ความคิดเห็นที่ 1 เ้พราะก่อนที่จะเห็น ท่านต้องตั้งจิตก่อนว่าท่านจะดูอะไร ตัวอย่างเช่น หากท่านต้องการดูพระภิกษุอีกรูปหนึ่งที่อยู่กุฎิใกล้กัน ว่าอยู่สบายดีหรือเปล่า ท่านต้องกำหนดว่า ท่านจะมองดูพระภิกษุรูปนั้น เช่นเดียวกัน เมื่อไกลออกไปมากขึ้น ท่านก็ต้องกำหนดจิตก่อนว่า ท่านจะมองอะไร  ท่านจะทราบก่อนที่เห็นว่านั่นเ้ป็นที่ใด เพราะจิตของท่านจะกำหนดไว้ก่อน เหมือนเราจะดูโทรทัศน์ช่องอะไร  เราก็มองทีรีโมทก่อนว่าเราจะกดเลขไหน พอภาพขึ้นมาเราก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นช่องอะไร เพราะเราเพิ่งกดนั่นเอง จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:10:45

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อจิตเข้าสู่สภาพที่เป็นทิพย์ จิตจะตอบจิตเองครับ จากคุณ : SatoshiRenzz เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:29:44

ความคิดเห็นที่ 3 นรก   หรือ สวรรค์ .....คือสิ่งที่มนุษย์  ผู้เป็นใหญ่สุดในจักรวาลนี้  สมมุติ  ขึ้นมาเอง.......ทั้งสิ้น  ทั้งนั้น ขอเรียนว่า.......หากท่านผู้ใดที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้....โปรดอย่าโกรธจนเนื้อเต้น  เหตุเพราะไม่ตรงกับที่อาจารย์ตนเคยสอนมา................ แต่โปรดเข้าใจว่า  ที่นี่  คือโลกกว้างของพันทิพ  ที่หากไม่เข้ามาจะไม่มีวันรู้ว่าคนที่คิด  เห็นไม่เหมือนเรายังมีอีกมาก....ซึ่งน่าจะเรียนรู้ และ.......มารยาทของคนพุทธที่ดี  ....ต้องไม่นำความเห็นที่ไม่เหมือนตนมาชำแหละ...หรือตั้งตนเป็นปรมาจารย์ด้วยความรู้แค่คัดลอกเอาพระไตรปิฎกมาสั่งสอนคน..........เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง...... ! ! ! ก็ต่างคนต่างเล่น  ต่างแสดงความเห็นตามสติปัญญาของตน ........เพื่อบำบัดความต้องการในพันทิพ ... ก็น่าจะพอแล้ว....นะท่าน ขอขอบคุณท่านมหา ฯ ทั้งหลาย  ทั้งในวัด  และที่อยู่นอกวัด จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:36:39

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบจากประสบการณ์นะครับ การเห็นสวรรค์นรกก็มีหลับตาเห็น กับถอดจิตไปเอง โดยส่วนตัวเคยแต่หลับตาเห็นและคิดว่ามันเป็นเพียงนิมิตแต่คนที่เข้าถึงได้ต้องมีสมาธิแนบแน่น คนทั่วไปทำไม่ได้ง่าย ๆ(อย่าไปเผลอดูถูกคนที่ทำได้ ถ้ายังทำไม่ได้) มันมีอารมณ์ปิติ สุข หล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา ส่วนการถอดจิตที่ทำได้ มันก็มีจริง(แปลกดี) แต่ไม่ได้ไปที่ไหนได้แต่อยู่ในห้องอยากไปสวรรค์เหมือนกันแต่มันมืด แต่ไม่ได้หลับแน่เพราะทุกกระบวนการต่อเนื่องกัน และทั้งสองกรณี มีสติชัดเจนมากกว่าปกติครับ จากคุณ : ไฟไฟ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:41:34

ความคิดเห็นที่ 5 Detente   รู้จัก ฌาน1-8 ไหม เคยทำสมาธิทั้งสมถะและวิปัสสนาอย่างไร ลองเล่าให้คนอื่นทราบหน่อยสิครับ เคยทำสมาธิแบบไหน มาบ้าง ขณิกสมาธิ อุปปจาระ อัปปนา ลองแจกแจงมาครับ หรือแค่อ่านหนังสือ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 22:44:27 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:44:06

ความคิดเห็นที่ 6 สงสัยอยู่เหมือนกันค่ะ ขอนั่งอ่านด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:49:43

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 4 คุณไฟไฟ งั้นผมขอสอบถามต่อนะครับ ไม่ได้จงใจจับผิด แต่มันก็มีข้อสังเกตต่างๆให้สงสัยได้น่ะครับ แล้วทำไมคุณถึงรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั่นคือ สวรรค์ อาจเป็นเพียงภาพในสมองคุณก็ได้ อย่างเช่นคนที่เล่นยาก็ยังเห็นภาพหลอนได้เลย เป็นไปได้หรือเปล่าว่าในจังหวะที่จิตมีสมาธิ สมองบางส่วนอาจทำงานคล้ายๆกับการโดนสารบางอย่าง จึงเห็นภาพในจินตนาการแจ่มชัดขึ้นมา แต่ไม่ได้เป็นผลเสียต่อร่างกายเหมือนเล่นยา จึงรู้สึกมีความสุขอย่างเดียว และถ้าสามารถมองเห็นสวรรค์ได้ ถอดจิตไปสวรรค์ได้ หากผมทดลองถือไพ่ 5 ใบไว้ในมือ ให้ผู้ที่ถอดจิต หรือเห็นสวรรค์ทายว่าถือไพ่อะไรไว้ ก็น่าจะทำได้ถูกมั้ยครับ ที่ไกลๆอย่างสวรรค์ยังไปได้ แล้วที่ใกล้ๆแค่ระยะ 5 เมตร 10 เมตร ก็น่าจะดูได้เช่นกันฃ ส่วนตัวผมเชื่อว่ามีคนเห็นจริงแน่ๆ และก็มีทั้งคนขี้โม้ด้วย (แต่ไม่ขอกล่าวถึง) แต่ยังติดใจอยู่ว่าคนที่เห็นจริงน่ะเห็นอะไรน่ะครับ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 23:15:39

ความคิดเห็นที่ 8 ขอเรียนว่า.......ความเห็นที่    3 . ของข้าพเจ้า มิใช่การวางเบ็ดไว้ล่อปลาให้มากินเหยื่อ  ....  ซึ่งปลาที่มากิน  มิใช่ปลากราย  หรือปลาฉลาด .......... เสียด้วย  ! ! ! 1.  แต่ตามที่ได้เรียนไว้แล้ว  ว่า........ ความเห็นแต่ละความเห็นในพันทิพ.......มีไว้ให้ต่างคนต่างเข้ามาเล่น  มาแสดง.......ตามแต่สติปัญญาของแต่ละคน.....ที่นี่มิใช่ห้องโต้วาที และเป็นที่ทราบกันดีว่าแต่ละคนที่เข้ามาเล่นอินเตอร์เนตในพันทิพ.... ก็เพื่อประสงค์ผ่อนคลาย.....มิได้มาเอาเป็นเอาตายกันแต่อย่างใด..... เพราะเชื่อว่าแต่ละคนที่เข้ามาต่างมิได้เป็นผู้เก่งกาจมาจากไหน....เพราะคนที่เก่งกาจจริง  ๆ   เขาจะไม่มีเวลา  ไม่เสียเวลามาเล่นอย่างนี้ดอก...เวลาเขามีค่าไปทำอย่างอื่น และหากเป็นคนที่ได้รับเกียรติ  หรือได้รับการยอมรับจากผู้คนในสังคมชีวิตจริงๆแล้ว  ......เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาหาการยอมรับคำชมเชย  หรือ   gift  ในห้อง ศาสนา  ของพันทิพแห่งนี้ ย้ำมานักแล้วว่า....ให้ต่างคนต่างเล่น....จงอย่ามาละเมิดความเห็นคนอื่นที่เห็นไม่เหมือนตน...ถึงขนาดเนื้อเต้น  ทนไม่ได้....ที่คนอื่นเขาคิดไม่เหมือนตน  ไม่ตรงตามที่อาจารย์ของตนเคยสอนมา...... หรือไม่ต้องทำตัวเป็นพระอาจารย์  หรือศาล  ที่เที่ยวไปตัดสินว่าคนอื่นที่คิดไม่เหมือนตน  นั้น  ผิด  หรือถูก......เพราะตนไม่มีหน้าที่นี้.........ไม่มีเลยจริง ๆ ก็ต่างคนต่างเล่นไป....จงอย่ายุ่งกับความเห็นของคนอื่นที่ไม่ถูกใจตนแบบอันธพาลในอินเตอร์เนต  .....จะรับรองว่าไม่มีเรื่อง 2. ก็เมื่อ  ความเห็นที่  5  ของท่านผู้ใช้นามว่า   venture  ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นมหาเปรียญเท่าใด  อยู่วัดไหน  เพ่นพ่านออกมายุ่งเกี่ยวละเมิดความเห็นของข้าพเจ้าด้วยการตั้งตนเป็นผู้รู้เรื่องการปฎิบัติสมาธิทั้งสมถะวิปัสนา......โดยก้าวร้าวสั่งสอนผู้อื่น  หรือข้าพเจ้า  ทั้งนี้  โดยไม่มีใครขอร้อง  (  ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าอะไร ?  การทำในสิ่งที่ไม่มีใครเขาขอร้อง  ?   ใครทราบช่วยตอบด้วย ! ! !  ).............. ก็ขอถามท่าน venture  อย่างต้องการคำตอบด้วยว่า.......ท่านได้ทำสมาธิจนสำเร็จฌาณขั้นไหนแล้ว...........4  หรือ  5  หรือ  6  ? ? ? ? ? ? โปรดตอบด้วย และโปรดตอบด้วยว่า........... เมื่อท่านปฎิบัติจนถึงฌาณขั้นนี้แล้ว............... .........ท่านยังมีเวลามาสำส่อนเล่นอินเตอร์เนต....แบบระรานชาวบ้านเขาเยี่ยงนี้.... ด้วยหรือ ? ? ? หรือท่าน  venture  ได้ฝึกสมาธิทั้งสมถะและวิปัสนา  เพียงเพื่อให้ได้เข้ามาสำเร็จความใคร่ทางอินเตอร์เนต  เท่านั้นเอง ก็ได้แนะนำแล้วว่า  ให้ต่างคนต่างเล่นของตนไป....ใครเห็นอย่างไร  ก็แสดงออกไป  ไม่อันธพาลก้าวก่ายคนอื่นเขา......พระอาจารย์สอนสมาธิ  หรือพระอุปปัชฌาย์ของท่าน  venture   มิได้สั่ง  มิได้สอน  มาหรือไร  ? สุดท้าย  ก็หวังว่า  ท่าน  Ms.  Kohlanta  ในความเห็นที่ 6   คงหายสงสัยในคำตอบที่รอคอยอ่านนี้ด้วยแล้ว แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 23:56:07 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 23:42:16

ความคิดเห็นที่ 9 ผมถอดจิตได้แต่ไม่ได้ชำนาญครับเรียกว่าเคยกายทิพย์ออกจากกายหยาบดีกว่า เคยทำได้ประมาณ4- 5 ครั้ง เดี๋ยวจะลิ้งค์ประสบการณ์มาให้อ่าน (เคยพิมพ์เก็บไว้เหมือนกัน) ผมก็เป็นคนเชื่อยากเหมือนกันครับ แต่ที่พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าที่ผมเห็นน่าจะเป็นของจริง ก็คือ เมื่อผมทำได้ หลังจากนั้นก็จะรู้จักคนที่ทำได้เหนือกว่าผม โดยเขาจะเข้ามาทักเอง รวมถึงพระอาจารย์ผมด้วย(ก็เป็นคนแรกที่ทัก) ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นของทิพย์ต่าง ๆ เชื่อไหมว่าคนทั่วไปไม่น้อยทีเดียวที่เห็นเหมือนเราเขาจะมาทักเอง เช่น เราได้ยินเสียงดนตรี คนที่ยืนอยู่กับเราเขาก็จะทักขึ้นมาว่า เสียงดนตรีไพเราะ ถ้าเห็นผี เขาก็จะยิ้ม หรือ เช่นเห็นเทวดาพระอาจารย์ท่านก็จะบอกว่า มีเทวดามาอนุโมทนาด้วยประมาณนี้แหล่ะครับ แต่ผมไม่ค่อยทักคนอื่นเลยเพราะไม่รู้ว่าใครเห็นบ้าง แต่คนเห็นมีเยอะครับ จนไม่น่าเชื่อ แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซน รอพิสูจน์ให้ประจักษ์ด้วยตนเองก่อน ผมว่ามันเป็นการไม่เป็นประโยชน์ที่จะเล่าให้คนทำไม่ได้ฟัง แต่อย่างน้อยก็คนมีเหตุมีผล แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 23:45:19 จากคุณ : ไฟไฟ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 23:43:33

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้ลิ้งค์ เล่าย่อ ๆ อาจจะไม่มีเหตุผลประกอบบ้างบางกรณี ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่ปักใจอะไรร้อยเปอร์เซนต์ ก็ทำบ้างไม่ทำบ้างตามโอกาส แต่เล่าตามประสบการณ์จริง แต่มันจะจริงไม่จริงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เท่าที่ปฏิบัติมาก็พอจะรู้ว่า สิ่งที่เห็นที่สัมผัสตอนนี้มันก็ไม่จริง แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 09:08:00 จากคุณ : ไฟไฟ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 23:47:53

ความคิดเห็นที่ 11 @คห 7   อาการเมื่อจิตเป็นสมาธิ  สภาวะของจิตคือรู้ตัวตลอดเวลาครับ เพราะถ้าไม่รู้ตัวเขาไม่เรียกว่ามีสมาธิ ถ้าจะเทียบกัน ต้องบอกว่าที่ใกล้เคียงอาการเล่นยาหรือเห็นภาพหลอน ก็คืออาการง่วง + ฟุ้งซ่าน = ฝันหรือเคลิ้มเป็นเรื่องเป็นราวไป  สหรัฐมีผลการวิจัยคลื่นสมองขณะจิตเป็นสมาธิเคยยืนยันเรื่องไปแล้ว   ผมนั่งสมาธิระดับเด็กหัดเดิน  ผมยังรู้เลยว่าอันไหนคือฟุ้งซ่าน  อันไหนเป็นสมาธิ อันไหนเผลอหลับแล้วฝันไป  แล้วระดับครูบาอาจารย์จะไม่รู้ตัวเชียวหรือ เป็นไปไม่ได้ครับ   จริงอย่างที่คุณว่ามาว่า มีทั้งคนที่เห็นจริงและโม้ผมก็คิดแบบนี้  แล้วทีนี้จะรู้ได้ไงว่าใครจริงใครโม้ 1.สำหรับคนตั้งใจศึกษาและลงมือปฏิบัติ ฟังดูก็ทราบครับ  เหมือนคนทำกับข้าวไม่เป็นมาโม้ว่าทำอาหารแบบนั้นแบบนี้  คนทำเป็นย่อมฟังออกว่าโม้ 2.สำหรับคนไม่มีพื้นฐาน ก็พิจารณาเอาครับ  ว่าผู้บำเพ็ญเพียรมาเป็นหลายๆปี ระดับอาจารย์ สั่งสอนผู้อื่นปฏิบัติได้ผลมาเป็นร้อยๆเป็น  จะมาตกม้าตายเอาแค่ผิดศีลข้อมุสา  เพื่ออะไร  อันนี้ต้องพิจารณาเป็นรายๆไป เรื่องแบบนี้ทางพุทธก็ไม่ได้สนับสนุนให้เชื่อโดยไร้เหตุผล ทุกครั้งท่านจะเน้นให้สาวก "พิจารณา" ด้วยปัญญาทุกครั้ง เพียงแต่หากผู้สงสัยไม่ลงมือปฏิบัติ จะหาคำตอบจากคนอื่นได้อย่างไร เหมือนถ้าเราอยากรู้ว่ามะนาวเปรี้ยวแค่ไหน  อีกคนตอบว่า เปรี้ยวมาก  เราก็แค่เชื่อตามเขามาอีกที  เราไม่มีทางที่จะรู้จักความเปรี้ยวที่แท้จริงของมะนาว  ต่อให้มีคนหรือศาสนา หรือลัทธิใดเอาปืนมาจ่อหัวให้เชื่อว่ามะนาวเปรี้ยวมาก  ถึงเราอาจจะเชื่อ หรือจำเป็นต้องเชื่อ แต่เราไม่สามารถประจักษ์ว่ามะนาวเปรี้ยวอย่างไร แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 23:54:45 จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 23:52:43

ความคิดเห็นที่ 12 Detente แสดงความเห็นได้เร่าร้อนน่าดูเชียว จะเปรียบพันทิบก็เหมือน สภากาแฟ เจอกันทักทายกัน แสดงความเป็นมิตร แต่ดูแล้วหลายกระทู้น่าจะมาตามหาศัตรูมากกว่า  เพราะเห็นหลายๆกระทู้มักจะเรียกร้องให้คนนั้น คนนี้ทำตามที่ตัวเองต้องการ ให้คนนั้นใช้ภาษาแบบนั้น เพราะตนประสบการณ์น้อยความรู้ไม่มีบ้างหละ กระแนะกระแหน พระสงฆ์บ้าง แทนที่ตนเองจะไปเรียนรู้ภาษาปริยัติให้เข้าใจแตกฉาน กลับให้คนอื่นเขาใช้ภาษาตามพื้นความรู้เฉพาะตน   ที่ถามไปก็อยากทราบว่ามีพื้นฐานมามากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าไม่มีพื้นฐานการปฏิบัติอะไรมาเลย มันก็จะขาดองค์ความรู้ที่จะคุยกัน ลึกซึ้งนั่นเองครับ แต่ถ้าเคยปฏิบัติมา มีประสบการณ์แล้ว ก็พูดคุยยกตัวอย่าง ก็จะเปลี่ยนไปครับ ที่ถามก็เพราะอยากจะเชิญชวนไปหัดทำสมาธิเพื่อขัดเกลากิเลสออกบ้าง ถ้าทำได้ดี รับรองจะไม่มีความคิดเห็นแบบเดิมๆออกมาแน่นอน เชื่อสิ ไปลองหัดทำ ความไม่รู้หลายๆเรื่องจะลดน้อยลง จะไม่มีคำถามซ้ำๆ  ดีกว่ามาถามหาให้คนมาย่อยความรู้ให้ สู้ปฏิบัติเอง กิเลสมันลดลงชัดเจน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 00:05:33 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 23:59:48

ความคิดเห็นที่ 13 ความจริงคนที่คิดอย่างนี้น่าจะลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดีที่สุดเมื่อทำได้และอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์บางทีอาจจะได้รับเมตตาบ้าง แต่ส่วนใหญ่คนที่ยึดมั่นถือมั่นอย่างนี้ พอไปเจอสิ่งที่อัศจรรย์ก็มักจะยึดมั่นแนวทางนี้(ถ้าทำได้บ้างนะ) มันว่าตามกำลังของมานะ...ดร.หลายคนก็เป็นกัน....แม้กระทั่งเจอหลอกก็มีในกรณีเขลา แต่ส่วนหนึ่งก็เจอของจริงถ้าเป็นดร.ที่ฉลาด(ก็มาจากประสบการณ์นะครับ ดู ๆ แล้วก็วิเคราะห์เอาเอง อย่าถือสากัน) แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 00:05:33 จากคุณ : ไฟไฟ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 00:04:02

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องที่เป็นอจินไตย  เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะบุคคล(เป็นปัจจัตตัง)  นั่งเถียงกันไป 100 วัน 1000 ปี ก็ไม่ได้คำตอบที่คนถามต้องการหรอกครับ  เผลอ ๆ อาจเป็นกระทู้ชวนทะเลาะวิวาทกันไปเปล่า ๆ จากคุณ : Sirtraderlot เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 01:23:07

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นพูดถึง "เกรียน"   เอาจากห้องหว้ากอมาให้ดูค่ะ  :-) http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11337326/X11337326.html 13 วิธี สู่การเป็นเกรียนหรือติ่งในเว็บอย่างประสบความสำเร็จ 1 จงล่อเป้า 2 จงอย่ารู้จักกาลเทศะ 3 อย่าพึ่งพาความรู้ อย่าสนถึงเหตุผล 4 จงเหมารวม 5 จงให้เคสเฉพาะเป็นตัวแทนของทุกสิ่ง 6 จงคิดว่าโลกนี้มีแค่สีขาวกับดำ 7 จงเล่นเกมจับผิดคำ 8 จงอย่าตอบในสิ่งที่ตอบไม่ได้ แต่จงตอบในสิ่งที่ตอบได้ 9 จงไม่ตอบให้เหมือนกับตอบ 10 จงอย่าจนมุม ให้หาเรื่องใหม่มาพูดต่อ 11 จงอย่าหมดมุก เรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายเอามาใช้ได้ 12 จงอย่าให้พวกน้อยหรือมากได้เปรียบ แต่จงให้ฝ่ายที่เราอยู่ได้เปรียบ 13 จงแพ้แบบผู้ชนะ ใครเข้าข่าย 13 ข้อนี้ ก็ดูกันเองก็แล้วกัน จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 01:52:56

ความคิดเห็นที่ 16 คนตาบอดมาแต่กำเนิด  เราจะไปบอกพวกนี้ว่า  นางงามจักรวาลสวยเซ๊กซี่  คือสวยยังไง  พวกมันก็จะไม่รู้ว่าสวยยังไง   วิว ทิวทัศน์ แสงสี ต่างๆที่สวยงามของโลกมนุษย์คือสวยยังไง ... พวกที่ใจมืดบอดซื่อบื้อ ที่สติปัญญามืดบอดทางธรรมะ  ก็ทำนองเดียวกัน   ย่อมไม่รู้ว่าธรรมะลึกๆ  อะไรลึกๆทางธรรมะที่คนอื่นๆเขาเจอกันคือยังไง ความลังเลสงสัย  และมิจฉาทิฏฐิ  ย่อมครอบงำใจไปตลอด  จะเป็นแก่นตอของวัฏฏะ (วัฏฏะขาณุ) ไปนับภพชาติไม่ถ้วน จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 02:24:53

ความคิดเห็นที่ 18 ๑ มันรู้เอง ถ้าได้อย่างน้อยปฐมฌานจนคล่องตัว คำว่าหลงหรือคิดไปเองมันไม่มี ๒ ไม่แน่ใจก็ถาม แต่ตอนได้ใหม่ๆนี่จะไม่แน่ใจ เพื่อความชัวร์ก็ต้องถาม ปล.ดราม่าไปแล้ว ปล.๒ เวลาใครถามถึงนรก-สวรรค์ จะมีผู้ไม่รู้แต่มีความคิดแตกต่างมาแสดงเสมอ ก็ดูๆกันไป ที่ว่าดูๆนะ ให้ดูจิตตัวเองนะ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 07:39:59

ความคิดเห็นที่ 20 อืมค่ะ ... มันเป็นอย่างนี้นี่เอง จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:01:44

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องนามธรรม เชื่อใครเชื่อมัน ดีที่สุด จริงหรือไม่  ไม่สำคัญเท่าคำสอน ในโลกนี้ไม่มีอะไรจริง ทุกอย่างเป็นตามกฏของไตรลักษณ์ ตายแล้วทุกคนก็จากโลกนี้ไป......เถียงกันต่อให้ชาติใหนก็ไม่จบ.......น้ำตาลว่าหวาน บอกคนไม่เคยกิน ย่อมไม่รู้ว่ารสหวานเป็นอย่างไร คนที่กินก็บอกไม่ได้ ต้องชิมเอง.......นั่นคือ ปฏิบัติเอง รู้เอง อ้อ......วิธีตรวจดูภาพที่เห็นในสมาธิ ง่ายนิดเดียว (จำเขามาเล่านะ) ลองดู   เมื่อเห็นภาพอะไร ไม่ว่านรกหรือสวรรค์ ให้ภาวนา.....ชินนะปัญจะระ ๆ  ๆ  ๆ  ๆ  ไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นของไม่จริง หรือเป็นภาพที่มารฉายภาพ หลอกเราให้ดีใจ คิดว่าสำเร็จแล้ว หลงดีใจนานไปอาจเพี้ยน ภาพนั้นจะหายไป   แต่ถ้าสิ่งที่เห็นเป็นของจริง ภาพนั้นจะยิ่งชัดขึ้น ๆ ๆ เพราะเกิดจากสายใยกรรมในอดีต หรือถ้าเป็นภาพที่ เทพบุตรมารแสดง เขาจะบอกเองว่า เขามาทดสอบว่า มีความแน่วแน่ขนาดใหน น่าลองดูนะ  ได้ผลอย่างไรบอกกันบ้าง  เพราะใหนๆก็ไม่มีทางอื่นอยู่แล้ว จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:46:10

ความคิดเห็นที่ 23 สมัยนี้ยังมาสงสัยในเรื่องเหลือเชื่อแบบโบราณอีกหรือครับคุณขจกท. นรกสวรรค์นี่ผมว่ามันโบารณไปแล้วนะทำไมคุณไม่ตั้งข้อสงสัยเรื่องกาลอวกาศ ที่บิดงอได้จนคนเราอาจเดินทางข้ามกาลเวลาได้ตามความเข้าใจ ของนักวิทยาศาสตร์ที่หลายคนได้รับรางวัลโนเบล ผมขอยกตัวอย่างเรื่องที่ยอดคนสมัยนี้เขาเชื่อเรื่องการย่นระยะทางผ่านรูหนอน แม้ตอนนี้เรายังไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพอสร้างรูหนอนได้ แต่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็เชื่อว่าน่าจะมีรูหนอน ที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่เรายังค้นหาไม่เจอ การไปสวรรค์ถอดกายทิพย์อย่างผมนี่เจอแบบบังเอิญแบบธรรมชาติ สมัยก่อนนี้ผมจะถอดได้เดือนละสองครั้งคือพอตื่นมากลางดึก พบว่าร่างกายตัวเองจะมีอาการสั่นมาจากภายใน สักอึดใจหนึ่งก็พบว่าตนเองลอยหัวไปติดเพดานเห็นกายหยาบนอนอยู่ข้างล่าง ถามว่าปรากฏการณ์แบบนี้จะให้ผมเดินไปหาน้องกระแตได้ไหม ขอตอบว่าไม่ง่ายแม้เราจะมีสติเต็มร้อยเปอร์เซนต์ผมทำได้อย่างเก่ง ก็แค่เดินอยู่ภายในห้องและพยายามไม่ให้ตนเองจมไปในความฝัน หรือตื่นขึ้นมาก็เป็นเรื่องยากมากแล้วแต่คุณมาตั้งโจทย์ ให้ผมไปทายไพ่ของคุณถ้าผมควบคุมสถานะการณ์ได้ถึงเพียงนั้น ผมไปเล่นทายไพ่กับน้องกระแตไม่เพลินกว่าหรือ เรื่องไปสวรรค์ก็เคยไปแต่มีผู้พาไปนะเพราะไปเองไม่ถูก แต่นั่นแหล่ะถ้าเลือกได้ก็ขอไปบ้านน้องกระแตน่าสนใจกว่า จากคุณ : คนกรุงธน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 09:56:53

ความคิดเห็นที่ 24 นรกภูมิ เทวภูมิ เป็นเรื่องคลาสสิค ที่ถามกันมากว่า 2554 ปีแล้ว และ ถ้าถามสมัยนี้คำตอบที่ได้รับก็คือ ทำให้มากเดี๋ยวก็รู้ ตายไปเดี๋ยวก็รู้ ตอบทั้งที่คนตอบเองบางทีก็ยังไม่เห้นจริงๆก็มี  ฟังดูอ่านดูก็สนุกดี คำถามนี้มีมาครั้งพุทธกาลแล้ว และจะยังมีอยู่ต่อไปเรื่อยๆๆๆๆ เเละเรื่อยๆจนสิ้นพุทธกาล แต่นรกสวรรค์ในใจเนี่ย มีแน่ๆ เจอกันทุกคนทุกวัน แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 12:08:18 จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:56:15

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 23 ขอตอบในประเด็นวิทยาศาสตร์นิดนึง เรื่องรูหนอน ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์สาขาใดยอมรับครับ มีแต่ในนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์เท่านั่้น ส่วนเรื่องกาลอวกาศว่วความเร็วมีผลทำให้เวลาเดินช้าลง มีการทดลองแล้วครับ หลังจากไอสไตน์ตาย โดยเอานาฬิกาความละเอียดสูงไปไว้บนเครื่องบิน เทียบกับบนพื้น เวลาจะเดินต่างกันเล็กน้อย เสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยววินาที ซึ่งแน่นอนว่าการทดลองนี้ต้องลองหลายครั้ง และตรวจสอบเครื่องมือจนได้ผลเป็นที่แน่ชัดแล้ว ส่วนเรื่องถอดจิตถ้าคุณรู้จักผู้ที่ถอดจิตเก่งขนาดพาคุณไปสวรรค์ได้ คนนั้นน่าจะทายไพ่ในมือคุณได้ไม่ยากนี่ครับ อ้อ ที่สำคัญ คุณรู้ได้ไงว่าผมไม่เคยสงสัยเรื่องกาลอวกาศ รูหนอน เดินทางข้ามเวลา ฯลฯ  ผมสงสัยเรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่สงสัยอีกเรื่องนึง มันคนละประเด็นกันครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 14:13:20 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 13:56:05

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 25     ความคิดเห็นที่ 23 ขอตอบในประเด็นวิทยาศาสตร์นิดนึง เรื่องรูหนอน ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์สาขาใดยอมรับครับ มีแต่ในนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์เท่านั่้น ส่วนเรื่องกาลอวกาศว่วความเร็วมีผลทำให้เวลาเดินช้าลง มีการทดลองแล้วครับ หลังจากไอสไตน์ตาย โดยเอานาฬิกาความละเอียดสูงไปไว้บนเครื่องบิน เทียบกับบนพื้น เวลาจะเดินต่างกันเล็กน้อย เสี้ยวของเสี้ยวของเสี้ยววินาที ซึ่งแน่นอนว่าการทดลองนี้ต้องลองหลายครั้ง และตรวจสอบเครื่องมือจนได้ผลเป็นที่แน่ชัดแล้ว ส่วนเรื่องถอดจิตถ้าคุณรู้จักผู้ที่ถอดจิตเก่งขนาดพาคุณไปสวรรค์ได้ คนนั้นน่าจะทายไพ่ในมือคุณได้ไม่ยากนี่ครับ อ้อ ที่สำคัญ คุณรู้ได้ไงว่าผมไม่เคยสงสัยเรื่องกาลอวกาศ รูหนอน เดินทางข้ามเวลา ฯลฯ  ผมสงสัยเรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่สงสัยอีกเรื่องนึง มันคนละประเด็นกันครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 14:13:20 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา   คุณจขกท.ลองอ่านงานเขียนของสตีเฟน ฮอร์กิงนักวิทยาศาสตร์ลางโนเบลดูบ้างนะครับเช่นเรื่อง a brief history of timeและเรื่องกาลเวลาในลูกนัทดูบ้างหรือลองดูรายกาลของช่องทีวีไทยดูแล้วคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดมาหรือลองเข้าไปเสริชในกูเกิลดูนะครับคุณจะพบว่าพวกเขาเชื่อมั่นและได้ลงทุนค้นหากันอย่างจริงจัง ผมพยายามบอกคุณว่าสิ่งที่ผมพบมามันมีสภาวะเช่นนั้นจริง แต่ผมก็เจอกับสถานะการณ์ที่ควบคุมได้ยาก ผมไม่ใช่ผู้เชียวชาญขนาดกำหนดจิตได้ดังใจปรารถนา แต่ก็มีประสบการณ์มาบ้างผู้ที่พาผมไปสวรรค์ ก็คือผู้ที่มีกายโปร่งใสไม่ใช่ยักษ์ในตะเกียง ที่ผมจะไปขัดตะเกียงเรียกมาใช้งานได้ตลอดเวลา จากคุณ : คนกรุงธน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 15:54:25

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ ^ คุณก็ยกประโยคมาสิครับว่าอยู่ตรงไหน หรือไม่ก็ลิงก์ ผมจะได้อ่านและวิเคราะห์ได้ถูก ถ้างั้นผมแนะนำบ้าง คุณลองไปหาหนังสือเรื่อง "ไอสไตน์ หลุมดำ และ บิ๊กแบง" อ่านดูจะได้เข้าใจที่ผมพูดเหมือนกัน หรือไม่ก็ลองเข้าไปเสริชหาในกูเกิลดูนะครับว่า สิ่งเหล่่านั้นทำไมจึงยังไม่ได้รับการยอมรับ ผมไม่ไดให้คุณไปเรียกใช้เค้า แต่ก่อนคุณจะเชื่อเค้า แต่ผมกำลังถามคุณว่า "เค้าน่าจะทายไพ่ในมือคุณได้ไม่ยาก จริงหรือไม่" หรือคุณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าสามารถทายไพ่ได้หรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 16:06:15 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 16:04:13

ความคิดเห็นที่ 28 ณ  ที่นี้  ต้องขอขอบคุณ  ผู้หวังดี  และเข้าใจดีในเรื่องการ  "ไม่ละเมิดความเห็นผู้อื่น" แบบอันธพาลในห้องศาสนา.............และเพราะข้าพเจ้าโดนรังแก  จากคนจำพวกนี้......  ก่อน ขอขอบคุณท่านที่ยกข้อความดีๆ  มาขับไล่คนพวกนี้ให้พ้นจากห้องศาสนา 1. ความเห็นที่  14 ....  " เกรียนจงออกไป  "  ของท่าน  sirtraderlot 2. ความเห็นที่  15  และ 21....ว่าด้วยเรื่องของพวก  เกรียนที่เข้ามาอาละวาดในห้องศาสนา  และ  " ตบเกรียนแตก " ของคุณ   smiling - girl ขอขอบคุณ  ที่ท่านทั้งสองเข้าใจความถูกต้องเป็นอย่างดี  ว่า   ไม่ควรรบกวน  หรือรุกรานความเห็นของผู้อื่น ...........แต่ไม่ต้องถึงกับต้องขับไล่เขาออกไปจากสังคมพันทิพก็ได้  เอาแค่ขอร้องกันดี ๆ  เขาก็น่าจะเข้าใจ...................  ดังนี้ "..........จงอย่าเป็นอันธพาลในเนต....ต่างคนต่างเล่นกันไป...." ขอขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่ง  สำหรับผู้ให้ความเห็นที่มีเหตุผลในห้องศาสนา  ( โดยเฉพาะพุทธ ) จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 18:55:47

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 27     ^ ^ ^ ผมไม่ไดให้คุณไปเรียกใช้เค้า แต่ก่อนคุณจะเชื่อเค้า แต่ผมกำลังถามคุณว่า "เค้าน่าจะทายไพ่ในมือคุณได้ไม่ยาก จริงหรือไม่" หรือคุณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าสามารถทายไพ่ได้หรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 16:06:15 จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา   เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 16:04:13     ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ใครๆจะไม่ยอมเชื่อในเรื่อง ที่ตนขาดประสบการณ์ในเรื่องนั้นและหลายคนที่มีประสบการณ์ ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้คนอื่นเข้าใจได้ แต่ถึงกระนั้นก็อยากบอกว่ายินดีที่ได้แสดงความเห็นแบบสะเปสะปะให้คุณฟัง คงไม่ว่ากันนะครับ แล้วค่อยสนทนากันใหม่ครับ เออ..ล็อกอินของคุณไม่ค่อยคุ้นเลยนะครับ จากคุณ : คนกรุงธน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 20:37:12

ความคิดเห็นที่ 30 ปกติผมจะอยู่ห้องหว้ากอน่ะครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เชื่อโดยไม่สงสัย แต่หลังๆเริ่มคิดว่ามันไม่ถูกที่จะเชื่อก่อนที่จะพิสูจน์ เนื่องจากได้เข้าใจเรื่องกาลามสูทรมากขึ้น จึงทำให้ผมไม่เชื่อ และไม่ปฏิเสธสิ่งใดๆ แต่จะหาข้อมูลสงสัย พิสูจน์ และคิดก่อนที่จะปักใจเชื่อสิ่งต่างๆ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 21:45:03

ความคิดเห็นที่ 34 จากคำถามหัวกระทู้ ... ถึงได้คำตอบ เราจะรู้ได้ยังไง ว่าคำตอบต่างๆนั้นจริง จะเอาอะไรเป็นเกณฑ์วัดว่าคำตอบนั้นถูกต้อง ไม่ใช่จินตนาการไปเอง   ถ้าคุณอยากรู้ว่าพระเกจิท่านรู้เห็นได้ยังไง   แล้วมาตั้งคำถามเอาในที่ที่พระเกจิไม่น่าจะอยู่เพื่อตอบได้ เช่นตามเว็ปสาธารณะ คุณไม่รู้สึกเอะใจกับการตั้งคำถามผิดที่ไปหน่อยรึครับ การสงสัยและไม่เชื่ออะไรง่ายๆก็เป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีค้นหาข้อมูลเพื่อตอบข้อสงสัย นั้นดูเหมือนจะเอาง่ายเข้าว่าไปนิดนึง  ขออภัยที่กล่าวตรงๆ จากคุณ : subyaey (subyaey) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 01:00:23

ความคิดเห็นที่ 35 ขอปรึกษา ท่านเจ้าของกระทู้นิดหนึ่ง... ผมได้ตอบกระทู้นี้ ในห้องหว้ากอแล้วนะ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า มาดูอีกวันหนึ่ง กระทู้หายไปแล้ว....ตกลงยังไงหรือครับ?                                      ............................................... ปกติ ผมก็อยู่ห้องหว้ากอนะ และชอบอ่านกระทู้ที่นั่น มากกว่า ที่ห้องศาสนา .....แต่มาร่วมกิจกรรม แบบแสดงความเห็น ถาม-ตอบกระทู้ ห้องศาสนา มากกว่าห้องหว้ากอ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 06:29:53

ความคิดเห็นที่ 36 ขอเสริมนิดนึงครับ การปฏิบัติพระกรรมฐานให้เห็นเห็นนรก สวรรค์ ไม่ได้ทำเพื่อความโก้เก๋ หลวงพ่อฤาษีท่านเมตตาย้ำไว้เสมอว่า เมื่อเห็นแล้วให้ใช้วิปัสสนาควบคู่ไปด้วย คือเห็นแล้วเกิดความเบื่อหน่าย ในการเวียนว่ายตายเกิด ให้เข้าใจว่านรก โลกมนุษย์ มีแต่ทุขเวทนา สวรรค์ พรหม สุขแค่ชั่วคราว เมื่อหมดบุญก็ต้องไปใช้กรรมต่อ เมื่อเห็นความจริงอย่างนี้ก็ให้ยอมรับนับถือกฎธรรมดา มุ่งหน้าเข้าสู่นิพพานครับ ดังนั้นผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่บางท่านหาว่าเรื่องนรก สวรรค์ ไม่ใช่ทางดับทุกข์ครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 54 10:34:00 จากคุณ : SatoshiRenzz เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 10:33:38

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 35 หมายความว่่ามันโดนย้ายไงครับ ลองไปหาดูในกระทู้นอกเรื่องครับ จากคุณ : ผมไม่ใช่คนดี แต่เป็นคนธรรมดา เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 54 12:58:00

ความคิดเห็นที่ 38 ครูบาอาจารย์ท่านก็เอาเรืื่องปัจจัตตัง มาเล่าเสมอๆ ก็เพื่อนให้นักปฏิบัติ ฉลาด ในการรู้สิ่งที่เป็น ปัจจัตตังนั่นแหละ ใครมัวแต่คัดค้าน ไม่เรียนรู้ไม่ศึกษา มัวแต่อ่านตำราอย่างเดียว แล้วเมื่อไหร่ชาตินี้ จะก้าวหน้าการปฏิบัติเสียที จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 54 12:23:31