ความคิดเห็นที่ 1 ความเข้าใจตามบุพการีชน นั้น เป็นเรื่องหนึ่ง-สำหรับชนกลุ่มหนึ่ง แต่ ความถูกต้องของบริบทด้านภาษาและ ความหมาย ที่โยงไป แย้งกับ ความเป็นจริง นั้น ในโลกที่เปลี่ยน-ผันแปรไปทุกวันๆ ในทุกเรื่องราวนี้ นับวันไป สิ่งเล็กๆน้อยๆ ก็ยิ่งสำคัญ จะเพิกเฉย เฉื่อยชาต่อไปอีกได้สักเท่าใด ???  เพราะงั้น อย่าเอาสิ่ง ยุ่มยิ่ม มาดิสเครดิตกัน เหมือนเด็กน้อยทะเลาะกันมันน่าขันสิ้นดี หยุมหยิม source : ราชบัณฑิตยสถาน หยุมหยิม : ว. จุกจิก เช่น เขาเป็นคนหยุมหยิม. ก. จู้จี้, ชอบถือเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าเป็นเรื่องสําคัญ, เช่น อย่าไปหยุมหยิมกับเขามากนัก. เราท่านต่างซึมซาบ-อาบประสบการณ์กันพอรู้เห็น-เป็นชัดเจนตามามากแล้วว่า เรื่องใดๆอันเนื่องถึง ศาสนา ล้วนแต่ละเอียดอ่อน-บอบบาง ทั้งสิ้น !!! จะมาก/น้อยเพียงใดแค่ไหน  เพราะเหตุใด ใคร กล้า ชี้นิ้ว คาดเดา ว่ามันจะแค่ เล็กๆน้อยๆเบาๆจิ๊บๆ ??? เรื่องแบบนี้ จึงเกินขีดขั้นที่จะ ตัดสินไปโดยง่าย ว่าเป็นแค่เรื่อง หยุมหยิม ถ้ายังมีการปล่อยวาง-เพิกเฉย ปล่อยผ่านแลเลย ทิ้งไว้ อยู่เช่นนั้น หากมีการนำเรื่องที่ ออกนอกแนวทาง-อันอ้างอิงได้ เช่นนี้ไปตั้งประเด็น-เบี่ยงเบนใช้กันอย่างผิดๆ ติดเลส-ไปทางเลวทรามล่ะ ??? และ  น่าจะรู้สึกได้เองนะว่า นี้คือเรื่องที่ แค่บอกให้รู้ ไม่ใช่คิดตื้นๆไปได้แค่ว่าเป็นการ ดิสเครดิต คิดจะอะไรกับใคร เพราะว่าคนที่เขาขึ้นมาชี้-แนะ-แตะ ให้เห็นตรงนี้ เขาได้อะไร-เสียอะไรด้วย เขาจะเดือดร้อนอะไรด้วยหรือ ถ้าหาก...จะฟังหรือไม่ฟัง ??? พิจารณาด้วยกันก่อนเถิด ท่านตาลโตนฯ   ศาสนาของพระพุทธเจ้า มีพุทธธรรมคำสอนสั่ง-สั่งสอนพุทธชนไว้ใช้กับ เพื่อนร่วมโลก มากมายหลายหมื่นบท บทหนึ่งมีความว่า...  โลโกปตฺถมฺภิกา เมตฺตา @ เมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก อุเบกขา วิสัชนา มาอีกเพียงเท่านี้ได้ ก็คงเห็นว่าพอประมาณแล้ว ฯ [จากนี้ไปก็ เรื่องอันเป็น นานา สาระธรรม ที่ท่านตาลโตน ได้กล่าวไว้] @ โดยส่วนตัวสมัยเด็กๆจะกลัวและเกลียดแขกมาก เพราะหน้าตาน่ากลัวหนวดเครารุงรัง หน้าตาดุร้าย แต่เมื่อเติบโตได้เดินทางไปทั่วโลก ได้สัมผัสชีวิตคนหลายชนชาติ จึงรู้ว่าหน้าตาท่าทางเครื่องนุ่งห่ม สูงต่ำดำขาว ไม่เกี่ยวกับเป็นคนดีหรือคนเลวน่าเข้าใกล้หรือหลบให้ห่างไกล ด้วย ทัศนคติดั้งเดิมตามสิ่งแวดล้อมชักพา-ชี้นำให้เป็นไป หรือจากประสบการณ์จริง-จินตนาการตามวัย-ในขณะนั้น เด็กๆส่วนใหญ่จึงเป็นกันเช่นนั้นมาก-ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง ??? ซึ่ง ปัจจุบันนี้ก็ยังมี-และไม่ใช่วัยเด็กเล็กๆเสียด้วยที่ คิดกันอยู่เช่นนั้น [ทุกวันนี้] > หน้าตาสะอาดสะอ้านแต่งตัวดี ท่าทางสุภาพ แต่เป็นฆาตกรโรคจิตก็มีมากมาย หน้าเนื้อใจเสือ source : ราชบัณฑิตยสถาน หน้าเนื้อใจเสือ : (สํา) ว. มีหน้าตาแสดงความเมตตา แต่ใจเหี้ยมโหด. < แบบนี้จะเป็นตามกมลสันดาน/จากการหมกมุ่น ย้ำคิด-ย้ำทำ หรือ สิ่งแวดล้อมพาไป  ในกรณี โรคจิต ??? @ เป็นบริบทแรกของ ผลกระทบ ต่อบุคคล-สังคม ในด้านใดที่สุด ??? ยิ่งได้เรียนรู้คัมภีร์ศาสนาต่างๆ ทำให้ปัญญาเกิดการตกตะกอนนอนก้น เข้าใจในสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ในแนวทางของศาสนานั้นๆ  จึงการันตีได้ว่าไม่มีคัมภีร์หรือศาสนาไหนผิดหรือบกพร่อง @ เมื่อปัญญาเกิดการ ตกตะกอน-นอนก้น ตรงนี้รบกวนเป็นธุระแก่ท่านตาลโตน ที่จะต้องขอท่านฯโปรด วิสัชนา เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความแจ่มแจ้ง เนื่องไปด้วย ฯ แต่มนุษย์ที่นำมาใช้ในทางที่เอาประโยชน์ใส่ตัวนั้นต่างหาก ที่มีจิตบกพร่อง p ไม่มีศาสนาไหนสอนให้อวดดี เย่อหยิ่งยะโสอวดตัว ตูมีดีกว่า สูไม่มาทางตู สูตกนรกแน่ๆ (พวกบ้า500จำพวกคิดกัน) o มีแต่สอนให้อ่อนน้อมถ่อมตน o มีความรักเมตตา อภัย ใจกว้าง เอื้ออาทรผู้อื่น รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง ละอายต่อบาป o ละทิ้งการเบียดเบียน ไปถึงการเสียสละตั้งแต่ทรัพสมบัติ เวลาความสุขส่วนตัว o จนไปถึงสละชีวิตของตนเพื่อผู้อื่น เพื่อพระเจ้าผู้เมตตา ที่ทรงอนุญาตให้เรามาเดินบนโลกใบนี้ o ไม่ใช่ให้มาเสวยสุขกินขี้ปี้นอน    กินกามเกียติ o แต่ให้ลงมาทดสอบว่าเราจะเสียสละ สิ่งลวงตาลวงใจ กล้าพอที่จะละทิ้งสิ่งลวงบนโลกใบนี้ o จนถึงวาระลมหายใจสุดท้าย o และเดินเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ของพระองค์ได้หรือไม่เท่านั้น ไม่มีอื่นใดนอกจากนี้.... จากคุณ     : ตาลโตน เขียนเมื่อ     : 27 ต.ค. 54 11:03:06 ปล. ๑  ข้อความของ ท่านตาลโตน ที่ กรองคำ เว้นบรรทัด[ไม่ใช่เว้นวรรค] และ รวมกลุ่มไว้ ๙ บรรทัด สีฟ้า นั้น เป็นเพราะว่าได้มาอ่านพบแล้วทำให้นึกถึง ตำราเก่าๆ ที่พบเจอจากการศึกษาประวัติศาสตร์ศาสนา ควบคู่ไปกับ "ศาสนาโลก"_โดย อ.ธนู แก้วโอภาส* สนพ.สากลศึกษา พญาไท กรุงเทพฯ๑๐๔๐๐ พ.ศ.๒๕๒๕-๗  กรองคำ ปรารถนาที่จะได้เห็น ผู้เกิดขึ้นมาเพื่อ ทำหน้าที่ศาสนิกชน เช่นบุรุษผู้หนึ่ง ที่ชื่อ[ยังไม่แน่ใจเอ่ยตอนนี้-อาจจะผิดได้ :)  ที่มีกล่าวไว้ใน "ศาสนาโลก" เล่มนั้น บุรุษผู้นี้เขาได้ทำงาน เพื่อสังคมของเขา เพื่อศาสดา และเพื่อศาสนาของเขา อย่างหนัก และอย่างเต็มความสามารถ  อาจ จะอีกสักวันสักคืน ที่ กรองคำ จะนึกถึงชื่อ บุรุษผู้นี้ได้ ด้วยความแน่ใจ ว่าถูกต้อง - แล้วจะได้นำมา วิสัชนา กับท่านตาลโตน ในลำดับต่อไป ฯ ปล. ๒  การกลับมาปรากฏตัวของ login ตาลโตน อีกครั้ง ๑ นี้...ท่านฯได้ทำให้ ความจำที่ไม่ค่อยจะดีของ กรองคำ ย้อนกลับไปนึกถึง ระลึกถึง และคิดถึง บุรุษหนุ่มในประวัติศาสตร์ ผู้ที่มีชื่อว่า [_?-ยังนึกได้ไม่ชัด_] ผู้นี้ได้อีกครั้ง...ขอบคุณมาก_ครับ ฯ จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 54 21:35:26

ความคิดเห็นที่ 2 คุณ กรองคำ  ด้วยความนับถืิอคุณเป็นอย่างยิ่ง  ผมอยากจะเข้าใจที่คุณอธิบายหรือสนทนา  ธรรม กับทุกๆท่าน ผทว่าคุณมี ข้อคิดที่ดีที่น่าสนใจ เป็นอย่างยิ่ง แทบจะเรียก ได้ว่า ไม่มีเรื่อง ไร้สาระใดๆเลย และคุณเป็นคนสุภาพและน่า สนทนาด้วยจริงๆ    ถ้าคุณไม่คิดเป็นอย่างอื่น ผมอยากให้คุณใช้ การเขียน อย่างธรรมดา ที่เข้าใจ ง่ายๆ สำหรับผม เพราะมีหลายอย่างที่คุณเขียน มันไม่ง่ายสำหรับผมที่จะเข้าใจ ต้อง นั่งอ่านทบทวนนานมาก  โดยเฉพาะการใช้ สีต่างๆ ในการเน้น และ การอธิ บาย  บางครั้งผมตาลาย  หรืออาจจะเป็นเพราะ ความชราภาพในสังขาร ของ ผม ก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณมีความปรารถนาที่จะให้ ความรู้ เหล่านี้ เป็นกุศลทาน แก่บุค คลทั่วไปแล้ว  มีทางใดไหมครับที่จะ เขียนในรูปแบบธรรมดา ที่เข้าใจง่ายๆ ถ้า คุณกรุณาทำได้ ผมจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ ศาสนา อิสลาม    ย่อหน้าสุดท้ายนี้ ผมยังสงสัยว่าเรื่องราวเหล่านั้นไปเอามาจากที่ใด ทั้งนี้ไม่มี   หรือผมจะยังอ่านไม่พบในอัลกุรอาน  การประทานอัลกุรอานนั้น ประทานมา   เพื่อแก้ไขปัญหาในขณะนั้น และเป็นการวาง แนวทาง ไว้ประยุกต์ใช้ ในอนาคต   เมื่อเกิดปัญหาในลักษณะเดียวกัน  ไม่เคยปรากฏว่า พระเจ้า สั่ง เทวดาให้มา   ตรวจสอบความทรงจำของท่าน ศาสดามูฮัมมัด, ท่านจะตรวจสอบเอง เมื่อสาวก   ของท่านจดบันทึกไว้ ซึ่งมีทางเป็นไปได้  นี่คือความเห็นของผมเท่านั้น การที่คุณ   อ้างอิงข้อความนี้ คุณพยายามที่จะอธิบายเรื่องอะไรหรือครับ?   ขอบคุณไว้ล่วงหน้าถ้าคุณจะกรุณา ตามคำขอร้องของผม..   ด้วยความนับถืออย่างยิ่ง จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 54 23:34:05

ความคิดเห็นที่ 3 "เปรียบเทียบ ความเข้าใจ ใน กรณีนี้ แล้ว มันต่างกับที่ เราท่าน ท่องสูตรคูณ  กันมาเมื่อแต่ก่อนตอนเยาว์โน้น หรือไม่ ??? " "ท่านตาลโตน ลอง แทนที่คำว่า ท่อง ในประโยคข้างบนนั้น ด้วยคำว่า อ่าน  หรือ อ่านทบทวน ในบริบทที่มี ความเข้าใจ-ความจริงของโลก คือ ท่านนะบี  อ่านไม่เป็น-เขียนไม่ได้ !!!"         ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณกรองคำกำลังอธิบายว่า  "อ่าน" ก็คือ "อ่านจากข้อ     เขียน" และ"ท่อง" ก็คือ "การอ่าน แล้วจำได้และท่องโดยไม่มีการดูตัวบท"       หรือ "การท่องคือการกล่าวตามคำพูดของผู้ที่ท่องให้เราฟังจนเราจำได้ขึ้นใจ"   แต่ข้อความที่ว่า "ศาสดาอ่านทบทวนโองการที่ได้รับทีละครั้งทุกๆปี"  แสดงให้เห็น   ว่าท่านศาสดา "อ่านหนังสือเป็น"  ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิดในเหตุผลของคุณกรองคำ   ซึ่งเป็นเหตุผลที่น่าสนใจ       ทีแรกผมตั้งใจว่าจะรอให้เรื่องน้ำท่วมยุติเสียก่อนและ ประชาชน ชาวไทยเรา     ผ่านพ้นจากความทุกข์แล้ว จึงจะ สนทนาในเรื่อง ศาสนา ต่อ  แต่ขณะนี้ขอ เพียง     แค่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น เอาแต่เพียงว่า ตอนนี้ อยากให้คุณกรองคำ ทราบความ     คิดเห็นของผม เสียก่อนว่า "สำหรับผมท่านศาสดนทูตมูฮัมมัด เป็นผู้มีความรู้อ่าน     อ่านและเขียนหนังสือได้"       ถ้าภาษาไทยเราบอกว่า นาย ก. อยู่ในกะลาครอบมานานจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร     เลย คำกล่าวเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่า "นาย ก. อาศัยอยู่ในกะลาครอบ" แต่     หมายถึง นาย ก.อยู่ในสังคมของผู้ที่ไม่มีความรอบรู้เรื่องราวใดๆ คือ อยู่ในสังคม     ของ ยุคมืด ที่ขาดความรู้ในเรื่องราวใดๆภายนอกสังคมของเขา  นั้นคือ ในสังคม     ที่ นาย ก. เติบโตมา นั้น ผู้คนเหล่านั้นขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องราว ภายนอก     สังคมของเขา       คำว่า"อยู่ในกะลาครอบ" ในภาษาไทยเราไม่ว่าจะแปลอย่างไรก็ตาม จาก       พจนานุกรม หรือ ราก ศัพท์ใดๆ ก็ตาม จะหมายถึง "ผู้ที่อาศัยอยู่ในกะลา"         เท่านั้นจะแปลตรงตัวเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย       แต่สำหรับผู้ที่มีความรอบรู้ และผู้ที่ใช้สคิปัญญาจะเข้าใจว่าเป็น การเปรียบเทียบ         หรือ มีความหมายที่แฝง อยู่ใน "วลี" นั้น, และเข้าใจได้ว่ายังมีความหมายที่แท้       จริงคือเป็นการเปรียบเทียบ ถึงสภาพบุคคลและสังคม หรือสิ่งแวดล้อมที่ นาย ก.       อา ศัยและใช้ชีวิตอยู่มาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่        ผมจะอธิบายตามความเช้าใจของผม ซึ่งจะไม่มีการโต้แย้งกับความคิดเห็นของ        ท่านผู้ใดทั้งสิ้น  การโต้แย้งความคิดเห็น ของผู้ใดก็ตาม เพื่อเอาแพ้ชนะกันนั้น        ย่อมไม่เกิดผลอะไร  เพราะแต่ละท่านย่อมเชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเท่านั้น        สำหรับผมต้องการ แสดงความคิดเห็นให้เกิดความคิดในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้        เกี่ยวกับความศรัทธาต่อ พระเจ้า ไม่ว่า "ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดจะอ่านและเขียน        หนังสือได้หรือไม่ได้ก็ตาม,ไม่ได้เปลี่ยนศรัทธาของ มุสลิมไปจากความ ศรัทธา        ต่อบัญญัติในอัลกุรอานว่า เป็น "บัญญัติของพระเจ้าที่แท้จริง" แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 54 00:34:10 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 54 00:32:19 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 00:30:38

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่รู้มีใครบอกหรือยัง ถ้ายัง ขอบอกว่า ทำตัวสีแบบนี้ ลายตามากครับ ด้วยความเคารพ... จากคุณ : tiger18 เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 16:52:03

ความคิดเห็นที่ 5 เรียน ท่านแมทท์ ที่นับถือ ด้วยความยินดีที่ ท่านแมทท์ ได้ให้เกียรติเข้ามาร่วม สนทนา เชิง ปุจฉา-วิสัชนา กับกระทู้ของคนที่ถูกชี้-ตีตราว่า โง่เขลา-เบาปัญญา ต่ำต้อยน้อยความรู้ จากกลุ่มชนคนศาสนาเดียวกับท่านฯ กรองคำ ต้องขออภัยต่อ ท่านแมทท์ ที่ช่วงผ่านๆมา กรองคำ ได้ทำการดั่ง ละเมิด-กลั่นแกล้ง-ตัดทอน ความสะดวกในการสื่อสาร เสพเนื้อหาเรื่องราว ส่วนที่ เป็นความคิดเห็นของกรองคำ นำเสนอขึ้นมาในรูปแบบของกรองคำ ตามที่มี-ที่เป็น-ที่เห็นกันมาตลอด ตั้งแต่ต้น-และทั้งก่อนหน้านี้ นานมากแล้ว-นั้น ฯ _ต่อ ท่านแมทท์ ต่อนี้ไป กรองคำ จะ ลด-ทอน ความเคยชิน-จริตนิสัยส่วนตนใน ส่วนนี้ ลง  เพื่อคงความเอื้อเฟื้อ-เชื่อฟัง และ เคารพใน ธรรมวุฒิ-อาวุโส ตามคำสอนสั่งในพระพุทธพจน์  ตามควร-ตามกาล...ฯ จึงที่ผ่านมาแล้ว กรองคำ ต้องขออภัย ต่อ ท่านแมทท์ เป็นอย่างยิ่ง นะครับ :) @ สืบเนื่องจาก...หากจะกล่าวตรงนี้ อาจจะไม่สมควรเพราะ กระทู้ต้นเรื่องยังไม่ได้เข้าสู่ วาระยุติกรรม  แต่โดยฐานะ จขกท. ย่อมจะนำมาเอ่ยถึง-เท้าความ เพื่อการ ปุจฉา-วิสัชนา กันได้สะดวก-ตรง-ชัด ในประเด็น ฯ        o เป็นเหตุการณ์จากที่ กรองคำ ได้พบเจอกับตัวเอง จากที่มี เพื่อน ในวงรอบของการทำงาน แนะนำให้ช่วย วิเคราห์-พิจารณา การงานของเขา ส่วนที่เกี่ยวกับ การศึกษาศาสนา ในพื้นที่ใดๆ-ของเยาวชนไทย ในวัย-วันที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คือตั้งแต่ ปลายปี ๒๕๕๑ เป็นต้นมา... รายละเอียด-ยกไว้ เพราะจะยาว-และยังจะไม่เป็นผลดีต่อ เยาวชนไทย ของทุกๆศาสนา-กลุ่มชนที่ยังไม่มีศาสนา ในส่วนของ กลุ่ม-ฝ่าย-พวก ที่ ถูกกระทำ ด้วยการสอน-การอ้างอิง ด้วยสื่อ-สิ่งใดๆ ฯลฯ จากกรณี "มนุษย์ผู้เป็นศาสนทูตแห่งเอกองค์อัลลอหฺนั้นมีมากกว่าหมื่น ทุกท่านคือนบีของอัลลอหฺ พระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว มนุษย์ผู้ถูกเลือกให้เป็นนบีนี้ ต่างมีชีวิตอยู่ทั่วไปในทุกถิ่นฐานทุกๆดินแดนบนหน้าแผ่นดินที่พระองค์ทรงสร้างให้พวกเรา และนบีคือผู้ยืนยันแก่พวกเราถึงพระธรรมคำสอนที่เป็นความจริงจากพระเจ้า ทุกข้อความจริงมีอยู่ในคัมภีร์เล่มนี้ และแท้จริงแล้ว ท่านนบี คือ มุฮัมมัด ผู้ที่เป็นศาสนทูตคนสุดท้ายบนโลกของเรานี้ ท่านเป็นคนที่อ่านออก-เขียนได้ นั่นคือ ท่านนบีมุฮัมมัดอ่านหนังสือได้ และเขียนหนังสือก็ได้...คัมภีร์อัลกุรอ่านเล่มนี้จึงมีแต่บัญญัติที่ถูกต้อง ...ฯลฯ"   ซึ่งมีการนำข้อความตาม-ใน-จากแหล่งข้อมูล ที่ปรากฏอยู่่บน โลกแบนแผ่นนี้  มาสนับสนุน-เพิ่มน้ำหนักให้กับ เหตุผล-ข้ออ้างอิง-เพื่อโน้มน้าว-กล่อมเกลา ให้มี-เป็นทางของความคิดเห็น คล้อยตาม เข้าสู่แนวทางการสอนศาสนาแนวใหม่ ของคนกลุ่มหนึ่ง ด้วยข้อความ เช่น :- o  ท่านศาสดาอ่านทบทวนโองการ..>..ญิบรีลได้มาฟังท่านศาสดาอ่านทบทวนอัลกุรอานสองครั้งเพื่อความมั่นใจว่าท่านศาสดาได้จดจำโองการทั้งหมด <Click link :) o  ท่านศาสดาอ่านทบทวนโองการที่ได้รับปีละครั้งทุกๆปี  <Click link :) o  ท่านได้อ่านอัลกุรอานทั้งหมดต่อหน้าญิบรีล (กาเบรียล) <Click link :) o  ท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้อ่านโองการหนึ่งจากคัมภีร์อัลกุรอานเป็นการเสร็จสิ้นการกล่าวเทศนา จากนั้นท่านได้ลงจากหลังอูฐเพื่อทำละหมาดซุฮร์  <Click link :) และ  ที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษก็คือ ศาสดามุฮัมมัด นั้นไม่เคยศึกษาเล่าเรียน หรือผ่านสถาบันใดๆมาเลย  <Click link :) เป็นต้น ฯ [ใน/โดยส่วนตัวของ กรองคำ มีความเห็น-ความเชื่อ-และให้ความรู้ส่วนนี้แก่ตนเองไว้เช่นไร-อย่างใด ขอยังไม่บ่งบอกทั้ง เหตุและผล และหลักข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณา ในส่วนนี้ อันอาจจะเหมือน-เป็นเช่นเดียวกับท่านแมทท์ หรือไม่เป็น-ไม่เหมือนนั้น ขณะนี้คงยังตอบไม่ได้-แม้ว่าจะมีแนวทางอยู่บ้างแล้วก็ตาม] @ จากตรงนี้ ในเบื้องต้น กรองคำ เห็นว่า เป็น เรื่องภายใน ที่ศาสนิกของศาสนา ควรที่จะ จัดการกันเอง แต่ด้วยการขอความเห็นจาก เพื่อน-เพื่อนผู้ร่วมสายงาน ซึ่งเเขา-เธอเป็น ศาสนิกที่ดูแลส่วนนี้อยู่  ก็จึงรับปากว่าจะ ช่วยพิจารณา เท่าที่จะทำได้/ไม่รู็ว่าจะได้หรือไม่-ได้สักเท่าใด ไม่ได้รับปาก  แต่ก็ลงมือทำตามที่คิดว่าน่าจะเป็นช่องทาง-หนทางหนึ่งที่ทำได้ เพราะเป็น สาธารณะที่เช้าออกได้อิสระ ๑๐๐% นั่นคือ เริ่มต้นที่ wikipedia สารานุกรมเสรี เหตุผลก็คือ มี ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนอยู่ หลายจุด ความคุ้มค่ากับเวลาที่จะใช้ไปในการนี้ก็คงพอจะมีมากกว่าที่อื่น ซึ่งก็มี ความคลาดเคลื่อน-แตกต่าง-ขัดแย้ง ในสิ่งต่างๆนั้น/คล้ายคลึงกันนั้น อยู่อีกไม่น้อย ว่าถึง wiki ซึ่งได้ยกขึ้นมาชี้แนะให้เห็นกันเป็นลำดับที่ ๒ หลังจาก กรองคำ ได้เข้าไป แตะต้อง จุดผิดพลาดคลาดเคลื่อนที่มีใน กระทู้หนึ่ง <Clickที่นี่ได้ :) ใน wiki [ซึ่งการ นำ เนื้อหาสาระ ขึ้นไปแสดง โดยหลักการปฏบัติแล้ว ย่อมจะเป็นเรื่องของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเผยแผ่ความรู้ด้านศาสนานั้นๆ] มีข้อมูล คือ คำ และ ข้อความ ที่ ผิดเพี้ยนไปจาก ที่มีที่เป็น-ที่รับรู้กันโดยทั่วไป ปรากฏอยู่ มาก และมีข้อความ อันที่เป็น ๑.  เนื้อหา มีความขัดแย้งกันเองในบทความนั้น คือ  ๑.๑ อัลกุรอาน (อาหรับ: الْقُرآن‎) มาจากรากศัพท์ในภาษาอาหรับแปลว่า การอ่าน หรือ การรวบรวม อัลลอฮฺ ได้ทรงประทานคัมภีร์อัลกรุอานแก่ นบีมุฮัมมัด ซึ่งเป็นศาสนทูตคนสุดท้าย และคัมภีร์นี้ก็เป็นคัมภีร์สุดท้ายที่พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งมาให้แก่มวล มนุษยชาติ หลังจากนี้แล้วจะไม่มีคัมภีร์ใด ๆ จากพระผู้เป็นเจ้าอีก คัมภีร์กรุอานนี้ได้ประทานมาเพื่อยกเลิกคัมภีร์เก่า ๆ ที่เคยได้ทรงประทานมาในอดีตนั่นคือคัมภีร์เตารอต (Torah) ที่เคยทรงประทานมาแก่ศาสดามูซา >ฯลฯ คำว่า คัมภีร์อัลกรุอาน หรือ กรุอาน นี้ มีมากถึง ๑๐ ตำแหน่ง       ๑.๒ คนที่ไม่เคยแต่งโคลงกลอนและ อ่านเขียนไม่ได้ อย่างมุฮัมมัด จะต้องไม่ใช่ผู้แต่งอัลกุรอานเป็นแน่ แต่กลับมีข้อความที่บอกว่า อ่านได้-ได้อ่าน ปรากฏอยู่...๒ แห่ง ใกล้เคียงกัน       o ท่านศาสดาอ่านทบทวนโองการที่ได้รับปีละครั้งทุกๆปี แต่ในปีสุดท้ายก่อนท่านศาสดาจะเสียชีวิตนั้น ญิบรีลได้มาฟังท่านศาสดาอ่านทบทวนอัลกุรอานสองครั้งเพื่อความมั่นใจว่าท่าน ศาสดาได้จดจำโองการทั้งหมด โดยไม่มีที่ตกบกพร่อง ฯลฯ @ ๒.  เนื้อหา มีความขัดแย้งกับ ข้อมูลภายนอก ซึ่งมีการอ้างอิงไว้อย่างชัดเจน ในแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งเล็ก-ใหญ่ ทั้งใน และนอกประเทศ  ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ทั้ง อังกฤษ และ อะรับ ฯ (:> ท่านศาสดาเสียชีวิต  หลังจาก  โองการอัลกุรอานได้รวบรวมขึ้นเป็นเล่มบริบูรณ์ <:) ซึ่ง ปรากฏการณ์ต่อมา จากที่ กรองคำได้ แตะต้อง ตรงนี้ เพียงเพื่อจะ บอกกล่าว  ก็คือ สิ่ง-อัน และ เรื่องราวต่างๆนานา ว่าด้วย การตีตรา-ชี้ด่าว่า โง่เขลา เบาปัญญา หาเรื่อง ดิสเครดิตอิสลาม เป็นสาสนิกพุทธที่เลว เพราะ ข้ามศาสนา และ อื่นๆ อีกมากมาย ฯลฯ เชื่อว่า ท่านสมาชิก ศาสนิกชนทุกคนทุกศาสนาในห้องศาสนานี้ ย่อมจะได้ผ่านสายตา นานา คคห.จาก สมาชิกฯ-ศาสนิกมุสลิม ผู้รัก-ภักดี ห่วง-หวงแหนในอัล-อิสลาม ยิ่งสิ่งใดๆในชีวิต-อย่างแท้จริง ทั้งหลายเหล่านั้น ฯ คงได้ รับรู้-รับอ่าน สารพันคำตอบ คำเตือน คำ ฯลฯ ใน คคห. นั้นๆ กัน ไปมากแล้ว  ก็จึงขอ ไม่ย้อนเรื่อง-ไม่แบกคอนความ อะไรๆ-ใดๆ เหล่านี้-เหล่านั้น อีกต่อไป ฯ ถือว่า ได้ช่วยเพื่อนร่วมสายงาน พิจาณา เรื่อง ธรรมดาโลก เรื่องหนึ่ง จบ-เสร็จสิ้นภาระกิจไปแล้ว เท่านั้นเอง ฯ เกิดขึ้น - ตั้งอยู่ - (เปลี่ยนแปลง) - ดับไป  กฏพระไตรลักษณ์ ใน พระพุทธศาสนา สัจธรรมแห่งองค์พระสัมมาฯ-พระพุทธเจ้า หามีสิ่งใดในสามโลกจะ หลีกพ้น ไปได้ไม่ ปล.๑ ต้องขออภัยต่อทุกท่าน กรณี กรองคำ เน้นสี  คือ...มันเป็นส่วนหนึ่งของ จริตวิสัยอันชอบประพฤติ-คือเป็น สันดา-น.หนู ส่วนตนแท้ๆ แต่ กรองคำ ก็จะ ลด-ทอน ลงตามที่ได้รับปากกับ ท่านแมทท์ ไว้แล้วนั้น คือ ยังเน้น แต่เน้นน้อยลง เน้น-ตามเหตุ-ตามควรแก่เหตุ ที่เห็นว่า ควรเน้น-นะครับ ฯ ปล.๒ ขอบคุณ ท่าน tiger 18 ที่สะกิดเตือนเรื่อง เน้นสี มาด้วยอีกเสียง ๑  ขอน้อมรับเพื่อปรับ-เตือนตน ในการเสนอข้อความใดๆในครั้งต่อๆไป - ด้วยความยินดี  และ ณ โอกาสนี้ ก็-ขอขอบคุณท่าน tiger18 มากครับ :) ปล.๓  จากการกรุณาให้ข้อคิด-ท้วงติง และ ปุจฉา จาก ท่านแมทท์ กรองคำ จขกท. จึงต้องกลับขึ้นไป แก้ไข-ปรับปรุง บางข้อความใน คคห.ข้างบนอีก ๒~๓ แห่ง  เพื่อให้มี-เป็น การสื่อความ มีความเข้าใจที่ตรง-ชัดเจนกว่าที่ได้วางไว้นั้น ฯ   @ และ ..ขอบพระคุณท่านแมทท์ ที่เมตตา ตักเตือน ในข้อนี้-ข้อนั้นมา ณ เวลาที่ น้ำเต็มเมือง เช่นนี้-เป็นอย่างยิ่ง ครับ :) o ความไม่ถูกต้องของข้อมูล ใน wikipedia ที่มีส่วนทำให้เกิดการ บิดเบือน_ _เกิดขึ้นในการสอนประวัติศาสตร์ของศาสนา o ณ วันนี้ ปรากฏว่ามีการ แก้ไข ข้อมูล แต่_ยังมี_คำ-ข้อความ ที่ ขัดแย้ง กับ ความจริง ปรากฏ ตกค้าง อยู่-อีกมาก !!! <Click link :) o จึงขณะนี้ ไม่แน่ใจว่า เป็น ศาสนิกใดแน่ ที่นำเสนอเนื้อหาสาระทางศาสนาชิ้นนี้ ขึ้นไว้ใน wikipedia o * แก้ไข ผิด-ตก วรรคตอน link ตามประสาคนโง่เขลา-เบาความ อีกครั้ง เมื่อ 30 ต.ค. 54 20:33:33:) แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 54 20:34:15 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 54 19:59:25 แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 54 19:15:31 จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 19:12:23

ความคิดเห็นที่ 6 อัลกุรอาน (อาหรับ: الْقُرآن‎) มาจากรากศัพท์ในภาษาอาหรับแปลว่า การอ่าน หรือ จะแปลว่า การรวบรวม ก็ได้เช่นกัน o สีฟ้านั้นเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมโดย จขกท :)      o ท่านนบี ซึ่ง/เมื่อได้รับ วฮี ท่านก็จะประกาศไห้บรรดาสาวกของท่านได้รู้ และก็มีหลายท่านจดบันทึกไว้ และตัวท่านนบีเองก็จดจำไว้เช่นกัน ทั้งที่ท่านอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จนบันทึก อัลกุรอ่าน จนจบเล่มได้ โดยบอกความจำของท่าน      เรื่องการรวมอัลกุรอ่านมีกล่าวไว้ไน อัลกุรอ่าน ซูเราะห์ อัลกิยามะห์ อายะห์ที่17 ความว่า แท้จริง หน้าที่เราคือการรวบรวมอัลกุรอ่าน(ไห้อยู่ในทรวงอกของเจ้า) และการอ่านเพื่อ ไห้จดจำ นั้นเป็นงานของเรา       นั้นแสดงว่าการรวมโองการลงมาเป็นเล่มรวมทั้งจัดเรียงเป็นซูเราะห์ได้มี ถูกกระทำขึ้นในระยะที่ท่านนบียังมีชีวิตอยู่ โดยการควบคุมดูแลของท่านนบีเอง ด้วย ทางนำ จากพระเจ้า      o นอกจากนั้นยังมีหลักฐานชี้ถึงการที่ถูกนำมาอ่านในละหมาดในขณะที่ท่านยังมี ชีวิตอยู่  อัลกุรอ่านได้ถูกบันทึกลงบนวตถุต่างๆ อีกทั้งยังถูกจดจำจากนักท่องจำ กุรรออ์ @  ต่อมาบรรดานักท่องจำได้ล้มตายกันมาก เนื่องจากการสูญเสียนี้ ท่านอุมัร จึงได้กระตุ้นเตือนท่านคอลีฟะห์ อบูบักร ถึงความจำเป็นที่จะรวบรวมไว้ และสำเร็จในสมัยค่อลีฟะห์ อุมัร เมื่อรวบรวมเสร็จจึงนำมาเทียบดูกับฉบับของ ท่านหญิงฮัฟซะห์       o ต่อมาในสมัยท่านค่อลีฟะห์ อุสมาน ตามหัวเมืองต่างๆได้มีการอ่าน อัลกุรอ่าน ที่เพี้ยนไป ดังนั้นท่านอุสมานจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดทำไห้ได้มาตรฐานของ อัลกุรอ่าน นำมารวบรวม - รวมทั้งฉบับที่เก็บไว้โดยท่านหญิงฮัฟซะห์ด้วย และยังกำชับไห้รักษาสำเนียงการออกเสียงของเผ่ากุเรส อันเป็นสำเนียงของท่านนบีเอาไว้ด้วย-ในกรณีที่มีการออกเสียงเป็นหลายสำเนียง @  คณะกรรมการได้จัดทำต้นฉบับมาตรฐานขึ้นเรียกว่า ฉบับอุสมานีย์ [และเป็นฉบับที่ใช้กันจนถึงปัจจุบัน] และได้แจกจ่ายไปตามหัวเมืองต่างๆ และต้นฉบับเก่าที่รวบรวมจากหัวเมืองต่างๆก็ถูกนำมาทำลายเสีย  [ปรับปรุง จัด วรรคตอน และ แก้คำผิด ในข้อความข้างบนนี้ โดย จขกท. / หากมีการผิดเพี้ยน-บิดเบือนใจความไปจากต้นฉบับต้นทาง ยินยอมรับผิดชอบตามข้อ กม.] THE BOOK [THE READING] <Click link :)      o อัลกรุอาน มีทั้งหมด  114  ซูเราะห์  6,236  อายะห์  เซด บิน ษาบิต เป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับงานชิ้นนี้  เพราะเขามักจะต้องเป็นอาลักษณ์ของท่านนาบีอยู่เสมอ  และเป็นสาวกผู้หนึ่งที่ได้เรียนกรุอานจากท่านนาบีโดยตรง       ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้อยู่ในตอนที่ท่านนาบีอ่านกรุอานทั้งหมดให้แก่ยิบรออีลฟังอีกด้วย        o สาวกของท่านนาบีได้เก็บบันทึกกรุอานบางส่วนไว้ในครอบครอง  บุคคลเหล่านี้ ได้แก่  อุษมาน   อาลี   อับดุลลอฮ์บินมัสอูด   อับดุลลอฮ์บินอัมรฺบินวาส   ซาลิมบินญะบัล   เซดบินษาบิต   อุบัยย์บินกะอับ   บันทึกหลักฐานจากหะดิษว่าท่านนาบีได้อ่านกรุอานต่อหน้ายิบรออีลในทุกเดือนรอมฎอน  แต่ท่านจะอ่านกรุอานทั้งหมดสองครั้งในระหว่างเดือนรอมฎอนสุดท้ายในชีวิตของท่าน และ เซด บิน ษาบิต ก็เป็นผู้ที่อยู่ร่วมในการอ่านครั้งที่สองนี้ด้วย     o กรุอาน เรียบเรียงมาตั้งแต่เดิมแล้ว แต่การลงมาให้กับท่านรอซูลนั้น ลงมาตามเหตุการณ์และเรื่องราวขณะนั้น [ข้อความส่วนข้างบนบรรทัดนี้ กรองคำ แก้ไขต้นฉบับต้นทาง เพียงการจัด วรรค-ตอน บางแห่ง เท่านั้น] ศาสดาผู้ไม่รู้หนังสือ และ การรวบรวมขึ้นเป็นเล่มของโองการจากพระเจ้า <Click link:) @ Credit : kheedes @ A wanderer on the Islam way  <Click link:) Posted 27/08/2011 by kheedes จากคุณ : กรองคำ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 04:16:06

ความคิดเห็นที่ 7 ผมขอทำความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้ก่อนเพื่อที่จะคุยต่อในเรื่องหลักการอย่างไม่มี แคลงใจกัน คุณเขียนว่า 1.ด้วยความยินดีที่ ท่านแมทท์ ได้ให้เกียรติเข้ามาร่วม สนทนา เชิง ปุจฉา-วิสัชนา กับ   กระทู้ของคนที่ถูกชี้-ตีตราว่า โง่เขลา-เบาปัญญา ต่ำต้อยน้อยความรู้ จากกลุ่มชนคน   ศาสนาเดียวกับท่านฯ   ตอบ:  ผมยินดีที่จะคุยกับ เพื่อนสมาชิกชาวไทยทุกๆท่าน ทุกๆความศรัทธา  ที่สุภาพ  และใช้เหตุผลไม่มีการลบหลู่ ดูถูก ความ ศรัทธาของกันและกัน, โดยที่ไม่คิดว่า ผม  พยายามเผยแพร่หลักการของอิสลาม เพื่อชักจูงให้ผู้ต่าง ศรัทธา มาหลงเชื่อ และ  ศรัทธาต่ออิสลาม แบบยกตนข่มท่าน เนื่องจากผมเองเชื่อว่าศาสนาทุกๆศาสนา มี  เจตนา ที่ดี ในการ ปรับปรุง และจัดระเบีนบการอยู่ร่วมกันอย่างสงบในสังคมมนุษย์    มารยาทของศาสนิกชนในศาสนาต่างๆย่อมแตกต่างกัน เนื่องจากการอบรมมาแต่  กำเนิดและการ เข้าใจใน หลัก คำสอน ของศาสนาของตนอย่างลึกซึ้ง เพียงไร ถ้าเข้า  ใจหลักการของ ศาสนาของตนดี ประกอบด้วยการอบรม ทาง ครอบ ครัว และสิ่งแวด  ล้อมภายในครอบครัวของเขาเหล่านั้น ดีและ มีระเบียบ,  มันก็จะแสดงออกทาง  การ  เขียน และถ้อยคำสำนวนของการเขียน ในการแสดง ความคิดเห็น ของเขา ซึ่งเราไม่  ควรใส่ใจ ในมรรยาท ของ เขาเหล่านั้น  ที่ ไม่เป็นที่ยอมรับ ตามบรรทัดฐานของ  สังคม มิฉน้นเรา จะหลุดออกจาก เป้าหมายที่ เราจะสื่อ ต่อ เขาและท่านสมาชิก ที่ดี ท่านต่างๆในที่นี้,  มุสลิมในห้องนี้บางคน ต้องการเขียนและโต้เถียงเพื่อต้องการความแพ้หรือชนะ ซึ่ง  เป็นที่นิยมกันในสัง คม มุสลิมไทยเรา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ระดับอาจารย์ ผู้รู้ และจะมีลูกศิษย์ เป็นกองเชียร์กัน บางครั้ง ผัวเมียในครอบ  ครัวเดียวกัน กลับมาบ้านยังมาทะเลาะกันเนื่องจาก ได้รับความรู้มาจาก ผู้รู้ที่แตกต่างกัน  การ ที่คุณถูกสมาชิก  มุสลิม ใน ห้องนี้ ด่าว่าคุณอย่างหยาบคายแล้ว ให้นึกว่าเขา เหล่านั้น มาจากสิ่งแวดล้อม คนละ ระดับ จากคุณ และบรรทัดฐานของสังคมที่ ต่างกับคุณ  แต่อย่าเข้าใจว่า  มุสลิมทั้งหมดเป็นเช่นนั้น  ส่วนมากแล้ว มุสลิม   ส่วนใหญ่มีมรรยาทดี กว่ามุสลิมบางค  ในที่นี้ และอย่าเขาใจว่า เป็นผลการสอน มาจากหลักการของอิสลาม ผมอยากเห็นมุสลิมที่มีคุณภาพ มากกว่า ปริมาณ  ถ้า มุสลิม มีเต็มโลกแต่ขาดคุณภาพแล้ว แทนที่ โลกมุสลิมจะสงบ สุข แต่จะกลายเ ป็น สงครามในสังคมมุสลิมเอง  ซึ่งชาวโลกเห็นได้ในปัจจุบันนี้ใน อาฟริกาและ ตะวันออกลาง, ในอเมริกาและในยุโรป 2.กรองคำ ต้องขออภัยต่อ ท่านแมทท์ ที่ช่วงผ่านๆมา กรองคำ ได้ทำการดั่ง ละเมิด-  กลั่นแกล้ง-ตัดทอน ความสะดวกในการสื่อสาร เสพเนื้อหาเรื่องราว ส่วนที่ เป็นความ  คิดเห็นของกรองคำ นำเสนอขึ้นมาในรูปแบบของกรองคำ ตามที่มี-ที่เป็น-ที่เห็นกันมา  ตลอด ตั้งแต่ต้น-และทั้งก่อนหน้านี้ นานมากแล้ว-นั้น ฯ _ต่อ ท่านแมทท์  ต่อนี้ไป กรองคำ จะ ลด-ทอน ความเคยชิน-จริตนิสัยส่วนตนใน ส่วนนี้ ลง  เพื่อคง  ความเอื้อเฟื้อ-เชื่อฟัง และ เคารพใน ธรรมวุฒิ-อาวุโส ตามคำสอนสั่งในพระพุทธ  พจน์  ตามควร-ตามกาล...ฯ จึงที่ผ่านมาแล้ว กรองคำ ต้องขออภัย ต่อ ท่านแมทท์ เป็นอย่างยิ่ง นะครับ :) ตอบ: ข้อนี้คุณอาจจะเข้าใจผิด คุณไม่จำเป็นต้องขออภัยเลย ครับ เป็นความบกพร่อง ของผมเอง ตามที่กล่าวมาแล้ว เนื่องจากผมตาลาย ต่อ สีต่างๆ และข้อความสำนวนที่ ผมไม่เคยชินนั้นเอง ซึ่งเป็นส่วนที่ผมจะต้องปรับปรุง ตัวเอง ให้ คุ้น เคยต่อการเขียนละ สำนวนของการเขียนของคุณ .. แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 08:06:59 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 07:48:30

ความคิดเห็นที่ 8 จากบทความ เรื่อง ศาสดาผู้ไม่รู้หนังสือ (Unlettered Prophet ) by kheedes ตามคำนำที่มีข้อความว่า "ในวิชาการด้านประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามที่ผ่านมา มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาของคัมภีร์ในศาสนาอิสลาม คือ อัลกุรอาน  ในฐานะที่เป็นคัมภีร์ที่บรรจุไว้ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งประวัติศาสตร์ หลักจริยธรรม หลักการทางศาสนา รวมทั้งมีข้อท้าทายที่ท้าให้พิสูจน์ในเชิงวิทยาศาสตร์ หากแต่ตัวบททั้งหลายในคัมภีร์นั้น มาจากศาสดามูฮัมหมัด ผู้เป็นที่รู้จักกันในสมัยนั้นว่า เป็นผู้ไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออก และเขียนไม่ได้ ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายๆ  ด้าน มีข้อยืนยันเดียวที่ตรงกัน คือ ท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น เป็นผู้ที่ไม่รู้หนังสือ อ่านหนังสือไม่ออก โดยแน่นอน แต่ความขัดแย้งในยุคหลังเกี่ยวกับ ท่านศาสดามูฮัมหมัด ในเรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นบนอคติ และการไม่ยอมรับหลักฐานที่มีในทางวิชาการ หากแต่โต้เถียงกันด้วยความอวดดี และ ความต้องการที่จะเอาชนะ เพื่อล้มล้างความมหัศจรรย์ของกุรอาน ที่ว่า . กุรอานนั้น ไม่มีทางมาจากผู้ไม่รู้หนังสือ " ความจริงแล้ว หากเราพิจารณาในอีกแง่มุมหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการไม่ยอมรับว่า ท่านศาสดามูฮัมหมัดนั้น ไม่รู้หนังสือ ก็คือ ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดที่ว่า ตัวบทของกุรอานนั้น มีความลึกซึ้งและมหัศจรรย์ มากเสียจนไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่า  จะมาจากผู้ที่ไม่รู้หนังสือ   บรรดาผู้ปฎิเสธความจริงในเบื้องลึกของจิตใจเหล่านี้ จึงเพียรพยายามหาคำอธิบายต่างๆ  นานา มาเพื่อปลอบใจตนเอง และทำให้เชื่อได้ว่า  กุรอานนั้น มาจากท่านศาสดามูฮัมหมัด ผู้ที่มีการศึกษา เขียนอ่านหนังสือได้และมีเฉลียวฉลาดในการแต่งบทประพันธ์พวกนี้ขึ้นมา   ในทางตรงกันข้าม ข้อความตัวหนาตอนท้ายของคำนำนี้ ไม่ได้ เป็นข้อพิสูจน์อะไรเกี่ยวกับ  “ ความลึกซึ้งและมหัศจรรย์ของอัลกุรอานว่า  ทำให้ ไม่อาจจะทำใจให้เชื่อได้ว่า  จะมาจากผู้ที่ไม่รู้หนังสือ”    ทั้งนี้ เป็นความเข้าใจของ ผู้เขียนบทความ นี้ ทึ่รวบรวมมาจาก การอ้างอิง ของ ผู้ เขียน ต่างๆ ผู้ที่อาจจะไม่แน่ใจในศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง  และขาดความไว้ใจ ในเกียรติ และความซื่อตรง  แห่งจิตใจที่ บริสุทธิ์ของ ท่านศาสนทูตผู้ที่มีเกียรติและ ผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยพระเจ้า . ผมจึงขอตั้งคำถามว่า มันมีความสำคัญนักหรือ ที่จะต้องทำให้ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด เป็น ผู้ที่ ไม่มีความรู้ในการ อ่านและเขียน หนังสือ แล้วมุสลิมจึงจะเชื่อว่าอัลกุรอานมาจากพระเจ้า และเป็นบัญญัติของ พระเจ้า อย่างแท้จริง, เกียรติและ ความเป็น บุคคล ที่มุสลิม ชื่นชมนักหนาไม่เพียงพอต่อการให้ ความไว้ใจ ในคำ บอกเล่าของท่านหรือ? นอกเหนือไปจากนั้น อะไรที่มุสลิม ศรัทธา ก่อนตามลำดับ   ท่านรอซูลมูฮัมมัด, อัลกุรอาน และ พระเจ้า ถ้ามองจากมุมมองนี้  เราจะ เห็นได้ว่า  มุสลิมจะต้องมีความ ใกล้ชิด ความ รัก ความไว้ใจ ใน ตัวท่านรอซูลเสียก่อน, แล้วจึงเชื่อว่าท่านได้ รับอัลกุรอาน จากพระ เจ้า  แล้วจึงเชื่อว่ามีพระเจ้า อย่างแท้จริง ถ้านางคอติยะห์ รวมทั้ง “นายวาระเกาะห์  ชายตา บอด ญาติผู้ใกล้ชิดของ นางคอติยะห์ ซึ่งเป็นลุง ของนาง และเป็นผู้ที่รอบรู้ใน เรื่อง ราวของ  นบีอิซาและนบีมูซา  ไม่มีความใกล้ชิดและความรัก และความไว้ใจ ในความ ซื่อตรง ของ ท่าน รอซูล และไม่ เชื่อ ในเกียรติคุณของท่านรอซูลแล้ว เขาเหล่านั้นจะ ไม่เชื่อในเรื่อง ญิบลีล  ที่มาติดต่อกับ ท่านรอซูล  ถึงแม้ว่า ท่านรอซูล จะอ่านหนังสือ หนังสือไม่เป็น และโง่อย่างดักดานก็ตาม ผู้ใกล้ชิดท่านรอซูล ที่กล่าวนามมานี้  จะไม่เชื่อว่า เรื่องที่ท่านรอซูล นำมาบอกเล่า นั้นเป็นความจริงแม้แต่น้อยเลย ทั้งนี้เพราะว่า  เขาไม่เชื่อว่าท่านรอซูลความเป็นผู้มีความซื่อตรง การที่เขาเหล่านั้นเชื่อในเรื่องการรับวะฮีย์ของท่าน รอซูล ก็เนื่องมาจากว่า  เขาเหล่านั้น เชื่อในคุณธรรมของท่านรอซูลมูฮัมมัด แต่เริ่ม แรก  ไม่ใช่เพราะว่า สิ่งที่ท่านได้รับวะยูห์ เกิดจากความมหัศจรรย์ ที่ท่านรอซูล อ่านและเขียนหนังสือไม่เป็น   ถ้าเราศึกษาจากอัลกุรอานเราจะเห็นว่า  พระเจ้ามีบัญชาให้ ท่านรอซูลมูฮัมมัด ศรัทธาและปฏิบัติตามหลักการของ ศาสนา ของท่าน นบีอิบรอฮิม “อิสลาม”  ซึ่งเป็นศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว  และปฏิบัติศาสนกิจ ทุกๆอย่าง ตามที่ท่านนบีอิบรอฮิม ปฏิบัติ คือ การ สรรเสริญพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ(การละหมาด), การถือศีลอด, การบรจาคเพื่อการกุศล(ซะกัต , การถือศีลอด และการเดินทาง ไปเยี่ยมเยียน มัสยิด หรือบ้านของพระเจ้าหลังแรก (บัยตุลลอฮ์) ซึ่งสร้างโดย ท่านนบีอิบรอฮิมและลูกชาย  ที่เรียกว่า “การไป “ฮัจจฺ”  ที่มุสลิม ปฏิบัติต่อเนื่องมา จนปัจจุบันนี้   หน้าที่ของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ที่ต่างจากศาสนทูตท่านอื่นๆคือการ “รับบัญญัติจากพระเจ้าเล่มสุดท้ายที่สมบูรณ์และมีรายละเอียด ในหลักการของศาสนาอิสลาม”    ตามธรรมชาติของมนุษย์เรา, ความเชื่อและความศรัทธาต่อ คำสั่งสอนของบิดามารดาบังเกิดเกล้าของเรา เกิดจากความใกล้ชิด ความ รักและความเคารพเชื่อฟัง ในคำสั่งสอนของท่าน ซึ่งไม่เกี่ยวกับ ความรู้และการศึกษาของพ่อแม่เรา ไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม ด้วยเหตุนี้  ผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง ย่อมไม่มี ข้อสงสัยหรือข้องใจใน ความมีคุณธรรมของ ท่านรอซูล ซึ่งถูกแต่ง ตั้ง โดยพระเจ้า  ด้วยเหตุนี้  มุสลิมผู้มีความศรัทธาต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง  ย่อมเชื่อใน  อัลกุรอาน และเกียรติคุณของ ท่านศาสนทูต มูฮัมมัด ว่า “อัลกุรอาน” นั้น เป็นบัญญัติที่แท้จริงจากพระเจ้า  โดยที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง กับ การอ่าน หรือเขียน หนังสือเป็นหรือ ไม่เป็น ของ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดเลย ถึงตอนนี้ขอให้เราพิจารณาการอ้างหลักฐานของ ตัวบทความก่อนว่า มี น้ำหนักมากเท่าใด,  หลังจากนั้น  จะเป็นการวิเคราะห์  ข้อ ความ จากบัญญัติในอัลกุรอาน  คำว่า,   “.الْأُمِّيِّينَ.”     ผู้ไม่รู้หนังสือ (Unlettered)  หมายความว่าอย่างไร หลักฐานประการที่ 1 – ท่านศาสดามูฮัมหมัด ยืนยันตนเองว่า อ่านหนังสือไม่ออก ท่านศาสนทูตไม่ได้ยืนยันด้วยตนเอง แต่เป็นเรื่องบอกเล่า ไม่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน มาจากฮาดีษซอเฮี๊ยะบุคอรี  บทที่ 1  หมายเลข 1-3 http://ahadith.co.uk/chapter.php?cid=1 ในอัลกุรอานมีบอกไว้แต่เพียงว่า ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี [96.1] จงอ่าน ด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด [96.2] ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด [96.3] จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง [96.4] ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา [96.5] ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้  จะเห็นว่าอัลกุรอานได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า  ในสมัยนั้นผู้คนได้รู้จักใช้ปากกาเขียนหนังสือแล้ว และ ท่านรอซูลก็รู้จักปากกาที่ใช้เขียนหนังสือ  คำว่า "อ่าน" ในที่นี้ หมายถึงการ “ท่องตามคำบอก”   หรือพระเจ้าอาจจะทรงทำให้ ท่านรอซูล เห็นข้อความในช่วงเวลาที่บัญญัติถูกประทานมา  [96.4 ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา] ซึ่ง เป็นเรื่องเร้นลับ,  แต่ฮาดีษ นำมาต่อเติมให้เป็นเรื่องเป็นราว  โดยอ้างว่า ท่านรอซูล รับว่าท่าน อ่านหนังสือไม่ออก และเขียนไม่ได้ ทั้งๆที่อัลกุรอานอธิบายให้เข้าใจว่า  “ท่านศานทูตเข้าใจการเขียนด้วยปากกา หลักฐานประการที่ 2 – ท่านศาสดาไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อของผู้ที่รู้หนังสือ ข้อนี้อธิบายไม่ยาก  การที่ท่านไม่มีชื่ออยู่ในจำนวนผู้รู้หนังสือ จำนวน 17 คนนั้น เนื่องจาก ฮาดีษบอกกว่า ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่ในสมัยท่าน ตามที่บทความอ้างอิงนั้น  อย่างน้อยก็มีถึง 30 คนผู้รู้หนังสือ  ซึ่งขัดต่อหลักฐานในช้อที่ 3 หลักฐานประการที่ 3 – ท่านศาสดาไม่เคยบันทึกกุรอานไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยตัวเอง มีรายงานบันทึกไว้ว่า ในช่วงต้นของการเผยแผ่ศาสนาอิสลามนั้น  ท่านศาสดามีอาลักษณ์หรือ ผู้ที่ทำหน้าที่บันทึกกุรอานอย่างเป็นทางการอยู่ประมาณ 30  ซึ่งขัดจำนวนคนที่รู้หนังสือขัดกับหลักฐานข้อที่ 2 ในจำนวนผู้อ่านออกเขียนได้ในสมัยนั้น หลักฐานประการที่ 4 – ไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นลายมือของท่านศาสดามูฮัมหมัด อ้างว่า “เป็นที่น่าแปลกว่า หากท่านศาสดาได้เคยเขียนหรือบันทึกกุรอานไว้ด้วยลายมือของท่านเองแล้ว  แน่นอนมันย่อมต้องกลายเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ที่ต้องมีการเก็บรักษาไว้มาจนถึงปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริง  กุรอานฉบับที่เก่าแก่ที่สุดที่มีเก็บรักษาไว้ในปัจจุบันนั้น เป็นกุรอาน ที่เขียนด้วยลายมือของนักบันทึกกุรอาน ในสมัยนั้น ไม่ใช่ลายมือของท่านศาสดา” ข้อนี้เป็นสิ่งที่ท่านศาสนทูตทำได้อย่างถูกต้องที่สุด การให้ บุคคลจำนวนถึง 30 คนจดบันทึกอัลกุรอาน นั้นทำให้ข้อความทุกๆอย่างที่เป็นวะฮีย์ถูกต้องและตรงกัน โดยที่ไม่มีการเขียนของท่านรวมอยู่ด้วย ถ้าท่านมีส่วนเขียนและบันทึกด้วยตัวท่านเองแล้ว  จะทำให้เกิดความแคลงใจในบัญญัติ ต่างๆในอัลกุรอานได้   หลักฐานประการที่ 5 – สนธิสัญญาหุดัยบียะห์    เรื่อง สนธิสัญญาหุดัยบียะห์ นี้ยังมีปัญหาอยู่มากในเรื่องความเท็จจริงของเรื่องเล่า ซึ่ง ไม่อาจจะเชื่อถือได้ คือไม่มีความแน่นอนว่า สนธิสัญญานี้มีจริงหรือไม่               .   ส่วนหลักฐานข้อความจากนักวิชาการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่มุสลิม  ที่ยืนยันถึงการเป็นผู้ไม่รู้หนังสือของท่านศาสดา  นั้นทำให้ เห็นว่าท่านรอซูลมูฮัมมัด มีจุดอ่อนในความเป็นศาสนทูตในสมัยที่มีการใช้ปากกา และข้อเขียน กันแล้ว แสดงให้เห็นว่า  เป็นผู้ที่ไม่สนใจในเรื่อง การอ่านการเขียน ถึงแม้จะมีอายุ ปาเข้าไป ถึง 40 ปีแล้ว ความคิดเห็นต่อไปจะเป็นการวิเคราะห์  ข้อ ความ จากบัญญัติในอัลกุรอาน  คำว่า,   “.الْأُمِّيِّينَ.”     ผู้ไม่รู้หนังสือ (Unlettered)  หมายความว่าอย่างไร อยากเว้นระยะให้ คุณกรองคำแสดงความคิดเห็นบ้าง..... แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 54 16:11:32 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 54 16:04:41