไว้ว่า  ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่า     เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล    ไม่เป็น ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก     เพื่ออนัตถะเพื่อมิใช่ประโยชน์กื้อกูล     ชน เป็นอันมาก      เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย      ทั้งย่อมประสบ บาปใช่บุญเป็นอันมาก     และย่อมยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน.         [๑๓๓]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าอธรรม ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่า    เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล    เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก        เพื่ออัตถะเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย         ทั้งย่อมประสบบุญเป็น อันมาก     และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น.         [๑๓๔]   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย     ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า    ธรรม ฯลฯ  ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า  มิใช่วินัย  ฯลฯ  ที่แสดงวินัยว่า  วินัย  ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตมิได้ภาษิตไว้  มิได้กล่าวไว้ว่าตถาคตมิได้ภาษิต ไว้ มิได้กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตได้ภาษิตไว้  ได้กล่าวไว้ว่า ตถาคตได้ภาษิตไว้ได้กล่าวไว้ ฯลฯ    ที่แสดงกรรมที่ตถาคตมิได้สั่งสมว่า ตถาคตมิได้สั่งสม ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันตถาคตมิได้บัญญัติว่า   ตถาคตมิได้ บัญญัติ   ฯลฯ   ที่แสดงสิ่งอันตถาคตบัญญัติว่า    ตถาคตบัญญัติ    ภิกษุ เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล         เพื่อความสุขแก่ชน เป็นอันมาก     เพื่ออัตถะ     เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก    เพื่อ ความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย        ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น.                                จบ  อธรรมวรรคที่  ๑๑ พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 323                                ๔. ปฐมสัทธัมมสัมโมสสูตร                      ว่าด้วยเหตุเสื่อมและเหตุเจริญแห่งศาสนา        [๑๕๔]  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ธรรม   ๕   ประการนี้    ย่อมเป็นไปเพื่อ ความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม   ธรรม  ๕  ประการเป็นไฉน คือ  ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้   ไม่ฟังธรรมโดยเคารพ  ๑  ไม่เล่าเรียนธรรมโดยเคารพ  ๑ ไม่ทรงจำธรรมโดยเคารพ  ๑        ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ โดยเคารพ  ๑         รู้อรรถรู้ธรรมแล้วไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม โดย เคารพ  ๑      ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ธรรม  ๕ ประการนี้แล   ย่อมเป็นไปเพื่อ ความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม.        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ธรรม  ๕  ประการนี้  ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น ไม่ลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม  ธรรม   ๕  ประการเป็นไฉน  คือ  ภิกษุใน ธรรมวินัยนี้   ย่อมฟังธรรมโดยเคารพ  ๑       เล่าเรียนธรรมโดยเคารพ  ๑ ทรงจำธรรมโดยเคารพ  ๑           ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดย   เคารพ  ๑       รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ  ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ธรรม  ๕  ประการนี้แล     ย่อมเป็นไปเพื่อความตั้งมั่น ไม่ลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม.                                                   จบปฐมสัทธัมมสัมโมสสูตรที่ ๔ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 10:10:25

ความคิดเห็นที่ 13 พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 446                    ๑. กิมพิลสูตร  ว่าด้วยเหตุปัจจัยทำให้ศาสนาเสื่อม         [๒๐๑]   สมัยหนึ่ง     พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่  ณ  พระวิหารเวฬุ- วันใกล้เมืองกิมิลา  ครั้งนั้น  ท่านพระกิมพิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงที่ประทับถวายบังคมแล้ว   นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง  ครั้นแล้วได้ทูลถาม ว่า    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ    อะไรหนอแลเป็นเหตุ   เป็นปัจจัยเครื่องให้พระ สัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน  ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว พระผู้มีพระภาค- เจ้าตรัสว่า    ดูก่อนกิมพิละ    เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว  พวกภิกษุ   ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงใน ศาสดา  เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในธรรม  เป็นผู้ไม่มีความ เคารพไม่มีความยำเกรงในสงฆ์  เป็นผู้ไม่มีความเคารพ   ไม่มีความยำเกรง ในสิกขา     เป็นผู้ไม่มีความเคารพ     ไม่มีความยำเกรงกันและกัน    ดูก่อน กิมพิละนี้          แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน    ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.   จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 10:33:29

ความคิดเห็นที่ 14 สัทธรรม สนฺต ( ผู้สงบ ) + ธมฺม ( ธรรม ) ธรรมของผู้สงบ , ธรรมที่ทำให้เป็นผู้สงบ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 10:34:55

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นการกระทำตน หรือปฏิบัติตน ไม่เหมาะสม ทั้ง กาย วาจา และใจที่ส่อให้ปรากฏ อย่าได้หลงประเด็นเลย อย่ามีจิตยึดและเีรียนแบบ จนฝังเป็นรูปแบบตามที่ตนชอบ จนกลายเป็นทิฏฐิที่ฝังแน่น เป็นคติ ที่ผิดๆ เลย. เพราะไม่ใช่ทางที่ควรเจริญ ของผู้มีศีล อย่างพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าเลย. แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 11:23:30 จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 11:22:29

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่กราบพระพุทธรูป ไม่สวดมนต์  เลยมีเวลามาก ส่งคลิปตัวเองเข้ายูทูป ไหนจะดูทีวี ท้าทายสรยุทธ์   คำที่ด่าออกมา ฟังแล้วแย่มาก ๆ  กิริยาที่แสดงออกมาไม่น่าจะใส่จีวรเลย  เสื่อมแท้ ๆ  ๆ  ๆ  ๆ แต่ที่สังเกต "คิ้ว"  เหมือนจะไม่โกนรึเปล่า ? จากคุณ : ป้าแก่คนสวย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 15:36:22

ความคิดเห็นที่ 17 ต้องแยกแยะระหว่างกิริยาที่ถ่อย กับคำสอนค่ะ  ท่านพุทธทาสเอง  ก็ไม่สนับสนุนการสะสมพระเครื่อง หรือการยึดติดกับวัตถุใดๆ  แต่ท่านไม่เคยแสดงอาการถ่อย ให้เห็น จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 17:11:48

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านไม่สำรวมกว่านะ ถกสบงเห็นแก้มก้นเดินไปมาเลย ขนาดนั้น แต่ท่านบริสุทธิ์มากจริงๆ ท่านก้เป็นอรหันต์องค์หนึ่งเช่นกันครับ จากคุณ : medmed เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 21:47:22

ความคิดเห็นที่ 19 คนปกติๆ แยกแยะออกครับ ระหว่าง 1. กิริยาที่แสดงออกของครูบาอาจารย์ แต่ข้างในท่านเมตตา 2. ถ่อย อย่าเอาหลวงปู่เจี๊ยะมาอ้างอีกเลยครับ ท่านเมตตาสูง ท่านรู้อะไรเป็นอะไร ไม่เคยแสดงอะไรถ่อยๆ แบบนี้ เช่น ทำลงยูทูปให้เป็นโลกะวัชชะ อย่าเอาครูบาอาจารย์มาอ้างครับ ขอร้อง จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 22:27:02

ความคิดเห็นที่ 20 บางท่านยังพยายมเชื่อว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว จะละเมิดพระธรรมวินัยได้ ผมจึงอยากเตือนความจำแก่ท่านว่า พระปัจฉิมโอวาทที่พระพุทธองค์ทรงประทาน แก่อรหันต์สาวกและพระภิกษุทั้งหลาย ว่าให้พระธรรมวินัยเป็นตัวแทนพระศาสดา ในสมัยพุทธกาลพระอรหันต์หลายองค์ ก็ยังถูกพระพุทธองค์ตำหนิในเรื่องความย่อหย่อนในพระธรรมวินัย มาสมัยนี้พระป่าเกเรบางองค์ทำตัวเฉไฉผิดพระธรรมวินัยแล้ว จะขอมารอดช่องว่าเป็นวาสนาเก่าของพระอรหันต์ ระวังเถอะเห็นมีคนนับถือขึ้นกันมากแล้วไม่เกรงใจพระศาสดา ละเมิดพระธรรมวินัยกันบ่อยๆมันจะพาเสื่อมกันทั้งหมู่คณะ ลูกศิษสมัยนี้ก็ชอบกลเห็นครูบาอาจารย์ทำตัวไม่เหมาะสม แทนที่จะตักเตือนในฐานะสหธรรมมิกหรือฐานะพุทธบริษัทสี่ที่ดี กลับไปคิดว่าพระเพี้ยนเป็นผู้บรรลุละเมิดพระธรรมวินัยได้ จากคุณ : คนกรุงธน เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 23:00:28

ความคิดเห็นที่ 21 @19 เยี่ยมครับ กระชับได้ใจความ จากคุณ : บ่าวบ้านบาก เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 54 23:03:54

ความคิดเห็นที่ 22 และบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายของพระเกษมรู้ไว้นิดนึงในจิตในทรวงในหทัย ผ่านกระโหลกลงไปเลยนะครับ ที่พระเกษมโจมตีทั้งหลายทั้งปวง เช่นเรื่องการทำลายพระพุทธรูปเป็นต้น กระทบหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะ ท่านกราบ เคารพพระพุทธรูปสิ่งระลึกถึงไตรสรณคมครับ แต่ท่านไม่เคยติดในรูปครับ ดังนั้นเมื่อโจมตีกันตั้งแต่แรกแล้ว อย่าเอาชื่อครูบาอาจารย์มาอ้างอีก นะครับ ขอร้อง ละอายบ้าง จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 00:20:14

ความคิดเห็นที่ 23 อยากถามลูกศิษย์พระเกษมครับว่า ท่าน ๆ กราบ พระเกษม มั๊ยครับ ถ้ากราบพระเกษม  กราบเพราะอะไร กราบเพราะระลึกถึงคุณของพระเกษม ที่เมตตาสั่งสอนธรรมมะที่แท้จริงให้  หรือกราบเพราะอะไร หรือไม่กราบ  ไม่ไหว้ พระเกษม ครับ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 17:46:43

ความคิดเห็นที่ 24 1.เห็นด้วย-กับการนับถือวัตถุไม่เกิดประโยชน์ เพราะพระพุทธองค์ให้นับถือพระธรรมวินัยอันนี้จริง 2.ไม่เห็นด้วย-กับการ Show powerเอา basic ภาษาบาลีมาโชว์ให้คนที่ไม่รู้ มองว่าตัวเองเก่งเหมือนคุณแก้สมการง่ายๆให้เด็กอนุบาลดูเขาจะมอ...งว่าคุณเก่ง 3.ไม่เห็นด้วยที่เขาแสดงกิริยามารยาทไม่สำรวมใน youtube ไม่เหมาะกับการเป็นภิกษุ (ข้อนี้พระวินัยมีบัญญัติไว้แน่นอน) สรุปว่า-สิงที่เขาพูดเป็นความจริง แต่เขาไม่ได้ปฏิบัติตามความจริง (อ้างพระวินัยแต่ไม่เคารพพระวินัย-เหมือนตำรวจเป็นผู้รักษากฏหมาย แต่ไม่ทำตามกฏหมาย) Conclusetion = เสื่อม! จากคุณ : porteam เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 54 20:32:38

ความคิดเห็นที่ 25 @ หากท่านพุทธทาส ยังอยู่  เชื่อมั่นว่า ปริศนา ที่สร้างข้อแม้เพิ่มเติมเสริมฐานขึ้นมาโดยกลุ่มชนหนึ่ง-หมู่เหล่าหนึ่ง ในยุคสมัย ๒๕๕๐ ปีหลังพุทธกาลล่วงผ่านแล้วนี้ จะเป็นที่ยุติ ฯ ๑ ทั้งๆที่เรื่องนี้มิใช่ปริศนา แต่เป็นสิ่งที่ เห็น ตามได้ชัดแจ้ง-ชัดเจน ๒ ความจริงแท้ อันองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระดำรัสสั่งสอนท่านอานนท์พุทธสาวก ให้ถึงชัดแจ้ง สดับ-ประดับไว้เป็นพุทธิปัญญา จดจำในพระพุทธอรรถาธิบาย ในข้อเหตุแห่งชื่อ เจดีย์ทั้ง ๓ ๓ ยกมา จาก  พระไตรปิฎกชุด 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย เล่ม 60 หน้า 267 กล่าวไว้่ พระศาสดาตรัสว่า อานนท์ สำหรับธาตุเจดีย์ไม่อาจทำได้ เพราะธาตุเจดีย์นั้น จะมีได้ในกาลที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น... เป็นเพียง   เนื่องด้วย   ตถาคต   เท่านั้น... เพียงเท่านี้ ก็ทำให้ ทุจิตรกรรมภิกษุ ผู้ทุศีล ผู้พ่ายแพ้โลกธรรม ตั้งเลส ต่ออรรถกถา ในพระสูตร ในพระธรรม และ ในข้อพระวินัย  สร้างฐานเสริม การกระทำของตน อันเนืองด้วยมิจฉาทิฏฐิ  ด้วยการ ย้ำชี้-ย้ำยก ถึงความไม่มีใดๆใน ไตรจักรวาล ที่จะ เหมือน จะเทียบเทียมเท่า จะเป็น ดั่ง ปฐมอัตตภาพ แห่งองค์พระบรมศาสดา พระสัมมาสัมพุทธสัพพัญญูเจ้า เพียงเท่านี้ ก็มี ปฏิรูปธรรม  กำเริบเสิบสาน  หาญกล้า ปรามาสในธรรม บิดเบือนหลักศีล ปีนฐานพระพุทธรูปขึ้นไปจาบจ้วงยังพระพักตร์ !!! พระพุทธรูป  คือ วัตถุ ในพุทธดำรัส อันทรงแสดงอย่างชัดแจ้งแก่ท่านอานนท์พุทธสาวกแล้วว่า  วัตถุ ที่ยังไม่มีปรากฏในเวลานี้ (เวลาในพุทธกาล ขณะที่ทรงคลายสงสัยให้กะท่านอานนท์ ถึง ชื่อของ เจดีย์ทั้ง ๓ ขณะนั้น ) เป็นสิ่งที่ เนื่องด้วย ตถาคต (คือ สิ่งใดๆ รูปทรงใดๆ อันที่จะมีปรากฏขึ้น ภายหลัง ด้วยกตัญญุตธรรม  สำแดงขึ้นไว้ เป็นไปเพื่อการรำลึกถึง (เนื่องด้วยตถาคต) พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น จะเป็นรูปร่างใดๆต่างๆ ตามฐานะแห่งความรู้ ความสามารถ และจากความศรัทธา ที่จะน้อมนำขึ้นมา  บรรดาวัตถุเหล่านั้น (ที่ยังไม่มีรูปปรากฏ ณ เวลานี้-เวลาในพุทธกาล ณ ที่ พระพุทธองค์ ทรงเผยพระดำรัสกะท่านอานนท์พุทธสาวก) เรียกว่า อุทเทสิกเจดีย์ ฯ พระอรรถาจารย์ ๕๐๐ รูป มิได้ล่วงพระดำรัส   จึงลงอรรถาธิบายอัน ถูกต้องตรงกัน และ พ้องกันในข้อความที่ยกเทียบขึ้นร่วมกันพิจารณา  ต่อมาจึงสาธุการ จารึก-ระบุ แสดงความ เป็นอรรถาธิบาย ถึง เจดีย์  ตามพระดำรัสแห่งพระพุทองค์ ที่แจ้งกะท่านอานนท์พุทธสาวก  ดังนี้ ๑. พระธาตุเจดีย์  คือ........ฯ ๒. พระธรรมเจดีย์  คือ........ฯ* ๓. ปริโภคเจดีย์  ตือ.......ฯ ๔. อุเทสิกเจดีย์  ตือ.......ฯ @ ถ้าหากท่านพุทธทาสยังอยู่มาถึง ณ กาลบัดนี้  การจาบจ้วงเยี่ยงนั้นย่อมไม่มีปรากฏ จิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศก็ไม่ต้องเศร้าหมองไปกับ การจงใจทำร้ายศรัทธา  ซ้ำแล้วซ้ำเล่า @ ก่อการบิดเบือน ขึ้นมายังความแตกแยกขึ้นในหมู่เหล่าสาธุชนพุทธบริษัท ด้วยการ  วางเลส อ้างอิงพระสูตร-แอบอิงพระวินัย ตั้งแนวคิดใหม่ส่วนตนขึ้นมา เพื่อกลบเกลื่อนการหลงผิด-ทำผิด ของตน-ของกลุ่มตน เยี่ยงนั้น เช่นนั้น @ ปล. จาก ความคิดเห็นที่ 17 ต้องแยกแยะระหว่างกิริยาที่ถ่อย กับคำสอนค่ะ  ท่านพุทธทาสเอง  ก็ไม่สนับสนุนการสะสมพระเครื่อง หรือการยึดติดกับวัตถุใดๆ  แต่ท่านไม่เคยแสดงอาการถ่อย ให้เห็น จากคุณ     : nuch_tre เขียนเมื่อ     : 29 ก.ย. 54 17:11:48 คำสอน ส่วนหนึ่งยกขึ้นมาจากพระไตรปิฏก ผู้ที่อ่านไทยออก-เขียนไทยได้ ย่อมจะ อ่านไทย ตามข้อความใน พระไตรปิฎกฉบับแปลไทย ชุด ๙๑ เล่มนั้น ได้  จะยกขึ้นเปิดอ่านข้อใด ก็จะได้ใจความตรงนั้น-ตรงกัน เช่นกัน กิริยาที่ ถ่อย เป็นส่วนที่ ถอยทั้งพระธรรม และ พระวินัย ไปไว้ข้างหลัง ทิฏฐิมานะตน ; เอาอัตตาตนเป็นตัวตั้ง ใช้อุกฤษโมหะจริต  พลุ่งพล่านโทษะออกมาจาก จิตเดิมแท้ ที่ชอนรากเกาะกรรมซ่อนอยู่ในกำพืดเก่า  เท่านั้นเอง ขอให้เข้าไปอ่าน พุทธทาสศึกษา เบื้องต้น  เพื่อความกระจ่างใน สัมมาปฏิปทาภิกขุ  ผู้ที่ถูกพวกท่านทั้งหลาย ฉุดลงไปเทียบกับนักบวชผู้ปลอมธรรม  แล้วคงจะได้เข้าใจว่า พระเกษม อาจิณฺณฺสีโล นั้น  ต่ำในธรรม-ต่ำในวินัย  หากจะยก สัมมาปฏิปทาภิกษุ-สงฆ์ ทั้งหลาย ขึ้นมาเปรียบ  พระเกษมจะยิ่ง ต่ำลงยิ่งกว่าที่มีที่เป็น @ เช่นเดียวกับที่มีการยกเปรียบ พุทธอัตตลักษณ์แห่งพระบรมศาสดา  อันหาสิ่งใดเปรียบเทียบก็ ไม่ใช่-ไม่เหมือน นั่นแล ฯ กมฺมุนา วตตี ติ โลโก ให้สิ่งใด  ย่อมได้รับสิ่งนั้น  ไม่ช้าก็เร็ว  แต่ในยุคสมัยนี้  Clip ยิ่งเลว - คุก ยิ่งเร็ว !!! (มาแก้ไขคำว่า คุก ให้ชัดเจน) สวนโมกขพลราม (พุทธทาสศึกษา เบื้องต้น) แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 54 01:05:25 จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 54 13:23:18