Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คัมภีร์อัลกุรอาน คัมภีร์ของศาสนาอิสลาม{แตกประเด็นจาก Y11218429} ติดต่อทีมงาน

คัมภีร์ของศาสนาอิสลาม คือ คัมภีร์อัล – กุรอาน (Al-Quran) ฝรั่งเรียกว่า โกราน (Koran) คำว่า “อัล” เท่ากับ The ซึ่งในภาษาอังกฤษไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร คำว่า “กุรอาน” แปลว่า “สิ่งที่จะต้องอ่าน” (That which is to be read) บ้างแปลว่า “บทอ่าน” หรือ “บทท่อง” (The Reading) บ้าง
“พระคัมภีร์” เพราะเป็นสิ่งที่ศาสนิกชนจะต้องอ่านต้องศึกษาให้เข้าใจ รวมทั้งให้สามารถอ่านด้วยทำนองที่ไพเราะและมิศิลปะได้ คัมภีร์อัลกุรอานกำเนิดมาจากการเขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของท่านนบีมูฮัมมัด ผู้อ้างว่าได้รับทราบจากฑูตสวรรค์บ้าง จากพระองค์อัลลอฮฺโดยตรงบ้าง กล่าวคือ พระองค์อัลลอฮฺทรงประทานมาให้แก่ท่านนบีมูฮัมมัด ในลักษณะลงวะฮีย์ (เผยโองการ) โดยตรงบ้าง โดยผ่านญิบรีล (กาเบรียล) สู่ท่านนบีบ้าง เพื่อให้ใช้เป็นธรรมนูญ ในการดำเนินชีวิตของมุสลิมทั่วโลก มุสลิมทุกคนถือว่าคัมภีร์อัล-กุรอานเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องแสดงความเคารพอย่างเคร่งครัด เพราะทุกตัวอักษรทุกคำเกิดจากการเปิดเผย (วะฮีย์) ของพระเจ้า เป็นเทวบัญชาของพระเจ้า และเป็นสัจพจน์ ที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าที่ไม่มีใครจะสงสัยดัดแปลงแก้ไขได้
คัมภีร์อัล-กุรอานนี้ได้มีการรวบรวมบันทึกไว้ด้วยภาษาอาหรับ เป็นรูปเล่มอย่างสมบูรณ์ครั้งแรกหลังจากที่ท่านนบีสิ้นชีวิตแล้ว 5 เดือน มีขนาดหนังสือน้อยกว่าคัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ บันทึกไว้ในทำนองร้อยแก้ว และมีบางตอนในบทท้ายเล่มทีถ้อยคำสอดคล้องกัน มีจังหวะรับกันเหมือนโคลงกลอนในกวีนิพนธ์ มีเนื้อหาหลายตอนที่คล้ายคลึงกับคัมภีร์ของศาสนายิวและศาสนาคริสต์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ว่าความจริงแล้วคัมภีร์อัล-กรุอาน ถือเป็นคัมภีร์สุดท้ายที่บูรณ์ที่สุดเพราะได้เพิ่มเติมสิ่งที่ขาดในคัมภีร์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางทฤษฎีหรือการปฏิบัติไว้อย่างครบถ้วน สำหรับบุคคลและสังคมเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตการอยู่รวมกัน การแต่งงาน การตาย อาชีพการทำมาหากิน เศรษฐกิจ สังคม การปกครอง และการเมือง
ลักษณะการบรรจุเนื้อหาในคัมภีร์อัล-กุรอานแบ่งออกเป็น “ซูเราะฮฺ” หรือ บทมี 114 บท (หรือจะเรียกว่า “บรรพ” ก็ได้) แต่ละบทประกอบด้วย “อายะฮฺ” หรือโองการ มีทั้งหมด 6,666 โองการ (หรือจะเรียกว่า “วรรค” ก็ได้) จำนวนโองการของแต่ละบทจะไม่เท่ากัน ถ้าคิดเป็นคำทั้งหมดในคัมภีร์มีจำนวนนับได้ 77,639 คำ แต่ละบท (ซูเราะฮฺ) จะมีชื่อหัวข้อกำกับและบอกว่า ทรงส่งข้อความลงมา ณ ที่ไหน คือ ที่เมืองเมกกะหรือที่เมืองเมดินะ ทั้ง 2 เมืองนี้มีเนื้อหาสาระแตกต่างกัน
ข้อควรทราบอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ปราชญ์มุสลิมในสมัยต่อมาได้นำเอาซูเราะฮฺทั้งหมดในคัมภีร์อัล-กุรอานมาแบ่งเป็น 30 บท แต่ละบทมีความยาวใกล้เคียงกัน เรียกว่า “ญุซฮ์” เพื่อให้มุสลิมผู้มีศรัทธาได้ใช้อ่านวันละบทในระหว่างถือศีลอดในเดือน รอมดอนครบ 30 วัน 30 บทพอดี ปัจจุบันนี้คัมภีร์อัล-กุรอานได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ เกือบทุกภาษา และแพร่หลายไปทั่วโลก รวมทั้งฉบับภาษาไทย

นอกจากนี้ยังมีอัล-ฮะดีต (Al-Hadith) แปลตามศัพท์ว่า “อธิบาย” เป็นการบันทึกหรืออธิบายเกี่ยวกับคำสอน ตลอดจนจริยาวัตรของท่านศาสดานบีมูฮัมมัด เดิมเป็นเรื่องเล่าและจดจำสืบต่อกันมา ภายหลังจึงมีผู้รวบรวมบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร มีหลายสำนวนหลายภาษา และมีมากมาย ฉบับภาษาไทยก็มี กล่าวกันว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่า 4000 ข้อ
ชาวมุสลิมนิยมศึกษาอัล-ฮะดีต เพื่อทราบรายละเอียดในชีวิตของท่านศาสดานบีเพื่อยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ถ้าเปรียบเทียบกับคัมภีร์อัล-กุรอานแล้ว อัล-ฮะดีตเป็นหนังสือที่มีความสำคัญก็จริง แต่ไม่อาจเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ได้เท่ากับคัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งเป็นพระวจนะและเป็นการสำแดง (Reveal) ของพระเจ้าที่ใคร ๆ จะโต้เถียงมิได้ แต่ถ้าพิจารณาในแง่การตีความและการปฏิบัติแล้ว ข้อความในคัมภีร์อัล-กุรอานมีหลายตอนที่เข้าใจยากและยังต้องการตีความกัน และเจ้าสำนักตีความทั้งหลายมักจะยกเอาอัล-ฮะดีตมาเป็นเครื่องช่วยในการพิจารณาตัดสินว่าคำใดถูกต้อง เพราะคำอธิบายและแบบอย่างจริยาวัตรของท่านนบีมูฮัมมัดเองถือว่าสูงกว่าพวกนักปราชญ์ใด ๆ ดังนั้น ในแง่การตีความและการปฏิบัติแล้วอัล-ฮะดีตจึงยังคงความสำคัญอยู่มากทีเดียว
ในราวปี ค.ศ.610 เมื่อมุฮัมมัดนั่งบำเพ็ญตนอยู่ในถ้ำบนยอดเขาฮิรออฺตามดั่งที่เคยทำเป็นประจำ ญิบรีลฑูตแห่งอัลลอฮฺก็ปรากฏตนขึ้น และนำพระโองการจากพระผู้เป็นเจ้ามีความว่า จงอ่านเถิด ด้วยพระนามแห่งผู้อภิบาล ผู้ทรงให้บังเกิด พระองค์ผู้ทรงให้มนุษย์เกิดมาจากเลือดก้อนหนึ่ง จงอ่านเถิด และพระผู้อภิบาลของเธอนั้นคือผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนมนุษย์ด้วยปากกา ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้...(อัลอะลัก)

ตั้งแต่นั้นมา มุฮัมมัดก็ได้กลายเป็นศาสนฑูตของอัลลอฮฺที่ต้องรับหน้าที่ประกาศศาสนาของอัลลอฮฺ นั่นคือศาสนาอิสลาม ที่ตั้งอยู่บนหลักการไม่บูชาสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ การวิวรณ์ การรับสาส์น หรือโองการจากอัลลอฮฺนั้นเรียกในภาษาอาหรับว่า วะฮีย์ ศาสดามุฮัมมัดได้รับวะฮีย์เป็นคราวๆ ทะยอยลงมาเรื่อยๆ จากวะฮีย์แรกถึงวะฮีย์สุดท้ายใช้เวลา 23 ปี ทุกครั้งที่วะฮีย์ลงมา ท่านศาสนฑูตจะประกาศให้สาวกของท่านทราบ เพื่อจะได้ไปประกาศให้คนอื่นทราบอีกต่อไป สาวกจะพยายามท่องจำวะฮีย์ที่ลงมานั้นจนขึ้นใจ และท่านศาสดาจะสั่งให้อาลักษณ์ของท่านบันทึก ลงในสมุดที่ทำด้วยหนังสัตว์ กระดูก หรือสิ่งอื่นๆที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ คัมภีร์อัลกุรอานสุดยอดของวาทศิลป์ ชาวอาหรับสมัยนั้นเก่งกาจในเชิงกวีนิพนธ์ มีกวีลือนามปรากฏอยู่ทุกเผ่า ที่กะอฺบะหฺนั้นก็มี บทกวีที่แต่งโดยเจ็ดยอดกวีอาหรับ เขียนด้วยน้ำทองคำแขวนอยู่ ในงานแสดงสินค้าประจำปีที่ อุกาศ ในอาราเบีย ที่จัดให้อาหรับทุกเผ่าพันธุ์มาพบปะแลกก็จะมีกิจกรรมที่สำคัญที่สุดร่วมอยู่ด้วย นั่นคือการประชันบทกวี อันลักษณะของคัมภีร์อัลกรุอานนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างร้อยแก้วและร้อยกรอง คัมภีร์อัลกรุอานจึงเป็นสิ่งท้าทายที่พิศดารสำหรับชาวอาหรับ เพราะเป็นร้อยแก้วมีความไพเราะได้ โดยไม่ต้องใช้มาตราสัมผัสและบทวรรคตามกฏของกวีนิพนธ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวอาหรับฉงนใจว่า คนที่ไม่เคยแต่งโคลงกลอนและอ่านเขียนไม่ได้อย่างมุฮัมมัด จะต้องไม่ใช่ผู้แต่งอัลกุรอานเป็นแน่

อัลกุรอานแบ่งออกเป็นบท เรียกว่า ซูเราะหฺ ซึ่งมีทั้งหมด 114 ซูเราะหฺ แต่ละซูเราะหฺ แบ่งเป็นวรรค สั้นยาวไม่เท่ากัน เรียกว่า อายะฮฺ (แปลว่า สัญลักษณ์) ซึ่งอัลกรุอานมีอายะฮฺทั้งหมด 6236 อายะฮฺ ตามการนับมาตรฐาน (ดู คัมภีร์มาตรฐานที่พิมพ์โดยรัฐบาลซาอุดิอารเบีย) เนื้อหาในอัลกุรอานนั้นแบ่งได้ สามหมวดคือ หนึ่งเกี่ยวกับหลักการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้า ความเร้นลับที่มีอยู่ในและนอกกาละ และเทศะ หมวดที่สองคือพงศาวดารของประชาติก่อนอิสลาม และคำพยากรณ์สำหรับอนาคตกาล หมวดที่สามเป็นนิติบัญญัติสำหรับมนุษย์ที่จะต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในแต่ละซูเราะหฺหรือแม้ใน แต่ละวรรคอาจจะมีที่ระบุถึงสามหมวดในเวลาเดียวกัน คัมภีร์อัลกรุอานมีความมหัศจรรย์หลายอย่าง
[สำเนาจากมัจญฺมะอฺ ญะฮอนียฺ ตักรีบ มะซอฮิบ อิสลาม]

 
 

จากคุณ : SURAWISH
เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 23:04:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com