เรียนคุณไม่คิดมาก คห 7
ใช่ครับ ถ้าอธิบายนอกเหนือพระไตรปิฎก(โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่ไม่มีบันทึกในพระไตรปิฎก) จะเป็นการบิดเบือนพระไตรปิฎก และชนเหล่านั้นจะตกอบายได้
......ผมเห็นว่า นักปฏิบัติย่อมต้องศึกษามากๆ(โดยเฉพาะเรื่องหลักการปฏิบัติที่ถูกวิธี ตามนัยพระไตรปิฎก )ก่อนการนำไปปฏิบัติ(เรียนปริยัติก่อน หากไม่เรียนปริยัติที่ถูกต้องก่อนแล้วให้ไปปฏิบัติเลย ก็จะหลงทาง ) และเมื่อรู้หลักปฏิบัติที่ดีแล้วแล้วสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน และในการทำงาน(ไม่เฉพาะท่านที่ทำงานด้านพระพุทธศาสนา แต่หมายถึงทุกๆอาชีพ) เมื่อมีโอกาสก็หาสถานที่วิเวกในการปฏิบัติ
และเมื่อปฏิบัติได้ผลแล้ว ชนเหล่านั้นย่อมต้องช่วยพระพุทธศาสนาตามพุทธพจน์
"เพื่อประโยชน์และความสุขของชนเป็นอันมาก"
อันเป็นการไม่ประมาททั้งตนเอง(บุคคลผู้ปฏิบัติได้พอสมควรหรือถึงที่สุดแห่งธรรม)และไม่ประมาทที่จะเผยแพร่ธรรมะช่วยเหลือผู้อื่น
ขอบคุณมากครับ คห ของคุณไม่คิดมาก เพราะเนื้อหาจะโยงไปถึงในตอนต่อไป เกี่ยวกับ ความมั่นคงของพรหมจรรย์มีสิ่งใดเป็นองค์ประกอบ
ขออนุโมทนาที่สนทนาเกี่ยวกับ "ความไม่ประมาท" ครับ
--------------------------------
ปล.
แม้บางส่วนในหนังสือที่เป็นความรู้เชิงประวัติศาสตร์หรือความรู้ทั่วไปที่ยังไม่เข้าสู่การปฏิบัติ ก็ถือว่ายังเป็นประโยชน์มาก สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มทำการศึกษาและเป็นทั้งกำลังใจ เป็นการให้ข้อมูลและแยกแยะว่า สิ่งใดคือพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ส่วนใดเป็นส่วนเกิน อันเป็นการส่งเสริมให้มีการศึกษาในด้านการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป(เกิดสัมมาทิฎฐิในเบื้องต้น) และในเล่มก็มีหลักปฏิบัติธรรมอยู่ด้วย เหมาะอย่างยิ่งกับการศึกษาพุทธธรรมให้ลึกซึ้งต่อไปครับ
ฝากบอกพระรูปที่ท่านกล่าวถึงด้วยนะครับ หากไม่มีภิกษุที่นำความจริงจากในพระไตรปิฎกมาบอกเล่า ก็อาจจะทำให้สังคมนี้ไม่มีพระพุทธศาสนาที่แท้จริงประดิษฐานต่อไปก็ได้ กลายเป็นต่างคนต่างปฏิบัติ กลายเป็นลัทธิต่างๆที่ไม่ใช่พระพุทธศาสนาก็เป็นไปได้
เรื่องการปฏิบัติตรวจสอบได้ด้วยตนเองครับ กิเลสในจิตใจลดลงหรือไม่ ตนเองย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง
(แก้คำผิดและเพิ่มเติมข้อมูล)
แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 54 12:36:07
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 14:10:11
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 13:40:17
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 13:39:08
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 13:37:37
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 13:21:12
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 13:20:36