ความคิดเห็นที่ 1 ได้แต่ต้องผ่าตัดแปลงเพศ จากคุณ : เตาเผาผี (เตาฟืน) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 19:45:22

ความคิดเห็นที่ 2 สำเร็จฌานแล้วหากก่อนตาย ฌานเืสื่อม จะไม่ได้เกิดเป็นพรหม จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 19:46:33

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่อ่านและศึกษามา  อรรถกถาจารย์ทั้งหลายแบ่งความเห็นไว้เป็น 2 แนวทางครับ จะขอกล่าวย่อๆก่อนละกันนะครับ ความเห็นแรก อรรถกถาจารย์สายหนึ่งอธิบายว่า เมื่อได้ฌานชั้นใด ก็จะไปเกิดเป็นพรหมตามประเภทหรือระดับชั้นของฌานที่ตนได้ ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ ไม่สามารถเลือกเกิดได้ เพราะไปเกิดด้วย วิบากจิต อันเป็นผลมาจากกุศลที่ตนได้ ความเห็นที่สอง อรรถกถาจารย์สายหนึ่งอธิบายว่า เมื่อได้ฌานชั้นใดก็ตาม สามารถเลือกที่จะไม่ไปเกิดบนพรหมโลกได้ สามารถเลือกไปเกิดบนสวรรค์ที่เพียบพร้อมไปด้วยกามคุณได้ โดยอาศัย นิกันติกตัณหา และเจโตปณิธิ แต่ตามที่ผมศึกษามา ดูเหมือนว่าความเห็นของอรรถกถาจารย์ความเห็นแรกแรกดูจะสมเหตุสมผลมากกว่า เพราะเป็นการอธิบายตามธรรมนิยามและเป็นไปตามหลักอภิธรรมที่ว่าด้วยเรื่องของจิต กรรม และวิบาก จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 19:56:16

ความคิดเห็นที่ 4 มีอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นที่ถกเถียงกันก็คือ คำว่าถ้าหากฌานเสื่อมก่อนตาย ก็จะไม่ไปเกิดบนพรหมโลกนั้น หมายถึง หากได้ฌาน แต่ภายหลังไปสร้างอนันตริยกรรมเข้า ก็จะเสื่อมจากฌาน  มหัคคตกุศลที่สร้างมาก็จะเสื่อม เพราะอนันตริยกรรมอันเป็นกรรมหนักฝ่ายชั่วจะให้ผลในชาติหน้าแทนที่ มหัีคคตกุศลที่เกิดขึ้นเพราะได้ฌานก็จะเสื่อม กลายเป็นอโหสิกรรมไป ทำให้ไม่ไปเกิดบนพรหมโลก ตัวอย่างเช่น พระเทวทัต แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 54 20:03:41 จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:01:05

ความคิดเห็นที่ 5 มีอีกเรื่องหนึ่งที่ถกเถียงกัน คือ เรื่องต้องตายในฌาน หรือต้องตายในขณะเข้าฌานหรือเปล่า จึงจะได้ไปเกิดบนพรหมโลก ในเรื่องนี้ ไม่มีใครสามารถตายในขณะเข้าฌานได้ เพราะฌานวิถีจิต กับ มรณาสันนวิถีจิต เป็นจิตคนละิวิถีกัน จุติจิตคือจิตที่ทำหน้าที่ตาย ต้องเกิดหลังจากออกจากฌานเท่านั้น ส่วนคนที่ไปเกิดเป็นพรหม ถ้าเคยได้รูปฌาน ก่อนจุติจิตปรากฏ จิตจะยึดหน่วงกรรมนิมิตเป็นอารมณ์ จากนั้น รูปาวจรวิบากจิตจะนำไปปฏิสนธิบนพรหมโลก กรรมนิมิตที่ได้เห็นตอนก่อนตายจะมีเครื่องหมายหรือลักษณะเหมือนกับนิมิตที่ตนเคยได้เห็นในขณะเข้าฌาน ถ้าเคยได้อรูปฌาน ก่อนจุติจิตปรากฏ จิตจะยึดหน่วงกรรมอารมณ์ เป็นอารมณ์ตามประเภทของอรูปฌานที่ตนเคยได้เสวยเวทนาทางใจ จากนั้น อรูปาวจรวิบากจิตจะนำไปปฏิสนธิบนพรหมโลก คนที่ได้อรูปฌานจะไม่มีกรรมนิมิต เพราะอรูปฌานนั้นไม่มีนิมิตปรากฏในขณะที่เข้าฌาน ตอนก่อนตายก็เลยไม่มีกรรมนิมิตมาปรากฏให้ได้เห็นก่อนตาย จะปรากฏเป็นกรรมอารมณ์แทน คืออารมณ์แบบเดียวกับที่เคยได้อรูปฌานนั่นเอง แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 54 20:26:44 แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 54 20:22:09 จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:12:48

ความคิดเห็นที่ 6 คิดว่า ผู้ที่จะเลือกภพภูมิเกิดได้นั้น ต้องมีฤทธิ์ที่จะเลือกกำหนดภพภูมิของตนเองด้วย จึงจะเลือกได้  ถ้าไม่รู้วิธีการทำให้เกิดฤทธิ์ ก็เลือกภพภูมิไม่ได้  แม้จะมีบุญพอจะเกิดได้หลายภพภูมิ จากคุณ : bodymind เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:19:50

ความคิดเห็นที่ 7 ในอารมณ์ฌาน นั่นแหล่ะ คืออารมณ์ของความเป็นพรหม ในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้ตายก่อน เข้าโลง ฌาปนกิจ แล้วค่อยเอาวิญญาณไปเกิดหรอก หรือหากจะมีแบบนั้นจริง ๆ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนละคน จำอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรให้เกี่ยวเนื่องกันอีกต่อไป พรหมอะไรนั่น ก็ไม่รู้ว่าอยู่ ๆ ตนเองเกิดมาจากไหน ไอ้ที่อ้างว่ารู้หมดทุกข์อย่างนั่น ก็เรื่องคนแต่งคัมภีร์ (บางคน ก็อ้างว่าพระพุทธเจ้าตรัส ก็แล้วแต่.. ว่ากันไป ตามประสาคนไม่รู้  ที่จริง พระธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องพูดถึง พระอินทร์ พระพรหม พระยม อสูรยักษ์ ฯลฯ ใด ๆ เลยก็ได้  แค่หลักธรรม ทั่ว ๆ ไป และเป็นไปได้จริง ในโลกนี้ ในชีวิตนี้ ก็นับว่า มีมากเพียงพอ ให้ศึกษาและปฏิบัติได้ อย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว) เอาเป็นว่า... จงเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ ๑.ไม่ทำความชั่ว ๒. จงทำแต่ความดีให้มาก ๆ ขึ้น ๓. ทำจิตใจให้สะอาดผ่องใส ส่วนตายแล้ว จะไปเกิดเป็นอะไร ผมว่าไม่น่าสนใจ.... แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 54 20:21:52 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:19:55

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วทืี่ว่าคนที่เข้าฌาน ผลของฌานจะไม่ทำให้ตายแม้จะมีภัยใดๆก็ตามจริงมั้ยครับ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:23:52

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วที่ว่าคนที่เข้าฌาน ผลของฌานจะไม่ทำให้ตายแม้จะมีภัยใดๆก็ตามจริงมั้ยครับ --------------------------------------------------------------------------------------- เฉพาะเวลาที่อยู่ในฌานสมาบัติครับ ออกจากฌานสมาบัติเมื่อไหร่ก็ไม่พ้นมรณภัย หรือไม่พ้นจากทุกขเวทนา ตัวอย่างเช่น พระสารีบุตรที่เข้าสมาบัติหลังจากปลงผมใหม่ๆ ในชุณหสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=2618&Z=2661&pagebreak=0 จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:32:08

ความคิดเห็นที่ 10 โดยทั่วไป เมื่อสำเร็จฌานและตายลงจากภพนั้นก็ย่อมไปเกิดในพรหมโลกครับ แต่มีสิ่งที่ควรเข้าใจเป็นพิเศษ ดังต่อไปนี้นะครับ ---------------------------------------------------------------------------- ผมจะขอเสริม คุณ คืนวันอันแสนดี ใน #3 นะครับว่า อรรถกถาได้อธิบายต่างๆนั้น ถือว่าเป็นสายเดียวครับ (เพียงแต่มีทั้ง สามัญนัย และนัยพิเศษต่างๆ ) ---------------------------------------------------------------------------- โดยโปรดทำความเข้าใจว่า      - กรณี ฌานลาภีปุถุชน ที่ยังมี นิกันติตัณหา  หรือเจโตปณิธิแล้ว   อาจจะมีการไปเกิดในภูมิต่างๆ ไม่แน่นอน คำว่า  นิกันติตัณหา  หมายถึงมีความติดใจในภูมิที่ตนเคยเกิดมาแล้วหลายๆ  ชาติ คำว่า เจโตปณิธิ  หมายถึงมีจิตปรารถนาในภูมินั้นๆ  ที่เป็นไปด้วยอำนาจฉันทะ   ดังเช่นฌานลาภีที่เป็นปุถุชนเมื่อเวลาใกล้จะตาย มีนิกันติตัณหาในเทวภูมิใดภูมิหนึ่ง เกิดขึ้นแล้ว  ฌานที่ได้นั้นก็เสื่อมลง  ฉะนั้นเมื่อเวลาตายก็ไปเกิดในเทวภูมินั้นๆ   ไม่ไปเกิดในพรหมภูมิ หากศึกษาให้ละเอียด ก็จะพบคำอธิบายดังข้างบนนี้ คือ ที่ว่า ฌานลาภีปุถุชน นั้นไปเกิดในเทวโลกได้ ก็เพราะ เวลาตายนั้น "ฌานที่ได้นั้นก็เสื่อมลง" ด้วย นิกันติตัณหา นั้นเอง ----------------------------------------------------------------------------        - สำหรับ มนุษย์  เทวดา  ที่สำเร็จเป็น "โสดาบันหรือสกทาคามี"   เมื่อได้ฌานแล้วนิกันติตัณหา  หรือเจโตปณิธิที่เกี่ยวกับกามสุคติภูมินั้น "ย่อมไม่มี"   เพราะฌานสมาธิของพระอริยบุคคลนี้  มั่นคงกว่าฌานสมาธิของปุถุชน   ฉะนั้นฌานจึงเสื่อมไม่ได้  ท่านเหล่านี้เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดในพรหมภูมิๆใดภูมิหนึ่ง แล้วแต่ฌานของตน  เว้นอสัญญสัตตาภูมิและสุทธาวาสภูมิ  และเมื่อเกิด เป็นพรหมแล้ว  แม้ยังไม้ได้เป็นพระอนาคามีก็ไม่กลับมาเกิดในกามสุคติภูมิอีก   ด้วยเหตุนี้พรหมอริยะ ๒  พวกนี้  จึงได้ชื่อว่าเป็นฌานอนาคามีก็ได้ --------------------------------------------------------------- (อธิบายความตามนัยของ ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา) จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:42:45

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปท้ายครับ ผู้ที่ได้รูปฌาน หรือ อรูปฌาน อันเป็นโลกียฌาน ไม่ควรประมาท เพราะเป็นติเหตุกบุคคล ธรรมดาติเหตุกบุคคลนั้นสามารถทำฌานให้เกิดได้ รวมถึงสามารถทำมรรคผลนิพพานให้เกิดขึ้นได้ในชาตินี้ จึงควรทำโลกุตตรฌานให้บังเกิด โลกุตตรฌานนั้นก็คือ มรรคจิตทั้ง 20 ดวง และผลจิตทั้ง 20 ดวง นั่นเอง เพราะมรรคจิตและผลจิต ทุกประเภทหรือทุกดวงนั้น ล้วนแล้วแต่ประกอบไปด้วยองค์ฌาน แต่องค์ฌานที่เกิดในมรรคจิตกับผลจิตนั้น ไม่สร้างวิบากให้ไปเกิดบนพรหมโลกเพราะ มรรคจิตเกิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่ประหารกิเลสสังโยชน์ และผลจิตเกิดขึ้นเพื่อรับผลอันเกิดจากการประหารกิเลสสังโยชน์ ซึ่งต่างจากองค์ฌานในรูปาวจรกุศลจิตที่สร้าง รูปาวจารวิบากจิต และต่างจากองค์ฌานในอรูปาวจรกุศลจิตที่สร้างอรูปาวจรวิบากจิต วิธีการก็คือ เมื่อจิตตั้งมั่นหลังจากเข้าฌาน ก็ให้อาศัยความตั้งมั่นนั้นมาพิจารณา รูป-นาม หรือองค์ฌาน ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างไร จนกว่าวิปัสสนาญาณจะบังเกิดขึ้น ที่เรียกกันว่า ลักขณูปนิชฌาน ขออภัยที่ต้องกล่าวคำศัพท์ทางอภิธรรมนะครับ เนื่องจากหาคำแทนไม่ได้จริงๆ จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:50:13

ความคิดเห็นที่ 12 ขอขอบคุณท่านชาวมหาวิหารในความเห็นที่ 10 ด้วยครับ ที่ทำให้เนื้อหาของกระทู้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นดังที่ท่านชาวมหาวิหารกล่าวครับ สามัญนัย กับวิสามัญนัย เจโตปณิธิในอีกกรณี ก็เช่น พระโพธิสัตว์ที่เป็นนิยตโพธิสัตว์ เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้และได้รับคำพยากรณ์แล้ว ย่อมไม่ไปเกิดเป็นอรูปพรหม บนอรูปภูมิ เพราะอาศัย เจโตปณิธิ อรูปาวจรวิบากที่ควรได้ ควรเกิด จึงเสื่อมลงเป็นอโหสิกรรมเนื่องจากอัธยาศัยของพระโพธิสัตว์นั้นไม่ปรารถนาไปเกิดบนอรูปภูมิที่มีเวลาเนิ่นนานเป็นหมื่นๆ มหากัลป์ แม้แต่ไปเกิดบนสวรรค์อันเป็นกามภูมิก็ไม่ทรงอยู่ครบตามระยะเวลาในสวรรค์ชั้นนั้นๆ มีแต่จะหลับตาลงเพื่อจุติลงไปปฏิสนธิสร้างบารมีต่อในมนุษยภูมิ จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:59:44

ความคิดเห็นที่ 13 ในความเห็นส่วนตัวนะ ผมว่าถ้าเป็นฌานโลกีย์ ก็ตั้งอธิษฐานจิตสิว่าจะไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน โดยส่วนตัวแล้ว นอกจากพระนิพพาน รูปพรหมเป็นที่ๆน่าอยู่ที่สุดแล้ว เพราะ ไม่ยุ่งกับใครดี ให้กลับมาเป็นมนุษย์อีกก็ไม่ไหว ชาตินี้เจอน้ำท่วมมา ๓๐ ปีแล้ว เบื่อนะ ใครสนุกกับความทุกข์ของขันธ์๕ ก็เชิญ ผมขอลา เจอกันที่พรหมหรือพระนิพพานนะครับ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 21:54:00

ความคิดเห็นที่ 14 กิ๊บหมดเลยต้องเขียน ชอบความเห็นคุณ"รถเรณู" มากๆ นะคะ  โดยเฉพาะตรงที่ว่าปัจจุบันจิตก็เป็นพรหมอยู่แล้วในขณะที่ทรงฌาน ไม่ต้องรอให้ตายก่อนนะ.. เราไม่รู้เรื่องอภิธรรมพอจะสนทนาได้ แต่มีความรู้เรื่องเพี้ยนๆ จากประสบการณ์ของตัวเอง คือมั่นใจว่าสำเร็จฌานมาแล้วในอดีตชาติ อย่างน้อยฌาน 4 และก็มั่นใจว่า ชาติที่แล้วเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน..  ซึ่งน่าจะเป็นผลของกรรมที่ทำไว้ก่อนหน้านั้น..  ทำไมได้ฌานแล้วไม่ไปเป็นพรหมล่ะ ทำไมเป็นสัตว์ได้ล่ะ.. เอ่อ.. มันเป็นข้อมูลเพี้ยนๆ ก็อ่านเอาของแปลกๆ และกัน.. เชื่อไม่ได้หรอก แต่เป็นอีกมุมนึงให้พิจารณาเล่นๆ   (ไม่ต้องท้าพิสูจน์เพราะพิสูจน์ไม่ได้อยู่แล้ว) เราเชื่ออย่างคุณ  sirnitfi ค่ะ ว่าถ้ามีความสามารถที่จะทำฌานได้ แม้เพียงปฐมฌาน และไม่โง่จนเกินไป ต้องรู้จักวิธีอธิษฐานจิตค่ะ เวลาจะออกจากสมาธิมีการอธิษฐานใดๆ ก็ตาม  อย่างที่เรียนมา ท่านสอนให้อธิษฐานขอมนุษย์สมบัติ คือเกิดอีกก็ขอให้เป็นมนุษย์  เพราะว่าจะได้ปฏิบัติต่อ  ด้วยนัยนี้หากผู้ใดต้องการจะเป็นเทวดาในกามภูมิ ก็ให้อธิษฐานจิตกำกับไว้เสมอๆ เราว่ามันน่าจะใช้ได้นะ..  ถึงจิตจะเคยถึงฌานมาแล้ว แต่อธิษฐานมันน่าจะมีกำลังกว่า.. ตอนจะตายก็มีสติซะหน่อยนะ.. ถ้าไม่มีสติ ฌานก็ฌานเหอะ.. เราว่า..เข้ารกเข้าพงได้ทั้งนั้นแหละ.. อ่านของคุณคืนวันอันแสนดี ชาวมหาวิหาร และหลายๆ ท่าน ก็ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจภาษาพวกนี้ แต่ก็เห็นว่ามันเป็นคำอธิบายที่ดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ต.ค. 54 00:45:57 จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 00:44:49

ความคิดเห็นที่ 15 คำถามคงหมายถึง ภพ   ประกอบด้วยหลายอย่างไม่ใช่เฉพาะ ฌาน สมาธิอย่างเดียว พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ภวสูตร [๕๑๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ภพ ภพ ดังนี้ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ในกามธาตุจักไม่มีแล้ว กามภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ท่าน พระอานนท์ทูลว่า ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ อย่างเลวของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วย ประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผล ให้ในรูปธาตุจักไม่มีแล้ว รูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ อย่างกลางของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วย ประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ก็กรรมที่อำนวยผลให้ อรูปธาตุจักไม่มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ ฯ อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่าเป็น พืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว เพราะธาตุ อย่างประณีตของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูกรอานนท์ ภพย่อมมีได้ ด้วยเหตุดังกล่าวมาฉะนี้แล ฯ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๕๙๑๐ - ๕๙๓๓. หน้าที่ ๒๕๓ - ๒๕๔. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=5910&Z=5933&pagebreak=0 ๗. กามสูตร             [๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบแล้วด้วยกามโยคะ ผู้- *ประกอบแล้วด้วยภวโยคะ เป็นอนาคามี ยังต้องมาสู่ความเป็นอย่างนี้ (คืออัตภาพ แห่งมนุษย์) ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระอริยบุคคลผู้พรากแล้วจากกามโยคะ (แต่) ยังประกอบด้วยภวโยคะ เป็นอนาคามี ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พระอริยบุคคลผู้พรากแล้วจากกามโยคะ พรากแล้วจากภวโยคะ เป็น พระอรหันตขีณาสพ ฯ                          สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบแล้วด้วยกามโยคะและภวโยคะ ย่อม                          ไปสู่สงสารซึ่งมีปรกติถึงความเกิดและความตาย ส่วนสัตว์                          เหล่าใดละกามทั้งหลายได้เด็ดขาด แต่ยังไม่ถึงความสิ้นไป                          แห่งอาสวะ ยังประกอบด้วยภวโยคะ สัตว์เหล่านั้นบัณฑิต                          กล่าวว่า เป็นพระอนาคามี ส่วนสัตว์เหล่าใด ตัดความสงสัย                          ได้แล้ว มีมานะและมีภพใหม่สิ้นแล้ว ถึงความสิ้นไปแห่ง                          อาสวะทั้งหลายแล้ว สัตว์เหล่านั้นแลถึงฝั่งแล้วในโลก ฯ จบสูตรที่ ๗ http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=6408&Z=6422&pagebreak=0 ๑. กาโมฆะ  คือ  กาม  ได้แก่  ความใคร่ในอารมณ์ที่ก่อให้เกิดกิเลส  (พระอนาคามี และพระอรหันต์ละได้) ๒. ภโวฆะ  คือ  ภพ  ได้แก่  ความต้องการเป็นอย่างนั้น  เป็นอย่างนี้(พระอรหันต์ละได้) ๓. ทิฎโฐฆะ  คือ  ทิฐิ  ได้แก่  ความเห็นในทางที่ผิด (พระโสดาบันละได้) ๔. อวิชชาโชฆะ  คือ  อวิชชา  ได้แก่  ความไม่รู้  ทำให้เกิดความลุ่มหลงไปในทางที่ผิด จากคุณ : aunemaek2 เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 01:27:13

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาขำท่านเซอร์ เจอกันที่พรหม หรือนิพพาน...แหวะ จากคุณ : คนนวมินทร์ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 01:43:10

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าตายในฌานก็เกิดเป็นพรหมนะครับ จะชั้นไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราได้ณานอะไร แต่หากว่าเราผ่านไปสวรรค์ชั้นจตุมหาราช เจอพรรคพวกมาก จำได้ว่าก่อนเป็นมนุษย์มาจากที่นั่น เราก็อาจจะเลือกอยู่ที่จตุมหาราชได้นะครับ พระหรือผู้คล่องในณาน เค้าก็จะเข้าณานเมื่อมีภัยนะครับ (จริงๆก็เข้าตลอดแหละ) เพื่อที่จะตายในณาน เพระฉนั้นณานก็ไม่ได้ป้องกันความตายนะครับ แต่เป็นปัจจัยให้ไปสู่สุคติ จากคุณ : lookmooh เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 01:52:18

ความคิดเห็นที่ 18 ...        อ้าวว.....ผมไม่เคยอธิฐานใดๆ หลังจากออกจากสมาธิเลย เพราะมีความคิด คล้ายๆกับท่าน รถเรณู ผมไม่สนใจด้วยแฮะว่าต้องไปเกิดเป็นอะไร เพราะมันเป็นไป ตามวิถีกรรมที่ทำไว้มิใช่หรือท่านๆ และสำหรับแรงอธิฐานนั้น น่ามีผลกับพระอริยะ เท่านั้น อย่างเราๆ ศีลห้ายังไม่ครบ ยังเผลอทำชั่วอยู่บ่อยๆ ต่อให้อธิฐานอย่างไร ก็หนีกรรมไม่พ้น        สมมุติว่าผมได้อรูปฌานที่ 2 แต่ถ้าผมฆ่าสัตว์ ผิดลูกเมีย โกหกต่างๆไว้ อย่างนี้ ผมก็ไม่ไปเกิดเป็นสัตว์นะซิครับ ดูแล้วมันแปลกๆ เหมือนกฏแห่งกรรมจะหนีได้อย่างนั้น เรื่องของกรรมนี่ยกเว้นสำหรับนิพพานแล้วเท่านั้นไม่ใช่หรือครับ        ส่วนเรื่องเข้าฌานแล้วไม่ตาย ข้อนี้ขอยกไว้ก่อน เพราะไม่ทราบจริงๆ แต่เห็นที่ เข้าสมาธิแล้วตายในสมาธิ (ไม่รู้ว่าฌานขั้นไหน) เคยออกรายการท้าพิสูจน์หรือเรื่องจริง ผ่านจอ ที่มีตาแป๊ะหนุ่มๆ ไปนั่งสมาธิตายที่วัดแถวประเวศ ศพไม่เน่าไม่เปื่อย ผมจำชือ วัดไม่ได้ และก็ยังมีเณรที่วัดเหน่งเลยยี่ ตายอีก 2 องค์คาสมาธินั่งคู่กันเคยเห็นในรูป อัน นั้นผมเคยถามที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ได้คำตอบว่าไปดับจิตที่อรูปฌานที่ 3 แล้วไม่กลับออก มา(หรือหาทางกลับไม่ได้) ก็เลยตาย ใครที่เคยทดลองเข้าอรูปฌานที่ 3 มาแล้วรบกวน ขอความเห็นด้วยครับผมไม่สนใจว่าท่านจะพูดจริงหรือไม่ เพราะเรื่องแบบนี้มันรู้ๆกันอยู่ ครับว่าใครได้หรือไม่ได้       ดังนั้น ผมว่าเป็นไปตามกรรมครับ ต่อให้ได้อภิญญา 5 ฌานสมาบัติ 8 แล้วอธิฐาน จิตขอไปเกิดในภพภูมิของ พรหม แต่ถ้าทำอย่าง พระเทวทัต หรือ ทำชั่วสารพัด อย่างไรก็ต้องลง อบายภูมิครับ ยกเว้น พระอริยะเพราะไม่ได้ทำชั่วแล้ว                                                                                                               ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 08:43:02

ความคิดเห็นที่ 19 เหมือนเดินเข้าไปในวัดแล้ว แต่บอกว่าไม่อยากอยู่ในวัด จากคุณ : สวรรค์รำไร เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 10:23:49

ความคิดเห็นที่ 20 . . . . . . . พระเทวทัตไง.... . . . ไม่เกิดเป็นพรหมไปอเวจีเลย... . . . . จากคุณ : พุทธจิต เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 11:51:04

ความคิดเห็นที่ 21 พระเทวทัต ท่านไม่ได้เข้าณานตายนะครับ ท่านณานเสื่อมไปก่อนหน้านี้แล้วน่ะครับ จากคุณ : lookmooh เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 15:49:13

ความคิดเห็นที่ 22 ...        ตาม ตรรกะ ของท่าน lookmooh ที่คห.21 น้้น ก็หมายความว่า ก่อนตายจะต้อง เข้าฌานใดฌานหนึ่งถึงจะเกิดไปเป็นพรหม ดังนั้น การที่ได้ฌานก่อนหน้านั้น ไม่มี ความหมายแต่อย่างใด เพราะการตายอย่างปัจจุบันทันด่วนเช่น อุบัติเหตุ ไม่ทันได้ รู้เนื้อรู้ตัวหรือมีสติที่จะเข้าฌานได้ทัน แต่สังขารได้วายไปเสียก่อน อย่างนี้วิถีจิตก็ไป เกิดตามกรรมที่ทำไว้นะซิ        แต่สงสัยครับว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ พระเทวทัต ฌานเสื่อมได้ครับ เพราะ ท่านฯสำเร็จ อภิญญา 5 ด้วยไม่ใช่หรือครับ แล้วอะไรเป็นเครื่องกั้นทำให้ท่านฯไม่ สามารถไปถึง อภิญญา 6 ได้ล่ะครับ หรือว่าท่าน อธิษฐาน ขอเป็นพระพุทธเจ้า ก็เลย ละอาสวะไม่ได้                                                                                                            ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 19:18:47

ความคิดเห็นที่ 23 อภิญญา 5 ถ้าเป็นโลกียอภิญญาตัวเสื่อมง่ายเลย  เช่นในสมัยพุทธกาลที่มีฤาษีเหาะไปตามคำเชิญของกษัติริย์ ขาไปเหาะไป อภิญญาเข้มมาก แต่ดันผ่านห้องสาว เห็นสาวแก้ผ้าแต่งตัวหรือยังไงเนี่ย  เห็นแล้วหลง  อภิญญาเสื่อมเลย ตกปุลงมา ขามาเหาะมา ขากลับต้องเดินกลับ.. พระเทวทัต ทำอนันตริยกรรมด้วยนะอย่าลืม คุณสองนิ้วชี้ ถ้าได้ฌาน 4 และอรูปฌาน แล้วไม่อธิษฐาน ก็ไม่ได้อภิญญานะ   ถ้าไม่อธิษฐานก็เหมือนมีเบียร์ที่ไม่ได้เปิดกิน เข้าใจไหม.. จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 19:56:28

ความคิดเห็นที่ 24 คุณสองนิ้วชี้ครับ.. เป็นอย่างท่ีคุณเข้าใจนะครับ ถ้าตายนอกณานก็ไปพรหมไม่ได้นะครับ การตายในณานเป็นของยากนะครับ ต้องทรงณานได้จึงจะดี อภิญญา6 เป็นของพระอริยเจ้านะครับ คือไม่ถอยหลัง ส่วนอภิญญา5 ก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้นะครับ แต่ยังไงก็ตาม การได้อภิญญา5 ต้องเป็นผู้คล่องในณาน นั่นหมายถึงว่าคนพวกนี้ลงนรกยากน่ะครับ จากคุณ : lookmooh เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 54 22:46:46

ความคิดเห็นที่ 25 เกี่ยวกับเรื่องพระเทวทัตนะครับ.... ตามความเห็นส่วนตัว... สำเร็จฌานจริง... มีวิชชาจริง... แต่หนีนรกไม่พ้น!!! บางตำราบอกเป็น อเวจี บางตำราบอกเป็น โลกันต์ ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะเป็น "นรกโลกันต์" นะครับ เพราะทำบาปหนักมาก ที่ทำกับพระพุทธเจ้า โดยการไปลงนรกนั้นถูก กรรมที่เรียกว่า "กรรมตัดรอน" ทำให้ผลจากการทำกรรมใดๆ อย่างอื่น ก็มาช่วยไว้ไม่ได้ ถ้าเป็นฝ่ายดีก็อย่างท่าน "องคุลีมาล" ที่สำเร็จ "อรหันต์" โดยไม่ต้อง "ลงนรก" จากบาป ที่เคยฆ่าคนมามากมาย แต่ถ้า "มาตุฆาต" ยังไงก็หนีไม่พ้น "โลกันต์" แน่นอน จากคุณ : สวรรค์รำไร เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 54 14:25:34

ความคิดเห็นที่ 26 สำเร็จฌาณหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะเขาไปเลือกกันตอนก่อนตายครับ อยากได้แบบไหนก็จัดตามนั้น สำเร็จฌาณแต่อยากเป็นเทวดา ก็นึกถึงบุญก่อนตาย หรือยากเป็นพรหมก็เข้าฌาณก่อนตาย หรือไม่อยากเกิดก็ตั้งสติดูขันธ์ตอนมันดับให้ดี แล้วไม่เอาอะไรทั้งนั้นในสามโลก จากคุณ : temjung99 เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 54 22:57:35

ความคิดเห็นที่ 27 คนที่ได้ฌานจริง จะรู้ตัวก่อนจะตาย จะเข้าฌานแล้วถอดจิตวิญญาณออกไปก่อนตายจริง เรียกว่า ตายระหว่างเป็น จึงจะไปสู่พรหมโลก นอกเสียจาก พวกได้ฌานตอนปกติ แต่ก่อนหมดอายุไข ไม่สามารถทำฌานให้เกิดได้เพราะทนเวทนาจากเจ้ากรรมนายเวรมารุมมาตุ้มไม่ไหว  ก็ไปสู่พรหมโลกไม่ได้ เช่นพระเกจิดังๆหลายๆรูป พรหมโลกยังไปไม่ได้ แต่ลูกศิษย์เขาก็ว่าเป็นอรหันต์ทั้้งนั้น .....คนไทยชอบลูกยอนะ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 54 01:42:03