ความคิดเห็นที่ 1 พระมหายานที่ญี่ปุ่นรักษาเพศพรหมจรรย์ไว้ไม่ได้แล้ว จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:46:09

ความคิดเห็นที่ 2 ...บทเรียน...พระยุ่งกับการเมือง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:46:36

ความคิดเห็นที่ 3 พระพุทธศาสนาเถรวาทมีพระวินัยที่ป้องกันรัดกุมที่สุด จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:47:04

ความคิดเห็นที่ 4 สาเหตุหลักที่เกิดปัญหาในญี่ปุ่น คือ  เขานับถืออาจารย์เป็นใหญ่ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:48:43

ความคิดเห็นที่ 5 ด้วยสาเหตุเหล่านี้ ความชัดเจนในพระคัมภีร์(ที่ตนเองปฏิบัตอยู่) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:49:28

ความคิดเห็นที่ 6 คัมภีร์พระไตรปิฎกบาลีของเถรวาทนั้นเป็นของที่สืบมาจากการสังคายนาครั้งแรก จึงถือว่าต้นเดิมที่สุด จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:50:20

ความคิดเห็นที่ 7 ...แม้จะมีส่วนปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆที่ไม่ชัดเจน แต่หลักใหญ่ๆต้องชัดเจน เช่น เรื่องนิพพาน จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:51:02

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องใหญ่ที่เป็นหลัก เป็นเรื่องใหญ่ พระศาสดาจะวางหลักไว้ชัดเจน จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:52:06

ความคิดเห็นที่ 9 เถรวาทสอนอย่างนี้...มหายานสอนอย่างนี้...ให้แยกชัดเจน  ไม่ใช่เรื่องที่จะมาปะปนกัน จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:53:16

ความคิดเห็นที่ 10 ถาม-ตอบ  เรื่องสิ่งก่อสร้างใหญ่โต .............คำถาม........ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:54:52

ความคิดเห็นที่ 11 คำตอบ... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:55:23

ความคิดเห็นที่ 12 ..อย่าซ้ำเติมสังคมเลย... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:55:59

ความคิดเห็นที่ 13 สัมภาษณ์พิเศษพระธรรมโกศาจารย์(หลวงพ่อปัญญานันทะ) จากสยามธุรกิจรายสัปดาห์  ปีที่4  ฉบับที่ 204  ประจำวันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2541   อ่านใน คห 9-10 ----------------------------------- เพิ่มเติม ในประเทศอินเดียวมีโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากมาย(และสำคัญมากด้วย เช่น ถาวรวัตถุที่สังเวชนียสถาน ฯลฯ) แต่ทำไมพระพุทธศาสนาในอินเดียจึงเหลืออยู่น้อยมาก เรียกได้ว่าเกือบสูญหายไปจากอินเดีย(มีผู้นับถือน้อยมากๆในปัจจุบันเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของอินเดีย)               พระพุทธศาสนาเถรวาทมาเจริญเติบโตในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยอะไร..คงไม่ได้มีผู้ใดแบกเจดีย์มาจากอินเดียหรอก.. จะเอาเจดีย์เป็นหลักไม่ได้   ต้องถือ "พระธรรมวินัย"เป็นหลัก..และเมื่อชาวพุทธมีพระธรรมวินัยเป็นหลักนี้แหละที่จะทำให้ถาวรวัตถุที่เอื้อประโยชน์ต่อการศึกษาพระพุทธศาสนาและทำให้เจดีย์ที่สร้างมีความยั่งยืนไปด้วยในตัว               การที่พระพุทธศาสนาเถรวาทมาเจริญรุ่งเรืองแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ พระธรรมฑูตในสมัยพระเจ้าอโศก  พระภิกษุนำ "พระธรรมวินัย"มาเผยแพร่  องค์ท่านไม่จำเป็นต้องแบกถาวรวัตถุอะไรมาเลย.... ....การสร้างถาวรวัตถุ(รวมทั้งพระพุทธรูป)นั้น ต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่า สร้างเพื่อให้มีการส่งผลทำให้ผู้มากราบไหว้ถาวรวัตถุได้ระลึกถึงพระรัตนตรัยและมุ่งมั่นที่จะศึกษาไตรสิกขา...       ในปัจจุบัน สิ่งที่ชาวพุทธต้องทำคือ การเผยแพร่ให้การศึกษากับสังคมว่า        การสร้างถาวรวัตถุในทางพระพุทธศาสนานั้นสร้างเพื่อให้เกิดอนุสติ เช่น เกิดพุทธานุสติ  ธัมมานุสติ สังฆานุสติ  ...(โดยเฉพาะเหมาะอย่างยิ่งกับพวก "ศรัทธาจริต" ชนกลุ่มนี้จะจิตจะเกิดปีติ มีสมาธิได้ง่ายหากได้กราบพระพุทธรูปหรือเจดีย์ และเมื่อเกิดความสุขแล้ว ก็ต้องมีกระบวนการชี้ให้เห็นทางพ้นทุกข์ให้กับเขาด้วย)   โดยสรุป                 พูดโดยรวมคือ การกราบไหว้ถาวรวัตถุ เพื่อให้เกิด "ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย" อันนำมาซึ่งผลทำให้พวกเขาเกิดกำลังใจ จนมีความตั้งใจที่จะพากเพียรปฏิบัติธรรม(ตามหลักไตรสิกขา)ด้วยตัวเขาเองให้ได้ ดังพุทธพจน์            "อตฺตา  หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"            "ตุมฺเหหิ  กิจฺจํ อาตปฺปํ  ความเพียรท่านทั้งหลายต้องทำเอง"            "อกฺขาตาโร  ตถาคตา  ตถาคตทั้งหลายเป็นผู้บอก เป็นผู้ชี้ทางให้" --จบพุทธพจน์-- "พระพุทธศาสนาเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์"  ตัวเขาเองนี้แหละที่จะปฏิบัติธรรมจนพ้นทุกข์ ดับทุกข์สิ้นเชิง เรียกกันทางโลกว่าเขาสามารถเป็นพระอรหันต์ได้ "ด้วยความสามารถของเขาเอง"  ในปัจจุบันชาตินี้   ไม่ต้องไปรอ "พัก"อยู่ที่ภพภูมิใดๆหรือเชื่อในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใดๆจาก "บุญ"ในการสร้างถาวรวัตถุ(จากการอวดอ้าง โฆษณาชวนเชื่อของสำนักใดๆที่สอนผิดหลักพระพุทธศาสนา) ...... "สร้างถาวรวัตถุแล้วก็แจ้งให้เขาทราบว่าด้วยว่าปัจจุบันเขามีศักยภาพทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมที่จะบรรลุธรรมในชาตินี้ได้แล้ว อย่าไปพึ่งอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไร"    ไม่ใช่ไป "เสี้ยม"ไปสอนให้เขากราบไหว้หรือเรี่ยไรเพราะความศักดิ์สิทธิ์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของเจดีย์(หรือองค์พระ) (ไม่สามารถมาอ้างได้ว่าเพื่อความถาวรของพระพุทธศาสนา)การตั้งจุดประสงค์ที่ผิดวิธีจะทำให้เขาหลงทาง ติดอยู่แต่ในวัตถุ.....เมื่อการสร้างถาวรวัตถุใหญ่โตแล้วทำให้ประชาชนหลงทางไม่เข้าสู่ทางธรรมะในพระพุทธศาสนา...จะสร้างไปทำไม? แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 54 10:27:21 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 14:08:58 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:57:13

ความคิดเห็นที่ 14 -ส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์   บทบาทในการรักษาพระธรรมวินัยของพระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตโต) โดยพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี (อ้างอิงไปถึง  งานวิจัยของจรูญ สมน้อย    คำสอนเรื่อง "วิปลาส"ในพระพุทธศาสนา  : ศึกษาเฉพาะกรณีคำสอนของสำนักธรรมกาย    เป็นงานวิจัยระดับปริญญาเอก  ม.มหิดล) อ่านวิทยานิพนธ์ได้ที่ http://www.mcu.ac.th/site/thesiscontent_desc.php?ct=1&t_id=115 กด Download pdf ล่างสุดนะครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:58:30

ความคิดเห็นที่ 15 งานวิจัย ดร.อภิญญา "ศาสนทัศน์ของชุมชนเมืองสมัยใหม่-ศึกษากรณีวัดพระธรรมกาย" ตอนที่ 1 (มีหลายตอนนะครับ จะลงเรื่อยๆ) (งานวิจัยเคยลงใน สยามธุรกิจรายสัปดาห์ ฉบับ 22-28 พย 2541 และเคยตีพิมพ์ในวารสาร "พุทธศาสน์ศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"ฉบับ เดือนมกราคม-เมษายน 2541) .....สร้างภาพ ระยะห่าง.. จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 09:59:56

ความคิดเห็นที่ 16 ระยะห่างทำให้เกิดภาพ....ให้คุณ..ให้โทษ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 10:01:07

ความคิดเห็นที่ 17 ขึ้นดอย..และจีวรอย่างดี จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 10:01:36

ความคิดเห็นที่ 18 พระพุทธเจ้าทรงให้ "พระธรรม"ไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์ ฉะนั้น  ชาวพุทธจะเคารพพระธรรมดุจพระศาสดา   พุทธพจน์ มหาปรินิพพานสูตร [๒๑๖]  ต่อมา  พระผู้มีพระภาครับสั่งเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า “อานนท์ บางทีพวกเธออาจจะคิดว่า ‘ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงลับไปแล้ว  พวกเราไม่มีพระศาสดา’   ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น   ธรรมและวินัยที่เราแสดงแล้วบัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย  หลังจากเราล่วงลับไป  ก็จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย {ที่มา : พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๐ หน้า :๑๖๔ } ---------------------------------------------------------- ร่วมกัน "รักษาพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าให้บริสุทธิ์ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 10:02:58

ความคิดเห็นที่ 19 เรียนคุณ ต่อ ใน " ความคิดเห็นที่ 1"  เห็นวัดในไทยบางวัด ...ก็มีแนวโน้มจะเป็นดังเช่นความคิดเห็นที่ 1 กล่าวแล้วนี้คะ แค่ยังไม่ประกาศออกมาโจ่งแจ้ง เพราะเกรงว่าจะกระทบลาศยศ สักการะ แต่ก็มีพฤติกรรมเป็นนัย กล่าวหาว่าพระไตรปิฎกเถรวาทมีข้อบกพร่อง พยายามจะแก้พระไตรปิฎกเสียใหม่ และชอบจะยกคัมภีร์ของมหายานขึ้นมาอ้างอิงอยู่บ่อยๆ ประหนึ่งว่าพระไตรปิฎกของไทยนั้นผิดและของมหายานมีความถูกต้องน่าเชื่อถือมากว่า ทำให้ผู้ไม่รู้มากมายหลงเข้าใจผิดไปกับคำลวงนั้น จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 10:17:09

ความคิดเห็นที่ 20 คงต้องทำใจแล้วละ  กระแสมันแรงจริงๆ แรงเงินมหาศาลยากที่จะล้มได้ ตราบใดที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ยังมองศาสนาเพียงแค่ผิวเผิน เน้นวัตถุนิยม ใครบริจาคมากได้บุญมาก มันเป็นแบบนี้  เมื่อนั้นแหละ "วัดเกือบทั้งหมดเมืองไทย จะกลายเป็นสำนักธรรมกายทั้งหมด" อนาคตเมืองไทย พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ต้องหนีเข้าป่า พระบ้านโดนธรรมกายกลืนหมด จากคุณ : หนุ่มทิพย์ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 13:08:25

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนคุณ หนุ่มทิพย์ ....ติดตามนะครับ...:).....มีหลายๆฝ่ายร่วมด้วยช่วยกันนะอยู่ครับ...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จะมีเซอร์ไพรส์.....:)....ผมมองต่างจากที่หลายๆท่านมองนะครับ  ผมมองว่าสำนักนี้ อยู่ในขาลงครับ ..:).. ...บทเรียนอันแสนแพงของสังคมไทย .....จะได้จดจำกันนานเท่านาน..... .....ทุกอย่างมีเหตุปัจจัยทั้งสิ้นครับ  และเหตุปัจจัยย่อมมีผลที่แน่นอน... ..ทำใจได้แต่ต้องไม่ท้อครับ... แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 14:50:11 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 14:17:41 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 14:17:09 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 14:15:19 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 14:13:17

ความคิดเห็นที่ 22 พระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม อันคำว่า ธรรมกาย นั้น เป็นคำที่แปลกหูคนเอามากๆ เพราะเป็นชื่อที่ไม่มีใครสนใจ ผู้ไม่ทันคิดก็เหมาเอาว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำอุตริบัญญัติขึ้นใช้เฉพาะวิธีการของท่าน คำว่า ธรรมกาย  เป็นที่เย้ยหยันของผู้ไม่ปรารถนาดีต่อใคร บางคนก็ว่าอวดอุตริมนุสธรรม พูดเหยียดหยามว่าใครอยากเป็นอสุรกายจงไปเรียน ธรรมกาย ที่วัดปากน้ำ ข่าวนี้ก็ทราบถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำเหมือนกัน ท่านยิ้มรับถ้อยคำเช่นนั้น ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แสดงให้เห็น หลวงพ่อพูดว่า “น่าสงสาร พูดไปอย่างไร้ภูมิ ไม่มีที่มา เขาจะบัญญัติขึ้นได้อย่างไร เป็นถ้อยคำของคนเซอะ” ท่านว่าอย่างนั้น เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คำว่า “ธรรมกาย” เช่นนั้น และพูดไปในแนวที่ทำลายท่าน นิสัยที่ไม่ยอมแพ้ใครอันมีมาแต่กำเนิด หลวงพ่อวัดปากน้ำใช้คำว่า ธรรมกาย เป็นสัญลักษณ์ของสำนักกัมมัฏฐานวัดปากน้ำทีเดียว เอาคำว่า ธรรมกาย ขึ้นเชิดชู ศิษยานุศิษย์รับเอาไปเผยแพร่ทั่วทิศ และอิทธิพลของคำว่า “ธรรมกาย” นั้นไปแสดงความอัศจรรย์ถึงทวีปยุโรป ถึงกับศาสตราจารย์วิลเลียมต้องเหาะมาศึกษาและอุปสมบท ณ วัดปากน้ำ เป็นชาวยุโรปคนแรกที่มาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในประเทศไทย นายวิลเลียมนี้เป็นชาวอังกฤษ คำว่า ธรรมกาย เป็นคำที่ระคายหูของคนบางพวก จึงยกเอาคำนั้นมาเสียดสี เพื่อให้รัศมีวัดปากน้ำเสื่อมคุณภาพ หลวงพ่อวัดปากน้ำพูดว่า “เรื่องตื้นๆ ไม่น่าตกใจอะไร  ธรรมกาย เป็นของจริง ของจริงนี้จะส่งเสริมให้วัดปากน้ำเด่นขึ้น ไม่น้อยหน้าใคร พวกแกคอยดูไปเถิด” ดูเหมือนว่าไม่มีใครช่วยแก้แทนท่าน แต่คำว่า “ธรรมกาย” นั้น ย่อมซาบซึ้งกันแจ่มแจ้ง เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำได้มรณภาพแล้ว กล่าวคือเมื่อทำบุญ ๕๐ วัน งานศพของพระคุณท่าน คณะเจ้าภาพได้อาราธนาเจ้าคุณพระธรรมทัศนาธร วัดชนะสงคราม มาแสดงธรรม เจ้าคุณพระธรรมทัศนาธรได้ชี้แจงว่า คำว่า ธรรมกาย นั้นมีมาในพระสุตตันตปิฎก ท่านอ้างบาลีว่า “ตถาคตสฺส วาเสฏฺฐ เอตํ ธมฺมกาโยติ วจนํ” ซึ่งพอแปลความได้ว่า “ธรรมกายนี้ เป็นชื่อของตถาคต ดูกร วาเสฏฐ” ทำให้ผู้ฟังเทศน์เวลานั้นหลายร้อยคนชื่นอกชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนกราบสาธุการแด่เจ้าคุณพระธรรมทัศนาธร และประหลาดใจว่าทำไมเจ้าคุณพระธรรมทัศนาธร จึงทราบประวัติและการปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อวัดปากน้ำได้ถูกต้อง ผู้เขียนเรื่องนี้ก็แปลกใจมาก เมื่อแสดงธรรมจบ ลงจากธรรมาสน์แล้ว จึงถามผู้แสดงธรรมว่า คุ้นเคยกับหลวงพ่อวัดปากน้ำหรือ จึงแสดงธรรมได้ถูกต้องตามความเป็นจริง พระธรรมทัศนาธรตอบว่า “อ้าว ไม่รู้หรือ ผมติดต่อกับท่านมานานแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำข้ามฟากไปฝั่งพระนคร แทบทุกคราวไปหาผมที่วัดชนะสงคราม และผมก็หมั่นข้ามมาสนทนากับเจ้าคุณวัดปากน้ำ  การที่หมั่นมานั้น เพราะได้ยินเกียรติคุณว่ามีพระเณรมาก แม้ตั้ง ๔-๕ ร้อยรูป ก็ไม่ต้องบิณฑบาตฉัน วัดรับเลี้ยงหมด อยากจะทราบว่าท่านมีวิธีการอย่างไร จึงสามารถถึงเพียงนี้ และก็เลยถูกอัธยาศัยกับท่านตลอดมา” เมื่อทราบความจริงเช่นนั้น ทุกคนก็หายข้องใจ จากคุณ : เย็นไว้โยม (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 21:30:53

ความคิดเห็นที่ 23 ที่มา คห.22 อ้างจากตอนที่แล้ว  ..จะบอกคุณ pa-o ว่า  พระผู้ใหญ่ที่วัดปากน้ำ  ผมก็รู้จักท่าน และท่านก็เคยไปให้กำลังใจเมื่อครั้งผมไปปฏิบัติธรรมที่โคราช(ปฏิบัติสายพอง-ยุบ)  และ ผมไม่จำเป็นต้องไปกล่าวถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำ(หากในหนังสือกรณีธรรมกายไม่พูดถึง) เพราะสุดท้ายแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้ปฏิบัติสติปัฏฐาน 4  และท่านรับรองแล้วว่าถูกวิธีแล้ว    เป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วครับ   ...คุณศึกษาพระพุทธศาสนามากี่ปีครับ  ถึงไม่ทราบเรื่องพวกนี้...... จากคุณ : ต่อmcu ^^^ 1.หนังสือกรณีธรรมกาย พูดถึง วิชชาธรรมกาย ด้วยอ้างอิงตำราของหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลบเลี่ยงกลัวบารมีท่าน ด้วยการเรียกท่าน ว่าอาจารย์ใหญ่สำนักธรรมกาย.. 2.คุณต่อ "โกหก" และเผยความไม่รู้จริงออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบ.. วิชชาธรรมกาย หลวงพ่อวัดปากน้ำ เดิมพันด้วยชีวิตนำกลับมา ศิษย์ทุกรุ่น ทุกยุค ร่วมกันรักษา เผยแผ่ ด้วยชีวิตเป็นเดิมพัน เช่นกัน เอางี้มั๊ย..คุณต่อระบุมาเลย รู้จักพระเถระท่านไหน..อย่ามุสา หรือเล่นมุก "ผมรู้จัก แต่ท่านไม่รู้จักผม" แล้วคุณต่อ ช่วยอ่านข้อความจาก สมเด็จฯ ปุ่น ท่านอีกหลายๆรอบหน่อย.. เพิ่มเติมให้อีกนิด..ผู้ที่เป็นต้นเหตุบิดเบือนประวัติหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน สืบทอดกันมา รุ่นต่อรุ่น ไปสืบค้นไล่เลียงดูดีๆ...ไม่พ้นแถวๆนี้แหละ เอา SAMPLE เล็กๆ..ก่อนก็ได้.. 1. ที่คุณต่อพูดถึงใน คห.ที่30 คุณต่อไม่ได้ลงทุนลงแรงศึกษาอะไรเลย ไปจำมาจากภาพหลักฐาน พร้อมลายมือ+ลายเซ็นต์ ที่ท่านมอบให้วัดมหาธาตุ เค้าจับไต๋ได้กันมาจะ 60 ปีแล้ว...เช่น ทำไมต้อง ลบปี พ.ศ.ออก,  สมัยนั้นยุบหนอ ก็เพิ่งเข้ามาสดๆร้อนๆ จากพม่า.. กลุ่มนี้มารุ่นหลัง ก็ไปแต่งประวัติท่านบิดเบือน อ้างว่ามีศิษย์คนสุดท้าย ที่เรียนยุบหนอกับท่าน ชื่อ พระวิญญา อยู่สระบุรี...เค้าสืบกันแล้วว่า โกหก ถามชื่อวัดก็ระบุไม่ได้ ค้นทะเบียนประวัติพระทั้งจังหวัด ก็ไม่มี... และ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่าน เทศน์สอนวิชชาธรรมกาย จนละสังขาร หลักฐานทั้งเทป วิดีทัศน์ เพียบ...ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 21:37:26 จากคุณ : เย็นไว้โยม (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 21:36:24

ความคิดเห็นที่ 24 http://www.youtube.com/watch?v=dhXeDI1lAYQ&feature=related http://www.youtube.com/watch?v=hsd65njst7M&feature=related http://www.youtube.com/watch?v=JQ3rh615kQM แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 21:51:11 แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 54 21:44:31 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 21:42:16

ความคิดเห็นที่ 25 จากความเห็นของ คุณต่อmcu  ขอให้เป็นจริงอย่างที่คุณคาดไว้ละกัน พุทธในเมืองไทยจะได้ รอดพ้นซะที  แต่กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้นละซิ กำลังเงินมันหนามากๆ  กว้านซื้อไปทุกหัวระแหง  เข้าไปเกือบทุกวัด คณะสงฆ์เกือบ 80% เป็นของมันหมด... เฮ้อ คิดแล้วเหนื่อยจริงๆ จากคุณ : หนุ่มทิพย์ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 21:47:41

ความคิดเห็นที่ 26 ความจริงปรากฎ ธรรมกายเป็นของแท้" :จากบางส่วนของ พระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๗ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม : ซึ่งกล่าวถึง หลวงพ่อวัดปากน้ำและวิชชาธรรมกาย "...ข้าพเจ้าสืบได้ความจนถึงต้นตอผู้ที่แพร่ข่าวอกุศลตลอดทั้งตัว และชื่อผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงแพร่ข่าวอกุศล ทั้งสาเหตุที่ท่านเหล่านั้นจะคิดอิจฉาด้วยทุกประการ ออกรู้สึกสลดใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ฟังดูทางหลวงพ่อไม่เห็นเอาใจใส่อะไร ไม่กล่าวขวัญถึงใครที่ข้าพเจ้าสืบได้ความดังกล่าวนั้นจากผู้อื่น เท่าที่ข้าพเจ้าสืบสวนและสังเกตการณ์โดยใกล้ชิดมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว ได้ข้อเท็จจริงพอแล้วที่จะชี้ขาดว่า ข่าวอกุศลต่างๆ นั้น ไม่มีมูลแห่งความจริงเลย ในทางตรงกันข้าม ข้าพเจ้าเชื่อเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ว่า ท่านเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ด้วยประการทั้งปวง และมีภูมิรู้ในทางปริยัติกว้างขวาง เป็นพระธรรมกถึกชั้นเยี่ยม ทั้งเป็นผู้ปฏิบัติอย่างดีเลิศ การปฏิบัติและแนวเทศนาของท่านดำเนินตามหลักในคัมภีร์วิสุทธิมรรคทั้งสิ้น เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องยาก ผู้ไม่ใช่นักปฏิบัติแล้ว ยากที่จะนำมาแสดงให้แจ่มแจ้ง ให้เป็นผลปฏิบัติได้ แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำแสดงได้แจ้งชัด และชี้ทางปฏิบัติให้โดยตรง จึงสมควรเทิดไว้ในฐานันดรพระธรรมกถึกชั้นเยี่ยม " จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 21:53:21

ความคิดเห็นที่ 27 http://www.youtube.com/watch?v=qL8a8gQOWzI   หลังจากหนังสือกรณีธรรมกายออกมา และเผยแผ่อยู่หลายปี แต่ผลกลับเป็นแบบนี้>>> http://fws.cc/tamma/index.php?topic=13.0 จากคุณ : ช้าก่อนลูกพี่ (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 21:54:43

ความคิดเห็นที่ 28 วันนี้ วันดี ครับ 10 ตุลา   ขอเป็นกำลังใจ ให้ ครับ เค้าทำเราก่อน ชัดเจน ครับ   (บ้านใคร ใครอยู่  อู่ใคร ใครนอน)   ปล. เป็นความเห็น ที่ส่ง ถึงเฉพาะ คุณ pa-o-toi-uan  ไม่มีเจตนากระทบใครในกระทู้นี้...           ขออภัย ไม่ถูกใจ ข้ามไป นะครับ จากคุณ : เค้าทำเราก่อน (เห็นตามใจ) เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 22:21:54

ความคิดเห็นที่ 29 วันนี้เส้นคลองหลวงรถติดมากกกกกกกกก เพราะสำนักจานบิน !!! จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 22:29:10

ความคิดเห็นที่ 30 ผมผ่าน ก็เห็นติดถึง ม.กรุงเทพ ทุกวันอยู่แล้วนิ จากคุณ : เห็นตามใจ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 22:31:12

ความคิดเห็นที่ 31 ลัทธิธรรมกายก็เป็นเช่นเดียวกับในญี่ปุ่น คือเน้นนับถือท่านไชยบูลย์เป็นใหญ่ พระธรรมวินัยไม่ใช่เรื่องสำคัญ ท่านไชยบูลย์ทำผิดพระวินัย ละเมิดคำสอนของพระพุทธเจ้า ต่างกรรมต่างวาระ จนต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ สาวกลัทธิธรรมกายก็ยังนับถืออยู่อย่างนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลัทธิธรรมกายคือท่านไชยบูลย์ ไม่ใช่พระธรรมวินัย นี่เป็นอาจารยวาทโดยแท้ สังเกตุได้ว่าสิ่งที่ลัทธิธรรมกายยกมาอ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นคำสอนของครูบาอาจารย์ที่ตนเองนับถือเลื่อมใส ท่านไชยบูลย์บ้าง หลวงพ่อสดบ้าง ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่สามารถอ้างอิงพระธรรมวินัยได้ เพราะลัทธิธรรมกายประพฤติปฏิบัตินอกรีตนอกรอยนอกพระธรรมวินัยมาโดยตลอด จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 23:05:58

ความคิดเห็นที่ 32 เอาใจช่วยเหมือนเดิมครับ...ผู้มีปัญญาย่อมรู้เท่าทัน เราได้ทำหน้าที่ชาวพุทธ(เถรวาท)อย่างเต็มความสามารถก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว เหตุการณ์แบบนี้มีทุกยุคทุกสมัย อย่างน้อยเรามาช่วยกันรักษา "หลักการ" หรือ "พระำไตรปิฏก"(พระไตรปิฎกบาลีของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท) ให้คงอยู่สืบไป ส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างถูกต้อง ดูแล รักษา ปกป้อง เมื่อเกิดความเข้าใจผิดต่างๆ ไม่ให้มีความผิดเพี้ยน "ศรัทธา" ต้องสมดุลกับ "ปัญญา" ครับ... การศึกษางานของ "พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)" เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากๆ สามารถส่งเสริมปัญญา(ที่ถูกหลัก)ได้เป็นอย่างดี ท่านเป็นสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบครับ (-/\-) จากคุณ : คุณเสือเคี้ยวยาก เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 23:32:42

ความคิดเห็นที่ 34 ขอโทษ ท่าน จขกท. นะครับ วันนี้ (10 ตุลา) เป็นวันคล้ายวันเกิดท่านพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 127 ปี     ขออนุญาตนำภาพมาลง ณ ครับ ขอขอบคุณ ปล. ขออภัย ไม่ถูกใจ ข้ามไป นะครับ จากคุณ : เห็นตามใจ เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 23:59:04

ความคิดเห็นที่ 35 เขาก็สอนถูกแล้ว แต่บางท่านสติปัญญาไม่ลึกซึ้งพอ ก็เลยก่อบาปไปกล่าวหาผู้บริสุทธิ์ อย่างการสร้างเจดีย์ก็ไปตีความให้เป็นเรื่องเลวร้าย อย่างขอกล่าวหาปาราชิก ก็ถูกลบล้างไป หมดแล้ว กรรมย่อมเกิดจากเจตนา เจตนาเป็นตัวกรรม ถ้าปาราชิกจริงใครจะปล่อยเอาไว้ เหมือนกรณีพระเกษมไม่ได้ปาราชิก ก็จะขอให้สึกอีก ข้อกล่าวหาที่ว่าบิดเบือนพระไตรปิฎกก็เลื่อนลอย ฝ่ายเขาบอกว่าวิชชาธรรมกายสูญหายไ ปตั้งแต่ 500 ปีแล้ว ในเมื่อสูญหายก็ไม่แปลกที่จะไม่เหลือวิธีการเข้าถึงเป็นธรรมดา และเมื่อพิจารณาจากพุทธทำนาย หลายๆอย่างล้วนชี้บ่งไปในทางที่ว่า ธรรมะที่แท้จริงจะไม่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน อย่างกรณีการบวชภิกษุณี ก็เป็นเหตุให้สัทธรรมคงอยู่เพียง 500 ปี คำว่าสัทธรรมสำคัญยังไง ถ้าการปฏิบัติจากตำราในปัจจุบัน เพียงพอต่อการเป็นพระอรหันต์แล้ว ดังนั้นสัทธรรมที่ว่า ก็คงไม่มีความสำคัญเท่าไหร่ เพราะขนาดสูญสิ้นไปแล้ว ปัจจุบันยังคงมีพระอรหันต์? ดังนั้นสัทธรรมที่ว่าคงไม่สำคัญเท่่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าการสูญสิ้นแห่งสัทธรรม ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถหมดกิเลสได้อีกล่ะ เมื่อพิจารณาจากพุทธทำนายที่ว่า 1000 ปี จะไม่มีพระอรหันต์แล้ว น่าเชื่อว่าเป็นผลมาจาก การที่สัทธรรมดำรงอยู่เพียง 500 ปี ตามพุทธทำนาย  การจะบอกว่าวิชชาธรรมกายสูญหาย แล้วก็สรุปว่าธรรมกายเป็นฝ่ายถูก กล่าวเช่นนี้ ดูจะมักง่ายไปหน่อย เราควรดูในข้อปฏิบัติ เช่นทางธรรมกายสอนว่า หลังนั่งสมาธิต้องฆ่าสัตว์ทุกครั้ง นั่นแหละถึงจะบอกว่า ธรรมกายผิด เพราะอาศัยหลักธรรมเข้าจับต้อง จากคุณ : max25003 เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 04:02:04

ความคิดเห็นที่ 36 "อย่างขอกล่าวหาปาราชิก ก็ถูกลบล้างไป" ข้อกล่าวหานี้ยังไม่เคยถูกลบล้างนะคะ กรณีพระเกษม ท่านต้องอาบัติแต่ไม่ถึงปาราชิกค่ะ จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 08:29:09

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ถูกลบล้าง แล้วจะอยู่เฉยกันทำไมล่ะครับ ก็เอาหลักฐานมา จะปล่อยให้คนผิดลอยนวลหรือครับ จากคุณ : max25003 เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 09:46:04

ความคิดเห็นที่ 38 ก็คนผิดมันหน้าด้านนี้คะ ทำงัยได้ ทั้งหน้าด้าน เงินหนา หน้าไม่อาย ไร้จิตสำนึก ก็เลยต้องรอให้กรรมตามทันนะคะ จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 09:56:20

ความคิดเห็นที่ 39 "เราควรดูในข้อปฏิบัติ เช่นทางธรรมกายสอนว่า หลังนั่งสมาธิต้องฆ่าสัตว์ทุกครั้งนั่นแหละถึงจะบอกว่า ธรรมกายผิด เพราะอาศัยหลักธรรมเข้าจับต้อง " สอนว่าสรรรค์ซื้อได้ด้วยเงินก็ผิดแล้วค่ะ สอนว่าทำบุญกับวัดเท่านั้นเท่านี้แล้วได้อยู่สรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เฟสนั้นเฟสนี้  ไม่ทราบว่าสรรค์หรือบ้านจัดสรรค่ะ มีจอง มีผ่อน มีระบุทำเลกันได้ด้วย สอนให้ทำทานเป็นสิ่งดี แต่สอนให้ลุ่มหลงในบุญ ในผลแห่งบุญ คาดหวังผลตอบแทนจากบุญนี้ไม่ใช่พุทธศาสนา ที่ท่านชัยบูรณ์สอนนี้มันออกแนวทำการค้า หวังผลกำไร ที่สำคัญเหมือนพวกขายตรง มุ่งโฆษณาขายของที่ไม่มีอยู่จริง พวกชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต หรือชิวิตที่สุขสบายหลังความตาย เป็นสิ่งที่ยังไม่แน่ว่าจะได้ไม่มีอะไรรับประกันแต่ก็ต้องเสียเงินจ่าย แล้วอยากทราบว่าท่านชัยบูรณ์เป็นใคร ถึงสามารถตัดแบ่งพื้นที่บนสรรค์แบ่งขายให้คนนั้นคนนี้ได้ สรรค์เป็นสมบัติของท่านชัยบูรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร แล้วที่ตลกกว่านั้น ยังมีคนซื้อด้วยฮะ ไม่น่าเชื่อเลย รวยอย่างเดียวซื้อไม่ได้นะนั้น .....555 จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 10:12:14

ความคิดเห็นที่ 40 ...:)...ติดตามตอนต่อไปและ... ...........ขาลงของสำนักนี้  จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับการศึกษาพระพุทธศาสนาของชาวพุทธ....นะจ๊ะ..... สาวกลัทธิธรรมกายมาลงข้อมูลได้ตามสบายนะจ๊ะ.....อิอิอิอิ....ทำใจสบายๆนะจ๊ะ....:)... แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 54 10:34:28 แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 54 10:32:37 แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 54 10:31:51 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 10:30:39

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 28 บุญมาฝาก ตักบาตรพระ 12,700 รูป ณ.สองพี่น้อง สุพรรณ ด้วยเน้อ... อ้าว..โมทนาบุญ ซึ่งกันและกัน สาธุ...   จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 10:31:44

ความคิดเห็นที่ 42 แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 54 10:37:35 จากคุณ : pa-o-toi-uan เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 10:36:47

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 40 MsgStatus(Msv[40], 40); ...:)...ติดตามตอนต่อไปและ... ...........ขาลงของสำนักนี้  จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับการศึกษาพระพุทธศาสนาของชาวพุทธ....นะจ๊ะ..... สาวกลัทธิธรรมกายมาลงข้อมูลได้ตามสบายนะจ๊ะ.....อิอิอิอิ....ทำใจสบายๆนะจ๊ะ....:)... จากคุณ : ต่อmcu ^^ ได้จ้า... จากคุณ : ต่อ icu (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 10:45:24

ความคิดเห็นที่ 44 #30  เคยไปสำนักจานบินหรือเปล่า   ทำไมจึงไม่รู้จักเส้นคลองหลวง (จานบินอยู่คลองสาม  เมื่อคืนเปิดไฟกระจายมโหฬารอีกแล้ว  เหมือนยานแม่จะขึ้น หรือจะลงจอด...โลกร้อน !)   ม.กรุงเทพฯ อยู่บนเส้นคลองหลวงเหรอ....ให้รู้ไว้ว่าคนละเส้น นะจ๊ะ นะจ๊ะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 11:12:31

ความคิดเห็นที่ 45 ตอนนี้การเชิญชวนบวชอุบาสิกาแก้ว จะใช้หัวข้อว่า  ปฏิบัติธรรม3วัน 7วัน สังเกตุกันไม๊ว่า จะไม่มีเขียนกำกับว่า ....บวชฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย... ทางผู้บริหารวัดธรรมกาย มีข้อกำหนดใหม่ แต่ยังไม่(กล้า)เริ่มใช้ แต่ได้กำหนดเงื่อนไขนี้ออกมาแล้ว    คือใครที่อยากเข้าร่วมปฏิบัติธรรม  และสมัครหลังจากวันปิดรับสมัครไปแล้ว  ต้องเสียค่าธรรมเนียมการสมัคร 500 บาท  ...จ้ะ อ้อ...อีกเรื่อง  คือการบวชพระ   ที่ว่าฟื้นฟูวัดร้าง  ไม่รู้ว่าฟื้นฟูอย่างไรนะ หรือว่าวัดร้างได้แค่ปัจจัยตรงที่ขอยืมใช้สถานที่   กิจกรรมทุกอย่างที่ศูนย์สาขาจัด  เงินทำบุญที่ได้มาทั้งหมด เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายทุกๆอย่างแล่้ว   เหลือ(กำไร) เท่าไร ต้องโอนส่งไปทางวัดแม่ทั้งหมด .......... แต่ถ้าศูนย์ไหน บริหารจัดการไม่ดี  ขาดทุน  คนบวชน้อยไม่คุ้มทุน  ก็ยุบทิ้ง.......จ้ะ จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 11:54:14

ความคิดเห็นที่ 46 #38 39 ถ้าผิดจริง ถึงแม้ไม่ยอมรับ แต่หลักฐานต่างๆมันจะชี้เอง ดงนั้นการอ้างว่าหน้าด้าน เลยเอาผิดไม่ได้ มันฟังไม่ขึ้นครับ ไม่งั้นพวกโจรผู้ร้ายต่างๆคงไม่ต้องติดคุกกันซักคน เรื่องสวรรค์ซื้อได้ด้วยเงิน มันคำว่าที่คุณเรียกกันเอง ที่จริงต้องบอกว่าทำดีไปสวรรค์ ทำชั่ว ลงนรก ก็สอนถูกแล้ว สอนให้ลุ่มหลงในบุญ ข้อนี้ขัดกับพุทธวัจนะชัดเจน "เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะบุญเป็นชื่อแห่งความสุข" คนเราทุกคนย่อมแตกต่าง บางคนอาจทำบุญหวังรวยหวังสวย แล้วมันยังไง อย่างน้อยก็ได้ทำบุญ ดีกว่าทำบาป เวลาพระพุทธเจ้าท่านสอนท่านไม่ได้สอนเหมือนกันหมดทุกคน อย่างต้องละทุกสิ่งทุกอย่างนะ ต้องปล่อยวางนะ อย่างกรณีพระนันทะ พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าจะยกนางฟ้าให้ คนเราอยู่บันไดขั้นไม่เท่ากัน บางคนอยู่ขั้นที่สอง จะให้ก้าวเดียว ไปขั้น 15 มันไม่ได้ ทำบุญหวังผล มันก็ถูกแล้ว มีใครบ้างไม่หวังผล อย่างน้อยก็ผลแห่งความสบายใจของตน   อย่างพระอรหันต์ประเภท เอตทัคคะทั้งหลาย ต่างก็ทำบุญแ้ล้วอธิษฐาน ขอให้เป็นเลิศด้านนั้นด้านนี้กันทั้งนั้น ทำบุญแล้วได้ไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เป็นเรื่องของปัญญา รู้ว่าทำแล้วได้อะไร แล้วที่ทำๆไปก้เพียงเพื่อเป็นเสบียงเท่านั้น เป็นจุดพักระหว่างทาง บนเส้นทางที่ยาวไกล แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 54 12:04:22 จากคุณ : max25003 เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 11:55:21

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ ^ " รวยอย่างเดียวซื้อไม่ได้นะนั้น ..... " ท่าทางคุณ max25003 คงเป็นหนึ่งในผู้ซื้อกลุ่มนั้น จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 12:08:59

ความคิดเห็นที่ 49 ^ ^   ....เป็นจุดพักระหว่างทาง บนเส้นทางที่ยาวไกล .... จุดขายที่ใช้ได้ผล จากคุณ : chinatown เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 12:14:32

ความคิดเห็นที่ 50 #30  เคยไปสำนักจานบินหรือเปล่า   ทำไมจึงไม่รู้จักเส้นคลองหลวง (จานบินอยู่คลองสาม  เมื่อคืนเปิดไฟกระจายมโหฬารอีกแล้ว  เหมือนยานแม่จะขึ้น หรือจะลงจอด...โลกร้อน !)   ม.กรุงเทพฯ อยู่บนเส้นคลองหลวงเหรอ....ให้รู้ไว้ว่าคนละเส้น นะจ๊ะ นะจ๊ะ จากคุณ : Smiling-girl     เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 11:12:31   #44  คุณกำลังมึนอะไร อยู่หรือเปล่าล่ะ แล้ว ม.กรุงเทพ ไปเกี่ยวอะไรกับคลองหลวง นิ.. จากคุณ : เห็นตามใจ เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 12:25:36

ความคิดเห็นที่ 51 #48 สวรรค์มันซื้อไม่ได้หรอกครับ คำว่าซื้อมีแต่คุณใช้เอง พอใช้เอง ก็ไปกล่าวหาผู้อื่น ว่าซื้อบุญ ถ้ากลัวบุญมากอ่านพุทธวัจนะซ้ำๆหลายรอบนะครับ จะได้คลายความเห็นผิด "เธอทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะบุญเป็นชื่อแห่งความสุข" #49 จุดขายอะไรล่ะครับ พระพุทธเจ้าท่านก็สอนอย่างนี นี่แสดงว่าท่านเอามาเป็นจุดขายหรือเปล่า จากคุณ : max25003 เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 12:38:54

ความคิดเห็นที่ 52 อ้าว #50  แถกไปเห็นๆ เลยแฮะ  พูดว่าเืมื่อวานเส้น "คลองหลวง" รถติดมากเพราะสำนักจานบิน  แล้วมันผู้ใดเสนอหน้าเข้ามาพูดถึง ม. กรุงเทพฯ (เกี่ยวมั้ย ??) ตลกดี...โยนมึนกลับแบบนี้เลยเหรอ  แถกกันเก่งแบบนี้สิน่า  ทำ-มา-กลาย ! จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 13:41:17

ความคิดเห็นที่ 53 ขออนุญาตไม่ออกความเห็นต่อละครับ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" "ปล่อยวาง... อุเบกขา...ดูจิตตนเอง" ขอบคุณครับ จากคุณ : หนุ่มทิพย์ เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 15:06:00

ความคิดเห็นที่ 54 ความคิดเห็นที่ 52     อ้าว #50  แถกไปเห็นๆ เลยแฮะ  พูดว่าเืมื่อวานเส้น "คลองหลวง" รถติดมากเพราะสำนักจานบิน  แล้วมันผู้ใดเสนอหน้าเข้ามาพูดถึง ม. กรุงเทพฯ (เกี่ยวมั้ย ??)     ตลกดี...โยนมึนกลับแบบนี้เลยเหรอ  แถกกันเก่งแบบนี้สิน่า  ทำ-มา-กลาย ! จากคุณ : Smiling-girl     เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 13:41:17   ขอโทษนะ  เป็นความเห็นส่วนตัวนะ (โลกเสรีนะ ไม่ใช่เผด็จการ)  ไม่เกี่ยวกับใคร แต่ดันมันก็มีสัตว์โลก ตัวไหน มาโยงให้เกี่ยวกันเอง นิ  อยากตลก ขอแนะไปแสดงตลก เลยไป ตอนนี้ มีคนต้องการ คลายเครียดดี แล้วยังมาเชื่อมโยงไปที่อื่นอีก  ตัวเองมีทัศนคติอย่างไง  ตัวเองน่าจะรู้ดี   ยังมาโยง เข้าไปเกี่ยว  มึนอะไรมาหรือเปล่านิ กินยาแก้ท้องผูกบ้าง คงดีนะ จากคุณ : เห็นตามใจ เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 16:50:21

ความคิดเห็นที่ 55 ...คนชั่ว(ที่เห็นชัดเจนคือ ชั่วด้านโมหะ) ยามที่ผลกรรมยังไม่ให้ผล ก็เริงร่า คิดไปว่า พรรคพวกของตนเอง เก่งแล้ว ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว  แต่เมื่อวิบากกรรมตามสนอง  ก็จะโศกเศร้าเสียใจในผลกรรมที่ตนเองได้ทำลงไป...... .....รุกและล้ำพระพุทธศาสนา บาปมากนะครับ..... ..ดูเหตุการณ์ต่อไปครับ ว่าจะเป็นอย่างไร.... ในตอนนี้ ผมคงพอแค่นี้นะครับ มีภาระกิจอื่นอีก เจอกันในตอนต่อไป น่าสนใจทีเดียว ...ชาวพุทธมีพระศาสดาเพียงองค์เดียว...... "พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 54 21:11:03 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 20:59:12

ความคิดเห็นที่ 56 ท่านต่อ ICU , เมื่อไหร่คุณจะหยุดทำเรื่องไร้สาระสักทีครับ.... อันการทำความดีนั้นมีหลายแบบ อย่ามัวมาเบรกการทำความดีของผู้อื่นเลยนะ.. ทำดีเถอะนัก...ดีกว่าเป็นนักเลงคีย์บอร์ดเป็นไหนๆ 555 จากคุณ : ร่มธรรม เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 22:23:24

ความคิดเห็นที่ 57 ^ ^ ถ้าคิดว่าไร้สาระ แล้วเข้ามาทำไม? ปล่อยคุณต่อเค้าไร้สาระไปเถอะครับ จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 22:33:13

ความคิดเห็นที่ 58 จุ จุ จุ อย่าขอคืนพื้นที่พระพุทธศาสนาที่แท้จริงกันแบบนี้เลย       ประโยค ช่วงตรง นี้  ชอบเป็นการส่วนตัว       ความคิดเห็นที่ 55 ......ยามที่ผลกรรมยังไม่ให้ผล ก็เริงร่า คิดไปว่า พรรคพวกของตนเอง เก่งแล้ว ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว แต่เมื่อวิบากกรรมตามสนอง ก็จะโศกเศร้าเสียใจในผลกรรม ที่ตนเองได้ทำลงไป...... ปล.   ......ขอให้โลกจงสู่สันติสุข...... จากคุณ : ฆ่า (มาร) มัน (เห็นตามใจ) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 54 23:33:15

ความคิดเห็นที่ 59 สังขารคือการปรุงแต่ง เมื่อก่อนไม่เข้าใจคำว่า"สังขาร"  ยามว่างนอนคนเดียวก็หยิบหญิงสาวคนหนึ่งที่รู้จักนำมาใช้ความคิดสร้างหญิงคนนั้นขึ้นมาใหม่ ว่าได้ไปจีบทำความรู้จัก เธอมีใจกับเรา บัดนี้เธอได้มาหาเราถึงห้อง  มานอนคุยกัน....พอมีสติเออ..ปรุงแต่งไปเองนี่หว่า  ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่รู้จักเราเหมือนเดิม  เป็นคนดีเหมือนเดิม  หญิงคนนี้ที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ในความคิดของเราไม่มีจริง  นี่คือสังขาร ความคิดของหลายคน(พระหลายรูป)ได้ใช้สังขารของเขาเอง ปรุงแต่งพระธัมมชโยขึ้นมาอีกรูปหนึ่งในความคิดของเขาคิดว่าจะดีจะชั่วอย่างไร  พระธัมมชโยที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาก็ไม่ได้มีอยู่จริง แม้จะบันทึกเป็นข้อเขียนก็ตาม ตามสังขารที่เขาทั้งหลายปรุงแต่งขึ้นมา   พระธัมมชโยตัวจริงก็ยังคงอยู่ที่วัดพระธรรมกาย  เลิกปรุงแต่งได้แล้วกลับมาดูพิจารณาควบคลุมสังขารของตัวเองไว้  เคยมีคน(พระ)ปรุงแต่งพระธัมมชโย ว่าจะประกาศแยกนิกายเป็นเจ้าหัวหน้านิกาย ผ่านมาเป็นสิบปี พระธัมมชโยที่พวกเขาปรุงแต่งอีกรูปหนึ่งก็ยังไม่ปรากฎเพราะมันไม่มีจริง จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 09:03:54

ความคิดเห็นที่ 60 ความคิดเห็นที่ 56 คุณร่มธรรม ไม่มีใครขัดขวางการกระทำความดีของผู้อื่น โปรดอย่าเบี่ยงเบนประเด็น ลัทธิธรรมกายทำดีก็บอกว่าดี ก็ร่วมกันอนุโมทนา ลัทธิธรรมกายช่วยน้ำท่วม ก็มีแต่คนสรรเสริญ ในทางกลับกัน ลัทธิธรรมกายทำพระธรรมวินัยให้วิปริตก็ต้องพูดกันตรงๆ ก็ต้องคัดค้านต้องแสดงความไม่เห็นด้วย และต้องแสดงจุดยืนในการรักษาพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าไว้ ไม่ไห้ถูกทำลายตามความเห็นผิดของลัทธิธรรมกาย เช่นเดียวกัน ท่านไชยบูลย์วิปริตในพระธรรมวินัย ทำผิดพระวินัยต้องอาบัติปาราชิก ก็ต้องบอกกล่าวกันไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ที่ยังไม่ชัดเจนในข้อมูลหลงผิดไปกับการโฆษณาชวนเชื่อ และเพื่อป้องกันผู้ที่โมหะเบาบาง มีธุลีในตาน้อย ต้องหลงเชื่อเห็นผิดไปกับลัทธิธรรมกายนั้น ส่วนผู้ที่ทราบข้อมูลชัดเจนอยู่แล้ว และมีความเห็นว่า ความเชื่อของลัทธิธรรมกายนี้เหมาะสมแก่ตนดีแล้ว นั่นก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของท่านเหล่านั้น และก็เป็นสิทธิของพุทธบริษัทที่เคารพในพระพุทธศาสนาที่เคารพในพระธรรมวินัยเช่นเดียวกัน ที่จะต้องชี้แจงให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างคำสอนของพระพุทธศาสนากับคำสอนของลัทธิธรรมกายที่แตกต่างกันอย่างมาก เมื่อรู้แล้วถึงข้อแตกต่างระหว่างคำสอนของพระพุทธเจ้ากับคำสอนของท่านเจ้าลัทธิไชยบูลย์ จะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่ท่าน จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 17:38:23

ความคิดเห็นที่ 61  และก็เป็นสิทธิของพุทธบริษัทที่เคารพในพระพุทธศาสนาที่เคารพในพระธรรมวินัยเช่นเดียวกัน ที่จะต้องชี้แจงให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างคำสอนของพระพุทธศาสนากับคำสอนของลัทธิธรรมกายที่แตกต่างกันอย่างมาก   จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 17:38:23   ก็ถูกต้องครับ ผมก็มีความคิดเห็นของผมว่า "มันไร้สาระ" ในทางความคิด แต่มันมีสาระในทางวิบากที่จะเกิดขึ้นกับ จขกท ในอนาคต..... จากคุณ : ร่มธรรม เขียนเมื่อ : วันออกพรรษา 54 20:15:06

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าใจใสแล้ว   แม้อยู่โดดเดี่ยว   ก็ไม่เดียวดาย   อยู่ที่วิเวกก็ไม่วังเวง   อยู่ที่วุ่นวายก็ไม่วอกแวก   ถูกกระแทกก็ไม่กระทั้น   ถูกกระทบก็ไม่กระเทือน จากคุณ : ระวิจันทร์ (รวิจันทร์) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 00:56:29

ความคิดเห็นที่ 63 ...คนชั่ว(ที่เห็นชัดเจนคือ ชั่วด้านโมหะ) ยามที่ผลกรรมยังไม่ให้ผล ก็เริงร่า คิดไปว่า พรรคพวกของตนเอง เก่งแล้ว ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว  แต่เมื่อวิบากกรรมตามสนอง  ก็จะโศกเศร้าเสียใจในผลกรรมที่ตนเองได้ทำลงไป...... จากคุณ : ต่อmcu ^^^ ก่อนอื่น... 1.คุณต่อ "รู้ตัวหรือยัง"  ว่า "มุสา" เรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ เลิกสอนวิชชาธรรมกาย 2.เมื่อไหร่ คุณต่อจะเลิก พยาบาท จองเวรวัดพระธรรมกาย คุณต่อ หมกมุ่นแต่กับเรื่องนี้จนลืมมอง สิ่งที่อยู่ภายในตัวเอง รึเปล่า... 3. โมหะ ที่คุณต่อ คิดว่าตนเองนันถูกเสมอ ทั้งๆที่ผิดเห็นๆ  มีให้พิสูจน์ใน ตอนที่ผ่านนมาเยอะแยะ....เราไม่ว่ากัน เพราะต่างคน ก็ยังกิเลสหนา ปัญญาหยาบด้วยกันทั้งนั้น แต่การที่คุณต่อ มองเห็นแต่เรื่องบกพร่องผู้อื่น แต่มองไม่เห็นความผิดตนเอง อันนี้ต่างหาก ที่คุณต่อจะเสียใจเองภายหลัง   แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 54 10:18:28 จากคุณ : รักต่อ มาก... (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 10:17:57

ความคิดเห็นที่ 64 ผู้มีธรรมะภายในจะคอยสอนตัวเองอยู่เสมอ ใจไม่หยาบเพราะจะมีบุญละเอียดช่วยขัดเกลา กาย  วาจา  ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน คิด พูด ทำ บริสุทธิ์บริบรูณ์ ต้นแหล่งแห่งความคิดใม่ถูกพญามารครอบครอง [กิเลส]   ใจของผู้มีบุญมากก็จะละเอียดมาก  ผู้มีบุญปานกลางก็ละเอียดปานกลาง  ผู้มีบุญน้อยก็ละเอียดน้อย   เมื่อใจละเอียดมากความสะอาดบริสุทธ์ของใจก็มากขึ้นทำให้เปิดช่องกว้างให้บุญที่คอยจ่ออยู่แล้วได้ช่องส่งผลบุญทันทีจะเร็วแรงก็ตามกำลังแห่งบุญที่ประกอบเหตุมามากหรือน้อย ผู้มีบุญมากใจจะละเอียดมากมีคำพูดเป็นปิยวาจาสถิตอยู่ที่ปาก  หู ก็มีบุญได้ยินได้ฟังแต่เรื่องดีๆ  และมีมงคลสถิตอยู่ที่กายจะกระทำใดๆไม่ผิดศีล ผิดธรรม เมื่อ กาย  วาจา  ใจ ปราศจากกิเลสอาสวะ จะมีดวงตาเห็นธรรมในที่สุด จากคุณ : ระวิจันทร์ (รวิจันทร์) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 11:55:04

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าพุทธศาสนิกชน ถึงพระพุทธ  เป็นสรณะ มี  องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา  พุทธศาสนิกชน   ก็ควรเดินตามพระศาสดา  สมัยเก่าก่อน  ประชาชน รวมทั้งพระสงฆ์บวชใหม่ อาจอ่านหนังสือกันน้อย   และเพราะมีหนังสือให้อ่านน้อย จึงต้องพึ่งพา การถ่ายทอดธรรม  จากพระสงฆ์เถระเป็นสำคัญ  แต่ปัจจุบันนี้ เหตุการ เปลี่ยนแปลงไปแล้ว   เราสามารถตรวจสอบคำสอนของพระสงฆ์รุ่นต่างฯ ได้จาก  พระไตรปิฏกทั้งไทย บาลี ทั้งจากหนังสือ ทั้งจากเว็บไซด์ ๘๔๐๐๐  มีหลักมหาปเทสสี่ ไว้ให้ศึกษาเปรียบเทียบ ผู้มีปัญญาอันชอบ   ที่ไม่งมงาย  ก็พึงเรียนรู้สุตตันตะ ควบคู่ไปกับ  การปฏิบัติธรรม ปรับเข้าหาธรรมของพระศาสดา ไม่ใช่ปรับเข้าหาคำสอนพระอาจารย์ เว้นไว้แต่  พระฯรูปนั้นๆสอน ถ่ายทอดธรรม ตรงตามที่มีมาในพระไตรปิฏก หากเราปฏิบัติได้ตามนี้แล้วไซร้ เราก็จะไม่มีการแบ่งแยกว่าเราเป็น  ศิษย์พระองค์นั้น  ศิษย์พระรูปนี้  เราคงเป็นอุบาสก อุบาสิกา เป็นพุทธศาสนิกชน ...   ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระศาสดา    จากคุณ : ยามประจำวัน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 12:12:15

ความคิดเห็นที่ 66 เรียนคุณ pa-o-toi-uan ในความคิดเห็นที่ 63 "แต่การที่คุณต่อ มองเห็นแต่เรื่องบกพร่องผู้อื่น แต่มองไม่เห็นความผิดตนเอง อันนี้ต่างหาก ที่คุณต่อจะเสียใจเองภายหลัง" คาดว่าคุณต่อคงไม่เสียใจในภายหลังเนื่องจากการตั้งกระทู้นี้หรอกค่ะ เธอคงคิดมาถวนถี่แล้วก่อนตั้งกระทู้   อย่างไรก็ตามของความปารถนาดีนั้นจงบังเกิดแต่ตัวคุณ pa-o-toi-uan เอง แม้ว่าซักวันคุณ pa-o-toi-uan จะมีหลายเรื่องให้ต้องเสียใจที่หลังเมื่อย้อนกลับมาอ่านความคิดเห็นที่ตอบในกระทู้นี้ กระทู้ก่อนนี้ และกระทู้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ขอให้คุณ pa-o-toi-uan จงมีสติพอจะประคับประคองตัวเองต่อไปได้ จากคุณ : flower fairy เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 23:09:32

ความคิดเห็นที่ 67 ให้สังเกตในจิตใจของเรา บางครั้งเราก็มีศรัทธาอยากทำบุญ  บางครั้งก็เฉยๆอยากอยู่ว่างๆ บางครั้งก็หวั่นไหว  อะไรเป็นเหตุ ถ้าสาวไปหาเหตุก็จะพบว่า ช่วงไหนที่ใจเรามีกำลังอยากจะทำความดี ไม่หวั่นไหวในอุปสรรคทั้งมวลในสภาวะนั้นกระแสธารแห่งบุญหรือฝ่ายบุญเขาบังคับบัญชาเอาไว้  แต่ตอนไหนที่เรามีความรู้สึกเฉยๆบุญไม่ทำ  กรรมไม่สร้าง ไม่อยากทำอะไรเลย ก็จะมีกระแสธรรมที่เป็นกลางๆ เรียกว่า อัพพยากตา ธรรมอันเป็นกลางๆเขาบังคับอยู่  แต่ตอนไหนที่เบื่อหน่ายไม่อยากทำความดี นอกจากไม่อยากทำด้วยตัวเองแล้ว ยังไปแนะนำคนอื่นไม่ให้ทำด้วย มีความเห็นที่ขัดแย้ง แอนตี้ กันบ้างนั้น ก็คือถูกกระแสฝ่ายบาป [ ฝ่ายดำหรือ พญามาร] ที่เรียกว่าอกุศลเข้าสิงจิตเขาเข้าไปบังคับบัญชาภายในแล้ว แต่เรามองไม่เห็น เพราะเราหยาบกว่าเขา พระพุทธองค์ทรงสอนสรรพสัตว์ให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส [ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา] เพื่อให้พ้นจากกรงขังสรรพสัตว์นี้ จากคุณ : ระวิจันทร์ (รวิจันทร์) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 54 23:16:34

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 66 ตอบไม่ครบน่ะ   1.คุณต่อ "รู้ตัวหรือยัง"  ว่า "มุสา" เรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ เลิกสอนวิชชาธรรมกาย 2.เมื่อไหร่ คุณต่อจะเลิก พยาบาท จองเวรวัดพระธรรมกาย คุณต่อ หมกมุ่นแต่กับเรื่องนี้จนลืมมอง สิ่งที่อยู่ภายในตัวเอง รึเปล่า... 3. โมหะ ที่คุณต่อ คิดว่าตนเองนันถูกเสมอ ทั้งๆที่ผิดเห็นๆ  มีให้พิสูจน์ใน ตอนที่ผ่านนมาเยอะแยะ....เราไม่ว่ากัน เพราะต่างคน ก็ยังกิเลสหนา ปัญญาหยาบด้วยกันทั้งนั้น   ปล. ผู้ที่โกหก ทั้งๆทีรู้...คงไม่มีอะไรให้เสีย...     แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 54 12:30:26 จากคุณ : ICU รู้ทั้งรู้ (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 12:28:57

ความคิดเห็นที่ 69 เป็นกำลังใจให้คนดีทุกคนนะครับ สัมมา อะระหัง การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง กรรมก็คือกรรม ผมว่าใครไม่เคยเข้าวัด ก็รู้ไม่จริงใช่ปะ แล้วมาพูดได้ยังไงจะ โกหกผิดศีลนะ  วัดพระธรรมกาย ใครว่าไม่ดีก็ชั่ง เพราะทำดี อยู่ที่ ใจ ดวง นี้ในตัวเรา แต่พวกฟังเขามาแล้วขยายต่อเนี่ยน่าสงสารเนอะยังไม่ตื่นเสียที   สวัสดี ผู้มีบุญทุกท่านนะครับ จากคุณ : vc_golf เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 19:01:07

ความคิดเห็นที่ 70 ถูกครับ ธรรมกายมีส่วนดีก็มากอยู่ ให้คนได้สร้างบุญบารมีก็ดีอยู่ แต่การรักษาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ นั้นสำคัญกว่า จากคุณ : น้าแมน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 19:47:36

ความคิดเห็นที่ 71 ธรรมกาย มีด้านดีมากอยู่ก็จริง ให้คนทำบุญ สร้างบารมีนั้นดีอยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่หลักพระพุทธศาสนา พระธรรมวินัยนั้นสำคัญยิ่ง ดุจองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เราชาวพุทธศาสนิกชนควรรักษาไว้ให้บริสุทธิ์ให้มากที่สุด จากคุณ : น้าแมน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 54 19:57:55

ความคิดเห็นที่ 72 --------------------  คุณต่อmcu  ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว   การเตือนเพื่อนว่าไม่ควรหลงผิดที่ท่านเตือนไว้   ไม่ใช่การเห็นแต่ข้อบกพร่องของคนอื่น   แต่เป็นเรื่อง การบิดเบือนพระพุทธศาสนา ที่คนใหม่โดยเฉพาะผู้หลงผิดไปแล้ว  ควรรับทราบ จากคุณ : วงกลม เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 54 14:09:30

ความคิดเห็นที่ 73 สอนบ้าอะไร ให้เอาพระพุทธรูป มาอยู่ในกลางกาย แค่ เข็ม เล่มเดียว ก็จะ ตาย อยู่แล้ว อิๆๆ จากคุณ : eau_med เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 54 16:24:27

ความคิดเห็นที่ 74 ^ ^ ผมไม่เก็ตมุกของท่านอ่ะ กลับมาอธิบายหน่อยได้ไหมครับ... เข็มอะไรเหรอ? จากคุณ : msdossys เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 00:25:47

ความคิดเห็นที่ 75 หนังสือกรณีธรรมกาย อ้างอิงหลักวิชชา ของตำราจากวัดปากน้ำ และใช้เนื้อหา ของหลวงพ่อสด เป็นเครื่องมือโจมตีวัดพระธรรมกาย พอยกกรณีสำนักอื่นๆ ที่ก็ไม่ถูกใจคุณต่อเหมือนกัน แต่คุณต่อไม่กล้าวิจารณ์เขา เลือกเอาความแต่ความอคติกับวัดพระธรมกาย ถามย้อนไปก็ตอบไม่ได้ มีปัญญาตำหนิ แต่ไม่มีปัญญาตอบคำถามของเรา.... จริงหรือไม่ ขอท้า ต่อmcu ให้เอากระทู้ตอนที่ 1-3 มาลง... ปล.มั่นใจว่า ไม่กล้า ตามเคย... แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 54 08:04:42 จากคุณ : กลับมาแล้วน่ะ ต่อ ICU (pa-o-toi-uan) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 20:56:26

ความคิดเห็นที่ 76 ได้ศืกษาแนวทางปฏิบัติมาหลายสถานที่ มี่อยู่ที่ไม่เคยไปคือ วัดพระธรรมกาย พอได้เข้ามาห้องนี้เห็นมีทั้งื ฝ่ายค้านและฝ่ายเห็นด้วย จึงอยากลองดู ได้ชื้อ ช๊ ดี ของวัดปากน้ำ กับ ของวัดพระธรรมกายที่หลวงพ่อสดและหลวงพ่อธัมมชโย นำนั่งสมาธิที่บ้าน เริ่มจากนั่งสมาธิตามเสียงหลวงพ่อสดไปเรื่อยๆ  เป๊นเวลา หกเดือน  และ ทำสมาธิตามเสียงหลวงพ่อธัมมฯ อีก หกเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี53 จากคุณ : ระวิจันทร์ (รวิจันทร์) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:51:39