ความคิดเห็นที่ 1 มีครับ อยู่ตรงบันไดวัด กับหน้าแบงค์ ผมเห็นมากับตา!!! จากคุณ : สวรรค์รำไร เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 15:49:37

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าตอบว่ามีจริง ทั้งครุฑ ทั้งพญานาค แล้วจขกท จะเชื่อเหรอครับ? ในเมื่อมันไม่มีวิธีพิสูจน์ให้ประจักษ์แก่บุคคลอื่นได้ ในเรื่องแบบนี้ ใครมีทิพยจักขุ คนนั้นก็เห็นเอง รู้เอง รู้เฉพาะตนไป จะเอาไปบอก ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ เพราะมันเป็นประสบการณ์ ดังนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คำถามแบบนี้ จึงเป็นการถามอย่างเสียเปล่า ต่อให้มีคนมาอภิปรายถกกันอย่างยืดยาว สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาแต่อย่างใด เป็นการสูญเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่า ถ้าอยากรู้อยากเห็นมากนักจริง ก็ฝึกฝนให้มี ทิพยจักขุญาณ ขึ้นสิครับ มนุษย์เป็นสัตว์ที่ต้องฝึกและฝึกได้ เมื่อคนอื่นตอบให้เราไม่ได้ เราก็ออกค้นหาคำตอบเอาเองไปสิครับ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:10:56

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นที่ 2 ถูกของท่านค่ะ ท่านพูดถูก แต่ไม่ใช่ว่า ทุกคนที่ฝึกแล้วจะได้ ทิพยจักขุนะคะ ต้องมีของเก่าที่สะสมมาด้วย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ค่ะ จากคุณ : รุ่งฟ้าสาง เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:19:53

ความคิดเห็นที่ 4 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ มุจจลินทกถา เรื่องมุจจลินทนาคราช "....ครั้งนั้น เมฆใหญ่ในสมัยมิใช่ฤดูกาลตั้งขึ้นแล้ว ฝนตกพรำเจือด้วยลมหนาว ตลอด ๗ วัน. ครั้งนั้น มุจจลินทนาคราชออกจากที่อยู่ของตน ได้แวดวงพระกายพระผู้มีพระภาคด้วย ขนด ๗ รอบ ได้แผ่พังพานใหญ่เหนือพระเศียรสถิตอยู่ด้วยหวังใจว่า ความหนาว ความร้อน อย่าเบียดเบียนพระผู้มีพระภาค สัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เลื้อยคลาน อย่า เบียดเบียนพระผู้มีพระภาค." http://www.84000.org/tipitaka/read/?4/5 ========================================= สรุปเรื่อง พญานาค (โดยพิศดาร) -------------------------------------------------------------------- พญานาค ๔  ประเภท  ๑๐๒๔  ชนิด พญานาค  ๔  ประเภท ๑. กฏฺฐมุข พญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง  คือ  ถ้ากัดผู้ใดแล้วร่างกายผู้นั้นจะแข็งไป หมดทั้งตัว  อวัยวะต่างๆ  เช่น  แขน  จะงอเข้าและยืดออกไม่ได้  และ ปวดมาก ๒. ปูติมุข พญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง  ถ้ากัดผู้ใดแล้วรอยแผลที่ถูกกัดนั้นจะเน่า และมีน้ำเหลืองไหลออกมา ๓. อคฺคิมุข พญานาคนี้มีพิษชนิดหนึ่ง  ถ้ากัดผู้ใดแล้วก็เกิดความร้อนไปทั่วทั้งตัว   และรอยแผลที่ถูกกัดนั้นก็เป็นรอยริ้วคล้ายกันกับถูไฟไหม้ ๔. สตฺถมุข พญานาคนั้นมีพิษชนิดหนึ่ง  ซึ่งไปกัดผู้ใดเข้าแล้วผู้นั้นก็เหมือนกับ ถูกฟ้าผ่า ในบรรดาพญานาคที่ได้กล่าวมาแล้วทั้ง ๔  ประเภทนี้  พญานาคประเภทหนึ่งๆ  ก็มีวิธีทำอันตรายได้ ๔  ชนิด  คือ ๑. ทัฏฐวิสพญานาค ถ้ากัดแล้วก็เกิดพิษซ่านไปทั่วทั้งตัว ๒. ทิฏฐวิสพญานาค ใช้มองดูแล้วพ่นพิษออกทางตา ๓. ผุฏฐวิสพญานาค มีพิษทั่วๆไปที่ร่างกาย  ใช้ร่างกายกระทบเข้าก็กัดเป็นพิษซ่าน ออกมาได้ ๔. วาตวิสพญานาค ใช้ลมหายใจพ่นเป็นพิษ  และพิษอันนี้สามารถแผ่ซ่านไปได้, รวมพญานาค ๔  ประเภท  ก็มีวิธีที่จะทำอันตรายได้ ๑๖ ชนิด ในบรรดา ๑๖  ชนิดนี้  ชนิดหนึ่งๆ  แบ่งเป็นกิริยาของพิษได้อีก ๔  ชนิด  คือ ๑. อาคตวิส  น  โฆรวิส มีพิษแผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ไม่รุนแรง ๒. โฆรวิส  น  อาคตวิส มีพิษแรงมาก  แต่พิษนั้นแผ่ออกไปอย่างช้าๆ ๓. อาคตวิส  โฆรวิส มีพิษแผ่ซ่านไปอย่างรวดเร็ว  และแรงมาก ๔. น  อาคตวิส  น  โฆรวิส มีพิษแผ่ออกไปช้าและไม่แรง รวมเป็นวิธีที่จะทำอันตรายได้เป็น  ๖๔  ชนิด -------------------------------------------------------------------- ในบรรดา ๖๔  ชนิดนี้  ชนิดหนึ่งๆ  ได้แบ่งการเกิดออกเป็น ๔  ชนิด  คือ ๑. อัณฆชพญานาค พญานาคที่เกิดในไข่ ๒. ชลาพุชพญานาค   พญานาคที่เกิดในครรภ์ ๓. สังเสทชพญานาค พญานาคที่เกิดจากเหงื่อไคล ๔. โอปปาติกพญานาค พญานาคที่เกิดเป็นโอปปาติกะ รวมพญานาคทั้งหมดมี ๒๕๖  ชนิด -------------------------------------------------------------------- ในบรรดาพญานาค  ๒๕๖   ชนิดนี้  ชนิดหนึ่งๆ  แบ่งที่เกิดออกเป็น ๒  ชนิด  คือ ๑. ชลชพญานาค พญานาคที่เกิดอยู่ในน้ำ ๒. ถลชพญานาค พญานาคที่เกิดบนบก -------------------------------------------------------------------- รวมพญานาคเป็น  ๕๑๒  ชนิด ในบรรดาพญานาค  ๕๑๒  ชนิดนี้  ชนิดหนึ่ง   แบ่งเป็น ๒  ชนิด  คือ ๑. กามรูปีพญานาค พญานาคที่เสวยกามคุณ ๒. อกามรูปีพญานาค พญานาคที่ไม่เสวยกาม รวมเป็นพญานาค ๑๐๒๔ คำอธิบายที่ระบุถึงพญานาคว่ามี  ๑๐๒๔  ชนิดนี้  มีมาในขันธวัคคสังยุตตอัฏฐกถานาควัคค์ -------------------------------------------------------------------- ลักษณะของพญานาคที่มีประจำตัวอยู่เสมอ ๕  อย่าง พญานาคที่มีฤทธิ์มากนั้นสามารถจะเนรมิตตนเองให้เป็นคนได้ ถึงแม้จะเนรมิตตัวเองให้เป็นคนได้ก็จริง  แต่ลักษณะอาการ ๕  อย่างที่มีประจำตัวอยู่เสมอนั้น  ไม่สามารถคงร่างเนรมิตไว้ได้  ต้องปรากฏร่างเป็นพญานาคตามเดิมนั้นเอง  ลักษณะอาการ ๕  อย่างนั้น  คือ ๑. ในขณะปฏิสนธิ  ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค ๒. ในขณะลอกคราบอยู่  รูปร่างสัณฐานคงความเป็นพญานาคอยู่ตามเดิม ๓. ในขณะเสพเมถุนอยู่กับพญานาคด้วยกัน คงร่างเป็นพญานาค ๔. ในขณะนอนหลับนั้น  ถ้าหากเวลาใดนอนหลับไปโดยปราศจากสติ  ขณะนั้นร่างกายก็กลับเป็นพญานาคขึ้นมา ๕. ในขณะตาย  ก็ต้องปรากฏเป็นพญานาค ดังมีสาธกบาลีแสดงไว้ในธัมมบทอัฏฐกถา  สังยุตตอัฏฐกถา  วินยมมหาวัคคอัฏฐกถาว่า นาคสฺส  ปน  ปญฺจสุ  สภาวปาตุกมฺมํ  โหติ  ปฏิสนฺธิกา เล  ตจชหนกาเล  สชาติยา  เมถุนกาเล  วิสฺสฏฺฐนิทฺโทกฺ- กนกาเล  จุติกาเลติ. -------------------------------------------------------------------- การปรากฏขึ้นเป็นปกติของร่างกายพญานาคในเวลา ๕  อย่าง  คือ ๑. ในขณะปฏิสนธิ ๒. ในขณะกำลังลอกคราบอยู่ ๓. ในขณะกำลังเสพเมถุนอยู่กับพญานาคด้วยกัน ๔. ในขณะกำลังหลับปราศจากสติ ๕. ในขณะตาย -------------------------------------------------------------------- บุคคลที่ไม่มีการกระทำเป็นอันตรายต่อมรรคผล แต่ก็จัดเข้าประเภทติรัจฉาน ธรรมดาเทวดาทั้งหลายล้วนแต่เป็นบุคคลที่ควรได้มรรคผลด้วยกันทั้งสิ้น  แต่จัดเข้าจำพวกติรัจฉานนั้น  เพราะบวชไม่ได้  ดังมีสาธกบาลีแสดงได้ในวินยอัฏฐกถากังขาวิตรณีอัฏฐกถา  และวินยสังคหอัฏฐกถาว่า ยสฺส  อุปสมฺปทา  ปฏิกฺขิตฺตา  โส  ติรจฺฉานคโต  นาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ทรงปฏิเสธซึ่งความอุปสมบทแก่ บุคคลใด  บุคคลนั้นชื่อว่า  ติรัจฉาน มีสาธกบาลีแสดงไว้ในวินยมหาวัคคอัฏฐกถาว่า อนฺตมโส  สกฺกํ  เทวราชานํ  อุปาทาย  โกจิ อมนุสฺสชาติโย  สพฺโพ  อิมสฺมึ  อตฺเถ  ติรจฺฉานคโตติ เวทิตพฺโพ. บัณฑิตทั้งหลายพึงทราบว่า  เฉพาะเรื่องนี้  บุคคลที่ไม่มี ชาติเป็นมนุษย์  ถึงแม้จะเป็นพระอินทร์ก็ตาม  ต้องจัดเข้าใน ประเภทติรัจฉาน -------------------------------------------------------------------- อายุของพญานาค อายุของพญานาคไม่แน่นอน  บางทีก็อายุยืน  บางทีก็อายุสั้น  พวกที่มีอายุยืนนั้น  ถึงแม้พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลกถึง ๕  องค์ก็ตาม  พญานาคก็คงมีอายุอยู่  เช่นพญานาคตัวหนึ่งชื่อกาละ  กาละพญานาคนี้  มีอายุมาตั้งแต่พระกกุสันธะจนถึงพระสมณโคตรมะ  และจะมีอายุยืนต่อไปอีกจนถึงพระศรีอริยเมตตรัย (ที่มา ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมัตสังคหฎีกา) จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:30:29

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องพญาครุฑ พญาครุฑมีรูปรางสัณฐานเหมือนนก  ฉะนั้น  จึงจัดเข้าในประเภทของนกได้  ในบรรดานกทั้งหมด  พญาครุฑเป็นนกที่ใหญ่ที่สุดในจำพวกนกทั้งหลาย  อยู่ที่ป่าไม้งิ้วในชั้นที่สองของภูเขาสิเนรุๆ  มีบันไดเวียนรอบ ๕  ชั้น  ชั้นที่หนึ่งอยู่ในมหาสมุทรสีทันดรเป็นที่อยู่ของพญานาค  เจ้าแห่งพญาครุฑมีร่างกายสูง ๑๕๐  โยชน์  ปีกทั้งสองข้างกว้างข้างละ ๕๐  โยชน์  หางยาว ๖๐ โยชน์  คอยาว  ๓๐  โยชน์  ปากกว่าง ๙  โยชน์  ขายาว ๑๒  โยชน์ เจ้าแห่งพญาครุฑขณะที่กำลังบินอยู่  อำนาจของการกระพือปีกทั้งสองบังเกิดเป็นลมพายุใหญ่พัดไปทั่วไปไกลถึง ๗๐๐  หรือ ๘๐๐  โยชน์  ธรรมดาพญาครุฑนั้นต้องกินพญานาคเป็นอาหาร ดังมีสาธกบาลีแสดงไว้ในสังยุตตอัฏฐกถาว่า สุปณฺณราชา  ทิยฑฺฒโยชนสติโก  ตสฺส  ทกฺขิณปกฺโข ปญฺญาสโยชนิโก  โหติ,  ตถา  วามปกฺโข,  ปิญฺฉวฏฺฏิ สฏฺฐิโยชนิกา  คีวา  ตึสโยชนิกา,  มุขํ  นวโยชนํ,  ปาทา ทฺวาทสโยชนิกา,  ตสฺมึ  สุปณฺณวาตํ  กาตํ  อารทฺเธ  สตฺตฎฺฐ- โยชนสตฏฺฐนํ  นปฺปโหติ. (ที่มา ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมัตสังคหฎีกา) จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:35:41

ความคิดเห็นที่ 6 #2 เพราะอยากทราบคำตอบน่ะค่ะ ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ลองตอบมาเถอะค่ะ รับรองไม่โต้เถียงเพราะไม่ใช่จุดประสงค์ในการถามนี้ แค่ต้องการรับทราบ (อย่างมาก) แต่ถ้าจุดไหนไม่เข้าใจก็จะถามอีกที ว่าแล้วก็ถามต่อ (ถามท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ) แต่ค่อยๆ ตอบมาก็ได้ค่ะคือ ฝึกฝนให้มีทิพยจักขุญาณทำยังไงคะ ทำที่บ้านได้หรือไม่ ไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ในพระไตรปิฏก ศัพท์ในการทำสมาธิเป็นอุปสรรคมากไม๊คะ หรือว่าต้องผ่านด่านศัพท์ไปให้ได้ก่อนจึงจะปฏิบัติและบรรลุได้ ด้วยความเคารพจริงๆ เข้ามาแก้ไข พิมพ์นานเกินเหตุจนท่านอื่นๆ ข้างบนเข้ามาตอบบ้างแล้วยังไม่ได้อ่าน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 17:07:41 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 16:42:27 จากคุณ : มือใหม่...หัดปฏิบัติ (GravityOfLove) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 16:40:02

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าไม่เอาตามบันไดวัด หรือ หน้าแบงค์.... ...ความรู้สึกส่วนตัว ถึงจะไม่เคยเห็น แต่คิดว่ามีจริง! ยกตามตำราประไตรปิฏกก็ได้ครับ เรื่องราวที่ว่ามี "นาค" ปลอมตัวมาบวชบนโลกมนุษย์ จนภายหลังต้องมีคำถามก่อนบวชว่า "เป็นมนุษย์รึเปล่า" สุดท้าย นาค ก็ไม่ได้บวชครับ แต่ให้เกียรติ โดยผู้ที่ประสงค์ก่อนบวช ให้เรียกว่า "นาค" ครับ ส่วนครุฑ เคยได้ยินแต่ตำนานของฮินดูคือ ครุฑ ได้สู้กับพระนาราย แต่ไม่รู้แพ้รู้ชนะ (เก่งเทียบเท่ากับ 1 ใน 3 มหาเทพเลย) ก็เลยตกลงกันว่า ถ้าออกมาข้างนอก ครุฑจะเป็นภาหนะของพระนาราย แต่ถ้าอยู่ในที่ประทับ ครุฑจะอยู่สูงกว่าพระนาราย ครับ - นาคกับครุฑ ไม่ถูกกันอย่างเด็ดขาด  ถ้าอยู่สายนาค จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำพัวพันมาก และจะมีอันสื่อกับสิ่งที่เกี่ยวกับนาคมาก  ถ้าอยู่สายครุฑ ก็จะตรงข้ามกับน้ำ ไม่พกของที่เกี่ยวกับงู - ครุฑกับนาคเคยเป็นเครือญาติกัน - ขนครุท กันพิษนาคได้ - ครุฑ รับประทาน นาค เป็นอาหาร - นาค แพ้ ครุฑ แต่ ครุฑ แพ้ นางกากี ^^" (ความเชื่อการแก้ทางโหราศาสตร์) ...ตามตำนานที่เคยฟังๆ มา อ่านสนุกๆ ครับ จากคุณ : สวรรค์รำไร เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 17:14:54

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นกันชัดๆ มีคนถ่ายได้พอดีช่วงน้ำท่วม แฮะๆ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 17:26:19

ความคิดเห็นที่ 9 พูดถึงมหาเทพของทางฮินดู ท่านมีจริงๆ ใช่ไม๊คะ แล้วท่านอยู่มาก่อนพระพุทธเจ้าหรือคะ ท่านนับถือพระพุทธเจ้าหรือไม่คะ ท่านอยู่ตรงไหนของสวรรค์คะ (ถามแบบคนไม่รู้เรื่องจริงๆ อย่าบ่นกันนะ) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 17:40:48 จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 17:40:18

ความคิดเห็นที่ 10 คำถามนี้ ถือได้ว่า  เป็นคำถามของผู้มีสติปัญญา.....ซึ่งเชื่อว่าผู้ถามต้องเป็นคนที่นับถือศาสนาพุทธ.............. ผู้ถาม ( คุณ  GravityOfLove  )  ถามมาอย่างผู้เจริญแล้วซึ่งสติปัญญา  (แต่ยังอาจยังเยาว์วัย)  ที่ต้องการหาเหตุ  และผล  มาอธิบายสิ่งที่ตนสงสัยมานาน....โดยยังไม่มีใครสามารถอธิบายโดยความจริงหรือศรัทธาที่ปราศจากความงมงาย   ให้เป็นที่เข้าใจได้ โปรดอย่าลืมว่าห้องต่างๆ  ในพันทิพ  มีไว้เพื่อการแสดงความเห็น.....นานาชนิด  ซึ่งแน่นอน  ต้องมีความเห็นหลากหลายที่บางความเห็นถึงแม้จะถูกต้อง  แต่ไม่ถูกใจเรา.... หรือเป็นความเห็นที่แตกต่างจากความเชื่อที่เรามีมาในจิตตั้งแต่เกิด  ตามการอบรมที่ได้รับมา.............. ก็จงโปรดให้ความเคารพ  และรับฟังความเห็นอื่นๆที่ตนไม่เห็นด้วย อย่างสุภาพ ....โดยอย่าไปดูหมิ่น   หรือด่าว่าเขา....ทั้งๆ  ที่เราก็บอกว่าตัวเราเป็นคนนับถือพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แห่งความรู้.......ของท่านเจ้าของกระทู้  ข้าพเจ้าขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง........หากท่านไม่เห็นด้วย  ก็ไม่เป็นไร....เราเป็นผู้เจริญแล้ว....เมื่อไม่เห็นด้วยกับความเห็นของผู้อื่น.... ก็ต้องสุภาพ.....และยกเหตุผลของตนมาแสดงเพื่อคัดค้านในสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วย......นี่คือวิถีของสุภาพชนในห้องพันทิพ.....................ดังนี้ 1. ข้าพเจ้าเชื่อว่า  สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ นั้น ..... พญานาค  หรือพญาครุฑ มีอยู่จริง.......คือ.....มีอยู่แต่ในพระไตรปิฎก  ก็เพราะเพื่อเป็นการเปรียบเทียบ ( บุคคลาธิษฐาน ) หรือยกเรื่องนิทาน  ( ชาดก ) มาสอนศาสนาแก่พุทธศาสนิกชนที่บางคนมีระดับสติปัญญายังไม่พร้อม  หรือยัง  " ไม่ถึง  " ที่จะรับคำอธิบายหลักปรัชญาทางพระพุทธศาสนาสูงๆ  ให้เข้าใจได้ง่ายๆ คำอธิบาย *  บุคคลาธิษฐาน...คือคำกล่าวถึงสิ่งที่เป็นนามธรรม  ให้เป็นรูปธรรมหรือวัตถุ...ซึ่งเป็นวิธีการสอนแก่บุคคลที่ยังไม่ฉลาดพอ  หรือสติปัญญายังไม่มากพอที่จะเรียนรู้ธรรมะ   หรือคำอธิบายบางอย่างได้ *  พระพุทธเจ้าท่านเข้าใจในสติปัญญาของมนุษย์ที่จะที่จะมาเรียนรู้พระธรรมจากพระองค์ดีว่า  มนุษย์  ต่างมีสติปัญญาไม่เท่ากัน....พระองค์ท่านจึงได้เปรียบเทียบสคิปัญญาของมนุษย์เป็นเช่นดอกบัวสี่เหล่า....ได้แก่  บัวใต้คมโคลน ( สอนยากยิ่ง )   บัวใต้น้ำ   บัวปริ่มน่ำ   และบัวพ้นน้ำ  ( พวกนี้ฉลาด  สอนง่าย  เข้าใจง่าย ) จึงได้มีการสร้างรูปธรรม  หรือวัตถุ  เช่น  พญานาค  พญาครุฑ  ....ฯลฯ  ขึ้นมา( เพื่อสอนสาวก  บัวประเภทในตมโคลน  หรือบัวใต้น้ำ) นี่คือกุศโลบายแห่งความฉลาดล้ำลึกขององค์พระศาสดาแห่งเรา   และพุทธศาสนิกชนโบราณผู้มีศรัทธาสืบสานพระพุทธศาสนาพุทธให้ยืนยงคงอยู่ต่อไป เราจึงได้เห็นสัญญลักษณ์ที่เป็นวัตถุ  หรือรูปธรรมที่เป็นรูปเหมือนของพญานาค  พญาครุฑ   มากมายอยู่ตามวัด   หรือในบริเวณวัง   หรือสถานที่ต่างๆ .....บันไดนาคที่ทางขึ้นหน้าโบสถ์.....หรือที่หน้าบันพระอุโบสถเป็นไม้แกะสลัก  หรือปูนปั้น  รูปพญาครุฑยุดนาค แม้กระทั่งเรือพระราชพิธีหลวง   ก็ยังมี  " เรือครุฑ "  ตามที่กาพย์ห่อโคลงเห่เรือของเจ้าฟ้ากุ้ง  ยังรจนาไว้ว่า  " เรือครุฑยุดนาคหิ้ว   ลิ่วลิวลอยมา  พาผันผยอง" ครุฑ  กับนาค  จึงมีอยู่ในวัฒนธรรมไทยคู่มากับชีวิตของคนไทย   ตลอดมา..... ก็เพราะเป็นไปตามอิทธิพลของพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาหลักของชาติไทย * * *  * * *แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า.....มีสาวกของพระพุทธองค์อีกจำนวนไม่น้อย....ที่เมื่อได้เรียน  ได้ศึกษา พระธรรมคำสั่งสอนในรูปแบบบุคคลาธิษฐาน  เกี่ยวกับพญานาค  พญาครุฑ  แล้ว....กลับไม่ยอมตัดใจ  หรือยอมรับในความจริง  ว่า  พญานาค  หรือพญาครุฑ  ในพระไตรปิฎก  เป็นเพียงสิ่งสมมุติ......... กลับมายึดถือเอาเป็นจริง  เป็นจัง  เป็นตุ  เป็นตะ  ว่า  พญานาค  พญาครุฑ ...ฯลฯ ต่างมีชีวิตจริงอยู่ในโลกใบนี้..........โดยปราศจากเหตุผลและละเลยการพิสูจน์ น่าเสียดาย   ท่านเหล่านี้......... 2. เมื่อเข้าใจแล้วว่า  เหตุใดในพระไตรปิฎก  จึงมีเรื่องของครุฑ  และนาค ............. ดังนั้น  จึงไม่ต้องสงสัยว่า  ในโลกของความเป็นจริง   จึงไม่มีทั้งพญานาค   หรือพญาครุฑ   ตัวเป็นๆ  มีลมหายใจ  ชนิดสืบพันธ์มีลูก  มีหลาน แบบสิ่งมีชีวิตทั่วไปให้เราเห็น  หรือถ่ายรูปมาดูกันได้ คนฉลาด  และมีสติปัญญาอย่างท่านเจ้าของกระทู้  และยังมีเยาวพุทธในยุคนี้อีกมากมาย  ที่สงสัยในความเป็นอยู่ของ  พญานาค.....จึงถามมาว่า....เหตุใดพญานาคจึงมีอยู๋แต่ในแม่น้ำโขง  ? ? ?  ฯลฯ ....ฯลฯ 3.  วิทยาการก้าวหน้า   หรือปรัชญา    มีหลักว่า   สรรพสิ่งทุกอย่างในโลก  ต้องมีการพิสูจน์ได้อย่างเป็นเหตุ  เป็นผล  จึงจะเป็นที่ยอมรับ  และเชื่อถือได้   อย่างมนุษย์ก้าวหน้าในสมัยโบราณที่พยายามพิสูจน์ว่า  โลกกลม  เป็นต้น พระพุทธเจ้าท่านก็สอนสาวกไม่ให้เชื่อสิ่งใด  ๆ  จนกว่าจะได้พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นเป็นของจริงน่าเชื่อถือโดยเหตุ  และผล  ( กาลามสูตร ) 4.  แต่อย่างไรก็ตาม   ยังมีคนพุทธอีกไม่น้อยแม้ในยุคนี้  ในสมัยนี้.....ยังเชื่อว่า  พญานาค  พญาครุฑ  มีตัวตน  มีชีวิตจริงๆ อยู่ในโลกนี้.....โดยใช้เหตุผลต่างๆ นาๆ  ตามสติปัญญาสุดยอดของตนยกมาอ้าง  เช่น........... * * *  ต้องเป็นบุคคลที่มีอภิญญา  หรือผู้บรรลุธรรมขั้นสูง  จึงจะได้เห็นตัวพญานาค  เป็น ๆ  ! ! ! ! ! ! ! ! ! !   แถมด้วยคำขู่ยอดนิยมของสิ่งอภินิหารศักดิ์สิทธิที่ตนไม่สามารถอธิบายได้   คือ...." หากไม่เชื่อ  อย่าลบหลู่  " ! ! ! ! ! ก็หมายความว่า....คนพุทธ  ธรรมดา  ๆ อย่างเราๆ   ที่พยายามประคองพุทธะ  ให้เป็นศาสนาที่มีเหตุผลของผู้รู้   และเพื่อมิให้ให้คนในศาสนาอื่นๆ  เขาดูถูกว่าเหลวไหลได้......ก็จะได้พบ  ได้เห็นแต่  บั้งไฟพญานาคในลำโขงตอนออกพรรษา....หรือได้เห็นแต่พญานาค  ตามหน้าบันไดโบสถ์   หรือได้เห็นพญาครุฑ  เพียงก็ตามหน้าบันโบสถ์  หรือหัวกระดาษหนังสือราชการ.......เท่านั้น เท่านั้นหรือ    ? ? ?  .........ท่าน สุดท้าย...ขอเรียนย้ำด้วยความเคารพว่า.....หากท่านผู้ใดอ่านความเห็นนี้แล้ว  ท่านไม่เห็นด้วย....ขอความกรุณาได้โปรดแสดงสติปัญญา  ด้วยเหตุผลของท่าน  เพื่อคัดค้านความเห็นของข้าพเจ้า  ด้วยความสุภาพ ข้าพเจ้า  และอีกมากมายหลายท่าน.....รออ่าน  " เหตุผล " ที่ดีของท่านอยู่  อย่างคนพุทธผู้เจริญแล้ว เหตุผล....แบบ  5  บวก  5  ก็ต้องเป็น 10     หรือ   10 บวก 10 ยังไง  ยังไง ก็หนีไม่พ้น  20............ ไอ้แบบ  5 บวก 5    เป็น 14   แบบนี้ไม่เอา..........นะท่าน ขอขอบพระคุณมา   ณ  ที่นี้ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 19:59:48 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:06:43

ความคิดเห็นที่ 11 กสิณ10ได้หลายอย่างเลยครับ จากคุณ : ชลิโต เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 19:36:24

ความคิดเห็นที่ 12 ถามเยอะอย่างนี้ อยากรู้จริงหรือเปล่า จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 20:46:11

ความคิดเห็นที่ 13 พญานาค ในทางธรรม มี พญา หมายถึง อะไร นาค หมายถึง อะไร จากคุณ : toi (castertoi) เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 20:47:58

ความคิดเห็นที่ 14 เคยได้ยินมาว่าในอินเดียมีชนเผ่าหนึ่งชื่อว่าพวกนาคาหรือนาค เป็นชาวน้ำเชี่ยวชาญการจับงูเลี้ยงงู แต่ชาวอินเดียที่ถือวรรณะไม่ถือว่าชาวนาคาเป็นมนุษย์ ศักดิ์ศรีต่ำกว่าจัณฑาล เพราะความเป็นอยู่เหมือนคนป่า เคยมีนักประวัติศาสตร์บางคนให้ความเห็นว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ชาวนาคานี้จะมาขอพระพุทธเจ้าบวชในสมัยพุทธกาล เป็นเพียงข้อสันนิษฐานจากนักประวัติศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา และไม่มีข้อยืนยันใดๆเลยนะครับ จากคุณ : พ่อมดหมอดู เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 21:03:18

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านตรงคำว่าผู้เจริญแล้วซึ่งสติปัญญาอยู่หลายรอบว่าหมายความอย่างนั้นจริงๆ หรือเปล่า คิดว่าสติปัญญาน่ะเยาว์วัยค่ะแถมแปรผกผันกับอายุอีกต่างหาก ขอบคุณคุณ Detente สำหรับมุมมองอีกแง่มุมหนึ่ง เคยอ่านพบความเห็นในห้องนี้ บ้างก็ว่าเป็นบุคลาธิษฐาน บ้างก็ว่าหมายความตามนั้นจริงๆ แล้วในส่วนของภพภูมิต่างๆ ท่านที่เชื่อว่าครุฑนาคเป็นเพียงบุคลาธิษฐานมีความเห็นเป็นอย่างไรคะ คุณ sirnitfi ที่ถามมาทั้งหมดอยากรู้จริงๆ ค่ะ ไม่ทราบว่าจะขยันหรือเมตตาตอบทั้งหมดได้หรือไม่ เพราะจนถึงบัดนี้ยังไม่ได้รับคำตอบเลย ส่วนที่ว่าหมายความตามประไตรปิฎกจริงๆ ขอเป็นความเห็นก็ได้ค่ะ ไม่มีหลักฐานไม่เป็นไร คุณ toi คะ เอ่อ...ไม่เข้าใจคำถามค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 11:05:06 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 11:03:03 จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 54 23:24:20

ความคิดเห็นที่ 16    ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กับความเห็นที่ 10 ของท่าน Detente และความเห็นที่ 14 ของ ท่านพ่อมดหมอดู    อันที่จริง เรื่อง พยานาค พยาครุฑนั้น เป็นเรื่องของบุคลาธิษฐาน อย่างที่ ท่าน Detente ได้กรุณาอธิบายไว้นั่นเอง และมีข้อน่าสังเกต ตามมา ในกรณีต่าง ๆ เหล่านี้....   1. ครุฑ กินนาค เป็นอาหาร ?     - ก็แน่นอนล่ะครับว่า นกเหยี่ยว หรือนกชนิดตัวโต ๆ ที่เป็นนกนักล่านั้น มีการโฉบเฉี่ยวเอางู ไปกินเป็นอาหาร  ครุฑ ในจินตนาการ ของพวกฤษี เชิงเขาหิมาลัยนั้น เป็นตัวจำแลงของนกนักล่า และพยานาค มันก็คือ ตัวจำแลงของงู ในจินตนาการ   ดังนั้น นกกินงู ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  (ยังมีอีกสายพันธืหนึ่งที่ชอบกินงู ก็คือ พังพอน แต่น่าน้อยใจแทนพังพอน ทีีตาฤษี นักจินตนาการ ไม่ยอมยกย่อง หรือสร้างจินตภาพถึง "พยาพังพอน" บ้างเลย  พังพอน จึงไม่ป๊อบปูล่าร์เลย ในคัมภีร์ต่าง ๆ และไม่ได้รับเกียรติ เป็น พยา หรือ พระยา ฯลฯ)   2. ในพุทธศาสนา แบบเดิม ๆ ที่ไม่ได้ปรุงแต่งนั้น กล่าวถึงพยานาคเช่นไร ?      มีอยู่ 2 คำ ที่สันนิษฐาน ว่าน่าจะเกี่ยวข้อง กับเรื่องนี้ คือ    * นาโค หรือ นาคะ นั้น แปลว่า งูใหญ่ ๆ ก็ได้ แปลว่า ผู้ประเสริฐ ก็ได้      - ในกรณีของงูใหญ่นั้น ก็มีความน่าเชื่อถือได้ เกี่ยวกับพยานาค ในความเห็นของคุณ พ่อมดหมอดู ในความเห็นที่ 14 คือ มีชนเผ่าหนึ่ง ที่นับถืองู เป็นเทพประจำเผ่า และเชื่อว่า พวกตนนั้น มีบรรพบุรุษเป็นงูมาก่อน ชนเผ่านี้ ยังมีอยู่ ใน นาคปูร์ (นาคปุระ ที่อาจจะแปลว่า เมืองของชนชาวนาคะ ที่เป็นชนพื้นเมือง ก็ได้)      เกี่ยวกับเรื่องนี้ การเรียกผู้ที่จะบวช ว่า นาค ก็พอสมเหตุสมผล เพราะ เขาก็คือผู้ประเสริฐ นั่นเอง  ส่วน เรื่อง การจำแลงกาย ของพยานาคมาบวชนั้น ผมว่า น่าจะเกี่ยเนื่องกับ ตัวอย่างต่อไป (เกี่ยวกับ คนผ่าเปลือยกาย ชนเผ่าอนารยะ)      - นคฺโค หรือ นัคโค ที่แปลว่า คนเปลือยกาย  ที่จริง ก็คือ มนุษย์เผ่าล้าหลัง เช่นพวกคนป่าที่ยังแก้ผ้า อาศัยอยู่ตามคาคบไม้ หรือ ควงไม้ใหญ่ ๆ ในป่าลึก ไม่ต่างอะไรจาก สัตว์ป่าชนิดหนึ่ง  และบังเอิญด้วยว่า คนป่าเผ่านี้ ก็บูชางูใหญ่ เป็นเทพประจำเผ่าเช่นกัน       คนอินเดีย ในยุคสองพันปีก่อน ก็หาได้ถือว่าคนป่าเผ่านี้เป็นมนุษย์ไม่  ดังนั้น พยานาค ที่มาคอยถวายการปรนนิบัติพระพุทธเจ้า หรือ พยามุจลินทร์นาคราชนั้น ที่จริง น่าจะไม่ใช่งูใหญ่ หรือพยานาค ดังที่เข้าใจกันหรอก  แต่น่าจะเป็น หัวหน้าเผ่าคนป่า หรือ พยานัคคะ (คนเปลือย) ซะมากกว่า  ซึ่งเขาอาจจะเกิดเลื่อมใสศรัทธา หรือ เกิดมีจิตใจที่ปราถนาดี ต่อพระพุทธองค์  จึงมาทำฉัตร (ด้วยใบไม้กิ่งไม้) คอยกางกั้นลมกั้นฝน ให้พระพุทธองค์ ในยามที่ฝนตกหนัก ในคืนนั้น ก็ได้       แต่ในยุคต่อ ๆ มา ด้วยจินตนาการอันบรรเจิด ของจิตรกร ประกอบกับ การใช้กุศโลบาย ของพระมหาเถระ ในยุคก่อน หรือ จะเป็นเพราะการสื่อความหมายกันผิดพลาด หรืออะไรก็สุดแท้แต่ ...เลยทำให้หัวหน้าเผ่าคนป่าเปลือยกาย กลายมาเป็นพยานาคไป     ก็ดูอย่าง ความผิดพลาดต่อไปนี้สิครับ ที่ในคัมภีร์ บรรยายว่า งูใหญ่ ได้เอาลำตัวยาว ๆ ของมันมาวงเป็นขนด รัดรอบพระพุทธองค์ คือพันรอบตัว ประมาณนั้น แล้วจากนั้น ก็ปิดช่องโหว่ ข้างบน เหนือพระเศียร ด้วยการแผ่พังพาน ปิดพระพุทธเจ้าเอาไว้ ไม่ให้โดนฝน ไ่ให้โดนลมพายุ หรือลมหนาว ฯลฯ  แต่จิตกร ผู้เขียนภาพ ไม่รู้จะเขียนอีท่าไหน เพราะ หากว่ากันตามนั้น ก็จะไม่เห็นพระพุทธเจ้าเลย จะเห็นแต่งู ขดลำตัว เป็นกองขนดสูง ๆ อยู่กองหนึ่งเท่านั้น  เขาก็เลย จินตนาการ เสียใหม่ เขียนให้มีพยานาค 7 เศียรซะ แล้ว มากลายเป็นพระปางนาคปรก ไงล่ะครับ !!!    เห็นไหม แค่นี้ ก็เพี้ยน จากเดิมซะจนชาวพุทธ เชื่อกันครึ่งค่อนโลกแล้ว ว่า พยานาคมี 7 หัวจริง ๆ   ส่วน ตำนาน เรื่องพยานาคจำแลงมาบวช เมื่อความปรากฎว่า มิใช่มนุษย์ ก็มีอันต้องให้สึกไปนั้น ก็คงจะสันนิษฐานได้ไม่ยากนัก  เพราะหาก ชนเผ่าอนารยะพวกนี้ มาขอบวช กับพระรูปใดรูปหนึ่ง ในชานเมืองห่างไกลในยุคนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า พระอาจจะให้บวชเข้าจนได้สักคนหนึ่ง      ก็ในเมื่อ เขาเป็นคนป่า นิสัยวาสนาเดิมของเขา ก็คือการเปลือยกายเป็นอาจิน  ดังนั้น เมื่อต้องมานุ่งผ้า ก็ให้รู้สึกว่าไม่คุ้นชิน แต่จำเป็นต้องทำ เพราะต้องเคารพกฎเกณฑ์  แต่เมื่ออยู่ลำพัง ก็มีความเคยชินแบบเดิม ๆ ก็ยืนเดิน นั่งนอน โดยปราศากผ้าจีวรเช่นเดิม (แปลงร่าง กลับเป็นคนป่าดังเดิม โดยเฉพาะเมื่อนอนหลับ ก็ชอบนอนแก้ผ้าอยู่แล้ว  ดังที่ตำนานบอกว่า พอพยานาคนอนหลับ มนต์ก็เสื่อม เลยกลายร่างเดิม ฯลฯ ก็พอจับใจความได้ล่ะ) เมื่อมีคนไปเห็นเข้า ก็ติฉินนินทา เรื่องนี้ คงต้องมีการประชุมกันล่ะ ว่าควรให้บวช หรือไม่ควรให้บวช กับ คนป่าพวกนี้ (ซึ่งในยุคนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ยังถือว่าเป็นชั้นต่ำกว่า พวกวรรณศูรท เสียอีก ขนาดคนในวรรณศูรท ยุคนั้น บางกลุ่ม ยังมองว่า ไม่ใช่คนเลย ก็มี)   เพราะถ้าหากให้บวช ก็อาจจะทำให้เกิดความโกลาหน ขึ้นได้ง่ายมาก เพราะ คนป่าอนารยะนั้น ไม่ใช่จะอบรมกันได้ง่าย ๆ นัก จากคนที่ไม่เคยนุ่งผ้าเลย และจับมนุษย์ด้วยกันมาต้ม มาย่าง กินเป็นอาหาร เป็นปกติ (ลองคิดถึง การ์ตูน ที่คนป่า ต้มคนในหม้อใบใญ่ ๆ)  แล้วอยู่ ๆ จะให้มาเป็นพระิภิกษุ ผู้ที่ควรสร้างศรัทธา ให้เกิดแก่สาธุชนทั่วไป ฯ  ก็คงต้องคิดให้รอบคอบ   ดังนั้น การขานนาค  ในวันอุปสมบท  ตอนที่พระอุปัชฌาย์ ถามว่า ...มนุสโสสิ  แปลว่า เธอเป็นมนุษย์ ใช่ไหม ? ในยุคสองพันกว่าปีก่อน ในช่วงเวลาที่สังคมทั่วทั้งโลก เวลานั้น ได้ถือว่า คนป่าแก้ผ้า คนป่ากินคน ยังไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้น คำถามนี้ ก็ไม่ใช่คำถามที่เลื่อนลอย และไม่ใช่คำถามที่แปลกอะไรเลย ในยุคนั้น แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 03:09:59 จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 03:07:22

ความคิดเห็นที่ 17 อืมมม.....อย่าว่าแต่พยานัคคะ เลยครับ พวกเราชาวสมาชิกห้องศาสนาบางคน ผมคิดว่า ตอนนอนหลับนั้น มนต์คงเสื่อมบ้างเหมือนกัน  (สำหรับคนที่ชอบนอนแก้ผ้า) จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 03:15:35

ความคิดเห็นที่ 18 ว่าแล้วก็ถามต่อ (ถามท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ) แต่ค่อยๆ ตอบมาก็ได้ค่ะคือ ฝึกฝนให้มีทิพยจักขุญาณทำยังไงคะ ทำที่บ้านได้หรือไม่ ไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ในพระไตรปิฏก ศัพท์ในการทำสมาธิเป็นอุปสรรคมากไม๊คะ หรือว่าต้องผ่านด่านศัพท์ไปให้ได้ก่อนจึงจะปฏิบัติและบรรลุได้ ด้วยความเคารพจริงๆ เข้ามาแก้ไข พิมพ์นานเกินเหตุจนท่านอื่นๆ ข้างบนเข้ามาตอบบ้างแล้วยังไม่ได้อ่าน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 17:07:41 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 54 16:42:27 จากคุณ : มือใหม่...หัดปฏิบัติ (GravityOfLove) ตอบ เวลาคุณอ่านหนังสือเรียนแล้วไม่เข้าใจศัพท์เทคนิคต่างๆ ยิ่งอ่านเองยิ่งงง อย่าเสียเวลาอ่านเองในตอนนี้ วิธีแก้ปัญหามีหลายอย่างเช่น ถามเพื่อน แต่เพื่อนร่วมชั้นบางคนก็ตอบผิดตอบถูกเข้าใจผิดเข้าใจถูกมั่ง ถ้าเช่นนั้น คุณก็ต้องไปถามอาจารย์ผู้สอน ถ้าอาจารย์ผู้สอนไม่อยู่ให้ถามในตอนนี้ ก็ต้องไปหาอาจารย์ผู้ช่วยสอน นั่นคือใกล้เคียงสุดแล้ว ให้อาจารย์ท่านอธิบาย ก็ลองไปหาอาจารย์ดูนะคะ จะได้เรียนรู้ได้ ถ้ามีบุญมาดีโชคดี ก็จะได้รู้ค่าของสังฆคุณค่ะ โชคดีค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 07:47:50

ความคิดเห็นที่ 19 เข้าใจ เช่นเดียวกับคุณ รถเรณู จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:28:01

ความคิดเห็นที่ 20 #18 คุณยุ้ยหัดเขียน จริงค่ะอ่านหนังสือเองก็งงอยู่คนเดียวแล้วง่วงด้วย สู้อ่านเป็นกลุ่มติวกันจะจำดีมาก แต่ตอนนี้มีห่วงอยู่ เรียกหาแม่ทั้งวันยังไม่เข้าอนุบาลเลย ก็คิดเหมือนกันว่าถ้าเค้าโตพอแล้ว (และจะพาไปด้วย) จะไปเอาจริงเอาจังสักวัดหรือสำนักใกล้บ้าน ก่อนถึงตอนนั้น ตอนนี้เราวอร์มอัพที่บ้านได้หรือไม่ อย่างไรดีคะ ในอนาคต เรื่องหาครูบาอาจารย์นี่เป็นใครก็ได้ไม๊คะ หรือว่าต้องถามท่านก่อนว่าท่านจะสอนสมาธิวิปัสสนากรรมฐานหรือไม่ (เป็นคนห่างวัดค่ะ) จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 11:49:21

ความคิดเห็นที่ 21 ตั้งแต่อ่านคหในพันทิพมามีของคุณ Detente กับคุณรถเรณูนี่แหละถูกใจที่สุด เป็นพุทธที่เป็นพุทธแท้จริงๆ ไม่ใช่พุทธกะโหลกกะลา ปากบอกเป็นพุทธแต่ใจเป็นฮินดู อย่างที่ผมเคยบอกไว้แล้วว่า เคยมีคนสอนไว้ว่า อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ในศาสนาพุทธมีไว้สอนคนโง่นั้นไม่ผิดเพี้ยนจริงๆ ขนาดพระพุทธเจ้าให้กาลามสูตรไว้ คนพุทธยังไม่สนใจเลย ถ้าจะเชื่อแบบนั้นทำไมไม่ไปนับถือฮินดูซะเลยให้หมดเรื่อง ต้องมาเอาพุทธบังหน้า ขนาดพระสงฆ์ไม่น้อย(เยอะมาก)ยังเป็นไปกับเค้าด้วยเลย เดี๋ยวนี้เลยเลิกกราบไหว้ไปละ ยกเว้นที่น่านับถือ(มีน้อยมาก)จริงๆ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 13:56:25

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ เห็นด้วยทุกประการ  อยากบอกว่า เป็นแฟน (คลับ) คุณ รถเรณู มาตลอด เพียงแค่ไม่มี ป้ายไฟ บ่งบอก เท่านั้นแหล่ะค่ะ  ^^' จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 14:45:12

ความคิดเห็นที่ 23 ยังไม่ได้รับคำตอบที่ทำให้หายสงสัยเลย ตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ถ้าได้ปฏิบัติแล้วเห็นอะไรมา จะเล่าให้ฟังนะคะ (จะรอไหวไม๊นี่) แล้วใช้วิจารณญานดูว่าเป็นการเห็นจริงแต่ไม่ใช่ความจริง (Schizophrenia) ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ เช่น John Nash (จากเรื่อง Beautiful Mind) เริ่มเอะใจแล้วว่าเด็กที่เค้าเห็นไม่ใช่ความจริงเพราะเด็กไม่โตขึ้นเลยแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว หรือสิ่งที่เห็นนั้นเป็นความจริง ซึ่งแน่นอนพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นไม่ได้ ก็ต้องกลับมาที่คำพูดที่ว่าต้องปฏิบัติเองเห็นเอง แต่ถ้ามีคนถามเราก็จะตอบตามที่เห็นมานะ ไ่ม่หวงคำตอบ อย่าเพิ่งว่ากันนะว่าปฏิบัติเพราะอยากรู้อยากเห็นมีกิเลสเจตนาไม่บริสุทธิ์ เราสนใจจะปฏิบัติเพราะเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ เรื่องจะรู้จะเห็นอะไรนั้นมันคงมาของมันเอง ไม่ใช่วัตถุประสงค์ จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:01:28

ความคิดเห็นที่ 24 บังไฟมันเป็นปรากฎการทางธรรมชาติชนิดนึง พญานาค  คือ  งู  งูมีอะไรในธรรมาธิษฐาน งูคือสัตว์ที่นอน หลงหลับ เค้าถึงสมมติเป็นนิทานพญานาคนอนอยู่ก้นบึ้งบาดาล หลับไม่รู้ ไม่เห็น นาน  พระพุทธเจ้าเกิดองค์นึงองค์นึงค่อยตื่นทีนึง พอพระพุทธเจ้าเกิดแล้วก็มาอธิฐานลอยถาด ถาดก็ทวนน้ำเป็นธรรมาธิษฐานที่อะธิบายได้  ลอยถาดไปถาดก็ทวนกระแสแล้วก็จม จะไปจมตรงถาดเก่าๆ ที่พระพุทธเจ้าทุกองค์ที่ตรัสรู้  จมลงไป ลงไปกระทบกับถาดเก่าถาดของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ  และเป็นถาดทองคำดังกริ๊ก เสียงถาดทองคำกระทบกันดังจนพญานาคตื่น  ถ้าถาดทองแดง , ถาดตะกั่ว ไม่ตื่น แรงฤิทธิ์ไม่พอ เสียงไม่ละเอียดพอที่จะทำให้พยานาคตื่นได้  นี่เป็นนิทาน สรุปแล้วก็คือว่าคนที่ติดหลับติดนอนแล้วก็ติดจมไม่ตื่นชาคริยา ไม่ตื่น จมงมงายอยู่กับโลกโลกีย์ นี่คือความเป็นพญานาค นาคะ แปลว่า ผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นต่อให้ใหญ่ขนาดไหนหากยังไม่ตื่นจากโลกีย์  หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข นั่นแหละตัวพญานาค พาญานาคในเมืองไทยนี่เยอะ เขี้ยวแหลมเชียว งับไม่มียับยั้งเลย ม้วนตวัดลัด ไม่ปล่อย จมอยู่ในโลกโลกีย์ ไม่ตื่น ไม่มีความรู้ตัว นี่คือความหมายของนาค  นิทานของพระพุทธเจ้าที่ว่ามีใครก็แล้วแต่คงไม่ใช่พระพุทธเจ้าเล่า  มาสร้างลอยถาดลงไปแล้วก็จมกระทบ  ลึกซึ้งและกินใจมาก  ด่าพญานาคคือใคร นาคะ ผู้ยิ่งใหญ่ในโลก  สมัยโบราณเค้ามีนิทานที่ซ่อนไว้ด่าโดยไม่ให้รู้ตัว  ถ้ารู้ตัวเค้าตาย  สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมัยโบราณด่าให้รู้ตัวตาย ไม่มีสิทธิ์  เพราะฉะนั้นเค้าถึงต้องมีนิทานอย่างนี้  ซ้อนด่า  พญานาคนี่ตัวร้าย นาคะ คือ ยิ่งใหญ่ในโลก  เป็นผู้งมงายไม่ตื่น ใครจะเตือนยังไง หลับไม่รู้  ต้องเก่งขนาดถึงพระพุทธเจ้าถึงจะเตือนได้  นี่คือรายละเอียดของพญานาค  เรียนรู้ธรรมะของพระพุทธเจ้าให้ดีๆ จากคุณ : toi (castertoi) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 15:16:18

ความคิดเห็นที่ 25 เราก็เป็นคนหนึ่งที่สงสัยเรื่องนี้มาตลอดค่ะ เคยอ่านเรื่องราวของหลวงปูู่มั่นค่ะ ที่กล่าวถึงเรื่องราวของพญานาคที่ได้ประสบพบเจอมา ซึ่งพระท่านย่อมไม่มุสา หรือว่าเป็นอุบายธรรมค่ะ เราเคยอ่านมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ จนถึงตอนนี้ ก็ยังเชื่อมาตลอดว่าพญานาคมีจริง ไม่รู้เพราะความเชื่อนี้รึเปล่าทำให้ในทุกๆปี  ช่วง ใกล้ 15 เดือน 11 เราจะชอบฝันถึงพญานาคและก็ริมแม่น้ำโขงค่ะ (เพราะเวลาใกล้ช่วงนี้ทีไรทีวีชอบออกข่าว แล้วเราก็จะกลับมาสงสัยอีก แล้วก็หาข้อมูล) เราเรียนสายวิทยาศาสตร์แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ มักจะแวะไปอ่านความเห็น เรื่องพญานาคในห้องหว้ากอบ่อยๆ แต่ก็ได้คำตอบไม่ลงตัว แต่ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เราก็ว่าจะเดินทางไปชมบั้งไฟพญานาคด้วยตาดูสักครั้งค่ะ แต่ติดตรงชวนใครไม่มีใครสนใจไปด้วยสักที แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 54 20:56:31 จากคุณ : banana4D2 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 54 20:47:15

ความคิดเห็นที่ 26 ดีใจจังเจอคนสงสัยเหมือนกัน เราก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับพญานาคนะ มียกตัวอย่างพระเกจิอาจารย์นับสิบท่านที่ได้เจอพญานาค เช่น มาฟังเทศน์ ได้ไปเืมืองของพญานาค (อยู่ใต้แม่น้ำโขง) เราก็ว่าพระท่านไม่มุสานะ เรานับถือท่านทุกรูป แต่คิดในใจพญาครุฑ คนธรรพ์ ไม่ชอบฟังเทศน์บ้างหรือ เราก็ (อีกแระ) ศึกษาหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหว้ากอเหมือนกัน คนที่เราอยากให้ปฏิบัติมากที่สุดคืออาจารย์เจษกับคุณสมภพนี่ล่ะ 555 (อนุญาตเอ่ยนามนะคะ) คุณกล้วย เอ๊ยคุณ banana4D2 ลองติดต่อไปกับทีมพิสูจน์คุณสมภพปีหน้าสิคะ (แซวเล่นค่ะ) แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 01:34:29 จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 01:33:50

ความคิดเห็นที่ 27 เราขอแนะนำ ศรัทธาก่อนค่อยสงสัย บาปเล็กๆน้อยๆอย่างสงสัยอะไรต่ออะไรอย่าไปทำ เผลอทำมากๆเข้าจะไปปรามาสครูอาจารย์ได้ จะปฏิบัติไม่ได้ดี อย่าไปเพ่งโทษคนอื่น อะไรมันจริงไม่จริงมันไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องครูบาอาจารย์มีเยอะแยะในประเทศไทย แค่ลองอ่านในกระทู้หลายๆกระทู้ในนี้ก็เจอดีๆเยอะ อ่านแล้วก็ลองไปดูเลย ศึกษาทำอยู่กับบ้านก็ได้ ง่ายๆอย่างสวดมนต์ไปตอนลูกหลับก็ได้ ไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน โชคดีค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 06:47:19

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบคห 23 (จขกท) ที่บอกว่าอ่านแล้วยังไม่ได้คำตอบที่ทำให้หายสงสัยนั้น  อ่านคห 10 ของคุณ Detente กับคห 16 ของคุณรถเรณู แล้วยังไม่ทราบคำตอบอีกหรือครับ ผมสรุปว่าคนที่จะเชื่อยังไงก็คงเปลี่ยนความคิดยาก เพราะไม่ว่าจะฟังอะไรมาก็จะเอนเอียงกลับไปทางที่ตัวเองอยากจะเชื่อมากกว่า ปกติเวลาจะคุยกับใครเรื่องนี้ มักถามก่อนว่าเป็นพุทธแท้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่พูดไปก็เท่านั้น เพราะความเชื่อของคนเราเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆและยิ่งเราอยู่ในสังคมที่มีคนเชื่อแบบนี้ฝังหัวมากมายยิ่งยากเป็นทวีคูณ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 15:32:33

ความคิดเห็นที่ 29 คือยังไม่ได้รับคำตอบที่ทำให้หายสงสัยจากฝ่ายที่เชื่อว่าไม่ได้เป็นบุคลาธิษฐานน่ะค่ะ ส่วนมุมมองทางด้านคุณ Detente และคุณรถเรณู เข้าใจตามนั้นแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกๆ คำตอบนะคะ ยังไม่ปิดกระทู้นะคะ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 54 19:52:59 จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 54 19:52:30

ความคิดเห็นที่ 30 ยังไม่ปิด...อันนี้เข้าขั้นจริงจังแล้ว ปฏิบัติกรรมฐานโลด เอาตามจริตที่ถนัด จะได้รู้ยิ่งกว่านี้อีก จากคุณ : สวรรค์รำไร เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 02:02:03

ความคิดเห็นที่ 31 เดือนหน้า น่าจะว่างแล้ว ใครจะไปพิสูจน์อะไรที่ไหน ชวนไปด้วยนะครับ ปีหน้า บั้งไฟพญานาคไม่พลาดแน่... จากคุณ : สวรรค์รำไร เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 02:04:35

ความคิดเห็นที่ 32 เราก็คงเหมือน จขกท ค่ะที่ยังไม่หายสงสัย ถึงแม้ว่าคำตอบของคุณ Detente กับของ คุณรถเรณู จะมีเหตุผลแล้วก็น่าเชื่อถือมากแต่ท่านทั้งสองก็ไม่ได้บอกว่าที่วิเคราะห์มา คือความจริงแท้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น เป็นเพียงสมมติฐานที่อธิบายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เทียบกันในทางวิทยาศาสตร์จะเรียกว่าเป็น "ทฤษฎี" แต่ถ้าสิ่งไหนได้รับการยอมรับ มีความสัมพันธ์กันทั้งทางด้านเหตุและผล มีการพิสูจน์ทดลอง ไม่ว่าทำกี่ครั้งก็จริงแท้แน่นอนจะเรียกเป็น "กฏ" ซึ่งมันก็ความจริงของธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เราไม่รู้เอง คิดว่า จขกท คงต้องปฏิบัติจริงจังแล้วค่ะ ถ้าอยากรู้จริงๆ เราก็ปฏิบัติอยู่แต่ก็ไม่ได้เป็นจริง เป็นจังซักที สมัยนี้มันมีสิ่งเพิ่มพูนกิเลสเยอะเกิน แต่ก็ค่อยทำไปเรื่อยๆ สะสมไปทีละนิด ทีละหน่อย สักวันที่ไม่รู้วันไหนคงจะรู้แจ้งเองสักที^^ ในโลกนี้มีสิ่งที่เราสงสัยมากมายเลยค่ะแต่วิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้ อย่างเรื่อง ผี วิญญาณ เกิดมาก็ไม่เคยเจอกับเค้าซักที แต่กลัว กลัวจริงๆ จากคุณ : banana4D2 เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 12:12:52

ความคิดเห็นที่ 33 คุณBanana4D2 ครับ ผมเข้าใจดีว่าคนที่เชื่อเรื่องพวกนี้ถ้ามีคนมาบอกให้ไม่เชื่อ เค้าก็คงไม่ฟังแน่ เช่นกันผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ต่อให้มีใครมาพูดให้ผมเชื่อผมก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนไว้ว่าต่อให้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์เทพเจ้าเทวดามีจริงก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะไม่ได้จำเป็นอะไรสำหรับเรา ทางที่ทำให้พ้นทุกข์ได้ก็คือพระธรรมคำสอนของพระองค์ ไม่ใช่ไปบนบานร้องขอต่อเทพเทวดา ถ้าพูดถึงด้านวิทยาศาสตร์นี่ยิ่งไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรเลย เพราะเรื่องพวกนี้ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์อะไรเลย เป็นความเชื่อที่เล่าสืบทอดกันมาเป็นพันๆปีเท่านั้นเอง ของฝรั่งก็มีเทพปกรณัมไงครับ อย่างซีอุส อเธนา อโพโล เหมือนกับเทพเจ้าของอินเดียเป๊ะแทบจะลอกมากันเลย แต่ทำไมพวกฝรั่งไม่นับถือแบบพวกฮินดูละครับ คุณลองสังเกตุดูว่าประเทศที่ประชากรมีความเชื่อถือในเรื่องพวกนี้มากๆมีประเทศไหนที่คนมีคุณภาพและเจริญบ้าง และผมคิดว่าคหคุณ Detente และคุณรถเรณูชัดเจนที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าจะพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ผมว่าไปพิสูจน์สิ่งที่คุณเชื่อให้เป็นจริงดีกว่า สำหรับผมแล้วสิ่งที่ไม่มีจริงจะพิสูจน์อย่างไรก็ไม่มีอยู่ดี คำพูดที่ว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่มีสองความหมาย 1 ปรามพวกที่คิดจะเอาใจออกห่างให้กลัวแล้วกลับเข้ามาใหม่ 2 เตือนพวกที่ไม่เชื่อให้หุบปากเงียบเอาไว้ คุณจะเชื่ออะไรไม่มีใครห้ามได้และไม่ผิดที่คุณจะเชื่อ เพียงแค่ว่าสิ่งที่คุณเชื่อก็สะท้อนความเป็นตัวของคุณเองเท่านั้น จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 54 13:18:13